|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตุรกี (1/2): คาปาโดเกีย-คอนย่า-ปามุคคาเล่
มาละครับ รายงานการท่องเที่ยวตุรกีเมื่อวันพ่อที่ผ่านมา ที่บ้านผมจะหาเวลาว่างเที่ยวต่างประเทศปีละครั้ง ซึ่งปีนี้ต่อจากอียิปต์ก็เห็นว่าตุรกีที่อยู่ใกล้ๆกันนี่แหละ ที่น่าจะถูกใจคอเที่ยวสายประวัติศาสตร์ไม่แพ้กัน เพื่อความอินในการเดินทาง ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับประเทศตุรกีนิดหน่อยครับ
ตุรกี เป็นหนึ่งในส่องประเทศที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวอยู่ทั้งทวีปเอเชียและยุโรป (อีกประเทศหนึ่งคือรัสเซีย) พื้นที่ส่วนใหญ่ของตุรกีติดกับทวีปเอเชีย มีเพียงส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งติดกับยุโรป โดยมีช่องแคบบอสฟอรัสคั่นระหว่างทะเลดำและทะเลอีเจี้ยน มีขนาดใหญ่เป็น 1.5 เท่าของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่เป็นแขกขาวนับถือศาสนาอิสลาม
พื้นที่ฝั่งเอเชียนี้ส่วนใหญ่เป็นดินแดนที่มีคนเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์และสร้างอารยธรรมต่อเนื่องกันมานับหมื่นปี เรียกว่าดินแดน อนาโตเลีย (Anatolia) แม้แต่วิหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Göbekli Tepe ก็อยู่ในเขตประเทศตุรกีที่ Şanlıurfa ทางตะวันออกเฉียงใต้ ดินแดนบางส่วนของตุรกีอยู่ในเขตอิทธิพลของเมโสโปเตเมีย หนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อนพวกฮิตไตจะเข้ายึดครองดินแดนอนาโตเลียเมื่อ 3,600 ปีก่อน แล้วสร้างอารยธรรมของตัวเอง เป็นอารยธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตุรกีที่เก่าแก่ที่สุด หลังจากนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ของตุรกีตกเป็นของกรีก ซึ่งต่อมาก็ถูกโรมันเข้ายึดครอง ตามเสต็ปเดียวกับอียิปต์เลย จักรพรรดิคอนสแตนตินได้นำศาสนาคริสต์เข้ามาในพื้นที่แถบนี้ และสร้างเป็นอาณาจักรไบแซนไทน์ โดยมีศูนย์กลางคือกรุงคอนสแตนติโนเปิล หรืออิสตันบูลในปัจจุบัน ศาสนาคริสต์รุ่งเรืองในเอเชียไมเนอร์ได้ 700 ปี ไบแซนไทน์ก็ถูกชาวเซลจูคโค่นล้มลงแล้วทำให้ดินแดนนี้เปลี่ยนมานับถืออิสลามตั้งแต่นั้น เกิดเป็นอาณาจักรออตโตมัน ที่ยิ่งใหญ่กินพื้นที่ตั้งแต่ตะวันออกกลางจนถึงแอฟริกาตอนบน จนกระทั่งพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และถูกฝ่ายสัมพันธมิตรเข้าควบคุม ก่อนอะตาเติร์กจะนำประชาชนชาวตุรกีลุกฮือขับไล่สัมพันธมิตรได้สำเร็จ แล้วสร้างเป็นประเทศตุรกีขึ้นในปี 1923 นี้เอง
อะ สรุปแบบตารางเพื่อสุขภาพสายตาคนอ่าน...
ถึงจะเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดขึ้นจริงๆเมื่อไม่ถึงร้อยปีมานี้ แต่ประวัติศาสตร์ในดินแดนอนาโตเลียนั้นนอกจากจะยาวนานแล้วยังเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโบราณที่ยิ่งใหญ่ของโลกทั้งอาณาจักรโรมันทางตะวันตก เปอร์เซียทางตะวันออก และอียิปต์โบราณทางตอนใต้ ทำให้การเที่ยวตุรกีนอกจากจะได้เดินทางสองทวีปแล้วยังได้ชมสุดยอดอารยธรรมโบราณที่หลากหลาย
ทริปนี้จัดโดย Express Holiday Center ในวันที่ 5-12 ธันวาคม 2558 ค่าเที่ยวตกหัวละ 54,500 บาท ถึงจะแพงกว่าบางเจ้าที่ไปเที่ยวหลายที่กว่า แต่อันนี้โรงแรมเขา 5 ดาวนะครับ เครื่องบินลงจอดที่สนามบินอิสตันบูลแล้วต่อเครื่องไปเนฟเชียร์ ใน 8 วัน (เที่ยวจริง 6 วัน)
เส้นทางการเดินทางของเราเป็นแบบนี้ครับ เครื่องลงที่อิสตันบูลแล้วนั่งเครื่องในประเทศไปเนฟเชียร์ จากนั้นนั่งรถบัสทัวร์ตามเส้นทางสำคัญจนถึงทะเลอีเจี้ยนแล้วนั่งเครื่องบินกลับไปเที่ยวในอิสตันบูลก่อนเดินทางกลับ
DAY 1 - คาปาโดเกีย DAY 2 - อัคซาราย, คอนย่า DAY 3 - ปามุคคาเล่, คุซาดาซึ DAY 4 - อิฟิซุส DAY 5 - อิสตันบูล DAY 6 - อิสตันบูล
เรียกว่าเที่ยวครึ่งประเทศตุรกีเลย แต่ก็เก็บของดีของเด็ดได้ไม่เยอะเท่าอียิปต์หรอกครับ อันนั้นโบราณสถานเรียงเป็นแนวดิ่งตามลำน้ำไนล์เลย เก็บ achievements ง่าย ของตุรกียังมีที่ๆอยากไปอีกเยอะมาก โดยเฉพาะแบกามัมและเมืองทรอยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยโบราณสถาน
ไกด์ท้องถิ่นคือคุณเพลิน (Pelin) ดูสิครับสาวตุรกีก็ฝรั่งดีๆนี่เอง ไกด์รอบนี้สวยด้วย
ส่วนหัวหน้าไกด์จากไทยคือคุณลูกหมู เป็นกะเทยเปิดเผยค่า~ (ต๊าย นังเอ็ม! ทีชั้นลงรูปเล็กนะยะ!)
นั่งเครื่อง Turkish Airline 9 ชั่วโมง ดูหนังจบไป 4 เรื่อง ก่อนเครื่องบินลงจอดที่อิสตัลบูล อากาศค่อนข้างเย็นประมาณ 10 oC ก่อนจะต่อเครื่องในประเทศไปถึงเนฟเชียร์ที่อยู่ตอนกลางประเทศ แม้จะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่าอิสตันบูล แต่เพราะอยู่ใจกลางแผ่นดินเลยทำให้เนฟเชียร์หนาวสะพรึงยิ่งกว่า วันนั้น (5 ธ.ค.) ตอนสามทุ่มอุณหภูมิภาคพื้นดิน -3 oC ครับ
คืนแรกพักที่ Ramada Cappadocia Hotel แน่นอนว่าสิ่งที่ผมห่วงที่สุดในการท่องเที่ยวคือห้องส้วม! เพราะธรรมเนียมการนั่งขี้ของแต่ละประเทศต่างก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ทีแรกก็เบาใจเพราะประเทศอย่างอินเดียหรืออียิปต์ก็มีสายฉีดตูดกันทั้งนั้น ตุรกีที่ให้อารมณ์คล้ายๆกันก็ไม่น่าจะผิดกันนัก แต่ปรากฏว่าส้วมตุรกีไม่มีสายฉีดตูดว่ะครับ! ในขณะที่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดนั้นเราก็ได้ค้นพบว่าข้างๆโถมันมีก๊อกบิดให้น้ำพ่นจากรูมาฉีดตูดแบบบิเดต์ โว๊ะ! อันนี้เข้าท่า แม้จะไม่สามารถนั่งยองได้แต่มันก็ทำให้ตูดเรามีน้ำหล่ออยู่ตลอดเวลาขณะนั่งขี้ แล้วผมจะมาเสียเวลาบรรยายส้วมทำไมตั้งนานเนี่ย พาท่านผู้ชมไปดูของสวยๆงามๆได้แล้ว! แม้จะเริ่มใช้กล้องใหม่ แต่ประเทศนี้เขาสวยของเขาแบบไม่ต้องพึ่งพากล้องจริงๆครับ อันนี้รับประกัน
แสงแรกของวันที่ 6 ธ.ค. ช่วงวันหยุดผมจะตื่นเช้ายิ่งกว่าวันทำงานเสียอีกเพราะอยากไปเก็บภาพสวยๆที่เห็นได้แค่ตอนเช้าตรู่เท่านั้น (ส่วนงานไม่ต้องรีบไปหรอก มันมีให้ทำทั้งวัน ...ยันเย็น ...ยันดึก ...ช่างเรื่องงานมัน เที่ยวก่อนครับเที่ยว!)
