เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยใจ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เที่ยวด้วยใจเที่ยวด้วยกัน

<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 พฤศจิกายน 2556
 

มิงกะลาบา...มัณฑะเลย์ กินเที่ยวสบาย ๆ สไตล์ลูกสาวกำนัน

ทริปแห่งความประทับใจเกิดจากความอยากที่จะไปนมัสการองค์พระมหามัยมุนี ให้ได้สักครั้ง และพอดี๊พอดี Everyone Can Fly มีโปรฯ ลูกสาวกำนันอย่างฉันหรือจะพลาด ได้มาในสนนราคา 2,380 บาท ทริปนี้มีเพื่อนร่วมขบวนการ ทั้งหมด 4 สาวพราวไปหมด...(555++)
ก่อนไปก็ต้องไปขอวีซ่าซะให้เรียบร้อย จ่ายค่าทำวีซ่าไป 810 บาท ทำ 3 วันได้ คนไปทำวีซ่าเยอะมาก ๆ ขนาดเราไปรอตั้งแต่สถานทูตยังไม่เปิด ส่วนวันรับเยอะยิ่งกว่า


เราไปกัน 4 วัน 3 คืน ที่หลัก ๆ ที่จะไปเที่ยวก็มี มัณฑะเลย์ มิงกุน อังวะ อมรปุระ สกายง์ ทริปเดินทางเรา 14-17/11/2013
14/11/2013
กรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ FD 2760 (10.55-12.20 น.) DMK-MDL
พระราชวังมัณฑะเลย์ Mandalay Palace -วัดกุโสดอ Kuthodaw Pagoda ชเวนันดอ Shwenandaw Monastery – ทิวเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill



เราถึงสนามบินมัณฑะเลย์ประมาณเที่ยงกว่า ๆ มาถึงก่อนเวลานิดหน่อย ตรวจหนังสือเดินทางเรียบร้อย ก็มาขึ้นรถบัสฟรีของ Airasia ให้บริการที่หน้าสนามบินเลยค่ะ สะดวกสบายมาก ๆ พนักงานจะตรวจตั๋วเครื่องบินนะคะ เก็บตั๋วไว้ให้ดี ใช้เวลาในการเดินทางเข้าตัวเมืองประมาณ 1 ชม. รถจะไปสุดที่ถนนเส้น 79 ทั้งไป-กลับ ขากลับก็มารอขึ้นรถตรงที่เราลงเลยค่ะ



เป็นเรื่องโชคดีที่เราจองโรงแรมซึ่งอยู่ถนน 79 พอดี เดินจากท่ารถมาไม่มากสบาย ๆ โรงแรมที่เราพักชื่อ 79 Living Hotel โรงแรมใหม่ ห้องพักสะอาด สะดวกสบาย Wifi แรงเว่อร์ ถ้าใครไปมัณฑะเลย์แนะนำที่นี่เลยค่ะ ค่าห้องพัก 40 $ ก่อนจะมาถึงโรงแรม มีพี่หม่องนามว่า อ่องอ่อง เดินตามแก๊งเรามา ถามเรื่องเช่ารถ คุยไปคุยมาเช่าก็เช่า วันแรกมีเวลาครึ่งวัน เราจะไปทั้งหมด 4 ที่ พระราชวังมัณฑะเลย์ Mandalay Palace -วัดกุโสดอ Kuthodaw Pagoda ชเวนันดอ Shwenandaw Monastery – ทิวเขามัณฑะเลย์ Mandalay Hill ตอนแรกอ่องบอก 25,000 Kyat เราต่อเหลือ 20,000 Kyat นัดอ่องมารับที่ รร. บ่าย 2 ครึ่ง อ่องอ่องจะมีคนขับรถคู่ใจชื่อ โซโซ มาด้วย จุดแรกที่เราไป พระราชวังมัณฑะเลย์ Mandalay Palace สวยงามอร่ามตาน่าชื่นชม ก่อนเข้าชมเสียค่าบัตร 10,000 Kyat บัตร 1 ใบสามารถเข้าได้ทั้งหมด 5 แห่ง ซื้อบัตรนี้แล้วเก็บไว้ตลอดทริปนะคะ จะได้ไม่เสียเงินซื้ออีก จำไม่ได้ว่ามีที่ไหนบ้างเพราะชื่อแต่ละที่เรียกยาก เอาเป็นว่าที่ไหนเรียกเก็บเงินหยิบบัตรนี้โชว์ไว้ก่อนเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะใช้ได้ในมัณฑะเลย์




