โรคทนรอไม่ได้
ทำงานกับคอมพิวเตอร์นาน ๆ ระวังจะเป็นโรคทนรอไม่ได้ (Hurry Sickness)...อันตรายกว่าที่คิด ...
โรคและกลุ่มอาการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อันเนื่องมาจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์
โรค CumulativeTrauma Disorders (ความผิดปกติจากอุบัติภัยสะสม)อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จะมีอาการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ที่เป็นมาก ๆ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาการชาที่มือ
อาการของโรคพวกนี้แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ - ระยะแรกเป็นแล้วหายเมื่อได้พัก - ระยะสองคือ มีอาการต่อเนื่องถึงกลางคืน และหายเมื่อได้พัก - ระยะสามคือเป็นตลอดเวลาไม่หายเมื่อได้พัก
การรักษา คือ ต้องปรับพฤติกรรมการทำงานของตนเองก่อน หรือถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์ และควรเล่าประวัติการทำงานให้แพทย์ทราบสาเหตุที่แท้จริงแพทย์จึงจะรักษาเจาะจงเฉพาะที่ได้ โรคนี้มีความคล้ายกับโรคจากการทำงานซ้ำซาก ซึ่งนักกายภาพบำบัดอธิบายว่า พบมากในผู้ที่ทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน มักจะมีอาการชาข้อมือหรือที่เรียกว่า กลุ่มอาการอุโมงค์ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)เกิดเนื่องจากการใช้งานซ้ำ ๆ ที่บริเวณข้อมือ ทำให้เอ็นรอบ ๆข้อมือหนาตัวขึ้นแล้วไปกดเส้นประสาทที่วิ่งผ่าน ทำให้เกิดอาการชาและเจ็บได้ ซึ่ง
การรักษานอกจากทางกายภาพ โดยใช้ความร้อนทำให้บริเวณที่จับหนาตัวขึ้นนิ่มลง และยืดมันออกทำให้อุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านขยายตัวได้ แต่ถ้าผู้ที่เป็นมาก ๆจะมีอาการชาจนกระทั่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงไป
การผ่าตัดคือวิธีรักษาที่ดีที่สุด
โรคทนรอไม่ได้ (HurrySickness) มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้กลายเป็นคนขี้เบื่อหงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย เช่น ทนรอเครื่องดาวน์โหลดนาน ๆ ไม่ได้กระวนกระวาย หากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้ท่านจึงควรปรับเปลี่ยนลักษณะงาน และพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไว้บ้าง มิฉะนั้นท่านจะเป็นคนที่เสียทั้งงานและเสียทั้งเพื่อนได้
โรคภูมิแพ้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอก โฮล์ม ในสวีเดนพบว่า สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ สารนี้มีชื่อว่า Triphenyl Phosphateที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในจอวิดีโอ และคอมพิวเตอร์สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนขึ้นจะปล่อยสารเคมีดังกล่าวออกมาโดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทำงานที่มีเนื้อที่จำกัด เครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้น อากาศที่ดีจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
สรุปภัยจากคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์กำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์ธรรมดา ๆ ที่จำเป็นต้องมีของทุกหน่วยงาน พนักงานทุกคนต้องใช้เป็น ความเสี่ยงจึงเกิดกับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่หน้าจอเป็นประจำ โดยเฉพาะท่านที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน ผลกระทบต่อสุขภาพเบื้องต้นที่แน่ ๆ คือ ปวดหลัง ปวดไหล่ ต้นคอ และข้อมือเกิดอาการเครียดที่ตา เพราะขณะมองจอนั้นผู้ใช้มักไม่กะพริบตาเป็นผลให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการที่ตามมาคือ ตาพร่า และมองไม่เห็นชั่วคราว นอกจากนี้ยังอาจมีอาการไมเกรนพ่วงมาด้วย
ปัญหาทางตาเป็นปัญหาที่น่าห่วงมาก เพราะเมื่อตาเกิดความเครียดกล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตา จนเกิดความเมื่อยล้า จึงมีคำแนะนำว่า ถ้าต้องใช้สายตาอยู่กับหน้าจอนาน ๆ ควรพักสายตาทุก ๆ สิบนาที ด้วยการเปลี่ยนไปมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไปสัก 20 ฟุต มองสัก 2-3นาทีแล้วค่อยมองจอต่อ ทั้งหมดคงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์เองที่จะต้องรับผิดชอบสุขภาพของตนเอง เพราะถ้าเกิดปัญหาทางสายตาขึ้นจะไปเรียกร้องเงินทดแทนก็คงทำได้ยาก
การป้องกัน - ติดแผ่นกรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ วิธีนี้สามารถลดระดับปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากจอภาพลงได้บ้าง แต่ไม่สามารถลดลงได้ทั้งหมด วิธีนี้ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสบายใจ คลายความกังวลลงได้บ้าง นอกจากนี้ยังช่วยลดแสงจ้า แสงสะท้อนเข้าสู่ตา และไฟฟ้าสถิตย์ได้ระดับหนึ่ง ทำให้ดวงตามีอาการล้าลดลง
- ควรพักสายตาประมาณ 10 นาทีต่อชั่วโมง หรือพักทุก 15 นาที ต่อ 2 ชั่วโมง เช่น หลับตา มองไปไกลๆ มองวิวธรรมชาติ พวกใบไม้ ดอกไม้ หรือเปลี่ยนอิริยาบทโดยการเดิน การแขว่งแขนไปมาประมาณ 5-10 นาที หรือดูสิ่งพิมพ์ตัวโตๆ โดยควรทำงานกับจอภาพไม่เกินวันละ 4 ชั่วโมง
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียน
หวังให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง
Create Date : 05 กรกฎาคม 2559 |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2559 0:01:45 น. |
|
65 comments
|
Counter : 4549 Pageviews. |
|
|
ปวดไหล่ เป็นหมดคา ยังๆ ปวดตาอีกด้วย
ตอนกลางคืนต้องใส่แว่นกรองแสงอีกที
ถ้าปวดมากรินก็ใช้แผ่นประคบช่วยบรรเทาได้เหมือนกันนะคะ
ต้องขยับท่าทางกันบ้าง
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Parenting Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Literature Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog