|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คุณยายของผมอายุ 90 ปี
(บล็อกแก๊งรวนมาค่อนคืน กว่าจะอัพได้...) ในบรรยากาศเดือนแห่งวันแม่นี้ ขอเล่าเรื่องคุณยายผู้เป็น "คุณแม่ของทุกคนในครอบครัว" ให้ฟังกันครับ
คุณยาย (แม่ของแม่ผม) เป็นผู้สร้างฐานะครอบครัวขึ้นจากศูนย์และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในครอบครัวมายาวนาน ไม่ว่าจะแต่งงานออกไปมีครอบครัวกันแล้ว แต่ก็ยังคงผูกพันและกลับมาเยี่ยมที่บ้านยายกันบ่อยๆ จนเป็นความเคยชินไปแล้วว่าไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เมื่อมาที่บ้านคุณยายจะนั่งรออยู่ แต่ปีนี้ยายอายุย่างเข้า 90 ปีแล้ว เริ่มป่วยถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนรู้ว่าสักวันยายก็คงไม่อยู่แล้ว In some day, you'll be just a memory.
วันนี้ขอแบ่งปันเรื่องราวของคุณยายเพื่อเสริมสร้างความรักในครอบครัวอื่นๆต่อไปครับ
ผังตระกูลฝั่งแม่ผม (ขอเซ็นเซอร์คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องบล็อกนี้เพื่อความเป็นส่วนตัว)
พ.ศ. 2470 - 2492 ที่บางปะหัน
ยายเกิดเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2470 (ปีเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ 9) ที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นลูกคนที่ห้าของนายหย่วน กับนางสาย ชื่อโหง่วเพราะเป็นลูกคนที่ห้า นางสายเป็นคนบางปะหันแต่กำเนิด เสียชีวิตตั้งแต่ยายยังเล็ก นายหย่วนเดินทางมาจากประเทศจีน (สกุลแซ่ห่าน) ทำโรงเลื่อยอยู่ที่ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา มีทำนาระหว่างปีแต่ผลผลิตไม่ดีนัก
ยายมีพี่สี่คน คืออากงเฮง ยายใหญ่ ส่วนอีกสองคนเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก
บ้านของยายอยู่ที่ ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังคงห่างไกลจากตัวเมือง แต่เมื่อพายายกลับไปบ้านเกิดยายจะบอกทุกครั้งว่ามันเจริญขึ้นเยอะเลยนะ ชุมชนหันสังอยู่ริมคลองชลประทาน ผันน้ำจากคลองบางแก้วและแม่น้ำลพบุรีครับ
สมัยเด็กยายเรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนวัดบ้านแจ้ง มีนักเรียนห้องละ 10 คน แต่มันไกลบ้านมาก จนกระทั่งมีการสร้างโรงเรียนวัดไก่ ยายจึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนวัดไก่ ถึงจะเป็นเพียงโรงเรียนเล็กๆ แต่ยายก็เรียนดีอันดับต้นๆของห้อง ว่ากันว่าความฉลาดของเด็กจะถ่ายทอดมาจากทางแม่เป็นส่วนใหญ่ คุณแม่ของผมรวมทั้งอีเจ้าของบล็อกคนนี้ก็สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนนะเออ สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นยายเลยทีเดียว
ยายเป้าคือหนึ่งในเพื่อนร่วมรุ่นของคุณยาย และปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่เช่นกันครับ ยายได้พบกับยายเป้าอีกครั้งเมื่อเดือน ม.ค. 2560 หลังไม่ได้พบกันมากว่า 70 ปี ที่หากันจนพบเพราะยายจำบ้านยายเป้าได้ เป็นบ้านที่ใหญ่โตเป็นอันดับต้นๆของแถบนี้ แต่ปัจจุบันฐานะบ้านยายเป้าย่ำแย่ลงไปมาก ยายเป้ายังคงอยู่ที่บ้านหลังนี้ในขณะที่คุณยายของผมเปลี่ยนที่อยู่ไป 3 ครั้ง
ยายกับยายเป้าในปัจจุบัน
วัดบ้านแจ้ง ในอดีตเคยเป็นวัดใหญ่ มีโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนมาก แต่ช่วงหลังเด็กในชุมชนเข้าไปเรียนในเมืองกันหมด โรงเรียนวัดบ้านแจ้งจึงถูกรื้อไปหลายสิบปีก่อน
พื้นที่นี้ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งโรงเรียนวัดบ้านแจ้ง
วัดไก่ ยังคงเป็นวัดใหญ่ศูนย์กลางชุมชนบ้านแจ้ง วัดนี้เป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ถูกทิ้งร้างหลังการเสียกรุงครั้งที่สอง จนกระทั่งคนในชุมชนช่วยกันบูรณะขึ้นในปี พ.ศ.2325 และให้ชื่อว่าวัดไก่ เพราะบริเวณนี้มีไก่เป็นโรคระบาดตายจำนวนมาก และถูกบูรณะเรื่อยมา ได้มีการสร้างพระนอนในปี พ.ศ.2549 เนื่องในโอกาสพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 60 ปี
บริเวณวัดมีลิงกังอยู่มาก มีนิสัยไม่ดุร้าย และเป็นสัญลักษณ์ของวัดไก่ จนถูกใครต่อใครเรียกว่า "วัดไก่มีลิง"
โรงเรียนวัดไก่
ระหว่างวัดบ้านแจ้งและวัดไก่มีวัดดอกไม้ ยายจำเส้นทางวัดไก่-วัดดอกไม้-วัดบ้านแจ้งได้อย่างแม่นยำ เพราะต้องเดินผ่านเส้นนี้ทุกเช้า-เย็น เพื่อไปโรงเรียน ไป-กลับ 7 กม. ขนาดผมขับรถไปยังว่าไกลเลยครับ
ด้วยความที่คุณยายเป็นเด็กเรียนดี โรงเรียนวัดไก่จึงเสนอทุนให้ไปเรียนหนังสือในเมือง แต่ยายต้องการทำงานหาเงินมากกว่า สมัยนั้นมีเงินซื้อข้าวกินกันตายไปวันๆยังลำบากเลยครับ ถ้าฐานะไม่ดียังไงเรื่องหางานทำก็สำคัญกว่าเรียนหนังสือเยอะ ยายออกจากโรงเรียนตอน ป.4 เมื่ออายุได้ 12 ขวบ มาขายของเล็กๆน้อยๆพวกหมากพลู มะพร้าว น้ำตาล (ถึงคนสมัยนั้นจะชอบเคี้ยวหมากให้ฟันดำ แต่ยายผมไม่เคยเคี้ยวหมากนะ) ข้าวของที่ขายรับมาจากป่าโมก จ.อ่างทอง พายเรือมาขายที่ตลาดบางปะหัน นอกจากขายของแล้วก็มีงานรับจ๊อบชั่วคราว เช่น ลอกปอและเกี่ยวข้าว ได้วันละ 6 สลึง เกี่ยวข้าวยังพอรู้จัก แต่ลอกปอเป็นงานที่คนรุ่นผมไม่คุ้นเลยครับ คิดว่าแค่ปอกเปลือกง่ายๆ จนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมีบทความของเว็บศิลปวัฒนธรรม เล่าเรื่องการลอกปอของคนสมัยก่อนให้ผมหายสงสัยพอดี
https://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_11061
(ติ๊ต่างว่าเข้าไปอ่านกันมาแล้ว) สรุปว่าทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ทั้งเหม็นเน่าเลย โหดใช่เล่นนะครับ การลอกปอ -___-" คนสมัยก่อนกว่าจะได้มาสักสลึงมันลำบากจริงน้อ
วัดป่าโมก จ.อ่างทอง เป็นวัดที่ยายได้ไปบ่อยๆตอนไปรับของมาขาย ยายได้กลับมาวัดนี้อีกครั้งวันที่ 1 มิ.ย. 2556 ครั้งสุดท้ายที่ยายมาที่นี่ก่อนหน้านี้คือเมื่อ 70 กว่าปีที่แล้ว สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
นอกจากวัดป่าโมกแล้ว อีกวัดที่ยายชอบมากคือวัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี ที่ยายเคยเดินเท้าจากอยุธยาไปกับเพื่อน ถ้าเอาตามระยะทางบนถนนปัจจุบันมันไกลกันตั้ง 50 กม.