พระราชวังมัณฑะเลย์กว้างมาก เดินเมื่อยค่ะ พระราชวังมัณฑะเลย์ สร้างขึ้นมาใหม่ด้วยไม้สักทั้งหลังแทนของเดิมที่ถูกไฟเผาทำลายในช่วงสงครามโลก ครั้งที่สอง โดยจำลองแบบจากภาพเขียนของชาวต่างชาติ ซึ่งพอที่จะบอกถึงเค้าโครงเดิมของตัววังเก่าในสมัยนั้นได้ เป็นสัญลักษณ์ของราชธานีพม่าโบราณที่ยังคงร่องรอยของความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้รอบๆพระราชวังยังมีกำแพงเมืองโบราณทั้งสิ่ด้านที่ล้อมรอบด้วยคูน้ำ เป็นของเดิมที่ไม่ถูกทำลาย (ลอกเค้ามา....555++) เข้าไปแล้วต้องเดินขึ้นไปหอคอย ขึ้นไปสุดแล้วจะได้เห็นวิวมุมกว้างของพระราชวังสวยมาก ๆ ค่ะ





ไปกันต่อที่ วิหารชเวนันดอร์ วิหารไม้สัก เพียงหลังเดียวของพระเจ้ามินดงที่หลุดรอดจากการเผาทำลาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นงานไม้แกะสลักที่ทรงคุณค่า อายุมากกว่า ๑๐๐ ปี ไม้สักสีดำแกะสลักอย่างวิจิตรสวยงาม หยิบตั๋วเตรียมโชว์เลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะปั้มตัวเลขไว้ค่ะ ว่าได้มาแล้ว



ด้านหลังวิหารชเวนันดอร์ มีอีก 1 วิหาร จำชื่อไม่ได้จริง ๆ ว่าชื่ออะไร อ่อง บอกแล้วแต่จำไมได้ชื่อยาว จำยาก ดูภาพประกอบแล้วกันนะ



จุดต่อไปคือ Mandalay Hill เขามัณฑะเลย์ มีวิหาร “ซูตองพญา” รูปทรงคล้ายมณฑปครอบพระมหามัยมุนี ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสป และพระสมณโคดม รอบวิหารมีระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดี พระบรมมหาราชวัง วัดกุโสดอว์ Mandalay Hill เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นมาชมวิวในช่วงเย็น ๆ ใกล้พระอาทิตย์ตกดิน ข้างบนอากาศเย็นสบาย ยืนชมธรรมชาติยามพระอาทิตย์อัสดงมันช่างงดงามจริง ๆ (กว่าจะได้มาแต่ละภาพต้องแทรกกายในฝูงชนฝรั่ง เพราะพี่ท่านยืนบังวิวกันหมด)



กว่าจะลงจาก Mandalay Hill ก็ปาเข้าไปประมาณหกโมงกว่า ๆ เรายังไม่หยุดแค่นี้ ไปต่อกันที่วัดกุโสดอว์ ไปถึงก็มึดพอดี วัดกุโสดอว์ เป็นวัดที่พระเจ้ามินดง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และได้นำมาประดิษฐานในมณฑป อยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน สูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม



กราบนมัสการพระพุทธรูปกันแล้ว ได้เวลามื้อเย็น และมื้อแรกในมัณฑะเลย์ เราให้ อ่องอ่อง พาไปส่งที่ร้าน Ko’s Kitchen เป็นร้านอาหารไทย ร้านไม่ใหญ่เล็ก มี 2 ชั้น อาหารรสชาติดี (แกงเลียงกุ้งสดอร่อยมาก) ราคาไม่แพง มาดูหน้าตาอาหารที่เราสั่งมากินกัน อิ่มแล้วจะมีขนมหวานล้างปาก อันนี้ฟรีค่ะ