หิมะที่เห็นนี่ตกตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน แต่อากาศที่ยังคงติดลบข้ามวันข้ามคืนทำให้มันไม่ละลาย เช้านี้พวกเราฝ่าความหนาวเย็นออกไปเดินเล่นยามเช้าหน้าโรงแรมครับ ที่นี่คือคาปาโดเกีย ดินแดนแห่งหุบเขารูปทรงประหลาดที่กินพื้นที่ 5 จังหวัด เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟบริเวณนี้เมื่อ 10 ล้านปีก่อน มนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้และเจาะโพรงในแท่งหินเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่สมัยของพวกฮิตไต แต่ถูกให้ชื่อว่า Cappadocia ในยุคเปอร์เซียแปลว่าดินแดนม้าพันธุ์งาม คนนิยมขึ้นบอลลูนชมความงดงามนี้จากบนท้องฟ้า ซึ่งพรุ่งนี้จะมีให้ลูกทัวร์เลือกขึ้นบอลลูนด้วย (ไม่ต้องรอชมนะครับ มันแพง ผมเลยไม่ได้ขึ้น) เรารอถ่ายฝูงบอลลูนจากบนพื้นนี่แหละ ขึ้นกันเข้าไปสิพวกเจ้า เพื่อให้ข้าได้ถ่ายรูป ยิ่งขึ้นกันเยอะรูปของข้ายิ่งออกมาสวยงาม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า //เจ้าของบล็อกที่ยากจนหัวเราะแบบตัวโกงในหนังแปลงร่างก่อนจะลงไปหาข้าวกิน อาหารตุรกีก็คืออาหารฝรั่งที่ไม่มีซอสมะเขือเทศ แฮม เบคอน และผลิตภัณฑ์จากหมูทุกชนิดครับ เดี๋ยวไว้ท้ายบล็อกตอนหน้าจะเล่าเรื่องอาหารและอื่นๆของตุรกีให้ฟังในช่วงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจ้า...
คณะทัวร์นั่งรถบัสออกจากที่พักเก้าโมงเช้า วันแรกๆเห็นอะไรข้างทางก็ตื่นตาตื่นใจไปหมดครับ จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจากเมกาผมก็ไม่ได้เห็นหิมะมา 8 ปีแล้วนะ ข้างทางที่ปกติจะมีผลผลิตทางการเกษตรให้ดูละลานตา หรือเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี หน้านี้มันดูแห้งแล้งหนาวเย็นไปทั่วทุกหย่อมหญ้า สมเป็นโลว์ซีซั่น แต่ผมชอบอะ! หญ้าเขียวๆของเมืองหนาวมันจะไปสู้ทุ่งนาบ้านเราได้ไงล่ะครับ มาเมืองหนาวก็ต้องดูวิวหนาวๆแบบนี้ละถูกแล้ว /me เปิดเพลง Olsen Olsen คลอ เพิ่มความหนาวเย็น
| ที่เที่ยวแรกของทริปนี้คือเมืองใต้ดินเคย์มาคลี (Kaymaklı Underground City) ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น ภายในมีสัญลักษณ์ไม้กางเขนและห้องพิธีกรรมจึงเชื่อว่าเป็นสถานที่ๆชาวคริสต์สร้างไว้เพื่อหลบหนีการตามล่าของพวกอาหรับ แต่สืบค้นอายุการใช้งานยุคแรกย้อนไปได้ถึงยุคฟรีเกียนกันเลยทีเดียว ก่อนที่พวกชาวคริสต์จะมาขยายเมืองภายหลังจนใหญ่โต
| เพลินชี้ให้ดูร่องรอยการจุดคบเพลิงภายในเมืองใต้ดิน
มีจุดที่ต้องมุดต้องลอด แต่ส่วนใหญ่จะเดินกันได้สบายๆเพราะเขาสร้างไว้สำหรับคนไซส์ฝรั่งอยู่นี่นะ พวกเราเดินชมกันในนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนไปชมช่วงพักโฆษณาครับ
และนี่คือช่วงพักโฆษณาที่ว่า พามาร้านขายของครับ เป็นคอร์สบังคับที่ต้องมีทุกทัวร์ แต่ก็ต้องขอบคุณร้านพวกนี้นะที่ทำให้ทัวร์ราคาถูกลงมาได้ ร้านแรกขายพรมจ้า พรมเปอร์เซียแบบที่สุลต่านเอามาแผ่กลางพระราชวังนั่นละครับ มีทั้งถักจากฝ้าย ลินิน และ เส้นไหม พร้อมด้วยเทคนิคการเข้าปมที่แตกต่างจากที่อื่นทำให้พรมมีความแข็งแรงทนทาน แต่ผมฟังแล้วก็จำไม่ได้ คราวหน้าพาอุ๊ลอยละล่องฯ มาดูด้วยดีกว่า เผื่อเอาไปถักพรมขายแข่งกับพวกอาบังได้ ผืนที่แพงๆนี้บางผืนมองจากคนละมุมจะเห็นสีแตกต่างกัน บางผืนใช้ได้ทั้งด้านหน้าด้านหลัง ด้วยเทคนิคการทอพิเศษ ซึ่งพรมเหล่านี้ล้วนมีราคามหันตโหดและไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์บ้านผม คือร์แบว่บว่าห์... บ้านอะฮั้นน่ะน้ำท่วมถึงทุกๆ 3 ปีนะฮะ เอาพรมมาปูก็เป็นที่อยู่หอยเชอรี่ปล่าวๆคว่ะ~
ได้เวลาเที่ยง ก่อนกินข้าวแวะจุดชมวิวสักหน่อย วิวงามๆของคาปาโดเกียมันก็ยังมีจุดที่ถ่ายรูปได้งามกว่าจุดอื่นๆอยู่หลายมุมนะรับ ที่ขึ้นชื่อก็ต้องอันนี้เลย Pigeon Valley หรือหุบผานกพิราบ ทำไมถึงชื่อนี้ก็ดูเอาสิครับ
