Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
22 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท


อุทยานประวัติศาสตร์
คือบริเวณที่มีหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์สมัยใดสมัยหนึ่งของประเทศ หลักฐานและความสำคัญดังกล่าวอาจเป็นทางวัฒนธรรม การเมือง และสังคมวิทยาก็ได้ (จากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ)


อุทยานประวัติศาสตร์นับเป็นขั้นสุดของแหล่งท่องเที่ยวที่คนรักประวัติศาสตร์หลงใหล ถึงประเทศไทยจะมีโบราณสถานมากมายนับไม่ถ้วน แต่สถานที่ๆคงสภาพโบราณสถานให้ผสมกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม และชุมชนผู้คนบริเวณนั้นจนถูกเรียกว่าอุทยานประวัติศาสตร์ มีอยู่ทั้งหมดเพียง 10 แห่ง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, สุโขทัย, ศรีสัชนาลัย, กำแพงเพชร, พิมาย, พนมรุ้ง, เมืองสิงห์, พระนครคีรี, ศรีเทพ และภูพระบาท

ผมไป 9 ที่แรกมาครบแล้ว และที่ๆตั้งใจจะไปเป็นลำดับสุดท้ายด้วยความที่อยู่ไกลแสนไกล แถมแทบไม่มีที่เที่ยวอื่นรายล้อม ก็คือภูพระบาท อุทยานประวัติศาสตร์แห่งเดียวในภาคอีสานตอนบน

ดินแดนอีสาน เป็นพื้นที่ๆมีหลายอาณาจักรเข้ามาครอบครอง ตั้งแต่ยุคทวาราวดี - ขอม - ล้านช้าง จนกระทั่งเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศในที่สุด เราจึงได้เห็นศิลปะแบบต่างๆที่มีอิทธิพลของวัฒนธรรมเหล่านี้เต็มพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งภูพระบาทเองก็ถูกใช้งานผ่านยุคสมัยเหล่านี้มาแล้วทั้งหมด

ภูพระบาท เป็นการดัดแปลงภูเขาหินตามธรรมชาติให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนโบราณใชู้บูชาผีสาง จนกระทั่งรับศาสนาพุทธเข้ามาในช่วงทวาราวดีก็มีการตั้งใบเสมารอบเพิงหินที่ดัดแปลงให้เป็นศาสนสถาน มีการแกะสลักพระพุทธรูปศิลปะขอม-ลพบุรี ล่วงมาจนถึงสมัยล้านช้าง สถานที่ต่างๆในอุทยานจะตั้งชื่อตามนิทานเรื่อง นางอุสา-ท้าวบารส ซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านของล้านช้างที่แต่งภายหลังจากศาสนสถานต่างๆถูกสร้างมานานแล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กับสถานที่ต่างๆในภูพระบาทแต่อย่างใด ก็จะไม่ขอพูดถึงนะครับ

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทอยู่ในเขตอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ขับรถออกจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ในอุทยานมีแหล่งโบราณสถาน ก้อนหินรูปร่างแปลก และภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมากกระจายอยู่ ถ้าอยากเดินเที่ยวให้ครบต้องมาอย่างน้อยสักสองครั้งนะครับ ผมมาที่นี่กับที่บ้านสองครั้ง เดือน ก.ค. หนนึง ช่วงปีใหม่อีกหนนึง ...ก็ยังเที่ยวไม่ครบอยู่ดี (แป่ว) ถึงจะเป็นช่วงปีใหม่แต่คนก็ไม่เยอะ แถมเจ้าหน้าที่อุทยานยังมีจิตอาสาบริการดีมาก แม้แต่คนสวนที่นั่งพักกินข้าวเช้าอยู่ก็ชวนแขกเข้าไปนั่งกินไก่ย่างด้วยกัน

แผนที่ภูพระบาทหน้าศูนย์บริการข้อมูลนี้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยครับ เวลาเดินหาโบราณสถานต่างๆก็เปิดรูปดูเอา อันที่จริงเขามีแผนที่แจก แต่จะมีรายละเอียดเฉพาะในเขตอุทยาน ถ้าลงใต้ไปแถวๆพระพุทธบาทบัวบกแล้วอยากลงไปต่อจะไม่มีแผนที่ให้ดูแล้วนะ



ภาพแผนที่อุทยานแบบชัดๆ ตามไปที่นี่ครับ //www.m-culture.in.th/moc_new/exhibitions/main/phuprabath/map/map.html (ศูนย์ข้อมูลฯ จุดเริ่มต้นเดินทางคือหมายเลข 25)

ภายในศูนย์ข้อมูล นอกจากแบบจำลองโบราณสถานต่างๆในอุทยาน และภาพถ่ายการขุดค้นแล้ว ยังมีโบราณวัตถุที่พบในบริเวณนี้จัดแสดงอยู่จำนวนมาก