รถมารับเรากลับกันตอน ทุ่มครึ่ง ถึงรร. เกือบ 2 ทุ่ม อาบน้ำแต่ยังไม่นอน เพราะแต่ละคนมีภารกิจ ในการอัพรูป เมาท์ แชท กว่าจะนอนก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่า พรุ่งนี้เราจะต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 3 รถมารับตอนตี 3 ครึ่ง ขอนอนเอาแรงสักนิด เพราะภารกิจเที่ยวพรุ่งนี้จัดหนักจัดเต็ม
15/11/2013
พระมหามัยมุนี Mahar Muni Buddha Image –อมรปุระ Amarapura สะพานไม้อูเบ็ง UBEIN Bridge –วัดมหากันดาโยง Mahagandayon Temple สกายง์ Sagaing (วัดเจดีย์กองมูดอร์/เจดีย์นมนาง) -อังวะ Inwa
เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 3 หลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน เพราะกลัวนาฬิกาไม่ปลุก อ่องมารับ ตี 3 ครึ่ง ไปถึงพระมาหามัยมุนี เกือบ ๆ ตี 4 คนเยอะพอสมควร อ่องพาพวกเราไปนั่งด้านหน้าแถวแรก สำหรับในส่วนของผู้หญิง พอตี 4 แป๊ะ เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตู แว๊บแรกที่เห็น องค์พระมหามัยมุนี สวยมาก ๆ องค์เป็นสีทองเหลืองอร่าม งามที่สุด
พระมหามัยมุนี (อังกฤษ: Mahamuni Buddha) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของพม่า และเป็นหนึ่งในห้า ศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ด้วยความเชื่อว่า พระพุทธมหามัยมุนี นี้เป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต เพราะด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร (บางตำนานก็เล่าว่าได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า) จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้า เวลาประมาณ 04.00 น. (ตี 4) พระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธาจะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดีเสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่จริง ๆ อนึ่ง องค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไป ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า "พระเนื้อนิ่ม" แต่น่าแปลกที่ว่า แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการปิดทองที่องค์พระเลยแม้แต่น้อย (จาก //th.wikipedia.org/wiki)






เราใช้เวลาในการดูพิธีล้างพระพักตร์ ประมาณ ชั่วโมงกว่า ก็ให้อ่องมาส่งที่ รร. นัดอ่องมารับอีกที 8.30 น. วันนี้เราจะออกนอกเมืองไปกันหลายที่ ต้องขอบคุณ อ่อง มาก ๆ ที่ไปขวนขวายขอน้ำมนต์ที่ใช้ล้างพระพักตร์มาให้พวกเรา เอากลับมาบูชาที่บ้าน ขอบคุณอ่องจริง ๆ ได้ใจไปเลย
ได้เวลา 8.30 อ่องมาตามที่นัดหมาย สถานที่เราจะไปก็ตามนี้เลยค่ะ อมรปุระ Amarapura วัดมหากันดาโยง Mahagandayon Temple อังวะ Inwa สกายง์ Sagaing (วัดเจดีย์กองมูดอร์/เจดีย์นมนาง) สะพานไม้อูเบ็ง UBEIN Bridge
เมืองอมรปุระ (Amarapura) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งผู้ที่เป็นอมตะ และยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของพม่า ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ปี 1859 เมืองอมรปุระ เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ออกไป 12 กิโลเมตร นับเป็นอีกหนึ่งเมืองของพม่าที่ยังคงมนต์ขลังมาจนปัจจุบัน ซึ่งสามารถสัมผัสได้จากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมไปถึงอารยธรรมอันเก่าแก่ของเมืองที่สามารถพบเห็นได้จากเหล่าวัดอารามและเจดีย์ที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบๆตัวเมือง โดยเฉพาะชื่อเสียงเกี่ยวกับการค้นพบสถูปบรรจุอัฐิสถูปบรรจุอัฐิพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) ที่เชื่อกันว่าน่าจะอยู่ที่สุสานลินซินกองในเมืองอมรปุระ
งานนี้อ่อง พาเราไปที่ สุสานลินซินกอง ด้วยค่ะ ตอนไปเจ้าหน้าที่ก็กำลังขุดค้นซากโบราณสถานโบราณวัตถุกันอยู่เลยค่ะ อ่องมีแถมสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้กับเราด้วย แต่จำชื่อไม่ค่อยได้ค่ะ ชื่อยาก ๆ ยาว ๆ ทั้งนั้น ไฮไล ในช่วงเช้าก็จะอยู่ที่วัดมหากันดาโยง ซึ่งจะมีพระและเณร กว่าพันรูป เดินเข้าแถวเพื่อจะไปฉันท์อาหาร จะเริ่มเวลา 10.00 น. นักที่องเที่ยวเยอะมากมาก ดูภาพประกอบก็แล้วกันนะคะ













