Product A = 50,000
Product B = 50,000
ทำให้เราใด้ 5,000 บาทมาเป็นเงินสดกำใว้ก่อนครับทีนี้ต่อมาวันดีคืนดี Product B ลดมูลค่าลงเหลือ เหลือ 48,000 บาท เราก็เอาเงินสดเข้าไปเติมครับ
Cash = 5,000 Cash = 3,000
Product A = 50,000 Product A = 50,000
Product B = 48,000 Product B = 50,000
เรายังมีเงินสดเหลือใว้และมูลค่าพอร์ทเรายังเท่าเดิมครับ พอเห็นความต่างมั้ยครับ
ทีนี้เมื่อเข้าใจ Concept แล้ว
เราก็สามารถวางกลยุทธใด้ว่า Product A และ B จะต้องเป็น Negative Correlation หรือเราจะ เทรดด้วย Cash 50% Product A 50% ก็ทำใด้ครับตรงนี้ก็พลิกแพลงกันไปครับ จะทำกับ Product กี่ตัวนั้นก็ตามใจเลยครับ
และข้อดีของการทำ Rebalance ก็คือ เราสามารถ diversify หลักทรัพย์ของเราเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วยครับ และยังสามารถเข้าตามตำรา ซื่้อถูกขายแพงอีกด้วย เพราะมันบังคับให้เราซื่อครับเช่น
กฏมูลค่าพอร์ทของเราจะต้องแบ่งท่ากับ 50-50 สมมติงบ 100,000 บาทนะครับ
ราคาเริ่มต้น 10 บาท ซื่อ Product A 5000 หน่วย
เริ่มต้น@10บาท >> ราคาขึ้นไปที่@12บาท
Cash 5 = 50,000 Cash = 50,000
Product A = 50,000 Product A = 60,000
เราจึง Rebalance ไปเป็น โดยการขายไปประมาณ 400 หน่วย
Cash = 54,800
Product A = 55,200
และต่อมาราคาลดจาก 12บาทเหลือ 10 บาทเท่าเดิมทำให้พอร์ทเราเป็นแบบนี้
Cash = 54,800
Product A = 46,000
เราก็เอาเงินสดซื้อคืนเข้าไปครับที่ ราคา 10บาทพอร์ทเราก็จะกลับมาหน้าตาแบบนี้ครับ
Cash = 50,800
Product A = 50,000
เท่ากับว่า Product A เราสร้างกระแสเงินสด ใด้ 800 บาท ทำให้ต้นทุนในการถือ 5000 หน่วยที่ราคา 10 บาท จะเหลือเพียง 49,200 ครับหรือเทียบเท่าเราซื่อ ณ ราคา 9.84 บาทครับ ทางเลือกอื่นก็เราจะเอา Cash นี้ไปเทรดตัวอื่น หรือเราจะวางกลยุทธแบบนี้หลายๆตัวก็ทำใด้ครับ
หวังว่าจะเป็นประโยช์นและช่วยให้เกิดไอเดียในการลงทุนใด้นะครับ
ขอบคุณครับพบกันกับบทความฉบับหน้าครับ
อย่าลืมฝากติดตามเพจ ใด้ที่ Facebook Page นะครับสามารถเมสเซจมาคุยกันใด้ 24/7 เลยครับ