แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Amadeus (1984):Theophilus ,"Gottlieb". ,Amadeus translate"beloved of God" or "God-lover"

Amadeus ใช้เล่นละครเวทีครั้งแรก ปี 1979โดย Peter Shafferเกี่ยวกะชีวิตหลวมๆของผู้ประพันธ์เพลง, Wolfgang Amadeus Mozart กะโมสาส และ Antonio Salieriอานโตนิโอ ซาลิเอรี ที่นำมาเล่นละครสั้นๆๆ
ในหลายๆ บทละคร Shaffer's ชาวอังกฤษ ที่เคยเอามาเป็นภาพยนต์ได้แก่ Five Finger Exercise (1962), The Royal Hunt of the Sun (1969), Equus (1977), and Amadeus (1984), which won eight Academy Awards including Best Picture.



Amadeus และเป็นบทประพันธ์ของ Aleksandr Pushkin นักประพันธ์ บทกวีนวนิยาย ชาวรัสเซีย ในปี1830 ใช้ชื่อว่า Motsart i Salyeri (Моцарт и Сальери); English translation: Mozart and Salieri

หลังจากนั้น กะมาเป็นโอเปร่าโดย Nikolay Rimsky-Korsakov ชาวรัสเซีย และกะมาเป็ฯภาพยนต์ กะคือ Amadeus ปี 1984

ชื่อหนังเรื่อง Amadeus ภาษาลาติน กะคือชื่อกลางของโมสาสที่ใช้เป็นนามปากกา และชื่อเต็มของโมสาสกะตอนรับศีลล้างบาปมีชื่อนักบุณนำหน้าอะ Johannes Chrysostomus Wolfgangus Theophilus Mozart

พ่อของเค้าประกาศต่อหน้าสาธาณะชนตอนโมสาสเกิดรับศีลล้างบาป "...the boy is called Joannes Chrisostomus, Wolfgang, Gottlieb", in German: "der Bub heißt Joannes Chrisostomus, Wolfgang, Gottlieb" (sic) - "Gottlieb" being yet another translation (German) of "Theophilus".

"Theophilus" มาจากภาษากรีก
"Gottlieb". เยอรมัน All three names translate to "beloved of God" or "God-lover"

กะ Theophilus ,"Gottlieb". ,Amadeus แปลว่า ผู้เป็นที่รักของพระเจ้า



จากนี้ไปShaffer's เลือกชื่อเรื่องละครของเค้าที่ใช้แสดงว่า Amadeus ที่กล่าวถึง ความสัมพันธ์ของSalieri's กับพระเจ้า และความตะหนักรู้พรสวรรค์ของโมสาส และเป็นสัญญาลักษณ์ของควาเมตตาของพระเจ้า

ในหนังเล่นเพลงของโมสาส ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะต้องการ ให้เห็นความเป็นตัวตนโมสาส ไม่ใช่เพลงที่รู้จักขึ้นมา ใช่เลย เพลงนี้ เพลงนี้ ของโมสาส และเล่นเพลงของ ซาลิเยรี่ เล็กน้อย



Antonio Salieriอานโตนิโอ ซาลิเอรี และ Wolfgang Amadeus Mozart กะโมสาส

Final scene of Don Giovanni from Amadeus ปมที่มาแห่งบทเพลงเรควีเอ็ม (requiem)



ประเด็นของหนัง โมสาสเค้ามีความรู้สึกว่า ถ้าเค้าเขียนบทเพลงrequiem บทเพลงแห่งความตายใช้ในพิธีงานศพ จบ เค้าจะสิ้นชีวิตทันที
.............และมีคนให้ค่าจ้างเค้าเขียน โดยใช้ปมมาจากบิดาของโมสาสที่ตาย



เรควีเอ็ม (requiem) เป็นบทเพลงศาสนาที่ใช้ในพิธีศพ ซึ่งจะประพันธ์โดยใช้วงออเครสตรา กับนักร้องเดี่ยว และวงร้องประสานเสียง เนื้อร้องที่ใช้จะเกี่ยวข้องกับความตาย บทเพลงที่มีความสำคัญ ได้แก่ เรควีเอ็มของโมสาร์ท และบราห์ม โมสาร์ทได้แต่งบทเพลงนี้เป็นบทสุดท้ายในชีวิตของเขาโดยมีชายลึกลับจ้างวานให้แต่งอย่างเป็นปริศนา แต่ก็นับเป็นผลงานที่มีความโดดเด่นชิ้นหนึ่งของท่านทีเดียว ส่วนบราห์มก็ได้แต่งเพลงนี้เป็นภาษาเยอรมัน


ในหนังสื่อ ชีวิตอัฉริยะของโมสาส ที่เกิดมา ตามด้วย ความหยิ่งจองหอง ความั่นใจ ในผลงานประพันธ์เพลงของเค้า ชีวิตส่วนตัวจัดการไม่เป็นใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จบท้ายกลายเป็นคนขี้เมา ทำงานหนัก ร่างกายรับไม่ไหว และในหนังสื่อ งานของโมสาส ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกงานเสมอไป ละครโอเปร่าบางเรื่อง เล่นปาเข้าไป 4 ชั่วโมง King โยเซฟ แห่งเวียนนาทรงหาว1 ครั้งแล้ว ถือว่า ไม่ใช่ผู้ประพันธ์ที่ดี หรือบางเรื่องแสดงคนเข้ามาชม ไม่ได้เต็ม ฮอล อย่างที่เป็ฯ แต่โมสาส เป็นคนมองโลกในแง่ดี และจิตใจดี โมสาสบอกเสมอว่า ........เค้ามีความรัก