วัดมหากันดาโยง ตั้งอยู่ริมทะเลสาบตองตะมาน ใกล้สะพานอูเบ็ง และเป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของพม่า มีภิกษุและสามเณรมาศึกษาเล่าเรียนทางธรรมกว่า 1,200 คน และมีพระภิกษุจาก ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ มาบวชเรียนด้วย วิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้เป็นสถานที่ศึกษาพระธรรมและรักษาพระธรรมวินัยมากที่สุด ด้วยวัตรปฎิบัติอันงดงามของภิกษุสงฆ์ในวัดมหากันดายน ทำให้มีชาวพม่าจำนวนมากส่งบุตรหลานมาศึกษาพุทธศาสนากันที่นี่ และทำให้มีผู้มีจิตศรัทธาจองคิวกันนำภัตตาหารมาถวายพระทั้ง 1,200 รูปไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้วิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ดำรงค์อยู่ได้แม้จะได้รับงบประมาณจากรัฐบาลพม่าไม่มากนัก









สถานที่โบราณในเมืองอมรปุระ ที่พม่า เป็นสถานที่ขุดค้นโบราณวัตถุของช่างสมัยอยุธยา ครั้งที่อยุธยาเสียกรุงให้พม่า แล้ว พม่าเกินคนไทยมาอยู่ที่นี่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเรียกว่า สุสานลินซินกอง





ไปต่อกันที่อังวะ : อังวะ ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า เป็นเมืองหลวงเก่าของพม่าถึง 5 ครั้งในช่วง 360 ปีระหว่าง ค.ศ. 1365 ถึง ค.ศ. 1842 ทั้งในสมัยราชวงศ์อังวะ ราชวงศ์ตองอู และราชวงศ์อลองพญา ในประวัติศาสตร์เมืองอังวะผ่านการสู้รบ ถูกปล้นสะดมและฟื้นฟูมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบันถูกทิ้งร้างหลักจากถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่22 มีนาคม ค.ศ. 1839 ซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากมัณฑะเลย์
เราก็มาถึงอังวะกว่าบ่าย กว่า ๆ เราพักกินข้าวกลางวันกันที่ร้านอาหารร้านนึง ซึ่งน่าจะเป็นร้านเดียวในอังวะ ร้านใหญ่ดี อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาแวะกินข้าวกลางวันกันที่จุดนี้ มาดูบรรยากาศของเมืองอังวะกัน





ไปเมือง สกายง์ Sagaing (วัดเจดีย์กองมูดอร์/เจดีย์นมนาง) วันนี้ไม่ต้องพักค่ะ เพราะบอกสมาชิกแล้ววันนี้จัดเต็ม...555++
เมืองสกายง์ ซึ่งเคยเป็นราชธานีโบราณ อีกแห่งหนึ่ง สัญนิษฐานกันว่าเป็นราชธานีของกลุ่มฉาน หรือ ชาญมาก่อนการสร้างเมืองอังวะ และอมรปุระ เมืองสกายง์ ตั้งอยู่อีกฝั่งแม่น้ำอิระวดี ซึ่งเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับเมืองมัณฑะเลย์และเมืองอมรปุระ หากมองจากอีกฝั่งหนึ่งจะมองเห็นเจดีย์สีขาวและสีทองอยู่เป็นกลุ่ม ลดหลั่นลงมาตาไหล่เขา ขนานไปกับแม่น้ำอิระวดี










ยังเรายังไม่หมดแค่นี้ ยังมีต่ออีก 1 ที่ เมื่อวานชมอาทิตย์ตกที่ Mandalay Hill วันนี้ไปชมที่สะพานไม้อูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก สะพานอูเบ็ง เป็นสะพานที่ยาวถึง 2 กิโลเมตร ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมาน ทางตอนใต้ของเมืองอมรปุระ มุ่งตรงไปสู่เจดีย์เจ๊าต่อจี อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบ พระเจ้าปุดงโปรดฯให้ขุนนางนามว่า “อูเบ็ง” เป็นแม่กองงานสร้างสะพานแห่งนี้ โดยใช้ไม้สักที่รื้อจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะจำนวน 1,208 ต้น







จบทริปวันนี้กันที่ร้านอาหารไทย ต้มยำกุ้ง ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมา เพราะหิวมาก ๆๆๆ อาหารวางปุ๊ป กินเรียบปั๊ป...555++ อาหารอร่อยรสชาติไทยแท้ เพราะแม่ครัวเป็นคนไทย