สถานที่ตั้งของอุทยานเป็นเชิงเขาภูพาน ไม่ชันมากนัก ถ้ามาเที่ยวหน้าร้อน-หน้าฝน จะเห็นลำธารไหลผ่านภูเขาหินสวยงาม ถ้ามาเที่ยวหน้าหนาวอากาศดี เดินไม่เหนื่อย และลำธารแห้งขอด สามารถเข้าถึงแหล่งโบราณสถานต่างๆได้ง่าย เส้นทางต่างๆถูกทำให้นักท่องเที่ยวเดินเท้าได้สะดวก แต่ก็อนุรักษ์สภาพแวดล้อมไว้เป็นอย่างดี มีป้ายบอกทางตลอดไม่ต้องกลัวหลงครับ



เราเลือกเดินทางฝั่งตะวันออกของอุทยานก่อน เพราะสถานที่สำคัญๆจะกระจุกอยู่ซีกนี้ เดินอ้อมเส้นล่างอุทยานมา 600 เมตร เราก็มาถึง วัดลูกเขย นับเป็นโบราณสถานแรกที่พบในการเที่ยวภูพระบาทครับ มีการสกัดหินทรายเป็นก้อนสี่เหลี่ยมก่อเป็นผนังยึดกับเพิงหินธรรมชาติไว้ (แต่ที่เห็นนี่โดนบูรณะไปเรียบร้อยโรงเรียนกรมศิลป์แล้วครับ)



ในวัดมีแท่นสลักจากหินและพระพุทธรูปอยู่ ผนังด้านหลังเคยมีภาพเขียนซุ้มปราสาทและพระพุทธรูปปางประทานอภัย แต่ลบเลือนไปมากแล้ว



เดินขึ้นมาทางเหนือจะมาถึงลานหินกว้างใหญ่ที่มีโบราณสถานจำนวนมากรายล้อม ที่นี่เรียกว่าลานหินหน้าวัดพ่อตา มีรอยหลุมเจาะหินสำหรับปักใบเสมา และหลุมขนาดเล็กสำหรับปักเสาจุดประทีปป้องกันสัตว์ร้ายหรือผู้ล่วงล้ำขณะทำพิธีกรรม



วัดพ่อตา มีการสกัดหินก้อนล่างเป็นห้องสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป



ใกล้ๆกันเรียกว่าโบสถ์วัดพ่อตา ที่ทำการสกัดหินก้อนล่างเข้าไปเช่นเดียวกัน มีพระพุทธรูปที่ชาวบ้านนำมาวางไว้ 3 องค์ ก่อนที่กรมศิลป์จะเข้ามาบูรณะครับ



ถ้ำช้าง ตามป้ายบรรยายว่ามีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ และภาพเขียนสมัยล้านนาเป็นรูปช้าง แต่ผมหาไม่เจอทั้งคู่



ถ้ำพระ มีภาพแกะสลักพระพุทธรูปนั่งในซุ้ม 2 ซุ้ม เป็นศิลปะขอมแบบบายน อายุราว พ.ศ. 1750-1800 องค์ขวาถูกยกเค้าไปแล้ว ส่วนองค์ซ้ายพังทลายเหลือครึ่งองค์ กรมศิลป์เพิ่งบูรณะเติมขึ้นมาใหม่ ด้านบนมีพระพุทธรูปยืนเป็นแถวเรียงราย ด้านในมีพระพุทธรูปยืน



แถวนี้มีหินที่ถูกสกัดให้มีพื้นที่ด้านล่างสำหรับบำเพ็ญเพียร 3 ก้อน เรียกชื่อตามนิทานว่าหีบศพพ่อตา หีบศพนางอุสา และหีบศพท้าวบารส

หีบศพพ่อตา




หีบศพท้าวบารส



หีบศพนางอุสา



แต่นแต๊น~ และนี่คือโบราณสถานที่โด่งดังที่สุดของภูพระบาท หอนางอุสาครับ มีการก่อผนังรอบเพิงระหว่างหินก้อนบนและล่างเป็นห้อง ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทราย 2 องค์ (ปัจจุบันถูกยกเค้าไปแล้วเช่นเคย เฮๆ~) ไม่รู้สมัยนั้นเขาปีนขึ้นไปบูชาหรือแบบไหนนะครับ รอบหอมีเสมาปักอยู่โดยรอบ นับเป็นมาสเตอร์พีซสมัยโบราณที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของภูพระบาทไปแล้ว



บ่อน้ำนางอุสา อยู่ใกล้ๆหอนางอุสาเลย เป็นบ่อที่ขุดลงไปในหินลึก 5 เมตร กว้าง-ยาว 2 เมตร x 2 เมตร เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ดื่มกิน หรือใช้ประกอบพิธีกรรม



