•  Bloggang.com
  • เมษายน 2557

     
     
    1
    2
    3
    4
    5
    6
    7
    8
    9
    10
    11
    12
    13
    14
    15
    17
    20
    21
    22
    23
    24
    25
    26
    27
    28
    29
    30
     
     
    คนัง เงาะป่าที่มีตัวตนอยู่จริง

    จากบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “เงาะป่า”ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕)ทรงนิพนธ์กล่าวถึงเรื่องความรักของนางลำหับกับชายคู่รักและชายที่เป็นคู่หมั้น โดยมีคนังน้องชายของลำหับช่วยเหลือให้เธอหนีตามชายคนรักไปได้ แต่สุดท้าย ทั้งสามคนก็ต้องเสียชีวิตจากการต่อสู้เพื่อความรักของตน

    ด้วยความที่เป็นกลอนและเป็นเรื่องไกลตัว เราเลยไม่ค่อยอินกับเรื่องเงาะป่าเสียเท่าไหร่ แต่เคยอ่านหนังสือของกรมพระยาดำรงฯ ที่กล่าวถึงบุคคลสำคัญที่มีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลของร. ๕ แล้วตกใจที่ว่าท่านนำเงาะป่ามาชุบเลี้ยง

    รัชกาลที่ ๕ เคยทรงประพาสที่แถบหัวเมืองมลายู ทรงเดินตลาดและได้เจอกับวัฒนธรรมชาวบ้านแปลกประหลาด มีคนสวมผ้าเตี่ยว ผมหยิก ตัวดำ เป็นเผ่าซาไก เข้ามาในเมืองมาซื้อหาของใช้ แรกๆก็ทรงแปลกพระทัยว่าในบ้านเมืองที่ทรงปกครองมีประชากรหน้าตาแบบนี้ด้วยหรือ? ขณะทรงพักอยู่เรือนผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้น ก็ได้มีโอกาสเจอพวกซาไกบ่อยขึ้น เห็นเด็กชายซาไกคนหนึ่งน่าสงสาร อายุไม่ถึง ๑๐ขวบ ทรงทราบว่าเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่พี่น้องเสียชีวิตจากวิถีชีวิตแบบคนป่า จึงทรงนำตัวเข้าวังมาชุบเลี้ยง

    อ่านมาถึงจุดนี้แล้วช็อก เงาะป่าที่เราเรียนกันในหนังสือแบบเรียนสมัยประถม นอกจากจะมีตัวตนอยู่จริงแล้วยังได้อยู่ในวัง แต่ในใจแอบรู้สึกว่าอย่างนี้ไม่กลายเป็นคนแปลกหรืออยู่เป็นสัตว์เลี้ยงแบบขำๆของพระองค์ท่านหรือ?

    กรมพระยาดำรงฯ เล่าว่า เมื่อรัชกาลที่ ๕ สวรรคต ข้าราชการเชื้อพระวงศ์ ข้ารารบริพารก็ต่างตกใจ เสียใจกันไปตามๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือคนัง ที่ปีนรั้วหนีออกจากวังไป ตอนนั้นเป็นหนุ่มแรกรุ่นอายุราว ๒๐ ปี

    วาระสุดท้ายของคนัง ในหนังสือที่เราอ่านไม่ได้เขียนบอกไว้ แต่จากเว็บพันทิป เคยมีคนพูดถึง และเล่าไว้ว่าตายอย่างไม่มีใครสรรเสริญ เพราะติดผู้หญิง

    อ้างอิง : หนังสือบุคคลสำคัญสมัยรัชกาลที่ ๕, กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

    เว็บไซต์เพิ่มเติม

    //topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/01/K6264868/K6264868.html

    //www.reurnthai.com/index.php?topic=1219.60;wap2

    คะนังเป็นคนป่า เข้าใจว่าเป็นพวกที่เราเรียกว่าเงาะป่าซาไก มีเผ่าพันธุ์อยู่ทางใต้ของสยามใกล้ชายแดนมาเลย์ เจ้าเมืองทางใต้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าตามพระราชประสงค์โดยเลือกมาจากเด็กกำพร้าในกลุ่มเงาะ ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง แล้วเอาตัวมาส่งถึงกรุงเทพ คะเนว่าเกิดราวพ.ศ. ๒๔๓๖แต่ตัวเล็กดูเหมือนเด็กกว่าวัย