ในขณะที่ ซาลิเอรี นักประพันธ์เพลงข้าหลวงใน ออสเตรีย ถึงกะเอ่ยว่า ทำไมพระเจ้าทรงสร้างโมสาสมาด้วย เค้าเต็มไปด้วยความชื่นชมผลงานของโมสาส ทำได้อย่างไร ประพันธ์เพลงไม่แก้โน๊ตสักตัวของต้นฉบับ คือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่โมสาส และเค้ากะหันหลังให้พระเจ้า ใจหนึ่งเต็มไปด้วย ความชื่นชมในตัวโมสาส ไปแอบดูโมสาส เล่นทุกรอบ ทึ่งในความอัฉริยะของโมสาส แต่อีกใจ หนึ่งเค้าหันหลังให้พระเจ้าอย่างสูญสิ้น conflict ในตัวโมสาส หาทางขัดแข้งขัดขาโมสาส ถึงกะจ้างสาวใช้ให้ไปสอดแนมอาพาร์ตเม้นต์โมสาส รายงานความเคลื่อนไหวและกำจัดโมสาสทุกวิถีทาง



โดยโมสาสไม่รู้เลยว่า ปีศาจในคราบนักบุณ "patron saint of mediocrity." ที่ต่อหน้าดูแสนดี ที่แท้คือคนที่สังหารเค้าด้วยบทเพลง requiem บทเพลงแห่งความตายใช้ในพิธีงานศพ





บาทหลวงคุณพ่อบอก ซาลิเอรี "All men are equal in God's eyes." เราทุกๆๆคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันในสายพระเนตรของพระเจ้า เท่านั้นแหละ ซาลิเอรี สารภาพสิ่งที่เค้าทำกับโมสาสออกมากับบาทหลวงคุณพ่อ

และสิ่งที่ซาลิเอรี่สารภาพออกมาทั้งหมดบาทหลวงคุณพ่อถึงกับโศกเศร้าแทบจะร้องไห้ มันเป็นเรื่องโศกนาฎกรรมชัดชัด

ซาลิเอรี่ถึงกับบอกว่า โมสาสตายไปแล้ว แต่ชื่อเค้ายังอยู่ ทำไมทำไม ขณะที่ชาลิเอรี่ มีชีวิตอยู่ทำไมคนไม่พูดถึง

และซาลิเอรี่มีคนจูงที่เค้านั่งวิลแชร์ออกไป สถานที่เค้าอยู่คือ สถานบำบัต คนบ้า และขอให้บาทหลวงคุณพ่อที่ยังหนุ่มสวดให้เค้าด้วย



แผ่นที่ 2 เบื้องหลังการถ่ายทำ

หนังทั้งเรื่องถ่ายทำที่กรุงปราก ประเทศเชกโกสโลวาเกีย ตอนนั้นยังเป็นคอมมิวนิตย์ ความสวยงามของตึกศตวรรษที่18 ยังคงอยู่ไม่ต้องแก้ไขเลยในสถานที่ถ่ายทำ นอกจาก เอาสายไฟออกเท่านั้น

เรื่องตล๊กของกองถ่ายช่วงนั้นยังเป็นคอมมิวนิตย์กันอยู่ คนที่เล่นเป็น ซาลิเอรี่ เข้าพักที่โรงแรม มีห้องดักฟัง เพื่อนของเค้าพากันหาเครื่องดักฟังกันใหญ่อยู่ใต้พรม แกะดูดึงน๊อตออก โคมไฟล่วงลงมา

หรือ ตัวประกอบใน Hall กว่า ห้าร้อยคน ครึ่งหนึ่ง คือตำรวจลับ

มีดาราดังๆๆ ต้องการเล่นบท โมสาส และ ซาลิเอรี่แต่ผู้กำกับไม่ต้องการ เค้าต้องการดาราโนเนม เพื่อความใหม่และสด

ฉากที่ถ่ายทำ สถานบำบัดคนบ้า ที่แท้คือ ที่ตั้งของกองกำลังทหาร ระเบิดอาวุธตริม


สำหรับภาพยนต์เรื่องนี้ เราดูในแง่ของบทประพันธ์ของภาพยนต์และได้เสพดนตรี

A Tribute to Amadeus - Part 2 - Requiem บทเพลงRequiem



สำหรับเรื่องการตายของโมสาส และชีวิตความเป็นอยู่ของโมสาส นักวิชาการยังถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่าตายแล้วไปฝังศพรวมกับคนอื่น และหาศพไม่เจอจริงหรือไม่


Source ://movies.warnerbros.com/amadeus/
//movies.yahoo.com/movie/1800362940/photo/stills

Mozart de koningin van de nacht uit the magic flute amadeus
โอเปร่า Magic flute ขลุ่ยแห่งเวทมนต์




Great Scene from Mozart Movie "Amadeus" -Salieri and Bishop บทเพลงของซาลิเอรี



Amadeus - Salieri helps Mozart write his Requiem



Create Date : 10 เมษายน 2551
Last Update : 13 เมษายน 2551 12:19:43 น. 25 comments
Counter : 2500 Pageviews.

 
โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท


วอล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart) 27 มกราคม พ.ศ. 2299 - 5 ธันวาคม พ.ศ. 2334 (ค.ศ. 1756-1791) นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกชาวออสเตรียที่มีชื่อเสียง เกิดที่เมืองซัลสบูร์ก มีงานประพันธ์เพลง 700 ชิ้นรวมทั้งโอเปร่า (ดนตรีซึ่งมีเนื้อเรื่อง) ชื่อ ดอน จิโอแวนนี (Don Giovanni) และ ขลุ่ยวิเศษ (Die Zauberflöte)





ประวัติ

วัยเด็ก (ค.ศ. 1756 - ค.ศ. 1772)

