แล้วสมมุติ เรามีเรือ Cruiser ล่ะครับ เราจะตั้งชื่อตามอะไรหรอครับ

อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับผม ต้องกำหนดเป็นกรณีพิเศษไปครับ

อยากเห็นเรือดำน้ำของไทยครับ

อ่าเพิ่มเติ่ม ของ อังกฤษนะครับ กลัวว่าจะสับสน ผมเคยถามคนอังกฤษแล้ว HMS จะอ่านว่า His หรือ Her ขึ้นอยู่กับคนครองบัญลัง ในช่วงเวลานั้น อย่างตอนนี้ก็ เป้น Her Majesty's Ship แต่ออีกหน่อยถ้าเปลี่ยนตัวผู้ครองบัญลังก็อาจจะเป็น His Majesty's Ship

แล้วพวกตระกูล 9XX นี่ล่ะครับ อย่าง 911 แล้วถ้ามีลำที่2 จะตั้งชื่อแบบไหนครับ

ถ้าเกิดในอณาคต เรามีเรือใหม่เข้ามาแทนเรือเก่ามากขึ้น หรือมีเพิ่มขึ้นจากเดิม

จะตั้งชื่อกันยังไงล่ะเนี่ย

อยากรู้ประวัติของ ร.ล.จันทร แล้วปัจจุบันปลดประจำการไปหรือยัง หาข้อมูลไม่ได้ค่ะ

รบกวนขอข้อมูลเกี่ยวกับ ร.ล. จันทร ด้วยค่ะถ้าได้รูปด้วยจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง ส่งมาที่ E-mail budsara.meilan@yahoo.com

ร.ล.จันทร เป็นเรือสำรวจขนาดใหญ่ หมายเลย 811 มีเรือประเภทเดียวกันอีกลำคือ ร.ล.ศุกร์ และร.ล.จันทร ยังมีฐานะเป็นเรือพระที่นั่งของ สมเด็จย่าอีกด้วยครับ

//www.navy.mi.th/sctr/navee/navee8113/page1.htm

ด้วยความรักชาติและมีความลึกซึ้งกับประวัติศาสตร์ไทยอยากทราบว่าเรือพระราชพิธีกล่าวอ้างนามโดยยึดถือสิ่งใดเป็นเกณฑ์ครับใครบอกได้ช่วยบอกทีครับและมีรูปขบวนเป็นอย่างไร...เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาไว้เป็นตำนานประวัติศาสตร์ชาติไทย...ครับด้วยความเคารพ