16/11/2013
เจดีย์มิงกุน Mingun Pagoda-ระฆังมิงกุน Mingun Bell เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) พระมหามัยมุนี (บรรยากาศกลางวัน) จบที่ Daimond Plaza (ไปห้างแทนเนื่องจากตลาดเซโจปิด พม่าตลาดจะปิดทุกวันพระ)
เหมือนเดิมนักอ่องมารับ 8.30 น. เวลาดีมีมาตรฐานในการเที่ยวมัณฑะเลย์ เช้านี้มุ่งตรงไปมิงกุน เราไม่ได้ใช้บริการล่องเรือแม่น้ำอิระวดีสู่หมู่บ้านมิงกุน รถพาไปถึงมิงกุนเลย (ดี ๆ ไม่ต้องเสียเงินค่าเรือ...555++) จุดสนใจของมิงกุนก็คือ เจดีย์มิงกุน ร่องรอยแห่งความทะเยอทะยานของพระเจ้าปดุง ด้วยภายหลังทรงเคลื่อนทัพไปตียะไข่ แล้วสามารถชะลอพระมหามัยมุนีมาประดิษฐานที่มัณฑะเลย์ เป็นผลสำเร็จ จึงทรงฮึกเหิมที่จะกระทำการใหญ่ขึ้นและยากขึ้น ด้วยการทำสงครามแผ่ขยายไปรอบด้าน พร้อมกับเกณฑ์แรงงานข้าทาสจำนวนมากก่อสร้างเจดีย์มิงกุนหรือเจดีย์จักรพรรดิ เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุที่ได้จากพระเจ้ากรุงจีนโดยทรงมุ่งหวังให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์ในสมัยพุกาม และใหญ่โตโอฬารยิ่งกว่าพระปฐมเจดีย์ในสยาม ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ข้าทาสชาวยะไข่หรืออาระกันจำนวน 50,000 คนหลบหนีการขดขี่แรงงานไปอยู่ในเขตเบงกอล เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ แล้วทำการซ่องสุมกำลังเป็นกองโจร ลอบโจมตีกองทัพพม่าอยู่เนืองๆโดยพม่ากล่าวหาว่าอังกฤษหนุนหลังกลายเป็นฉนวนให้เกิดสงครามอังกฤษ-พม่า อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พม่าเสียเมืองในที่สุด อย่างไรก็ตาม งานก่อสร้างเจดีย์มิงกุนดำเนินไปได้เพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต ภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์อันยิ่งใหญ่ในพระราชหฤทัยของพระองค์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน ทว่าใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคงถึง 50 เมตร ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก เพราะสูงถึง 152 เมตร ส่วนรอยแตกร้าวตรงกลางฐานเกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2381





จุดต่อมา ระฆังมิงกุน ไม่ไกลจากฐานเจดีย์มิงกุนคือระฆังมิงกุน ที่พระเจ้าปดุงโปรดฯให้สร้างโดยสำเร็จ เพื่ออุทิศทวายแด่มหาเจดีย์มิงกุน จึงต้องมีขนาดใหญ่คู่ควรกัน คือเป็นระฆังยักษ์ที่มีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน เล่าขานกันว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งหนึ่งแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโกเพียงใบเดียวทว่าระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ชาวพม่าจึงภาคภูมิใจว่าระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์ที่ยังคงส่งเสียงก้องกังวาน ทั้งนี้เคยมีการทดสอบความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ โดยให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คน


เจดีย์ชินพิวมิน (เมียะเต็งดาน) ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาพระสุเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ










อยู่ที่มิงกุนพอหอมปากหอมคอ กินอาหารกลางวันแบบบ้าน ๆ ที่นี่เลย เป็นแบบกุ้งตัวเล็ก ๆ ไม่ถึงกับฝอย ปลาเล็กปลาน้อย และผักต่าง ๆ ทอดกรอบเป็นแพ สนนราคา 3 แพ 1000 kyta



ออกจากมิงกุนกว่าประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ มาถึงพระมหามัยมุนี ประมาณ บ่าย 2 เราใช้เวลาตรงนี้ไม่น่าจะถึงครึ่ง ชม. เพราะอยากไปตลาดเซโจ คันไม้คันมืออยากใช้เงิน สุดท้ายไม่ได้ไปเพราะตลาดปิด อ่องเลยแนะนำให้ไปที่ Daimond Plaza เอ้าไปก็ไป ห้างไม่เล็กไม่ใหญ่ ส่วนใหญ่ขายเสื้อผ้า ไอ้ประเภทของซื้อของฝากแทบไม่มี ได้แค่ชา 3 in 1 ยี่ห้อ Royal Myanmar Teamix มาคนละ 2 ถุง ด้านหลังห้างก็จะมีตลาดสด เราก็ไปเดินดูฆ่าเวลารอ รอรถมารับกลับ รร.