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ - พ.ศ.2470 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชสมภพ (ปีเดียวกับปีที่คุณยายเกิดพอดี)
- พ.ศ.2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนั้นคุณยายยังเด็กมาก และระบบการปกครองส่วนกลางยังมีผลกระทบกับชีวิตของผู้คนในชนบทน้อย
- พ.ศ.2488 สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง บางปะหันอยู่ไกลจากจุดยุทธศาสตร์แต่ยายก็ต้องหนีลงหลุมหลบภัยเมื่อมีเสียงหวอดังตอนเครื่องบินผ่าน ในตัวเมืองอยุธยามีการทิ้งระเบิดแถวสะพานปรีดีธำรงค์ หลังสงครามสิ้นสุดลงการค้าขายก็ฝืดไปอีกพักใหญ่ๆเลย
- พ.ศ.2489 เกิดคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8 ข่าวดังถึงบางปะหันว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" ซึ่งภายหลังก็ถูกเปิดเผยว่าเป็นการใส่ร้ายจากกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้าม
พ.ศ. 2492 - 2520 ที่หัวแหลม
พวกพี่ๆของยายได้แต่งงานและแยกย้ายกันไปสร้างครอบครัว ครอบครัวของอากงเฮงยังคงอยู่ที่บางปะหัน ครอบครัวของยายใหญ่ย้ายไปอยู่ตลาดพลู
ยายแต่งงานกับอากง (ขิ่ว) แซ่ด่าน เมื่ออายุได้ 22 ปี ย้ายบ้านจากบางปะหันไปอยู่ที่หัวแหลม เปิดร้านขายอาหารตามสั่งใกล้ๆวัดตึก มีลูก 4 คน คนแรกเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก แม่ของผมเป็นลูกคนที่สองครับ
คุณยายและอากง
คุณยาย อากง และลูกๆ (แม่และน้าๆของผม)
บรรดาน้าๆ กำลังเที่ยวเล่นแถวบึงพระราม ที่เที่ยวยอดฮิตของคนอยุธยาสมัยนั้น
ลูกๆของยายเรียนโรงเรียนเกียรติกุลศึกษา แถวๆบ้านที่หัวแหลม ก่อนแม่จะย้ายไปอยู่ที่สี่แยกบ้านแขกช่วงที่เรียน ปวช. ที่พณิชยการเชตุพน ที่กรุงเทพฯ และย้ายไปโคราชช่วงที่เรียน ปวส. ที่วิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครราชสีมา ก่อนจะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ หลังทำงาน
อากงเป็นคนติดการพนันมาก เสียทรัพย์ไปเยอะเช่นเดียวกับเพื่อนๆยายหลายคน ทำให้ยายสอนลูกสอนหลานให้จำเป็นแม่นมั่นว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันนะ ยายเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง พอมีรายได้แล้วก็เก็บออมส่งเสียลูกๆเรียนหนังสือแล้วยังมีเงินพอจะเอาไปต่อยอด ยายซื้อบ้านที่สี่แยกบ้านแขกซึ่งปลูกบนพื้นที่เช่า และเปิดเป็นห้องแบ่งเช่า โดยมียายใหญ่ช่วยดูแล ต่อมาเจ้าของที่ได้ขายที่ ยายจึงเลิกกิจการห้องเช่าไป นอกจากนี้ยังมีที่อื่นๆในกรุงเทพได้แก่ที่หัวกระบือและริมคลองประปาที่ยายได้ซื้อที่ดินและขายต่อไปแล้ว เรียกว่าพี่น้องช่วยกันทำมาหากินจนสร้างฐานะขึ้นมาจากสมัยก่อนได้พอสมควร ช่วงนั้นสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งสิ้นสุดลง ทุกคนก็กลับมาทำงานสร้างฐานะ นี่คือยุคสมัยที่คนรุ่น Silent Generation สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเป็นรากฐานให้สังคมยุคต่อมาครับ