โมซาร์ตเป็นบุตรของนักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน เลโอโปลด์ โมซาร์ต (ค.ศ. 1719 - ค.ศ. 1787) รองประธานโบสถ์ในความอุปถ้มภ์ของเจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งซัลสบูร์ก (Salzbourg) กับแอนนา มาเรีย เพิร์ต (Anna Maria Pert) (ค.ศ. 1720 - ค.ศ. 1778) วอล์ฟกัง อมาเด (ที่ไม่เคยถูกเรียกว่า อมาเดอุส ตลอดช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่แม้กระทั่งในรายการบันทึกของพิธีศีลจุ่ม) ได้แสดงได้เห็นอัจฉริยภาพทางดนตรีก่อนวัยอันควรตั้งแต่อายุสามขวบ เขามีหูที่ยอดเยี่ยมและความจำที่แม่นยำความสามารถพิเศษยิ่งยวดทำให้เป็นที่น่าฉงนแก่ผู้คนรอบข้าง และเป็นแรงกระตุ้นให้บิดาของเขาให้สอนฮาร์ปซิคอร์ดแก่เขาตั้งแต่อายุห้าขวบ โมซาร์ตน้อยเรียนไวโอลินและออร์แกนเป็นเครื่องดนตรีชิ้นต่อมา ตามด้วยวิชาเรียบเรียงเสียงประสาน เขารู้จักการแกะโน้ตจากบทเพลงที่ได้ยินและเล่นทวนได้อย่างถูกต้องตั้งแต่วัยยังไม่รู้จักอ่านเขียนและนับเลข เมื่ออายุหกขวบ (ค.ศ. 1762) เขาก็แต่งเพลงชิ้นแรกได้แล้ว (เมนูเอ็ต KV.2, 4 และ 5 และ อัลเลโกร KV.3)

ระหว่าง ค.ศ. 1762 ถึง ค.ศ. 1766 เขาได้เดินทางออกตระเวนแสดงคอนเสิร์ตกับบิดา (ที่เป็นลูกจ้างของเจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งแชรตเตนบาค (Schrattenbach) และมาเรีย-อานนา พี่สาวคนโต (มีชื่อเล่นว่า "แนนเนิร์น" เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1751) พวกเขาเปิดการแสดงในนครมิวนิคเป็นแห่งแรก ตามมาด้วยกรุงเวียนนา ก่อนที่จะออกเดินสายครั้งใหญ่ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งเริ่มตั้งแต่ มิวนิค ออกสบูร์ก มันน์ไฮม์ แฟรงค์เฟิร์ต บรัสเซล ปารีส ลอนดอน เฮก อัมสเตอดัม ดิจง ลียง เจนีวา โลซาน) การแสดงของเขาประทับใจผู้ชมเป็นอย่างมาก และยังทำให้เขาได้พบกับแนวดนตรีใหม่ๆอีกด้วย เขาได้พบกับนักดนตรีสามคนที่ต้องจดจำเขาไปตลอดชีวิต อันได้โยฮัน โชเบิร์ต ที่กรุงปารีส โยฮันน์ คริสเตียน บราค (บุตรชายคนรองของ โยฮันน์ เซบาสเทียน บราค) ที่กรุงลอนดอน และเบอร์นัว แมร์ล็องผู้ซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก ที่เมืองปาดู แมร์ล็องนี่เองที่ทำให้โมซาร์ทได้ค้นพบ เปียโนฟอร์ท ที่ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ต้นคริสตศตวรรษที่ 18 และโอเปร่าในแบบของชาวอิตาเลียน แมร์ล็องยังได้สอนให้เขาแต่งซิมโฟนีอีกด้วย

เมื่อปี ค.ศ. 1767โมซาร์ทได้ประพันธ์โอเปร่าเรื่องแรกตั้งแต่อายุได้ 11 ปี ชื่อเรื่อง อพอลโล กับ ไฮยาซิน (K.38) เป็นบันเทิงคดีภาษาละตินที่แต่งให้เปิดแสดงโดยคณะนักเรียนของโรงเรียนมัธยมที่ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยแห่งเมืองซัลสบูร์ก เมื่อเขาเดินทางกลับถึงประเทศออสเตรีย เขาได้เดินทางไปยังกรุงเวียนนาบ่อยครั้ง และได้แต่งโอเปร่าสองเรื่องแรก ได้แก่ นายบาสเตียน กับ นางบาสเตียน และ ลา ฟินตา ซ็อมปลิซ ตลอดช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1768 เมื่อมีอายุได้ 12 ปี ในปีถัดมา เขาได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าชายอาร์คบิชอปให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการคอนเสิร์ต บิดาของเขาได้ขอลาพักงานโดยไม่รับเงินเดือนเพื่อพาเขาไปท่องเที่ยวที่ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1769 ถึง ค.ศ. 1773 โมซาร์ทได้เดินทางไปประเทศอิตาลีหลายครั้งเพื่อไปศึกษาเกี่ยวกับโอเปร่า อันเป็นรูปแบบดนตรีที่เขาใช้ประพันธ์ การแต่งงานของฟิกาโร (Les Noces de Figaro) ดอนจิโอแวนนี โคสิ แฟน ตุตเต้ ขลุ่ยวิเศษ (Die Zauberflöte) ฯลฯ) เขาสามารถนำเสียงดนตรีอันสูงส่งเหล่านี้ออกมาสู่โลกได้ จากใส่ใจในความกลมกลืนของเสียงร้อง และ ความสามารถในการควบคุมเสียงอันเกิดจากเครื่องดนตรีหลากชิ้น

โชคไม่ดีที่ ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1771 เจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งแชรตเตนบาคได้สิ้นชีพิตักษัย เจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งโคลโลเรโดได้กลายมาเป็นนายจ้างคนใหม่ของเขา


[แก้] รับใช้เจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งโคลโลเรโด (ค.ศ. 1773 - ค.ศ. 1781)

โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ทโมซาร์ทไม่มีความสุขที่บ้านเกิดของเขา เนื่องจากนายจ้างใหม่ไม่ชอบให้เขาออกไปเดินทางท่องเที่ยว และยังบังคับรูปแบบทางดนตรีที่เขาได้ประพันธ์ให้กับพิธีทางศาสนา เมื่อมีอายุได้ 17 ปี เขาไม่ยินดีที่จะยอมรับข้อบังคับนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาร์คบิชอปเสื่อมถอยลงในอีกสามปีต่อมา โชคดีที่เขาได้รู้จักกับ โยเซฟ เฮย์เด้นซึ่งก็ได้มาเป็นเพื่อนโต้ตอบทางจดหมายและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

"ข้าต้องการพูดต่อหน้าพระเจ้า ในฐานะชายผู้ซื่อสัตย์ บุตรชายของท่านเป็นคีตกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือรู้จักเพียงในนาม เขามีรสนิยม และนอกเหนือจากนั้น เป็นศาสตร์ทางการประพันธ์ดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"
ในจดหมายที่ โยเซฟ เฮย์เด้น เขียนถึง เลโอโปลด์ โมซาร์ท



"มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักเคล็ดลับที่จะทำให้ข้าหัวเราะ และสัมผัสจิตวิญญาณส่วนที่อยู่ลึกสุดของข้าเอง"
วอล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ต กล่าวถึงโยเซฟ เฮย์เด้น

ในปีค.ศ. 1776 โมซาร์ตมีอายุได้ 20 ปี และได้ตัดสินใจเิดินทางออกจากเมืองซัลสบูร์ก อย่างไรก็ดี เจ้าชายอาร์คบิชอป ได้ปฏิเสธไม่ให้บิดาของเขาไปด้วย และบังคับให้เขาลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการคอนเสิร์ต หลังจากการเตรียมการเป็นเวลาหนึ่งปี โมซาร์ตได้จากไปพร้อมกับมารดา โดยเดินทางไปยังนครมิวนิคเป็นแห่งแรก ที่ซึ่งเขาหาตำแหน่งงานไม่ได้ จากนั้นจึงไปที่เมืองออกสบูร์ก และท้ายสุดที่มันน์ไฮม์ ที่ซึ่งเขาได้ทำความรู้จักกับนักดนตรีมากมาย อย่างไรก็ดี แผนการที่จะหาตำแหน่งงานของเขาไม่เป็นผลสำเร็จ ในระหว่างนั้นเองที่เขาได้ตกหลุมรักอลอยเซีย วีเบอร์ นักเต้นระบำแคนตาตาสาวอย่างหัวปักหัวปำ ที่ทำให้บิดาของเขาโกรธมาก และขอให้เขาอย่าลืมอาชีพนักดนตรี โมซาร์ตมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาเริ่มเข้าใจว่าจะต้องออกหางานทำต่อไปและออกเดินทางไปยังกรุงปารีสในเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 1778


โดย: Bernadette วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:22:52:10 น.  

 

Wolfgang Amadeus Mozart Baptist record

เป็นอิสระที่กรุงเวียนนา (ค.ศ. 1782-ค.ศ. 1791)

วอล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ต ค.ศ. 1777ในปีค.ศ. 1781โมซาร์ตเดินทางไปยังกรุงเวียนนากับเจ้าชายอาร์คบิชอปแห่งโคลโลเรโด ผู้ได้เลิกจ้างโมซาร์ตที่เวียนนา โมซาร์ตจึงตั้งรากฐานอยู่ที่เวียนนาเมื่อเห็นว่าชนชั้นสูงเริ่มชอบใจในตัวเขา และในปีเดียวกันนั้น โมซาร์ตได้แต่งงานกับคอนสแตนซ์ วีเบอร์ โดยที่บิดาของโมซาร์ตไม่เห็นด้วยกับงานวิวาห์นี้ โมซาร์ตและคอนสแตนซ์มีลูกด้วยกันถึงหกคน ซึ่งเพียง 2 คนรอดพ้นวัยเด็ก

ปีค.ศ. 1782เป็นปีที่ดีสำหรับโมซาร์ต โอเปร่าเรื่อง Die Entführung aus dem Serail ประสบความสำเร็จอย่างมาก และโมซาร์ตก็ได้แสดงคอนเสิร์ตชุดที่เขาเล่นในเปียโนคอนแซร์โตของเขาเอง

ระหว่างปีค.ศ. 1782 - ค.ศ. 1783 โมซาร์ตได้รับอิทธิพลจากผลงานของบราค และแฮนเดลผ่านบารอนก็อตตเฟร็ด วอน สวีเทน(Baron Gottfried van Swieten) แนวเพลงของโมซาร์ทจึงได้รับอิทธิพลจากยุคบารอคตั้งแต่นั้นมา อย่างที่เห็นได้ชัดในท่อนฟิวก์ของ ขลุ่ยวิเศษ และซิมโฟนี หมายเลข 41

ในช่วงนี้เองโมซาร์ตได้มารู้จักและสนิทสนมกับโยเซฟ เฮเด้น โดยทั้งสองมักจะเล่นในวงควอเตทด้วยกัน และโมซาร์ตก็ยังเขียนควอเตทถึงหกชิ้นให้เฮเด้น เฮเด้นเองก็ทึ่งในความสามารถของโมซาร์ท และเมื่อได้พบกับลีโอโปล์ด พ่อของโมซาร์ต ได้กล่าวกับเขาว่า "ต่อหน้าพระเจ้าและในฐานะคนที่ซื่อสัตย์ ลูกของท่านเป็นนักประพันธ์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยได้พบหรือได้ยิน เขามีรสนิยม และมากกว่านั้น เขามีความรู้เรื่องการประพันธ์" เมื่อโมซาร์ตอายุมากขึ้น เขาก็ได้รับอิทธิพลจากนักปราชญ์แห่งศตวรรษที่ 18 และเป็นฟรีเมสันที่อยู่ในสาขาโรมัน คาทอลิค โอเปร่าสุดท้ายของโมซาร์ตแสดงถึงอิทธิพลฟรีเมสันนี้

ชีวิตของโมซาร์ตมักพบกับปัญหาทางการเงินและโรคภัยไข้เจ็บ โมซาร์ตย่อมไม่ได้รับค่าจ้างสำหรับงานของเขา และเงินที่เขาได้รับนั้นก็ถูกผลาญด้วยวิถีชีวิตที่หรูหราอลังการ

โมซาร์ตใช้ชีวิตในช่วงปีค.ศ. 1786 ที่กรุงเวียนนาในอพาร์ตเมนท์ที่จนถึงวันนี้ยังสามารถเข้าชมได้ที่ดอมกาส 5 (Domgasse 5)หลังโบสถ์เซนต์สตีเฟน (St. Stephen's Cathedral) โมซาร์ตประพันธ์ Le nozze di Figaro และ Don Giovanni ณ ที่แห่งนี้


