|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เครื่องบินนานาชนิดในภารกิจช่วยน้ำท่วม!
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการพูดถึงอาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายครับ
ฟังดูแล้วมีหลายเรื่องน่าสนใจ และน่าจะเป็นบทเรียนสำคัญที่จะสามารถนำมาปรับปรุงงานด้านการค้นหาและกู้ภัยที่กองทัพเข้าไปช่วยรับผิดชอบได้
ยกตัวอย่างก็คือเครื่องบินติดกล้องอินฟาเรดที่ท่านโฆษกทอ.พูดถึงครับ
ตอนนี้ทอ.มีเครื่องบินประเภทนี้อยู่สองชนิด คือ AU-23A Peacemaker และ DA-42 MPP
Peacemaker เป็นเครื่องบินใบพัดรุ่นเก่ามากกกกก เป็นเครื่องบินที่กองทัพสหรัฐปรับปรุงมาจากเครื่องบินแบบ PC-6 ให้มาใช้งานทางทหารในสงครามเวียดนาม แต่ยังไม่ได้ทันใช้กองทัพสหรัฐก็ประเมินแล้วว่ามันไม่น่าจะรอดจากจรวดต่อสู้อากาศยานของเวียดนามเหนือแน่นอน เลยไม่ได้ส่งไปใช้ ทอ.ไทยเลยรับมาใช้แทน จึงทำให้ทอ.ไทยมี Peacemaker ฝูงเดียวในโลก
Peacemaker ทำมาแล้วทุกภารกิจ ตั้งแต่โจมตี (ตลกที่เครื่องบินอย่างนี้โจมตีได้) ก็คือทิ้งระเบิด ยิงจรวด หรือยิงสนับสนุนจากปืนกลอากาศของพลยิงข้างประตู ภารกิจนี้ใช้มากในสมัยที่มีการรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ นอกจากนั้นยังมีภารกิจลาดตระเวน ภารกิจควบคุมปฏิบัติการทางทหาร ภารกิจการข่าว ภารกิจกิจการพลเรือน คือบินกระจายเสียง หรือภารกิจธุรการ
หมดสงคราม ภารกิจก็น้อยลงไปเยอะ แต่พอภาคใต้กลับมาปะทุใหม่ กองทัพอากาศก็เลยนำ Peacemaker กลับมาใช้งานใหม่ แต่ใช้ในภารกิจลาดตระเวนก็คือการติดตั้งกล้อง FLIR บนเครื่องบิน
FLIR หรือ Forward Looking Infared ก็คือกล้องที่สามารถตรวจจับความร้อนได้นั่นเองครับ ซึ่งจะช่วยให้เรามองเห็นได้ในเวลากลางคืน เวลาเขาต้องการใช้ก็จะส่ง Peacemaker ขึ้นไปบินตรวจดูว่ามีใครซุ่มอยู่ตรงไหนในความมืดบ้าง
แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะช่วยในกรณีคนติดอยู่ในบ้านในน้ำท่วมได้มากน้อยขนาดไหน เพราะคงเป็นการยากที่กล้องจะมองทะลุหลังคาลงไป
แต่ข้อดีของกล้องที่ติดกับ Peacemaker ตัวนี้ก็คือ มันมี Datalink ที่สามารถส่งข้อมูลกลับมาแบบ Real Time ได้ ตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าเอา Peacemaker มาใช้ในการอำนวยการช่วยเหลือและกู้ภัย เพราะเครื่องบินจะมองเห็นได้จากมุมสูง บินได้นานเนื่องจาก Peacemaker ประหยัดน้ำมัน เห็นอะไรตรงไหนก็สามารถส่งข้อมูลหรือวิทยุไปบอกหน่วยภาคพื้นดินได้