อยุธยามีบุคคลมีชื่อเสียงมากมาย เช่น ปรีดี พนมยงค์, ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์, ดำรง พุฒตาล, ฯลฯ เมื่อยายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองอยุธยาก็มีโอกาสได้พบปะกับครอบครัวของผู้มีชื่อเสียงที่มีธุรกิจอยู่ในเกาะเมืองอยุธยาด้วย
ถึงฐานะจะเริ่มดีขึ้น แต่ชีวิตวัยทำงานของคุณยายไม่ได้ราบรื่น มีคนเมาอาละวาดทำลายร้านอยู่เรื่อยๆ ซ้ำร้ายนายหย่วน (พ่อของยาย) ได้เสียชีวิตในปี พ.ศ.2512 และนายขิ่ว (สามียาย) ก็เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันในปี พ.ศ.2515 มันยากมากเลยนะครับสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ต้องทำมาหากินและเลี้ยงลูกทั้งสามคนไปพร้อมๆกัน ไม่กี่ปีต่อมา เจ้าของพื้นที่ต้องการสร้างตึกแถวบริเวณตลาดหัวแหลม จึงขอให้ยายย้ายร้านออกไป ยายจึงต้องพาครอบครัวย้ายมากรุงเทพตอนอายุ 50 (โชคดีมีซื้อที่เตาปูนไว้) นับเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ที่หัวแหลมได้ 28 ปี
งานศพของตาทวดหย่วน
งานศพของอากงขิ่ว
บริเวณที่เคยเป็นบ้านยายที่หัวแหลม ตอนนี้เป็นตึกแถวครับ แม่ผมจำตำแหน่งได้เพราะตรงกับยุวพุทธิกสมาคมพระนครศรีอยุธยาพอดี
เชงเม้งที่สุสานวัดพนัญเชิง ครอบครัวของยายจะมารวมตัวกันทุกปีเพื่อทำความเคารพนายหย่วน (พ่อของยาย) นายตงหน่ำ (พ่อของอากง) และนายขิ่ว (อากง)
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ - พ.ศ.2493 ในหลวง ร.9 ราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ปีเดียวกับปีที่ยายแต่งงานกับอากงเลย
- พ.ศ.2516 เหตุการณ์ 14 ตุลา ผลกระทบมาไม่ถึงหัวแหลม
- พ.ศ.2519 เหตุการณ์ 6 ตุลา ....โชคดีงานนี้ที่บ้านไม่ยุ่ง
พ.ศ. 2520 - 2556 ที่เตาปูน
ที่เตาปูน ยายซื้อที่ปลูกบ้านในซอยสะพานขวา เปิดเป็นบ้านเช่า เป็นบ้านสองชั้นพื้นที่ 56 ตารางวา เก็บค่าเช่าไม่แพง มีรายได้รวมเดือนละหมื่นกว่าบาท
ทางเข้าซอยสะพานขวา
บ้านยายในซอยสะพานขวา บ้านเกิดของคนรุ่นผมครับ
ลูกๆของยายแต่งงานมีครอบครัว และมีหลานรวมทั้งหมด 4 คน ผมเป็นคนที่ 2 ยายเลี้ยงหลานทั้งสี่คนตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมที่พวกเด็กๆมารวมตัวกันที่บ้านยาย จนกระทั่งหลานทั้งสี่คนเรียนจบมีงานทำ ระยะเวลาในการอยู่ที่บ้านเตาปูนยาวนานกว่าบ้านหลังอื่นๆ ทำให้ยายผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก ผมก็มีความทรงจำในวัยเด็กกับที่นี่มากเหมือนกัน บ้านที่เคยอยู่กับพ่อสมัยเด็กที่หนองแขมก็อยู่ได้ 5 ปีก็ยกให้คนอื่นเช่าไปแล้ว บ้านที่บางพลัดก็ยังคงไป-กลับในปัจจุบันเลยไม่รู้สึก nostalgic เท่าไหร่ ช่วงปิดเทอมแม่จะพาผมกับน้องชายมาอยู่ที่บ้านยาย เล่นกับน้อง (ลูกน้า) ได้เล่นการละเล่นของคน genX อย่างเป่าลูกโป่งฟองสบู่ ซ่อนแอบ ขุดรูให้มดอยู่ ซื้อของหลอกเด็กหน้าปากซอย รวมทั้งแอบซื้อดอกไม้ไฟเล่นจนยายตีด้วยไม้เรียว (สมน้ำหน้า)