    คะนังมีสีผิวดำ แต่ไม่ดำสนิทอย่างคนแอฟริกันยังมีสีน้ำตาลแก่เจืออยู่มาก แบบที่เรียกว่าดำแดง ผมหยิกเป็นสปริงขอดติดหนังหัวจมูกแบน ปากหนาตัดกับฟันขาว เป็นเด็กร่าเริงฉลาดเฉลียว พระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดมากทรงเลี้ยงดังพระราชโอรสบุญธรรม เพียงแต่ว่าไม่ได้ยกให้เป็นเจ้าทรงมอบให้พระวิมาดาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎ ทรงดูแล มีเตียงนอนมุ้งหมอนผ้าห่มอย่างดี คะนังชอบสีแดงก็ได้ผ้าห่มแดงและเสื้อแดงสวมใส่ แต่ปกติแต่งกายอย่างมหาดเล็กเข้านอกออกในได้ทุกแห่ง และได้ตามเสด็จอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งคะนังเคยแต่งกายเป็นเจ้าเงาะในละครเรื่องสังข์ทองไม่ต้องสวมหัวเงาะก็เป็นเงาะอย่างสมบูรณ์ เคยเห็นภาพถ่ายคะนัง แต่ไม่ทราบว่าคะนังได้รำละครจริง ๆหรือว่าแค่แต่งแฟนซี คะนังเคยเล่าเรื่องของคนในเผ่าเงาะถวายพระเจ้าอยู่หัว เรื่องนี้เป็นที่มาของพระราชนิพนธ์เงาะป่า มีศัพท์แสงต่าง ๆของพวกเงาะปนอยู่หลายคำ เป็นเรื่องราวความรักที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม สำนวนไพเราะกินใจ

    คะนังพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ยอมพูดราชาศัพท์ นอกจากนี้ก็ไม่ค่อยจะรู้จักขนบธรรมเนียมไม่รู้ที่ต่ำที่สูง พระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยพระนามสั้น ๆอย่างไร คะนังก็เรียกตามอย่างนั้น ถือเหมือนตัวเองเป็นเจ้า คลุกคลีในหมู่เจ้านาย เคยมีข่าวว่าคะนังกำเริบทะลึ่งกับพระราชธิดา จะด้วยตั้งใจหรือว่าไม่รู้ประสาก็ตาม แต่ก็ทำให้บรรดาเจ้านายสตรีเรื่อยลงมาถึงมหาดเล็กเด็กชาทั้งหลายพากันไม่ชอบคะนังไปตามๆ กัน แม้แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเมื่อทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็ไม่โปรดคะนังทรงเห็นว่าทะลึ่ง แต่เกรงพระราชหฤทัยสมเด็จพระบรมชนกนาถจึงมิได้ทรงทำสิ่งใดออกมา

    เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๕ คะนังก็ชะตาตก ประกอบกับโตเป็นหนุ่ม ต้องออกจากพระบรมมหาราชวังมาหาที่อาศัยอยู่ข้างนอกแต่พระวิมาดาฯก็ทรงพระเมตตาให้เงินเลี้ยงชีพตามสมควร

    มหาดเล็กหนุ่มๆชักนำคะนังไปในทางชั่วพาไปเที่ยวหญิงโสเภณี สมัยนั้นเรียกว่าหญิงโคมเขียวเพราะหน้าซ่องจะจุดโคมสีเขียวไว้เป็นสัญลักษณ์ คะนังก็ไม่รู้การควรมิควร ตัวเองสมัครเข้าเสือป่าได้ ก็ขี่ม้าหลวงไปผูกไว้หน้าโรงโคมเขียว ทำเอาชาวบ้านมาดูกันเอิกเกริกว่าคะนังไปเที่ยวซ่อง

    วาระสุดท้ายของคะนังน่าเศร้าตายตั้งแต่ยังหนุ่ม เคยอ่านพบว่าคะนังไปหลงรักผู้หญิง ปีนเข้าหาเลยถูกญาติฝ่ายหญิงทำร้ายถึงตายแต่ข่าวที่ยืนยันตรงกันมากกว่าคือคะนังตายเพราะติดโรคผู้หญิงจากหญิงโคมเขียวตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี เมื่อตายแล้วก็แล้วกัน คะนังมิได้ทำความดีพอที่ใครจะสรรเสริญอาลัยเรื่องของคะนังจึงเป็นเพียงเกร็ดย่อยๆเรื่องหนึ่งที่คนรุ่นหลังเกือบจะไม่รู้จักกันอีกแล้ว





    Create Date : 16 เมษายน 2557
    Last Update : 16 เมษายน 2557 22:50:42 น.
    Counter : 1556 Pageviews.

    0 comments
    ชื่อ :
    Comment :
     *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
     

    อากาศมันร้อนขอนอนแปบนึง
    Location :
    กรุงเทพฯ  Thailand

    [ดู Profile ทั้งหมด]
     ฝากข้อความหลังไมค์
     Rss Feed
     Smember
     ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



    สวัสดีค่ะ ดีใจที่เข้ามาแวะดูโปรไฟล์นะคะ อยากเป็นเพื่อนกันหรือต้องการทักทาย ทิ้ง comment ไว้ได้นะคะ
    New Comments