/me จินตนาการถึงฉากดวลระทึกในเรื่อง Face Off ไปพักหนึ่ง ก่อนได้สติกลับมาเพราะโดนนกพิราบบินเฉี่ยวหัว นกพิราบจำนวนมากที่อาศัยอยู่บริเวณนี้เชื่องคนมากครับ บินโชว์ให้ดูหลายรอบ ขยันทำงานไม่แพ้นกนางนวลที่บางปูเลย พิราบมันเป็นนกที่ทนหนาวเก่งนะ ที่นี่จะเริ่มเห็นมีคนเอา Evil Eye หินสีน้ำเงินวาดรูปดวงตา ซึ่งเป็นเครื่องรางของตุรกีแขวนไว้ตามต้นไม้ด้วย ส่วนแท่งใหญ่ๆที่เห็นไกลๆนั่นคือ Uçhisar Castle ซึ่งไม่ว่าจะมองจากมุมไหนของคาปาโดเกียก็จะเห็นมันโดดเด่นที่สุด ตามแท่งหินอื่นๆหลายๆอันก็มีคนโบราณขุดโพรงเข้าไปอยู่หรือใช้เป็นศาสนสถานนะครับ และยังมีคนใช้อยู่อาศัยเรื่อยมาจนเมื่อไม่นานมานี้เองทางการถึงไล่คนออกไปเพราะกลัวมันถล่มลงมา
Adn Valley เป็นจุดชมวิวแห่งที่สองก่อนไปหาข้าวเที่ยงกิน มองเห็น Uçhisar Castle จากใกล้ๆเลย แต่ทัวร์เราไม่ได้ขึ้นไปนะครับ มันไม่มีอะไร แค่เป็นจุดสูงที่สุดในคาปาโดเกียที่ฝรั่งชอบปีนขึ้นไปถ่ายรูปเฉยๆ
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็เข้าสู่ช่วงพักโฆษณาครั้งที่สอง เป็นโรงงานเซรามิค ที่ปั้นภาชนะที่คนนิยมซื้อฝากกันก็อย่างเช่นขวดเหล้าแบบโรมันหรือจานประดับลายสวยๆแบบเปอร์เซีย สวยจริงอะไรจริงครับ แต่จะซื้อกลับบ้านมันก็เป็นภาระที่หนักหน่วงเกินไป (หิ้วจานเที่ยว 6 วันนี่ไม่ชิลนะ) ถึงจะมีบริการส่งของให้แต่ถ้าคิดว่าราคามันรวมค่าส่งไปแล้วก็รู้สึกแพงขึ้นมา
ตรงนี้เรียกว่าจุดชมวิว Panorama Kaptan Osman มีไอติมขาย เจ้านี้ขึ้นชื่อว่าเล่นกับนักท่องเที่ยวเก่งจนผมไม่กล้าซื้อ จุดนี้สามารถเห็นหุบเขา Avcilar แบบพาโนรามาเลย มีคู่แต่งงานมาถ่ายพรีเว็ดดิ้งด้วย
มาอีกเมนูหลักของวันนี้คือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme) ครับ เกอเรเม่เป็นชื่อของเมืองที่เราเห็นมาตลอดท่ามกลางคาปาโดเกียนั่นแหละ แต่ส่วนที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งคือแท่งหินที่มีการขุดเข้าไปทำโบสถ์คริสต์จำนวนมากช่วงศตวรรษที่ 1 สามารถถ่ายภาพได้ ยกเว้นโบสถ์ที่มีภาพเขียนห้ามถ่ายครับ ซึ่งก็ไม่น่าเสียดายอะไรเพราะภาพมันไม่สวย ดูเอาในป้ายนำเที่ยวนี้ก็ได้ครับ
เขาให้เวลาเดินหนึ่งชั่วโมง ยิ่งตกเย็นอากาศก็ยิ่งหนาวขึ้นๆ แต่เราก็พยายามเข้าให้หลายถ้ำที่สุด เอาให้คุ้ม ซึ่งก็ไม่พบอะไรน่าตื่นตาตื่นใจแต่อย่างใด ถ้าสวยมากมันคงดังแบบอะชันตาไปแล้ว แต่ข้างนอกมันสวยตรงที่อากาศหนาวทำให้ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินจัดนี่แหละ นั่งรถกลับที่พักเดิมจ้า บ๊ายบายคาปาโดเกีย~
คืนนี้กินข้าวที่ภัตตาคารท้องถิ่น Evranos Restaurant และชมการแสดงพื้นบ้าน ซึ่งการแสดงพื้นบ้านของเขาหนุ่มๆสาวๆมาแสดงกันนะครับ มีให้ชม 6 ชุด ชุดแรกคือระบำนักบวชหมุนๆของลัทธิลมวนแห่งคอนย่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปชมว่าทำไมลุงๆเหล่านี้ถึงต้องออกมาหมุนตัวกันด้วย? เขาไม่ให้ถ่ายรูปเฉพาะการแสดงนี้ครับ ชุดอื่นถ่ายรัวๆ ชอบการแสดงสาวหมุนกระโปรงกับระบำตะเกียบ ชุดสุดท้ายจบสามทุ่มครึ่งแน่ะ บวกกับความต่างเวลาอีก 5 ชั่วโมงก็เท่ากับคืนแรกนี้เรานอนกันตีสามนะครับ
บรรยากาศยามเช้าวันที่ 7 ธ.ค. ก็ยังคงหนาวเย็น เช้านี้คุณลูกหมูนัดตีห้าเพื่อออกไปขึ้นบอลลูนกัน คนที่ไม่ขึ้นอย่างพวกเราก็มีเวลามากกว่าคนอื่นๆ เลยเดินเที่ยวในเมืองสักหน่อย
วันนี้จะเป็นการเดินทางไกลมาก ประมาณ 600 กม. ได้ครับ ตั้งแต่เนฟเชียร์ ไปอัคซาราย ไปคอนย่า จนถึงปามุคคาเล่ในวันเดียว ถือว่าโหดเอาเรื่อง....สำหรับคนขับรถน่ะนะ พวกผมนั่งเฉยๆห่วงก็แต่แบตกล้องแบตมือถือจะหมดเสียก่อนนั่นแหละ โชคดีที่พก power bank มา ตลอดทางก็จะเห็นแต่ทุ่งเตียนๆที่โดนหิมะกลบ ย้อนขึ้นไปรูปหัววันนั่นคือ Mt.Erciyes ภูเขาที่สูงที่สุดในคาปาโดเกียครับ สูง 3,916 เมตร สูงกว่าดอยอินทนนท์ (2,565 เมตร) เยอะเลย