ในบรรดาหลานๆยายจะรักผมมากเพราะเป็นคนขี้เหนียว (นี่สินะข้อดีของแก) ไม่ยอมใช้ตังค์ ให้ 5 บาท เหลือกลับมา 5 บาท ยายให้ความสำคัญกับการเก็บออมมาก และด้วยความที่เป็นเจ้าของร้านอาหารมาก่อนยายเลยทำกับข้าวเก่งมากครับ เมนูเด็ดของยายที่หลานๆชอบก็จะเป็นปลาเจี๋ยน หมูต้มหน่อไม้ ต้มข่าไก่ แกงไก่ใส่หน่อไม้ น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด สมัยก่อนบางวันก็ตื่นเช้าไปช่วยยายแบกของจ่ายตลาดที่ตลาดเตาปูนด้วย เดินออกด้านหลังซอยสะพานขวา หลายบ้านเลี้ยงหมาดุชอบเห่า บางทีก็วิ่งไล่ (โชคดียังไม่เคยโดนหมากิน) เวลาไปตลาดถ้าไม่มีผู้ใหญ่ไปด้วยก็ต้องพกหินไว้ในมือก้อนสองก้อน ทำให้ผมเกลียดหมาตั้งแต่เด็ก
บรรดาลูกหลานที่บ้านยาย
ห้างสรรพสินค้าบางลำพูบางโพ เป็นห้างสำคัญของแถบนี้ ปิดตัวลงในปี พ.ศ.2548 เปลี่ยนเป็นเดอะมาร์เก็ต และปิดตัวอีกครั้ง เพื่อขายที่สร้างห้างเกตเวย์
ตลาดเตาปูนและร้านค้าในบริเวณนี้
การเปิดห้องให้เช่าเหมือนจะสบายแต่ก็ต้องวุ่นวายกับคนจำนวนมากด้วยครับ บางคนก็ค้างค่าเช่า บางคนก็เมาเก๊งเก่ง เป็นหนี้จนฆ่าตัวตายในห้องพักก็มี แต่ก็ยังถือว่าสบายกว่างานที่ผ่านๆมาที่ยายเคยทำอะนะ
ยายเป็นโรคปวดขาเริ่มเดินลำบากตั้งแต่อายุ 60 ต้นๆ ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ว่างที่จะไปรับผมที่โรงเรียนประถม น้าๆอาสาจะมารับผมก็ไม่ยอม อยากกลับบ้านกับยาย ยายนั่งรถเมล์ไปที่โรงเรียน ยืนรอผมอยู่เป็นชั่วโมงจนขาตึงก้าวไม่ไหว ผมต้องช่วยประคองยายกลับบ้าน ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มอาการปวดขาของยายหรือเปล่า
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ อาม่าของผม (แม่ของพ่อ) เสียชีวิตในปี พ.ศ.2535 (อายุ 74 ปี) และยายใหญ่ (พี่สาวของยาย) เสียชีวิตในปี พ.ศ.2540 (อายุ 75 ปี) ยายกลายเป็นคนที่อาวุโสมากที่สุดในตระกูล ตอนนั้นผมคิดว่ายายคงจะจากไปในเวลาอีกไม่นาน แต่ยายก็ยังอยู่ที่บ้านเตาปูนแม้เวลาจะผ่านไปปีแล้วปีเล่า พวกเราก็เริ่มหายหน้าหายตาไปใช้ชีวิตกันไป ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายผมก็ไม่ค่อยได้แวะไปบ้านยายแล้วครับ ปิดเทอมนั่งเขียนการ์ตูนกับเล่นเกมซูเปอร์แฟมิคอม-เพลย์สเตชั่นไปวันๆ จนเรียนจบ ป.ตรีก็แล้ว ทำงานที่บ้านโป่งก็แล้ว ไปเรียนต่อที่เมกาก็แล้ว ผมคิดว่าคนอายุ 70 กว่าๆก็ถือว่าชรามากแล้ว สมัยเด็กๆผมไม่อยากตายเร็วเลยอธิษฐานบ่อยๆว่าขอให้ตายตอนอายุ 80 เท่าพระพุทธเจ้า ซึ่งใครๆฟังก็บอกว่า โห! จะอยู่ทำไมนานขนาดนั้น! แต่คุณยายผมอายุยืนกว่านั้นอีกครับ จนพวกเราชินว่าไม่ว่าจะกลับไปที่บ้านยายเมื่อไหร่ยายก็ยังคงคอยพวกเราอยู่ที่เดิม ไม่เคยคิดถึงวันที่ยายจะไม่อยู่แม้แต่น้อย...
ยายเป็นคนสมัยก่อนที่ส่วนใหญ่จะกลัวผีกันมาก เพราะสมัยเด็กๆเคยเห็นผีตัวดำๆไต่ขึ้น-ลงกระไดบ้านที่บางปะหัน (แต่สมัยนี้คงสูญพันธุ์หมดแล้วมั้งครับ) พอรู้ว่าผมต้องไปพักที่อื่นคนเดียวช่วงที่ทำงานต่างจังหวัดหรือไปเรียนต่อที่เมกา คุณยายก็สวดมนต์ให้ผมทุกคืน ขออย่าให้มีอะไรมาทำให้ผมตกใจ ....ทั้งที่พวกเราต่างก็ห่างยายไปนานมาก คุณยายต้องรักพวกเรามากขนาดไหนนะถึงห่วงใยไม่เสื่อมลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี
และคุณยายก็อาศัยอยู่ที่บ้านเตาปูนแห่งนี้จนล่วงเข้าวัย 80 ปลายๆ...