[แก้] บั้นปลายชีวิต
บั้นปลายและการเสียชีวิตของโมซาร์ตยังคงเป็นเรื่องที่หาข้อสรุปยากสำหรับนักวิชาการ เพราะมีทั้งตำนานและเรื่องเล่าแต่ขาดหลักฐาน มีทฤษฏีหนึ่งสันนิษฐานว่าสุขภาพของโมซาร์ตเริ่มแย่ลงทีละเล็กทีละน้อย และโมซาร์ตเองก็รับรู้สภาพนี้ซึ่งปรากฏขึ้นในงานประพันธ์ของเขา แต่นักวิชาการที่ไม่เห็นด้วยอ้างถึงจดหมายที่โมซาร์ตเขียนถึงครอบครัว ที่ยังมีทัศนะคติที่สดใส และปฏิกิริยาของครอบครัวเมื่อได้ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของโมซาร์ต การเสียชีวิตของโมซาร์ตยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ใบมรณภาพของโมซาร์ตบันทึกไว้ว่าเขาเสียชีวิตเพราะ"ไข้ไทฟอยด์" และมีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายการเสียชีวิตให้ละเอียดมากขึ้น


โมซาร์ตเสียชีวิตในเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 5 เดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1791 ในขณะที่เขากำลังประพันธ์เพลงเรเควียม ที่ประพันธ์ไม่เสร็จ ตามตำนานที่เล่าลือ โมซาร์ตตายโดยที่ไม่เหลือเงินและถูกฝังในหลุมศพของคนอนาถา ร่างของโมซาร์ตถูกฝังอย่างเร่งรีบในที่ฝังศพสาธารณะ เพราะระหว่างที่นำศพไปนั้นเกิดมีพายุแรงและฝน ลูกเห็บตกอย่างหนัก ทำให้หีบศพถูกหย่อนไว้ร่วมกับศพคนยากจนอื่นๆ ไม่มีเครื่องหมายใดว่านี่คือศพของโมซาร์ต

แต่ข้อเท็จจริงก็คือ โมซาร์ตไม่เป็นที่นิยมชมชอบอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป เขายังคงมีงานที่มีรายได้ดีจากราชสำนัก และยังได้รับเงินอุดหนุนจำนวนมากจากส่วนอื่นๆของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกรุงปราก ยังมีจดหมายขอความช่วยเหลือทางการเงินของโมซาร์ตหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นหลักฐานว่าเขาจนเพราะรายจ่ายเกินรายรับ ศพของเขาไม่ได้ถูกฝังในหลุมฝังศพรวม แต่ในสุสานของชุมชนตามกฎหมายของปีค.ศ. 1783 แม้ว่าหลุมศพดั้งเดิมในสุสานเซนต์มาร์กจะหายไป แต่ก็มีป้ายหลุมศพที่ตั้งไว้เป็นอนุสรณ์สถานในเซนทรัลไฟรด์ฮอฟ

ในปีค.ศ. 1809 คอนสแตนซ์ได้แต่งงานใหม่กับจอร์จ นีโคเลาส์ ฟอน นีสเสน นักการทูตชาวเดนมาร์ก (ชาตะค.ศ. 1761 มรณะค.ศ. 1826) ผู้ซึ่งหลงใหลคลั่งใคล้ในตัวโมซาร์ตอย่างมาก ถึงกับแต่งเรื่องราวเกินจริงจากจดหมายของโมซาร์ต และแต่งชีวประวัติของคีตกวีเอกอีกด้วย

โมซาร์ตมีชีวิตอยู่ตรงกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยอยุธยา และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมัยธนบุรี



โดย: Bernadette วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:23:04:42 น.  

 


ผลงานชิ้นเอก

[แก้] คาตาล็อกเคอเชล (Köchel catalogue)
ในปีภายหลังการเสียชีวิตของโมซาร์ต ได้มีความพยายามหลายครั้งที่จะจัดเรียงบัญชีผลงานของโมซาร์ต และเป้นลุดวิก ฟอน เคอเชล (Ludwig von Köchel) ที่ประสบความสำเร็จ และในปัจจุบันผลงานของโมซาร์ตมักจะมีตัวเลขของเคอเชลติดกำกับอยู่ อย่างเช่น"เปียโนคอนแชร์โตในบันไดเสียงเอเมเจอร์" มักเรียกกันง่ายๆ ว่า "K. 488" หรือ "KV 488" ได้มีการดัดแปลงคาตาล็อกนี้เป็นจำนวน 6 ครั้งด้วยกัน

Source: //th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%87_%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%AA_%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97



โดย: Bernadette วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:23:09:55 น.  

 

มรณาสาเหตุของ Mozart

Mozart แต่งบทเพลงที่ดีที่สุด หลังจากที่ได้รู้จัก Haydn ในขณะที่เขาแต่งเพลงเพลงนั้น เขาทุ่มเทกายและใจมาก โดยอดหลับอดนอน เขาแต่งบทเพลง string quartet หมายเลข 2 ของเขาเสร็จพร้อมกับการได้ลูกคนแรก และได้แต่งอุปรากรชื่อ The Marriage of Figaro เสร็จในปี 2329 โดยใช้เวลาเพียง 6 อาทิตย์ ผลงานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จมาก

ความลำบากได้ผลักดันให้เขาผลิตผลงานออกมาอีกหลายชิ้น โน้ตดนตรีหลั่งไหลจากสมองของเขาเหมือนสายน้ำที่ตกจากหน้าผา เขาเรียบเรียงผลงาน The Magic Flute เสร็จก่อนเขาเสียชีวิตไม่นาน เมื่อก่อนตาย Mozart ได้รับการขอร้องให้แต่งอุปรากรเฉลิม พระเกียรติของพระเจ้า Leopold ที่ 2 แห่ง Praque ซึ่งแม้เวลาจะมีน้อย และเขาเองสุขภาพไม่ดี แต่เขาก็ทำเพราะต้องการเงิน เมื่ออุปรากร Titus ที่เขาแต่งไม่มีใครชอบเลย Mozart รู้สึกผิดหวังต่อชะตาชีวิตมาก เขาได้ขอร้องให้ลูกศิษย์ขับร้อง The Magic Flute ที่เขารักมากที่สุด ให้เขาฟังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเขาตาย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2334 ขณะที่มีอายุเพียง 35 ปี