ตรงนี้ก็จะคล้าย ๆ กับ DA-42 MPP ครับ DA-42 Twin Star นี้กองทัพอากาศจัดหารุ่นฝึกมาใช้ฝึกนักบินจำนวน 6 ลำ และมีข่าวว่าจัดหาเพิ่มเติมอีก 6 ลำ (ข่าวจากนิตยสาร AirForce Monthly) ตรงนี้ไม่รู้ว่า 6 ลำหลังนี้สรุปแล้วจัดหากี่ลำ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือจัหาแล้ว 2 ลำ ซึ่ง 2 ลำนั้นเป็นรุ่นลาดตระเวนติดกล้องคล้าย ๆ Peacemaker นั่นเลย แต่จะทันสมัยกว่าเพราะเครื่องมันใหม่กว่านั่นเอง (ฮา)
จึงคิดว่าถ้าทอ.ใช้เครื่องสองแบบนี้ในภารกิจลาดตระเวนสำรวจความเสียหาย และควบคุมการปฏิบัติการช่วยเหลือ น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดครับ
นอกจากนั้นที่ใช้งานได้และน่าจะนำมาใช้มาก ๆ คือ UAV หรืออากาศยานไร้คนขับของแต่ละเหล่าทัพครับ โดย ทบ. มี UAV แบบ Searcher และ ทอ.มี UAV แบบ aerostar ซึ่งตรงนี้ใช้ในภารกิจข้างต้นได้เป็นอย่างดี แถมไม่ต้องเสี่ยงเอานักบินขึ้นไป และบินได้นาน ประหยัดน้ำมันด้วยครับ
ในอีกด้านหนึ่งก็คือเครื่องบินจากสหรัฐ ซึ่งมีข่าวว่าจะมากันภึง 28 ลำ กันทีเดียว
หนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็น E-2C Hawk Eye ครับ Hawk Eye เป็นเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนล่วงหน้า (Airborne Early Warning & Control) หมายถึงว่าเครื่องบินแบบนี้มันจะประจำการอยู่ในเรือบรรทุกเครื่องบินทุกลำ เวลาจะส่งเครื่องบินขับไล่ไปโจมตีใคร เครื่องบินลำนี้ก็จะต้องบินขึ้นไปและใช้เรดาร์บนหลังของมันในการสแกนดูว่ามีข้าศึกอยู่ตรงไหน และในอีกอย่างหนึ่งก็คือจะไดรู้ว่ามีเครื่องบินฝ่ายเดียวกันอยู่ตรงไหน เมื่อรู้แล้วก็สามารถสั่งการให้เครื่องบินขับไล่ฝ่ายเราไปเข้าโจมตีได้
เทียบง่าย ๆ Hawk Eye มันก็เหมือนกับผู้จัดการทีมฟุตบอลนั้นเองครับ เพราะมันมีหน้าที่วางแผนการเล่นให้ผู้เล่นแต่ละคน (เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินโจมตี เครื่องบินลำเลียง ฯลฯ) เล่นตาม
ทำไมต้องเอา Hawk Eye มา ถ้าจำนวนอากาศยานถึง 28 ลำนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่จะต้องมี Hawk Eye ครับ เพราะคิดดูว่าถ้าเครื่องบิน 28 ลำ บวกกับเครื่องบินไทยอีกครึ่งร้อย บินพร้อมกันในพื้นที่แคบ ๆ อย่างภาคกลาง (เทียบกับจำนวนแล้วแคบไปเลยครับ) มีความเสี่ยงสูงมากที่มันจะบินชนกันเอง ดังนั้นมันจะต้องมีคนควบคุมครับ
แล้วใช้วิทยุการบินของเราควบคุมได้ไหม? ก็อาจจะได้ครับ แต่ภารกิจนี้มันยากอยู่ตรงที่ว่าอากาศยานส่วนมากเป็นเฮลิคอปเตอร์ เวลามันบินเรี่ย ๆ พื้นหรือไปลงกลางทุ่งนาที่ไหน เรดาร์ของวิทยุการบินแทบจะจับไม่ได้ครับเพราะเรดาร์มันตั้งอยู่บนพื้น มันเตี้ยไป จึงต้องใช้เรดาร์จากบนฟ้าคอยมอง