พวกเราเดินทางมาสองชั่วโมงเลยอัคซารายมานิดหน่อยจะมีคาราวานเซไร (Caravaserai) หรือที่พักริมทางที่ใหญ่โตและสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาคาราวานเซไรทั้งหมด เรียกว่า Sultanhani สร้างในปี 1229 โดยพวกเซลจูค ใช้เป็นที่พักกองคาราวานแลกเปลี่ยนสินค้า บนเส้นทางระหว่างอัคซารายกับคอนย่า แต่ถูกไฟไหม้และได้รับการบูรณะให้ใหญ่โตขึ้นในปี 1278 พูดถึงฝีมือศิลปะของเซลจูคก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูเท่าไหร่ งานหยาบครับ แต่แมวแถวนี้อ้วนน่ารักดี
หลังแวะกินข้าวกลางทางก็มาถึงเมืองคอนย่าตอนบ่ายโมงตรง เมืองนี้สำคัญยังไงครับนักเรียน? ใช่แล้วมันคือศูนย์กลางอิสลามที่ชาวเซลจูคสร้างขึ้น และเป็นฐานในการโค่นล้มอำนาจของศาสนาคริสต์ที่คอนสแตนติโนเปิล จนคริสต์แทบหมดไปจากตุรกี อันที่จริงเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยฟรีเกียนชื่อเมืองอิโคเนียม และถูกยึดต่อกันไปตามยุคสมัยในประวัติศาสตร์ตุรกี: ฟรีเกียน --> เปอร์เซีย --> อเล็กซานเดอร์ --> โรมัน และสุดท้ายก็ถูกเซลจูคเข้ายึดครองในปี 1084 เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นคอนย่าจนถึงปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเมืองนี้ก็คือสุสานของเมฟลาน่า มีทรงกระบอกสีเขียวโดดเด่นเห็นปุ๊บรู้ปั๊บ เมฟลานา (Mevlânâ) เป็นสมญานามแปลว่าอาจารย์ครับ ชื่อจริงคือรูมี่ (1207-1273) เป็นทั้งกวีและนักปรัชญา หลังจากรูมี่เสียชีวิตไปแล้วลูกศิษย์ได้ตั้งสำนัก Mewlewī Sufi Order เพื่อสืบทอดผลงานและการแสดงของรูมี่ มีการแสดงอันโด่งดังซึ่งมีการหมุนตัวเพื่อทำสมาธิ โดยนักบวชในกระโปรงขาวจะหมุนตัวอยู่นานมาก เมื่อคืนก่อนผมได้ชมระบำหมุนตัวไปแล้วเป็นหนึ่งในชุดการแสดงที่ดูสวยงามอย่างประหลาด ทั้งที่เป็นตาลุงใส่กระโปรงออกมาหมุนๆประกอบเพลงให้ดูแท้ๆ แต่ของจริงซึ่งหมุนกันจริงๆ หมุนกันนานเป็นชั่วโมงนะครับ เรียกระบำหมุนๆนี้ว่า Whirling Dervishes
ในตุรกีเมืองที่เคร่งศาสนาอย่างคอนย่าผู้หญิงจะต้องโพกศีรษะครับ ส่วนเมืองอื่นส่วนใหญ่แต่งตัวกันตามปกติ ยกเว้นตอนเข้ามัสยิด
ด้านในอาคารมีสุสานของเมฟลานาและสานุศิษย์มากมาย ส่วนอาคารรอบๆจะรวบรวมผลงานของข้าวของเครื่องใช้ของเมฟลานาไว้
นี่ละครับระบำหมุนๆ สัญลักษณ์ของเมืองคอนย่า มีของที่ระลึกรูปตาลุงกระโปรงบานขายอยู่เพียบเลย
ทีนี้ละนั่งรถกันต่อยาวเลยครับ ใช้เวลาหกชั่วโมงไปจนถึงปามุคคาเล่ เมืองแห่งภูเขาหินเกลือที่งดงาม แถมมืดแล้วแสงน้อยถ่ายรูปวิวข้างทางตอนรถแล่นไม่ได้อีก
ระหว่างทางมีแวะกินฝิ่นแก้ง่วง แต่ไม่ค่อยหายง่วงเลยให้เขาเปลี่ยนเป็นเฮโรอีนแทนครับ //ไม่ใช่ๆ! อันนี้คือโยเกิร์ตน้ำผึ้งผสมเมล็ดฝิ่นของกินที่ไกด์แนะนำให้ลอง ไม่มีส่วนของยางฝิ่นที่เป็นสารเสพย์ติดนะครับ ลองแล้วก็เหมือนมีเม็ดอะไรกรุบๆให้เคี้ยวเท่านั้นไม่ได้มีรสชาติอะไร แต่แพงนะ จานละ 9 tl (ประมาณ 108 บาท)
โรงแรมที่พักคืนนี้คือ Doga Thermal Hotel ซึ่งดีงามที่สุดในบรรดาที่พักทั้งหมดของทริปนี้แล้วครับ โรงแรมนี้ห้องกว้าง สวยงาม มีอ่างอาบน้ำ อาหารอร่อยที่สุด และยังมีบ่อน้ำร้อนให้แช่ตัวด้วยนะ พื้นที่เล่นน้ำในปามุคคาเล่น้อยลงเพราะช่วงหลังเขาผันน้ำไปยังโรงแรมต่างๆในบริเวณนี้ คนจะได้ไม่เข้าไปแช่ปามุคคาเล่เยอะนัก เดี๋ยวหินเกลือจะเสียหาย เพียงแต่สระมันอยู่นอกตัวโรงแรมครับ! แช่น้ำอุ่นแต่หัวเย็นก็ไม่ไหวอะ
วันนี้เราจะไปที่ปามุคคาเล่กันครับ เป็นวันที่รอคอยเพราะมีทั้งสุดยอดความสวยงามทางธรรมชาติและเมืองประวัติศาสตร์อยู่ในที่เดียวกัน จากโรงแรมนั่งรถไปหน่อยเดียวก็เห็นจุดถ่ายภาพเชิงเขา มีสระน้ำสวยงาม มีเป็ดสวรรค์มากมาย