ได้มีโครงการก่อสร้างคอนโดริชพาร์ค 2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน และกว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้เกือบทั้งหมด เจ้าของคอนโดมาเจรจากับยายหลายครั้ง และเสนอเงินก้อนใหญ่พอที่ลูกหลานจะไม่ลำบาก ยายจึงตัดใจยอมขายบ้านหลังนี้ในที่สุด การรื้อถอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว คอนโดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2557 ยายนึกถึงบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ก็ใจหาย สงสารบ้าน ....ก็อยู่ด้วยกันมาตั้ง 36 ปีนี่เนอะ
คอนโดริชพาร์ค 2 ปัจจุบันพี่ชายผมซื้อห้องชั้น 26 (ชั้นบนสุด) ของคอนโดนี้ไว้ มองลงมาเห็นบริเวณที่เคยเป็นบ้านยาย ตอนนี้เป็นทางเดินรถของคอนโดครับ
เหตุการณ์สำคัญในช่วงนี้ ....เกิดทันกันหมดแล้ว ไม่ต้องเล่าก็ได้เนาะ
พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน ที่วังน้อย
วันที่ 6 ต.ค. 2555 ลูกหลานได้พายายไปหาบ้านใหม่แทนที่บ้านเตาปูนที่กำลังจะรื้อเพื่อสร้างคอนโด และได้เลือกหมู่บ้านทองภัชร ถนนโรจนะ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หมู่บ้านเดียวกับที่ผมย้ายมาอยู่ตอนได้งานที่สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. วังน้อย เป็นการกลับมาอยู่ที่อยุธยาอีกครั้งของยาย และตัดสินใจเลือกบ้านสุดซอย 10 ซึ่งต้องใช้เวลาปรับปรุงพร้อมสร้างห้องเพิ่มเติมก่อนเข้าอยู่จริง ระหว่างนั้นยายได้ย้ายออกจากบ้านเตาปูนมาอยู่ที่บ้านแม่ที่บางพลัดชั่วคราว ช่วงต้นปี 2556
บ้านก่อนและหลังปรับปรุง เป็นไงล่ะ น่าอยู่ขึ้นเยอะ (เฮ้ยๆ คนถ่ายมันโกงสีท้องฟ้า!)
บ้านใหม่ของยายที่วังน้อยสร้างเสร็จและทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ในวันที่ 16 พ.ย. 2556 และยายก็อาศัยอยู่ที่บ้านนี้กับน้ามาจนถึงปัจจุบัน ลูกๆของยายเริ่มถึงวัยเกษียณจากงานทีละคนๆ (ภารกิจหลักหลังเกษียณคืออยู่บ้านเลี้ยงหลาน - ซึ่งถ้านับจากยายก็คือรุ่นเหลนเข้าไปแล้ว) เหล่าลูก หลาน เหลน ของยายได้แวะเวียนมาหายายเป็นประจำครับ
ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมยายจะถามว่ากินข้าวหรือยัง แล้วหานู่นหานี่ให้เรากินเป็นการใหญ่ พวกเราเกิดในยุคที่อยากกินเมื่อไหร่ก็กินได้ ไม่ได้เข้าใจความยากลำบากในการหาข้าวกินแต่ละมื้อๆเหมือนสมัยคุณยาย ทุกครั้งที่พายายออกไปกินข้าวนอกบ้านจะต้องแอบจ่ายตังค์ไม่ให้ยายได้ยิน เพราะสำหรับยายทุกมื้อนั้นแพงมาก!!! ไม่ต้องหรูขนาดบุฟเฟ่ต์โรงแรมห้าดาวที่เพื่อนๆรีวิวกันมานะครับ แค่หัวละเกินร้อยยายก็ว่าแพงแล้ว ถึงช่วงนี้เศรษฐกิจฐานรากจะไม่ดียังไงแต่ก็ต้องยอมรับว่ายุคนี้หาเงินง่ายมากกว่าสมัยก่อนมากๆๆๆๆ (ผมทำงานครึ่งวันก็ได้เงินพอจะพาไปเลี้ยงมื้อหรูทั้งครอบครัวแล้ว) ความจำเป็นในการเอาทุนต่อทุนจนร่ำรวยขึ้นมาแบบที่ลูกหลานคนจีนทำก็ลดความสำคัญลงไปเยอะแล้วสำหรับคนชั้นกลาง (ต่อให้ตายก็ไม่เลื่อนคลาส) ชีวิตของรุ่นเราง่ายกว่ารุ่นคุณยายมากๆครับ มันน่าเศร้านะที่คนรุ่นยายที่ฝ่าฟันความยากลำบากสร้างสังคมที่สุขสบายให้ลูกหลาน แต่ตัวเองยังคงใช้ชีวิตแบบแต่ก่อนเพราะเคยทำแบบนี้มาทั้งชีวิต
ช่วงอยู่ที่บางพลัดและวังน้อย หลานๆได้พายายเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ทำให้ยายได้เห็นโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำในวัยเด็กมากมาย วันไหนที่รู้ว่าหลานจะพาไปเที่ยวยายจะตื่นเต้นมาก จนตื่นตั้งแต่ตีสามอาบน้ำเตรียมตัวเที่ยว แต่ยายเดินลำบากขึ้นทุกวันๆ ต้องเพิ่มจากไม้เท้าเป็นรถเข็น บางที่ก็ขับรถวนเอาเป็นหลักเลย ใครพ่อแม่ยังไม่แก่มากก็รีบๆพาพ่อแม่เที่ยวนะครับ
เมื่อพาคุณยายไปยังสถานที่ที่ยายเคยไปเมื่อนานมากแล้ว โดยเฉพาะตอนพากลับไปแถวบางปะหันหรือหัวแหลม คุยกับคนรู้จักที่ยังเหลืออยู่ที่นั่น ยายจะเล่าถึงความหลังที่แสนคิดถึง และตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมืองที่เจริญขึ้นในทุกจังหวัด สาเหตุที่ผมชอบเที่ยวโบราณสถานก็เป็นเพราะมันยืนหยัดอยู่ที่เดิมผ่านมาหลายชั่วอายุคน และมันร้อยเรียงความทรงจำของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับมันเข้าไว้ด้วยกันนี่แหละ
ปัจจุบันยายมีเหลน 3 คนแล้ว (ไม่มีลูกของผมสักคน แย่ๆ...)
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต เปลี่ยนเข้าสู่รัชกาลที่ 10 ยายมีชีวิตอยู่ในช่วง 4 แผ่นดิน ตั้งแต่สมัย ร.7 - ร.10 และเป็นศูนย์รวมใจของครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้