มาช่วยเสริมครับ ...
ตามระเบียบ ทร.ว่าด้วยการแบ่งชั้นเรือ หมู่เรือ และการตั้งชื่อเรือหลวง พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจนถึงฉบับที่ 4 พ.ศ.2547 กำหนดไว้ว่าเรือที่มีระวางขับน้ำต่ำกว่า 150 ตัน และเรือขนาดเล็ก ให้ ทร.ตั้งชื่อด้วยอักษรย่อและชนิดและหน้าที่ มีหมายเลขต่อท้ายอักษร (ยกเว้นกรณีเรือ ต.991 ซึ่งมีระวางขับน้ำปกติ 170 ตัน เนื่องจากเป็นเรือที่ขยายแบบมาจากเรือชุด ต.91 และเป็นเรือในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ) ในส่วนของเรือที่มีระวางขับน้ำเกิน 150 ตัน ให้ ทร.ขอพระราชทานพระมหากษัตริย์ ทรงตั้งให้ ตามหลักเกณฑ์ที่ท่านแสดงไว้ข้างต้นนั่นแหละครับ... ส่วนเรือที่มีการตั้งชื่อไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้นนั้น เกิดจากระเบียบฯ ฉบับที่ 3 ครับ นัยว่าเพื่อรองรับการเข้าประจำการของเรือบรรทุก ฮ. และเรือรบผิวน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังทยอยเข้าประจำการในขณะนั้น สำหรับการนำหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือพิฆาต มาใช้ในเรือฟริเกตนั้น ก็เกิดจากระเบียบฉบับนี้ ประกอบกับ ทร.ต้องการลดความหวาดระแวงของประเทศเพื่อนบ้าน กรณีการสะสมเรือผิวน้ำขนาดใหญ่ของ ทร.ด้วยครับ จึงเรียกเรือที่ควรจะเป็นเรือพิฆาตเหล่านี้ เป็นเรือฟริเกตเสีย ประกอบกับเรือชั้นน็อกซ์ ได้รับการเปลี่ยนประเภทใน ทร.สหรัฐฯ จากเรือพิฆาต เป็นเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถี (FFG) ด้วย จะสังเกตว่าเรือฟริเกตที่ได้รับพระราชทานชื่อเรือตามชื่อตัวหรือบรรดาศักดิ์ของพระมหากษัตริย์เหล่านี้ ล้วนเป็นเรือฟริเกตที่มีระวางขับน้ำระหว่าง 3,000 - 4000 ตัน ทั้งสิ้น สำหรับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (เรือ ตกก.) ได้รับการกำหนดประเภทตามระเบียบฉบับที่ 4 พ.ศ.2547 ให้ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เหมือนเรือเร็วโจมตี (ปืน) เนื่องจากเรือเร็วประเภทนี้ กำลังถูกลดบทบาทในกำลังทางเรือทั่วโลก ซึ่ง ทร.ไม่มีนโยบายที่จะต่อเพิ่มเติมแล้ว จึงเพิ่มแนวทางการตั้งชื่อตามจังหวัดชายทะเลไปสู่เรือที่คาดว่าจะมีการต่อเพิ่มเติมต่อไป วิธีนี้จะทำให้ ทร.ไม่ขาดแคลนชื่อสำหรับเรือที่จะต่อในอนาคตอีกด้วย ซึ่งเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุดนี้ผมก็ได้สอบคัดเลือกไปรับเรือที่จีนด้วย แต่ติดตัวสำรองครับ แหะๆ รุ่นน้องเก่งกว่าอีก...น่าเสียดายจัง ในส่วนของเรือหลวงจันทร (จัน-ทะ-ระ) ได้รับการซ่อมปรับปรุงระดับโรงงานโดยบริษัทอู่กรุงเทพครับ และได้กลับเข้าประจำการแล้ว สำหรับเรือครุยเซอร์ หรือเรือลาดตระเวนนั้น ไม่มีกำหนดไว้ในระเบียบฯ ครับ แต่หากมีเข้าประจำการ ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบฉบับที่ 3 ที่ต้องขอพระราชทานชื่อตามความเหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป และต้องแก้ไขเพิ่มประเภทของเรือด้วย พูดถึงประเภทของเรือแล้ว ก็ขอต่อในเรื่องของการกำหนดหมายเลขเรือรบต่อไปเลยนะครับ ซึ่งตามเอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ (อทร.3504) กำหนดให้กองเรือยุทธการ (กร.) เป็นผู้พิจารณากำหนดหมายเลขเรือเพื่อประโยชน์ทางยุทธวิธี โดยยึดถือตามแนวทางหนังสือ JANE FIGHTING SHIP ในเรื่องนี้ หมายเลขเรือรบของไทยจะมีตัวเลขแสดง 3 หลัก โดยตัวเลขหลักที่ 1 จะแสดงประเภทของเรือ (TYPE) ซึ่งมีอยู่ 9 ประเภท คือ หมายเลข 1 เป็นประเภทเรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบก (ที่ขณะนี้กำลังสั่งต่อจากสิงคโปร์นั่นเองครับ...และผมคงต้องสู้ต่อไป) หมายเลข 2 เป็นเรือดำน้ำ (ตั้งไว้ก่อน...มีแน่ๆ ใครบอกอ่าวไทยน้ำตื้น ครูฝึกสหรัฐฯ เคยนำเรือดำน้ำมาลองภูมิทหารเรือไทยมาแล้วหลายรุ่น...หาไม่มีวันเจอครับ...ตาบอดคลำแมวดำในที่มืดอย่างงี้...ประวัติศาสตร์ก็บอกไว้ว่าเราถูกเรือดำน้ำสหรัฐฯ ลอบเข้าโจมตียับเยินมาหลายต่อหลายครั้งในคราวสงครามโลกครั้งที่ 2) หมายเลข 3 เป็นเรือเร็วโจมตี หมายเลข 4 เป็นเรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือคอร์เวต (สังเกตว่าจับรวมอยู่ด้วยกัน) หมายเลข 5 เป็นเรือตรวจการณ์ หมายเลข 6 เป็นเรือสงครามทุ่นระเบิด หมายเลข 7 เป็นเรือยกพลขี้นบก หมายเลข 8 เป็นเรืออุทกศาสตร์ เรือช่วยรบ และเรือประเภทอื่นๆ (กำหนดไว้กว้างมากกกกก) หมายเลข 9 เป็นเรือบรรทุก บ./ฮ. (ฮ.อย่างเดียวก็พอมังคร๊าบบบบ)
หมายเลขลำดับที่ 2 แสดงชั้นหรือชุดของเรือ (CLASS) ในประเภทนั้นๆ เรือที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกัน รวมไว้ในชุดเดียวกัน (เช่นรวม ร.ล.จันทร และ ร.ล.ศุกร์ เป็นเรือในชุดเดียวกัน ทั้งๆ ที่มีคุณลักษณะโดยทั่วไปต่างกัน แต่มีลักษณะการใช้งานคล้ายๆ กัน เป็นต้น)
หมายเลขลำดับที่ 3 แสดงลำดับที่ของเรือในชุดนั้นๆ เริ่มจาก 1 เรียงต่อไปตามลำดับ หากมีเกิน 9 ลำ เรือลำดับที่ 10 จะมีหมายเลขถึง 4 ตัว ครับ จบครับ...หวังว่าจะครอบคลุมทุกความสงสัยนะครับ..ร่วมเครือนาวี จักยลปฐพีไพศาลครับ...