แล้วแบบนี้จะให้ Hawk Eye มาควบคุมอากาศยานของไทยด้วยไหม? ก็คงไม่ครับ คิดว่าเขาคงควบคุมเฉพาะอากาศยานของเขา เนื่องจาก ฮ. ที่บินของเรามีมาจากหลายหน่วย ระเบียบการปฏิบัติ รวมถึงวิธีการนั้นแตกต่างกัน ลำพังถ้าเป็นทหารไทยคุยกับทหารสหรัฐก็คงง่ายหน่อยเพราะฝึกกันบ่อย แต่ถ้า ฮ. ตำรวจ หรือ ฮ.กระทรวงทรัพย์ไปคุย หรือให้ Hawk Eye สั่งการ ฮ. กระทรวงทรัพย์อาจจะเกิดความสับสนได้ถ้าไม่เคยนัดแนะขั้นตอนกัน ทีนี้กว่าจะนัดแนะก็คงไม่ทันการพอดี
แล้วไทยจะโดนล้วงตับไหมถ้ามี Hawk Eye มาบิน? ก็อาจจะโดนบ้างครับ แต่ไม่ได้ซีเรียสนัก เพราะถ้าพูดกันตามความจริงก็คือ สหรัฐส่ง Hawk Eye มาฝึกกับไทยแทบทุกปีปีละสองสามครั้ง บางปีส่ง E-2C Sentry ซึ่งใหญ่กว่า Hawk Eye มากมาด้วยซ้ำ ถ้าจะโดนล้วงตับ ป่านนี้สหรัฐก็กินตับไปหมดแล้วน่ะครับ (เลยต้องไปกินตับต่อแถวพัทยา เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ ) มากไปกว่านั้น อาวุธที่ใช้อยู่ในไทยเกินครึ่งเป็นอาวุธจากสหรัฐ และเก่ากว่าสหรัฐเยอะ เขารู้ละเอียดยิ่งกว่าเราอีกครับเพราะเขาคือผู้ผลิต ที่สำคัญกว่านั้นคือ Hawk Eye ก็ไม่ใช่เครื่องบินจารกรรมหรืออะไร เพราะมันคือเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือน สภาพมันก็เหมือนหอควบคุมการบินลอยฟ้านั่นเอง ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรเลยครับ
แล้ว Erieye ไทยล่ะ? เชื่อว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมเต็มที่ครับ เพราะเครื่องเพิ่มเข้าประจำการ เครื่องบินรบปกติประจำการแล้วใช้เวลาราว ๆ 1 - 2 ปีกว่าจะสามารถปฏิบัติการได้เต็มที่ครับ
ส่วนนอกนั้นสหรัฐจะส่งเฮลิคอปเตอร์แบบใดมา? ก็คงต้องตามดูกันต่อไปครับ แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมที่ link นี้ครับ ลองดูได้ครับผม //www.thaiarmedforce.com/taf-military-news/57-world-news/388-usmc-to-help-thai-flood-54.html
ความจริงบ้านเราก็มีการใช้ ฮ. กู้ภัยในครั้งนี้ค่อนข้างมากทีเดียวครับ น้อง ๆ สึนามิทีเดียว ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็น ฮ. แบบ UH-1H ของทอ.และทบ. แบบ Bell 212 Bell 412 S-76 AS350 ของทั้งกองทัพและเกษตรตรงนี้ก็ถือว่าเราปรับทรัพยากรที่มีมาใช้ได้ดี