ต้นปีนี้ยายป่วยบ่อยขึ้นมาก ดูเหมือนร่างกายที่เข้มแข็งทนทานได้มาถึงเวลาของมันแล้ว ดวงก็ไม่เป็นใจเท่าไหร่ ปีนี้ปีเถาะ (ปีเกิดของยาย) ชงแรงด้วย แถวๆบ้านวังน้อยมีแต่โรงพยาบาลคุณภาพต่ำเตี้ย (คุณภาพชีวิตคนต่างจังหวัดก็แบบนี้ละครับ) ซึ่งโรงพยาบาลประจำของยายก็คือ รพ.วชิระ ที่สามเสน ต้องเดินทางเข้ามาจากวังน้อยเป็นชั่วโมง โชคดีที่มีคุณน้าคอยพามาส่งให้ เมื่อเดือนที่แล้วอาการของยายหนักมากจนต้องนอนโรงพยาบาลสองสัปดาห์ อวัยวะภายในย่ำแย่ทำงานแทบไม่ไหวแล้วครับ น้ำท่วมปอด ลิ้นหัวใจรั่ว และอายุขนาดนี้ผ่าตัดไม่ได้แล้ว ต้องรักษาตามอาการไปเรื่อยๆ หัวใจของคุณยายคงเหนื่อยมามากแล้ว ต้องขอบคุณหัวใจดวงนี้ที่ทำงานมาตลอด 90 ปีนะครับ
โชคดีของครอบครัวเรามากที่เรารักและทำให้คุณยายรักมาโดยตลอด ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณยายจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ แต่เราคงไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง สำหรับยายเองก็ขอแค่ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ที่ยายพูดบ่อยที่สุดคือ 1) มาหาบ่อยๆนะ 2) ถ้ายายไม่อยู่แล้วก็ฝากช่วยดูแลแม่ด้วย
เราไม่ต้องการคำอวยพรให้คุณยายอายุยืน เราอยากให้คุณยายมีความสุขและจากไปอย่างสงบในวันหนึ่งมากกว่า คุณยายก็เหมือนคนที่เล่นเกมชีวิตจนบรรลุ achievement ทุกอย่าง 100% แล้วนะครับ เหลือแค่เมื่อไหร่จะออกจากเกมเท่านั้นเอง คุณยายคือคนที่ผมยอมรับอย่างหมดใจว่าใช้ชีวิตได้อย่างสวยงาม
ยายผู้อาวุโสที่สุดในตระกูล และน้องพิชญ์น้องคนสุดท้องของตระกูล อายุห่างกัน 90 ปี
ปู่ย่าตายายของใครยังอยู่ รักท่านให้มากๆจนถึงวันที่ท่านไม่อยู่กับเรานะครับ พวกท่านเหล่านี้แหละที่ฝ่าฟันความยากลำบากยุคหลังสงคราม สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาจนพวกเราสุขสบายในทุกวันนี้
Create Date : 22 สิงหาคม 2560 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2560 22:35:26 น. |
|
115 comments
|
Counter : 8105 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณกะว่าก๋า, คุณสองแผ่นดิน, คุณkae+aoe, คุณtuk-tuk@korat, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtoor36, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณRinsa Yoyolive, คุณSai Eeuu, คุณmambymam, คุณClose To Heaven, คุณSweet_pills, คุณJinnyTent, คุณnewyorknurse, คุณInsignia_Museum, คุณTui Laksi, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณMax Bulliboo, คุณอุ้มสี, คุณmariabamboo, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณThe Kop Civil, คุณmcayenne94, คุณmoresaw, คุณsecreate, คุณกาบริเอล, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณเนินน้ำ, คุณกิ่งฟ้า, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณหงต้าหยา, คุณโอพีย์, คุณmultiple |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:6:18:57 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:8:18:08 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:8:51:00 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:11:14:43 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:13:23:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2560 เวลา:22:42:04 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:1:45:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:6:30:27 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:10:02:15 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:11:46:05 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:13:16:53 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 24 สิงหาคม 2560 เวลา:13:19:29 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:0:08:19 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:17:25:24 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:21:23:41 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 26 สิงหาคม 2560 เวลา:21:49:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:20:20:30 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 สิงหาคม 2560 เวลา:21:25:10 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:0:44:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:6:41:41 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:8:11:04 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:11:06:05 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:12:44:06 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 28 สิงหาคม 2560 เวลา:19:09:09 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:19:18:24 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 29 สิงหาคม 2560 เวลา:19:56:37 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 30 สิงหาคม 2560 เวลา:7:11:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:6:45:36 น. |