มาเพิ่มรอยหยักในสมองครับ...เรื่องที่จะเล่าบางตอนคัดลอกมาจากบทความในเรือรบช่วยรบ นาวิกศาตร์ฉบับปี 2540 ครับ....
ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า กองทัพเรือเคยมีระเบียบที่กำหนดเกณฑ์การตั้งชื่อเรือไว้อย่างกว้างขวางมาก ดังเช่นระเบียบกองทัพเรือว่าด้วยการแบ่งชั้นเรือและการตั้งชื่อเรือหลวง พ.ศ.2502 ได้กล่าวถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่ให้ขอพระราชทานตั้งตามชื่อนกพาหนะในนิยายหรือวรรณคดี ซึ่งระเบียบนี้โดยรวมคือได้กำหนดการตั้งชื่อเรือหลวงเอาไว้สำหรับเรือรบและเรือช่วยรบ ที่นำด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือประจัญบาน เรือลาดตระเวน เรือปืน เรือฟริเกต เรือพิฆาต เรือตอร์ปิโด เรือตรวจฝั่ง เรือปราบเรือดำน้ำ เรือดำน้ำ เรือวางทุ่นระเบิด เรือกวาดทุ่นระเบิด ไปจนถึงเรือลำเลียง เรือลากจูง และเรือสำรวจแผนที่ ดูเหมือนว่าระเบียบฯ ปี 2502 ผู้ร่างและวางระเบียบคงจะนึกถึงเรือทุกชนิดเท่าที่ทหารเรือทั้งโลกมีใช้อยู่ในขณะนั้น เอามาใส่ไว้ในระเบียบนี้ทั้งหมด เคยมีผู้ให้ความเห็นว่าเป็นการเขียนไปตามระเบียบ โดยมิได้คิดถึงยุทธศาสตร์อย่างจริงจังอะไร กระทั่งในปี พ.ศ.2506 จึงได้มีระเบียบใหม่ออกมาทดแทน คราวนี้จึงได้ตัดเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือประจัญบานออกไป แต่นำหน้าด้วยเรือลาดตระเวน (คุณซีสแปร์โร่ว์ คงยิ้มออกนะครับ) กับมีการเปลี่ยนชื่อเรียกเรือไปบ้าง เช่นเรียกเรือลำเลียงบางประเภทเป็นเรือยกพลขึ้นบก เรือสำรวจแผนที่ ก็เรียกเป็นเรือสำรวจ เป็นต้น ระเบียบนี้คำนึงถึงความเป็นไปได้ของ ทร.ที่น่าจะมีเรือดังกล่าวไว้ใช้งาน จึงได้ตัดเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือประจัญบานออกไป กระทั่งปัจจุบันที่ใช้แนวทางตามระเบียบฯ ฉบับปี 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติมรวม 4 ฉบับ (ฉบับสุดท้ายปี 2547) ซึ่งใช้ประกอบเอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ หมายเลข 3504 (อทร.3504) พ.ศ.2541 มาลองคิดกันเล่นๆ นะครับ...หากระเบียบฉบับปี 2502 ยังคงใช้อยู่ เรือบรรทุก ฮ. ของเราจะเรียกว่าอะไร หากนำชื่อนกในวรรณคดีสำคัญเช่นรามเกียรติ์มาตั้งชื่อเรือ เรือลำนี้อาจเรียกว่า ร.ล.อสูรวายุภักดิ์ หรือ ร.ล.สัมพาที เรือ ร.ล.สดายุ...ก็ได้ใครจะรู้
อีกเรื่องที่เราๆ อาจไม่ทราบก็คือ การแบ่งชั้นเรือหลวงของราชนาวีไทย มิได้แบ่งตามชั้นเรือที่มีชื่อเรียกเหมือนกันอย่างกองทัพเรือต่างประเทศ เช่น เรือชั้นน็อกซ์ เรือชั้นสปรวนซ์ เรือชั้นนิมิตซ์ นะครับ กองทัพเรือแบ่งชั้นเรือตามชั้นยศของผู้บังคับการเรือ โดยแบ่งเป็น ๓ ชั้น คือเรือชั้น 1 ที่มี ผบ.เรือชั้นยศนาวาโทขึ้นไป เรือชั้น 2 ที่มี ผบ.เรือชั้นยศนาวาตรี และเรือชั้น 3 ที่มี ผบ.เรือชั้นยศนายเรือ

พ่อของผมเคยตามเสด็จสมเด็จย่าไปบนเรือหลวงจันทร ทุกวันนี้ท่านยังประทับใจและไม่เคยลืมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ตามเสด็จ ท่านยังจดจำและเก็บรูปถ่ายที่ได้ถ่ายบนเรือหลวงจันทรไว้เป็นอย่างดี มีใบประกาศนียบัตรข้ามเส้นอิเควเตอร์ด้วย ท่านคงประทับใจมาก ๆ

namy thanks to extra knowledge

ดูอักษรย่อหน้าชื่อเรือตามประเภทได้ตามนี้ครับ

//thaiseafarer.com/knowledge/shipabbriv.php