ทุกวันนี้ โลกรู้ว่า Mozart ได้ประพันธ์ piano concerto 27 ชิ้น string quartet 23 ชิ้น violin sonata 35 ชิ้น และ symphony กว่า 50 ชิ้น

แต่โลกไม่รู้ว่า Mozart ตายเพราะโรคไต

ทั้งนี้เพราะแพทย์เมื่อ 200 ปีก่อนนี้ ไม่ละเอียดรอบคอบ ในการบันทึกอาการคนไข้ อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวิเคราะห์ และวินิจฉัยคนไข้ ดังนั้น เราจึงไม่แปลกใจที่มีผู้สันนิษฐานสมมติฐานการตายของ Mozart ไว้กว่า 150 สาเหตุ เช่นว่าเขาเป็นวัณโรค ซิฟิลิส โรคตับ โรคไต ปอดบวม ถูกวางยาพิษ โดยนักแต่งเพลงคู่แข่งชื่อ Antonio Salieri โรคขาดสารอาหาร โรคเศร้าซึม โรคผิวหนังอักเสบรุนแรง และโรคหัวใจวาย เป็นต้น

เมื่อ 2 ปีมาแล้ว ที่มหาวิทยาลัย Maryland ในสหรัฐอเมริกา แพทย์ชื่อ Faith Fitzgerald แห่งมหาวิทยาลัย California ที่ Davis ได้เสนอสาเหตุที่ทำให้ Mozart ถึงแก่กรรมว่า Mozart เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายกับโรคปวดตามข้อ

ความจริงการวินิจฉัยสาเหตุการตายของบุคคลสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์นั้น ภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิกของมหาวิทยาลัย Maryland ได้กระทำสม่ำเสมอมาได้ 8 ปีแล้ว และก็ได้พบว่า Edgar Allan Poe (นักประพันธ์) ตายด้วยโรคกลัวน้ำ Alexander มหาราช (สิ้นพระชนม์ด้วยโรคไข้รากสาด และ Beethoven ตายด้วยโรคตับแข็ง และซิฟิลิส เป็นต้น และสำหรับ Mozart นั้น Fitzgerald ได้รายงานว่า การศึกษาเอกสาร เธอได้พบว่าในขณะที่ Mozart กำลังบูมด้วยการสร้างสรรค์เพลง เขาได้ล้มเจ็บและป่วยหนัก มีไข้สูง ปวดหัว เหงื่อออกมาก มือและแขนบวม หลังจากนั้นอีก 2-3 วัน อาการบวมได้ปรากฏทั่วตัว (anasarca) คือมีผดผื่นขึ้นที่หน้าอกและ ท้อง หลังจากที่ได้นอนป่วยนาน 1 อาทิตย์ เขาก็รู้สึกเจ็บตามตัวได้อาเจียน และมีอาการท้องร่วง แต่ก็ยังมีสติดี จนกระทั่งถึงวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2334 Mozart เริ่มมีอาการคลั่ง เพ้อจนหมดสติ และได้เสียชีวิตลงหลังเที่ยงคืน

Fitzgerald คิดว่า Mozart ไม่ได้ตายด้วยโรคตับ เพราะไม่มีรายงานเรื่องดีซ่านเลย แต่เมื่อเธอรู้ว่าในขณะที่ Mozart กำลังล้มป่วยนั้น โรคปวดตามข้อกำลังคุกคามประชาชนในกรุงเวียนนา Mozart ก็คงติดโรคนี้ด้วย จึงทำให้ประสาทแขนของเขากระตุก และเนื้อตัวบวม อันเป็นอาการโลหิตคลั่งจนหัวใจวายในที่สุด

ในวารสาร Archives of Internal Medicine ฉบับวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2544 J.V. Hirschmdnn แห่ง Puget Sound Veteran affairs Medical Center ที่ Seattle ในสหรัฐอเมริกา ได้วิเคราะห์จดหมายที่ Mozart เขียนถึงภรรยา เมื่อ 44 วันก่อน ที่จะล้มป่วย ว่าเขามีอาการไข้ผดผื่นขึ้นตามตัวและแขนขาบวม หลังจากที่ได้บริโภคหมูทอด ซึ่งอาจจะไม่สุก จึงทำให้มีพยาธิ และเชื้อ trichinosis นี้ ใช้เวลานาน 50 วันกว่าจะสำแดงฤทธิ์ ซึ่งถ้าใครเป็นโรคนี้ ปอดจะบวมและเป็นโรคหัวใจ เชื้อพยาธิ trichinosis จึงเป็น มัจจุราชของ Mozart

จึงเป็นว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของ Mozart คงไม่มีใครรู้แน่ชัด เพราะหลักฐานต่างๆ ก็สูญสลายหายไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีทางพิสูจน์ ได้เช่นนี้ การสันนิษฐานว่าเพราะพระเจ้าต้องการนักดนตรีอัจฉริยะเช่น Mozart บนสวรรค์อย่างเร่งด่วน ก็เป็นเรื่องที่คนบางคนคิด เหมือนกัน ดังที่ Karl Barth ได้เคยกล่าวว่า When the angels sing for god, they sing Bach; When they sing en, famille they sing Mozart and God eavesdrops.


Source ://www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/Mozart.html


โดย: Bernadette วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:23:23:01 น.  

 
Amadeus - ว่ากันว่าในทางโบราณยังแปลได้ว่า - แห่งพระเจ้า - ด้วยนะแบร์

Salieri น่ะโกรธพระเจ้า ที่ประทานพรสวรรค์ให้เด็กที่เหลวไหลอย่างโมซาร์ตแทนที่จะเป็นตัวเขาเองที่ชอบดนตรีอย่างแท้จริง

จึงต้องการจะทำลายความหวังนี้ของพระองค์เสียในหลายๆทาง

หนังเรื่องนี้ยอดมากเลยแบร์ เราชอบที่เขาตีความงานของโมซาร์ตมาในหลายๆฉาก และความกลัวพ่อในจิตใจของเขา

มีฉากหนึ่งที่โมซาตร์โดนแม่ยายด่านะ เขานั่งๆฟังไป ก็เอาไปเขียนโอเปร่าได้เฉยเลย

ซีนท้ายๆที่ Salieri เขาไปช่วยโมซาร์ตแต่งเพลงก่อนตายแสดงให้เห็นๆว่า "มือมันคนละชั้น"

เราชอบหนังเรื่องนี้ครับ


โดย: mr.cozy วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:9:24:22 น.  