แต่ยังครับ ไฮไลต์ยังไม่ใช่ตรงนี้! ต้องขับรถขึ้นเขาไปด้านบน จะมีเมืองโบราณขนาดใหญ่เรียกว่าเฮราโพลิสอยู่บนยอดเขา ติดกับปามุคคาเล่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเมืองโบราณยุคกรีก-โรมัน (เมืองอเล็กซานเดรียที่เคยไปก็ไม่ได้มีเมืองโบราณเป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้) ความใฝ่ฝันสมัยเด็กๆตั้งแต่ตอนอ่านเซนต์เซย่าก็เป็นจริงขึ้นมาส่วนนึง ก่อนอื่นขอเดินฝั่งปามุคคาเล่ก่อนครับ
ปามุคคาเล่ (Pamukkale) หรือปราสาทปุยฝ้าย เป็นภูเขาหินเกลือน้ำพุร้อน เกิดจากแร่ธาตุในน้ำพุร้อนบริเวณนี้ทับถมกันและมีปริมาณหินปูนมากกว่าที่อื่นๆทำให้เห็นเป็นสีขาวบริสุทธิ์เหมือนหิมะ ปกติจะมีน้ำร้อนขังตามร่องหินสวยงามนะครับ แต่ช่วงหลังเขาผันไปโรงแรมหมดแล้วอย่างที่บอก ที่นี่จะเปิด-ปิดน้ำเป็นเวลาให้แช่ตัวได้ 3-4 แอ่ง แต่หนาวแบบนี้ขอเดินถ่ายรูปอย่างเดียวดีกว่า ไม่อยากตายแบบแจ็คไททานิค
ติดกับปามุคคาเล่คือ เมืองโบราณเฮราโพลิส (Hierapolis) ซึ่งพระเจ้าแอนติโอชุสที่ 3 กษัตริย์ชาวกรีกได้เลือกสร้างเมืองขึ้นที่นี่เมือง 200 ปีก่อนคริสตกาลก็เพราะปามุคคาเล่มันสวยงามและเป็นสปาชั้นเยี่ยมนี่ละครับ เมืองตกเป็นของโรมันในปี 133 BC และถูกแผ่นดินไหวจนเสียหายหนักในปี 1354 ช่วงที่พวกเซลจูคยึดครอง แล้วเฮราโพลิสก็ถูกทิ้งร้างตั้งแต่นั้นมา
เมืองนี้ใหญ่ขนาดแค่เดินให้สุดเมืองก็เหนื่อยละครับ โชคดีวันนี้ใส่รองเท้าวิ่งมา สิ่งก่อสร้างเด่นๆของเมืองนี้มีประตูฟรอนตินัส, โรงละคร, วิหารนิมพ์, วิหารอะพอลโล่, พลูโตเนียม และโรงอาบน้ำโรมัน ขนาดเขาให้เวลาเที่ยวสองชั่วโมงยังต้องวิ่งเลยครับ ทั้งเยอะทั้งไกล แต่ก็ไปไม่ครบหรอกนะ อย่างรูปโรงละครนี่เอามาจากกล้องน้อง
ทางตะวันตกสุดของเมืองคือเนโครโพลิสหรือนครแห่งความตาย เป็นสุสานสมัยโรมันครับ มีโลงศพ-หลุมศพเป็นพัน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสุสานสมัยโบราณเหมือนกัน ไม่รวมพวกสุสานของกษัตริย์ที่ใหญ่โตเป็นเอกเทศน์อย่างปิระมิดหรือพวกเจดีย์ต่างๆนะครับ เดินถ่ายรูปคนเดียวก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ตั้งสองพันกว่าปีป่านนี้ไปเกิดหมดแล้วครับ ที่สำคัญนี่คือเนโครโพลิสที่ใหญ่โตและสภาพดีที่สุดในตุรกีครับ
บริเวณที่เป็นโรงอาบน้ำโรมันด้านหน้าใกล้ทางเข้า เขาปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บโบราณวัตถุที่ขุดพบในเฮราโพลิสครับ รีบเอาเวลาที่เหลือน้อยวิ่งวิ่งถ่ายรูปรอบพิพิธภัณฑ์ดีกว่า อันนี้ไม่รวมในแพ็คเกจทัวร์ จ่ายเอง 5 tl ครับผม ถูกกว่าโยเกิร์ตฝิ่นเมื่อวานอีก ที่นี่แบ่งการจัดแสดงเป็นภายนอกอาคาร, ห้องเก็บโลงศพและรูปปั้น, ห้องเก็บของชิ้นเล็กชิ้นน้อย และห้องเก็บโบราณวัตถุที่ขุดพบในโรงละคร (คลิ๊กที่ภาพเล็กๆเพื่อชมภาพขยายได้ครับ)
ใกล้ๆพิพิธภัณฑ์มีสระว่ายน้ำโบราณที่ยังเปิดให้คนเข้าไปเล่นน้ำอยู่นะ แต่ค่าเข้าโหดหลาย (32 tl) เลยไม่ได้เข้าครับ
หลังเต็มอิ่มกับเมืองโบราณแบบเต็มๆ สะใจคอโบราณสถานยิ่งนัก พวกเราก็ไปกินข้าวเที่ยง แล้วออกเดินทางไปทางตะวันตกต่อ เป้าหมายวันนี้คือคุซาดาซึเมืองตากอากาศริมทะเลที่โด่งดังของตุรกีครับ ไหนดูซิสวยสู้กระบี่บ้านเราได้มั้ย? ระหว่างทางมีแวะซื้อขนม ทั้งขนมทั้งถั่วราคาโหดกว่าร้านข้างทางที่เคยแวะเลยไม่ได้ซื้อครับ เรื่องรสชาติอร่อยกว่าขนมโรงงานข้างทาง แต่ยังสู้ร้านที่ตลาดแกรนด์บาซาร์ไม่ได้ครับ (ไปวันที่ 5 น่ะ เดี๋ยวบล็อกหน้าเอาขนมมาให้ดูครับ)
อะ มาถึงทะเลแล้วจ้าาาา Kusadasi อ่านว่าคุซาดาซึ เพราะตัว -i ภาษาตุรกีมันออกเสียงอึ ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศที่โด่งดังเพราะมันใกล้เมืองใหญ่อย่างอิสมิทนั่นละครับ อ้อ เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของเพลินคุณไกด์สาวสวยของเราด้วยนะ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้นอกจากชายทะเลแล้วก็มีเอฟิซุส เมืองโบราณที่โด่งดังที่สุดของตุรกี แต่เดี๋ยวจะแวะไปกันพรุ่งนี้ครับ เย็นนี้มาถ่ายรูปอาทิตย์อัสดงงามๆริมทะเลอีเจี้ยนหน่อยดีกว่า