|
|
|
โดย: moresaw วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:7:11:02 น. |
|
|
|
โดย: secreate วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:11:35:21 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:18:20:52 น. |
|
|
|
โดย: กาบริเอล วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:20:02:24 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 31 สิงหาคม 2560 เวลา:21:31:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:6:46:02 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:9:48:41 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 1 กันยายน 2560 เวลา:18:54:58 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 4 กันยายน 2560 เวลา:16:28:56 น. |
|
|
|
โดย: นิด IP: 1.0.135.64 วันที่: 23 ตุลาคม 2560 เวลา:16:42:49 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:36:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:02:27 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:48:17 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:00:16 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:20:37 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:1:23:37 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:7:24:42 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:27:49 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:31:45 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:12:39:36 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:12:46:21 น. |
|
|
|
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:16:12:56 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:10:59 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:19:18:02 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:10:46 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:21:18:07 น. |
|
|
|
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:12:35 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:26:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:53:30 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:38:58 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:12:49 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:11:17:08 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:17:29:46 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:18:13:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:17:28 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:2:10:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:6:35:21 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:8:42:51 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:15:41:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ธันวาคม 2560 เวลา:21:12:21 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:4:49:03 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:5:45:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ธันวาคม 2560 เวลา:6:36:45 น. |
|
|
|
โดย: Tui Laksi วันที่: 3 ธันวาคม 2560 เวลา:9:10:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว
นั่งอ่านมาจนจบ
ชอบอยู่สองอย่าง
คือชอบเรื่องราวของคุณยาย
ผู้หญิงสมัยก่อนมีความอดทนสูงจริงๆนะครับ
ถึงจะเน้นการดูแลครอบครัว
แต่การที่ผู้ชายชอบเที่ยว ชอบสังสรรค์และการพนัน
ก็ทำให้ผู้หญิงต้องแบกรับภาระหนักขึ้นมากจริงๆ
กับชอบที่น้องชีริวเขียนประวัติครอบครัวได้ละเอียดมาก
มีผังของตระกูลด้วย เป็นสิ่งที่ดีมากๆ
พี่ก๋าเองยังไม่เคยทำเลยครับ
เหมือนกับญาติก็ห่างกันไปเยอะเลย
โหวตครับ