 
Amadeus - ว่ากันว่าในทางโบราณยังแปลได้ว่า - แห่งพระเจ้า - ด้วยนะแบร์

Salieri น่ะโกรธพระเจ้า ที่ประทานพรสวรรค์ให้เด็กที่เหลวไหลอย่างโมซาร์ตแทนที่จะเป็นตัวเขาเองที่ชอบดนตรีอย่างแท้จริง

จึงต้องการจะทำลายความหวังนี้ของพระองค์เสียในหลายๆทาง

หนังเรื่องนี้ยอดมากเลยแบร์ เราชอบที่เขาตีความงานของโมซาร์ตมาในหลายๆฉาก และความกลัวพ่อในจิตใจของเขา

มีฉากหนึ่งที่โมซาตร์โดนแม่ยายด่านะ เขานั่งๆฟังไป ก็เอาไปเขียนโอเปร่าได้เฉยเลย

ซีนท้ายๆที่ Salieri เขาไปช่วยโมซาร์ตแต่งเพลงก่อนตายแสดงให้เห็นๆว่า "มือมันคนละชั้น"

เราชอบหนังเรื่องนี้ครับ


โดย: mr.cozy วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:9:24:26 น.  

 
Amadeus - ว่ากันว่าในทางโบราณยังแปลได้ว่า - แห่งพระเจ้า - ด้วยนะแบร์

Salieri น่ะโกรธพระเจ้า ที่ประทานพรสวรรค์ให้เด็กที่เหลวไหลอย่างโมซาร์ตแทนที่จะเป็นตัวเขาเองที่ชอบดนตรีอย่างแท้จริง

จึงต้องการจะทำลายความหวังนี้ของพระองค์เสียในหลายๆทาง

หนังเรื่องนี้ยอดมากเลยแบร์ เราชอบที่เขาตีความงานของโมซาร์ตมาในหลายๆฉาก และความกลัวพ่อในจิตใจของเขา

มีฉากหนึ่งที่โมซาตร์โดนแม่ยายด่านะ เขานั่งๆฟังไป ก็เอาไปเขียนโอเปร่าได้เฉยเลย

ซีนท้ายๆที่ Salieri เขาไปช่วยโมซาร์ตแต่งเพลงก่อนตายแสดงให้เห็นๆว่า "มือมันคนละชั้น"

เราชอบหนังเรื่องนี้ครับ



โดย: mr.cozy วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:9:24:22 น.


ตอบ ขอบพระคุณที่เสริมให้ค่ะ
Amadeus กะมาจากภาษาลาตินอ่า


ช่ายๆๆโดนแม่ยายด่า เอามาทำโอเปร่าMagic flute ขลุ่ยแห่งเวทมนต์ สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดด


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:10:12:48 น.  

 
ซีนท้ายๆที่ Salieri เขาไปช่วยโมซาร์ตแต่งเพลงก่อนตายแสดงให้เห็นๆว่า "มือมันคนละชั้น"

เราชอบหนังเรื่องนี้ครับ



โดย: mr.cozy วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:9:24:22 น.


ตอบ เห็นด้วยยยค่ะ


Salieri ดันได้เป็นอุปรากรยอดเยี่ยมได้เครื่องราชย์จากKing ลึกๆๆๆ Salieri รู้อยู่แก่ใจ เค้ามีพรแสวง แต่โมสาสมีพรสวรรค์


หนังเรื่องทำให้มองอีกมุม การมีพรสวรรค์ คุณสมบัติพิเศษ ถ้าไม่ได้มีการตบๆๆแต่งๆๆชีวิตให้เข้าที่เข้าทางง
กะเป็งเหมือนโมสาสได้เหมือนกานนอ่า

พรสวรรค์กะพรสวรรค์
การดำเนินชีวิต ควบคุ๋กับพรสวรรค์ โดยที่โมสาสมีพ่อเค้าตบแต่งชีวิตเค้า ขาดพ่อ ใช้ชีวิตในเวียนนา พ่อมาตบๆๆให้เข้าที่ ดีขึ้นมาหน่อย พ่อตายนี้ ปายยยเลย


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:10:18:22 น.  

 
โห นี้เขียนเหมือนว่าจะส่งวิทยานิพนต์ก่อนสงกรานต์เลยนะเนี่ย

พูดถึงหนัง (เพราะพูดถึงอย่างอื่นไม่ได้ ฮา) ชอบ Tom Hulce ที่เล่นเป็น Mozart อ่ะ แกน่าจะได้ออสการ์แทนคุณลุง F. Murrey อ่ะนะ

เพลงคลาสสิคเราไม่สันทัดจริงๆ เลย ถ้าชอบก็คงประมาณ Bach อะมั้ง จำพวกที่ใช้ออร์แกนเล่นอ่ะ ฟังดูแล้วมันดูบาร็อคๆดี


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:13:31:28 น.  

 
ขยันหาและให้ข้อมูลจริง..สาวแบร์

Friends Comments For Hi5

Hi5 Comments & MySpace Comments

Hi5



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:13:45:53 น.  

 
เข้ามาขอคารวะ คุณ mr.coZy ฮะ
ยอมรับว่าพี่เค้า เก่ง จิงๆ ...



โดย: haro_haro วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:14:55:22 น.  

 
เข้ามาขอคารวะ คุณ mr.coZy ฮะ
ยอมรับว่าพี่เค้า เก่ง จิงๆ ...



โดย: haro_haro วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:14:55:24 น.  