คืนนี้พักที่ Le Bleu Hotel & Resort ข้อดีคืออยู่ริมทะเล ข้อเสียคือห้องแคบชิหัย! จะกลิ้งตกเตียงยังกลิ้งไม่ได้เลย (ติดผนังห้อง) แพงเพราะทำเลแท้ๆเลย แต่ wifi โรงแรมนี้ก็ไวดีนะ
วิวริมทะเลยามเย็น พออยู่ติดทะเลแล้วอากาศไม่หนาวเท่าไหร่ ประมาณ 10 กว่าองศา สองวันนี้จะเป็นวันท่องเที่ยวที่อากาศดีที่สุดในทริปนี้แล้วครับ
ขอคั่นเวลาพักกินข้าวกินปลากันก่อน เดี๋ยวบล็อกหน้าจะมาต่อวันที่ 4-5-6 ครับ พาไปชมเมืองโบราณเอฟิซุส และเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาหนักหนาสาหัสอย่างอิสตันบูลกัน ใครที่หลงคิดว่าบล็อกท่องเที่ยวชีริวรอบนี้ดีจัง ไม่ค่อยมีซากอิฐ คิดใหม่ได้นะจ๊ะ อิอิ ♥
Create Date : 29 มกราคม 2559 |
Last Update : 5 มีนาคม 2560 18:57:32 น. |
|
90 comments
|
Counter : 4315 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:6:48:13 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:7:12:52 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:11:01:46 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:11:44:18 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:18:27:34 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:18:51:48 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:20:50:58 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:22:06:45 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:1:12:28 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:2:58:53 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:18:32:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:22:25:11 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:23:32:49 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มกราคม 2559 เวลา:23:34:03 น. |
|
|
|
โดย: โอพีย์ (Opey ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:1:24:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:47:17 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:46:48 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:13:23:56 น. |
|
|
|
โดย: anigia วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:06:54 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:55:53 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:38:06 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:27:22 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:42:08 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:38:51 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:13:30 น. |
|
|
|
โดย: โอพีย์ (Opey ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:2:16:50 น. |
|
|
|
โดย: พี่แอ๋น anigia IP: 192.99.14.34 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:2:46:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:57:56 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:03:13 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:14:21 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:53:38 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:41:57 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:19:40:54 น. |
|
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:1:58:10 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:30:12 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:13:04 น. |