กลับถึง รร. ก็ 5 โมงกว่า ๆ รอเวลา 6 ดมงค่อยออกไปหาอาหารเย็นแถว รร. มื้อนี้ไปกินที่ร้าน Crown restaurant เป็นร้านที่ขายเบียร์สด ราคาถูกมากเหยือกไม่เล็กไม่ใหญ่ 600 Kyta อาหารรสชาติอร่อย และราคาถูกมาก มื้อนี้หมดไป 240 บาท (4 คน) เมนูวันนี้ ข้าวผัดจานใหญ่ หมูก้อนทอด ผัดผักรวม น้ำซุปแถมฟรี...อื้มอร่อย


กลับห้องกินอิ่ม นอนหลับ เก็บข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับมาตุภูมิพรุ่งนี้
17/11/2013
สนามบินมัณฑะเลย์ - กรุงเทพฯ / FD 2761 (12.50 – 15.15 น.) MDL-DMK เช็คเอาท์ 8.30 เดินไปขึ้นรถ Airasia Shuttle Bus เพื่อไปสนามบินมัณฑะเลย์ (คันแรก 9.00 น. คันที่สอง 9.15 น.) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. นิด ๆ ไปถึงสนามบินคิดว่าจะได้เช็คอินอะไรต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องทำ แต่ทำไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เปิดให้เข้าไปด้านใน นั่งรอกันอยู่ประมาณ 1 ชม. 11 โมงกว่า ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายถึงจะมาเปิดให้เข้า (เยอะอะ) แล้วมีการกันให้เข้าได้ที่ละ 5-6 คน บ้าไปแล้วพี่น้องหม่องเอ๊ย!!...อารมณ์เสีย...อิอิ



อ่อ บอกอีกนิดถ้าใครที่ทำเช็คอินมาแล้วของแอร์เอเชียนะคะ ให้นำ Bording Pass ที่เราปริ้นมาให้เจ้าหน้าที่ ไม่ต้องไปต่อแถวนะคะ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการปริ้น Bording Pass ใบใหม่ให้เรา รอไม่ถึง 5 นาทีได้ค่ะ เสร็จแล้วเข้าด้านใน แหมอฉันก็หลงดีใจจะได้ช๊อปให้สะใจสักที ปรากฏว่าเข้าไป Duty free ยังก็ป่าช้า มีร้านเปิดอยู่ 4-5 ร้าน เป็นร้านเหล้า กับร้านน้ำหอม และร้านอาหาร 1 ร้าน เจ็บปวดมาก...เศร้า แต่ไม่เป็นไรตั้งใจจะซื้อแล้ว ลูกสาวกำนันอย่างฉันเลยจัด Smirnoff: VODKA กับ Gin London มาซะเลย
ได้เวลา เที่ยงกว่า เครื่องก็ลง เพื่อจะมารับกลับต่อเลย เครื่องออกก่อนเวลานิดหน่อย ถึงดอนเมืองอย่างปลอดภัยก่อนเวลาจริง 20 นาที มีเวลาเลิกเงินดอล เป็นเงินบาท และก็เดินดูของที่ duty free อีกนิดหน่อย แยกย้ายสลายโต๋ กับบ้านพักผ่อน พร้อมลุยทำงานต่อในวันรุ่งขึ้น
ทริปนี้ได้อะไรบ้าง ได้ไปไหว้พระทำบุญ ได้เพื่อนร่วมทริปใหม่เพิ่มอีก 2 สาว (หวังว่าจะมีทริปต่อ ๆ ไปเด้อเพื่อน) ได้ไปเห็นวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามและหยั่งรากลึกในพุทธศาสนาของคนพม่า ได้เห็นถึงความมีน้ำใจและมนุษยสัมพันธ์อันดีของคนที่นั่น ได้ไปเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เหนือคำบรรยาย (ไม่ไปไม่รู้) ขอบคุณประชาชนคนพม่า ที่ได้สร้างสิ่งสวยงามไว้บนโลกใบนี้ ให้คนต่างชาติต่างภาษาได้ไปชื่นชม ขอบคุณ อ่องอ่อง และ โซโซ ที่พาเราไปเที่ยวซะทั่วในมัณฑะเลย์ ขอบคุณเพื่อนสาวทั้ง 3 ที่ร่วมทริปดี ๆ ไปไหนไปกัน ขอบคุณอาหารทุกมื้อ ข้าวทุกเม็ด อิ่มอร่อยตลอด ๆ ขอบคุณร้านค้าเล็ก ๆ บริเวณ รร. ที่มีทานาคาไว้ขายพวกเรา (เกือบไม่ได้กับมาเพราะตลาดปิด) ขอบคุณ Mr. Sithu เจ้าของ 79 living Hotel ที่ลดราคาห้องพักให้เราไม่มากมายอะไรแต่ก็รู้สึกดี และสุดท้าย ท้ายสุดอยากจะบอกว่า เจซูตินบาแด มัณฑะเลย์







Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 22 มิถุนายน 2558 14:05:46 น. 10 comments
Counter : 3804 Pageviews.  
 
 
 
 
เริ่ดมากค่ะ
 
 

โดย: oum IP: 161.246.72.2 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:9:53:02 น.  

 
 
 
ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: sita IP: 202.41.190.165 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:13:58 น.  

 
 
 
ชอบการเล่าเรื่องที่น้องส้มได้ไปท่องเที่ยวในแต่ละแห่งมันมองเห็นภาพเลยชอบทุกช๊อตที่เล่า มันมีประโยชน์สำหรับทุกคนที่ได้อ่านได้เห็นภาพและวิดีโอที่ลงในFBและไม่มีโอกาสได้ไป ชอบมากคะคราวหน้าไปเที่ยวไหนอีกอย่าลืมมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่นำมาฝาก
 
 

โดย: เฉลิม IP: 202.41.171.112 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:55:31 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้มานะคะ มีแรงที่จะเที่ยวจะเขียนอีกเยอะเลยค่ะ
 
 

โดย: sitafighting วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:48:22 น.  

 
 
 
แนะนำสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆๆแบบ ธรมชาติพื้นบ้าน เพราะ อีก 2-3 ปีคงจะเจริญจะไม่เหลือความเป็นธรรมชาติ พอไปนึกถึงบ้านเรา เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว และคนที่ชอบไหว้พรพ..ทำบุญบอกได้คำเดียว ศักดิ์ สิทธิ์มากๆๆค่ะ เพราะเจอกับตัวเอง.. ตรงไหนที่สุดเอาไปอ่าน ที่น้องส้มเขารีวิวค่ะ
ขอบคุณสำหรับทริปนี้น่ะจ๊ะ
 
 

โดย: นายก IP: 161.246.76.72 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:34:21 น.  

 
 
 
อยากทราบว่าค่าใช้จ่ายทั้งทริปประมาณเท่าไหร่คะ? แล้วพี่มีเบอร์ติดต่อไกด์ที่ชื่ออ่องมั้ยคะ ไว้ใจได้มั้ย? ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: Hydro IP: 58.9.154.187 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2556 เวลา:11:57:37 น.  

 
 
 
ค่าใช้จ่ายถ้าไม่รวมตั๋วเครื่องบินนะคะ ประมาณ 5 - 6 พัน บาทค่ะ
เบอร์ติดต่อ Mr. Aung Aung 09-33167125
Aung จะรอลูกค้าอยู่บริเวณถนนเส้น 79 ตรงที่รถบัสของแอร์เอเชียไปจอดค่ะ
 
 

โดย: sitafighting วันที่: 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา:8:55:27 น.  

 
 
 
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวมัณฑะเลย์ ตามเลยค่ะ ดูพม่าไม่น่ากลัวเลย เที่ยวง่าย กินง่าย อยากไปบ้างค่ะ
 
 

โดย: มูมิน IP: 202.41.190.165 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา:9:08:20 น.  

 
 
 
ขอบคุณนะค๊าาาา :)
 
 

โดย: Hydro IP: 61.90.101.12 วันที่: 10 ธันวาคม 2556 เวลา:18:50:43 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับสิ่งดี ๆ ที่เล่าสู่การฟัง มีประโยชน์มากค่ะ
 
 

โดย: GJ IP: 94.23.252.21 วันที่: 12 สิงหาคม 2557 เวลา:21:18:37 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Life is Journey Life is Travel
[Add กินให้สุด อย่าหยุดเที่ยว's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com