 
โห นี้เขียนเหมือนว่าจะส่งวิทยานิพนต์ก่อนสงกรานต์เลยนะเนี่ย

พูดถึงหนัง (เพราะพูดถึงอย่างอื่นไม่ได้ ฮา) ชอบ Tom Hulce ที่เล่นเป็น Mozart อ่ะ แกน่าจะได้ออสการ์แทนคุณลุง F. Murrey อ่ะนะ

เพลงคลาสสิคเราไม่สันทัดจริงๆ เลย ถ้าชอบก็คงประมาณ Bach อะมั้ง จำพวกที่ใช้ออร์แกนเล่นอ่ะ ฟังดูแล้วมันดูบาร็อคๆดี


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:13:31:28 น.

ตอบ งะกะไม่มีความรู้เรื่องเพลงเหมือนกันงะ กะอาศัย เขียนเกี่ยวกะพรสวรรค์ของโมสาสงะ

ขอบพระคุณที่เสริม เรื่องของนักแสดง เรามะมีฟามรูั้อะ เพราะเค้าใหม่ๆๆกันงะ


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:15:49:12 น.  

 
ขยันหาและให้ข้อมูลจริง..สาวแบร์


Hi5 Comments & MySpace Comments





โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:13:45:53 น.

ตอบ งะกะไม่มีฟามรู้เรื่องเพลงคลาสิค หรือเรื่องของโมสาสงะ กะเลยหางะ

โหดูหนังนี้ ดีเจงเจง สมแล้วที่ได้ออสการ์งะ พี่นางฟ้า


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:15:53:10 น.  

 
เข้ามาขอคารวะ คุณ mr.coZy ฮะ
ยอมรับว่าพี่เค้า เก่ง จิงๆ ...



โดย: haro_haro วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:14:55:22 น.

ตอบ ขานี้Mr.cozy เก่งอยู่แล้วววววเดี๊ยวharo haro กะเก่งเหมือนพี่ cozyเองแหละ


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:16:05:10 น.  

 
หวัดดีนะครับผม

Amadeus ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมชอบ ด้วยพลังเพลงที่ยอดเยี่ยมทีเดียว พูดแล้วอยากดูอีกสักรอบ


โดย: หมื่นทิพ (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:16:47:31 น.  

 
หวัดดีนะครับผม

Amadeus ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมชอบ ด้วยพลังเพลงที่ยอดเยี่ยมทีเดียว พูดแล้วอยากดูอีกสักรอบ


โดย: หมื่นทิพ (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:16:47:31 น.


ตอบ ใช่ค่ะ เป็นอะไรที่อยากดูอีกรอบ เข้าไปอ่านบทความของคุณเทพบุตรตบะแตก เยอะดีค่ะ เก่งอะ ดูหนังได้ทุกแนวเลยอะ การ์ตูนย์ยังเขียนได้เลยอะ


โดย: Bernadette วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:17:33:38 น.  

 


ขอให้มีความสุขในวันสงกรๅนต์นะค่ะ

เล่นสงกรๅนต์เผื่อด้วยนะจ๊ะ

Table by Paradijs


โดย: Opey วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:6:36:14 น.  

 
โดย: Opey 12 เมษายน 2551 6:36:14 น.

ตอบ Happy SongKran Day Ka


โดย: Bernadette วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:9:39:15 น.  

 
สมๅธิอ่านอีกรอบ แต่ก็ต้องอ่านใหม่อีก Opey ..เคยเรียนวรรณกรรมอังกฤษและเมกๅ มาเจอเรืองในบล็อก
คุณเหมื่อนทบทวนความรู้
... Francis Bacon's
"Some books are be tasted ,others to be swallowed,and some few to be chewed and digested...Reading maked a full man conference a ready man;and writing an exact man.


โดย: Opey วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:11:22:48 น.  

 
... Happy Songkran day.




April, 11-2008 : 3.22 pm. What happened here ?
This bluebird looked a little confused as he sat on branch in the miadle of the April snowfall.


โดย: Opey วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:13:10:49 น.  

 
สมๅธิอ่านอีกรอบ แต่ก็ต้องอ่านใหม่อีก Opey ..เคยเรียนวรรณกรรมอังกฤษและเมกๅ มาเจอเรืองในบล็อก
คุณเหมื่อนทบทวนความรู้
... Francis Bacon's
"Some books are be tasted ,others to be swallowed,and some few to be chewed and digested...Reading maked a full man conference a ready man;and writing an exact man.



โดย: Opey วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:11:22:48 น.


ตอบ มาขอแทรกซีน ขอบพระคุณ คุณOpeyที่แบ่งปันความรู้ค่ะ

วรรณกรรมของเมกา เป็นอารายที่เปิดกว้างงงอ่า ตีความที่กล้าม๊ากกก กล้าแสดงออกทุกมุมมอง เพราะวรรณกรรมของประเทศของเค้าเองมะค่อยมีอ่า

เจอเรียนวรรณกรรมกะแบบเรียนคอนเซอร์เวทีฟ งุงิ ตีได้แค่นี้น๊ะ กะต้องชื่นชมวรรณกรรมของประเทศเราน๊ะ สดุดีไว้


โดย: Bernadette วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:14:42:23 น.  

 
Happy Songkran day.





April, 11-2008 : 3.22 pm. What happened here ?
This bluebird looked a little confused as he sat on branch in the miadle of the April snowfall.



โดย: Opey วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:13:10:49 น.

ตอบ ขอบพระคุณงั๊บบบบ


โดย: Bernadette วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:14:44:53 น.  

 
ไปเที่ยวไหนเนี่ย

ผิดสังเกตุ ไม่ได้อัพบล็อคติดต่อกันเกินสามวัน


โดย: BloodyMonday วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:1:38:25 น.  

 
ไปเที่ยวไหนเนี่ย

ผิดสังเกตุ ไม่ได้อัพบล็อคติดต่อกันเกินสามวัน



โดย: BloodyMonday วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:1:38:25 น.


ตอบ church จ๊ะ

เดี๊ยวอัพแหละ


โดย: Bernadette วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:8:23:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.