|
|
|
โดย: anigia วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:34:03 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:09:41 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:44:08 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:44:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:18:44 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:41:12 น. |
|
|
|
โดย: Opey วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:33:13 น. |
|
|
|
โดย: River.G IP: 119.76.77.100 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:47:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:35:16 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:12:41 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:13:37 น. |
|
|
|
โดย: newyorknurse วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:13:09:35 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:38:42 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:38:18 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:19:29:32 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:40:18 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:59:29 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:58:26 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:39:17 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:4:23:18 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:34:47 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:32:08 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:12:26:05 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:18:08:01 น. |
|
|
|
โดย: anigia วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:21:59:19 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:04:57 น. |
|
|
|
โดย: anigia วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:53:51 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:21:14 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:30:16 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:7:09:51 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:57:42 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:23:32 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:18:43:00 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:49:40 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:1:06:27 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:20:39:55 น. |
|
|
|
โดย: Hemmawan IP: 139.99.104.95 วันที่: 9 กรกฎาคม 2562 เวลา:20:49:30 น. |
|
|
|
โดย: Hemmawan IP: 139.99.104.95 วันที่: 9 กรกฎาคม 2562 เวลา:20:51:28 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:22:13:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
โหวต travel blog ครับ
ตุรกีสวยครับ
อยากไป เป็นเมืองที่มีเสน่ห์
แต่ช่วงหลังอาจเพราะข่าวลงเรื่องการก่อการร้ายเยอะรึเปล่าไม่รู้
พี่ก๋าว่าคนก็ไปน้อยลง ทะเลาะกับรัซเซียนักท่องเที่ยวก็น้อยลง
ทั้งๆที่ประเทศเค้าสวยงาม ประวัติศาสตร์ยาวนานมากๆ
ไกด์ก็สวยอีก ชอบตรงนี้ล่ะครับ 5555
ภาพในบล็อกนี้สวยมากๆเลยนะ
บางภาพสวยเหมือน postcard เลยครับ
ปล. ภาพในบล็อกพี่ก๋าถ่ายมาจากพิพิธภัณฑ์เชียงใหม่
ตรงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ครับ