แต่ข้อสังเกตุก็ยังมีมากครับ เพราะดูแล้ว ฮ. ที่เรานำไปใช้แทบจะเป็นการประยุกต์ง่าย ๆ จาก ฮ. ภารกิจอื่นเป็น ฮ. กู้ภัย แทบจะไม่มี ฮ. กู้ภัยแท้ ๆ มาช่วยเลย เพราะอะไร? เพราะประเทศเราแทบไม่เคยจัดหา ฮ. กู้ภัยแท้ ๆ มาใช้เลยน่ะสิครับ สังเกตุว่า ฮ. ที่ใช้ขาดอุปกรณ์จำเป็นหลายอย่าง เช่น รอกกู้ภัยที่มีแค่บางลำ กระเช้า ที่นั่ง อุปกรณ์ปฐมพยาบาลติด ฮ. ตรงนี้มีน้อยมาก ยิ่ง ฮ. ประเภทส่งกลับสายแพทย์ (Medical Evacuation: MEDEVAC) เรายิ่งแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ฮ. พวกนี้ใช้ขนส่งผู้ป่วยหนักได้เพราะจะมีอุปกรณ์กู้ชีพและรักษาพยาบาลครบเหมือนกับรถพยาบาลชั้นดีคันนึง
แต่ที่ผ่านมาบ้านเรามักไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ครับ ไปคิดถึงแต่เรื่องรถถัง เรือรบ เครื่องบินขับไล่หมด จนลืมถึง ฮ. พวกนี้ไป ก็หวังว่า ฮ. S-92 ซึ่งอาจจะเริ่มจัดหามาทดแทน UH-1H ของกองทัพอากาศในปีหน้าจะมีอุปกรณ์กู้ภัยและกู้ชีพครบครันครับ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องอีกมาก โดยเฉพาะดูแล้วเรายังไม่ได้ประสานงานด้านการใช้อากาศยานกันนัก ยังมีความสับสนกันอยู่บ้าง อาจจะเพราะเราไม่มีหน่วยบังคับบัญชาสูงสุดในสถานการณ์แบบนี้ ก็เลยออกไปในทางต่างคนต่างทำ ความจริงหน่วยบัญชาการควบคุมการใช้อากาศยานควรตั้งพร้อมกับการตั้ง ศปภ. ด้วยซ้ำครับ แต่อันนี้ผ่านมานานแล้วเพิ่งมาตั้ง และกว่าจะลงตัวคงอีกนาน
คงยังต้องอีกนานครับกว่าจะลงตัวแบบญี่ปุ่น ที่หลังจากเกิดสึนามิเพียงแค่ 4 นาทีเขาก็ตั้งศูนย์บัญชาการแบบ ศปภ. ได้แล้ว และหลังจาก 6 นาที ฮ. ลำแรกก็บินขึ้นได้แล้ว เร็วมาก ๆ เพราะเขามีกฏหมาย มีโครงสร้างที่ออกแบบไว้รองรับแล้ว และมีการฝึกอยู่ตลอดเวลา เรื่องการจัดการภัยพิบัตินี้เป็นเรื่องระดับชาติที่ทุกหน่วยทั้งรัฐและเอกชนต้องมานั่งคุยกันและออกแบบการปฏิบัติการถึงจะหายสับสนและทำให้การช่วยเหลือเกิดประสิทธิภาพสูงสุดครับ ตรงนี้เชื่อว่าบทเรียนจากญี่ปุ่นจะสอนเราได้เยอะทีเดียวครับ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร น้ำท่วมในครั้งนี้ก็ทำให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกคนในเข้าไปช่วยผู้ประสบภัย สิ่งเหล่านี้คือแรงใจอย่างดีสำหรับประชาชนที่ทุกข์ยาก และเชื่อว่าจะเป็นที่จดจำถึงความร่วมมือร่วมใจในครั้งนี้ไปอีกนานทีเดียวครับ
อ่านเพิ่มเติม
"TAF Special #14 - AU-23A Peacemaker In Agricultural Mission | บินไปกับ บ.จธ.๒ ในภารกิจการโปรยเมล็ดพันธุ์พืช"
//www.thaiarmedforce.com/taf-special/72-tafspecial14.html
Create Date : 16 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 22:22:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2977 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
|
|
|
|
| |
|
|