กู่นางอุสา มีใบเสมาขนาดใหญ่ปักรอบกองหินซ้อนกันสองก้อน



เพิงหินนกกระทา อันนี้ไม่เกี่ยวกับนิทานนางอุสา ชื่อนี้ได้มาเพราะรูปร่างคล้ายนกระทา มีร่องรอยว่าเคยมีพระพุทธรูปบนหินก้อนบนครับ มีใบเสมาปัก แสดงว่าสมัยก่อนเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม



ส่วนเจดีย์ร้างอูปโมงค์ที่อยู่ทางตะวันออกไปอีกไม่ได้ไปนะครับ ไกลมากๆ วันนี้เรามีเป้าหมายสุดท้ายคือการเดินให้ถึงพระบาทหลังเต่าที่อยู่ตอนใต้สุดของอุทยาน เลยต้องเก็บแรงไว้ก่อน ทีนี้มาดูฝั่งตะวันตกของอุทยานกันบ้าง



คอกม้าน้อย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 สมัยทวาราวดี มีการสกัดด้านล่างให้เรียบ มีใบเสมาปักรอบ ที่น่าทึ่งคือหินก้อนบนที่วางอยู่ได้แบบหมิ่นสุดๆ



คอกม้าท้าวบารส อายุราวๆเดียวกับคอกม้าน้อย



ถ้ำฤาษี หรืออาศรมฤาษีจันทรา เป็นเพิงหินรูปร่างคล้ายดอกเห็ด (ใครมาภูพระบาทรับรองเบื่อเสาเฉลียงไปเลยครับ)



ถ้ำปู่เจ



ถ้ำวัว-ถ้ำคน อยู่ติดกัน มีภาพเขียนสีอายุ 2-3 พันปี นับเป็นแหล่งภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของไทย เพราะภาพออกมาสวยงามมีมิติกว่าเส้นขีดๆแบบมนุษย์หินมือบอนที่พบในถ้ำอื่นๆ

อันนี้้เขียนรูปวัวเลยเรียกถ้ำวัว



ส่วนอันนี้ถ้ำคน เขียนรูปคน



หน้าหนาวดีตรงที่เดินวนขนาดนี้ยังไม่รู้สึกเหนื่อยสักนิดครับ ถึงเขาจะทำเก้าอี้หินไว้สวยงามน่านั่งก็เถอะ



ไม่รอช้า เราไปต่อกันที่พระพุทธบาทบัวบก เพื่อเดินเท้าลงไปที่พระบาทหลังเต่าครับ ก่อนอื่นก็ขับรถออกจากเขตอุทยาน แล้วดิ่งขึ้นไปทางเหนือ จะพบเจดีย์พระพุทธบาทบัวบกที่แสนจะไม่งดงาม เพิ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2473 เพื่อครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ข้างในเจดีย์มีพระบาทจำลองที่ทำครอบพระบาทจริงไว้อีกที ตั้งใจทำให้คล้ายพระธาตุพนมครับ ที่เรียกพระพุทธบาทบัวบก เพราะแถวนี้มีบัวบกขึ้นเยอะ บริเวณวัดยังมีหินรูปร่างประหลาดให้คนแต่งเป็นตำนานตั้งเป็นชื่อหินต่างๆมากมาย เช่น ถ้ำพญานาค, หินเจ้าแม่กาลีย์, หินเจ้าพ่อพญาธร, ฯลฯ

วัดนี้มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของจังหวัดอุดรธานี ก่อนจะค้นพบบ้านเชียง



ด้านตะวันตกของวัดพระพุทธบาทบัวบกมีเส้นทางเดินลงไปชมแหล่งภาพเขียนสีมากมายหลายจุด ถึงจะน่าสนใจแต่เห็นป้ายบอกระยะทางแล้วพาลท้อแท้ เพราะเดินจากศูนย์ข้อมูลถึงวัดลูกเขยแค่ 600 เมตรก็รู้สึกว่าไกลแสนไกลแล้ว ถ้าต้องเดินเป็นกิโลคงถึงกับล้มลงสิ้นใจตาย...



แต่หนนี้ทีมเราเตรียมใจมาดีแล้วครับ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าออกเดินเท้า โดยมีจุดหมายสุดท้ายคือรอยพระบาทหลังเต่า! อันที่จริงระยะทางไป-กลับ 5 กม. มันก็จิ๊บๆสำหรับเพื่อนบล็อกที่เดินเขาเป็นว่าเล่นอยู่แล้วนี่เนอะ

เส้นทางเดินจากพระพุทธบาทบัวบกไปยังพระบาทหลังเต่ามีวิวมีหินแปลกหินสวยให้ชมตลอดทาง จุดแรกที่พบคือแหล่งภาพเขียนสีโนนสาวเอ้ที่มีภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมากเต็มเพิงผา อายุราว 2,000 - 2,500 ปี นับเป็นจุดที่มีภาพเขียนชัดเจนจำนวนมากที่สุดของภูพระบาทแล้วครับ



เอ้า เดินต่อไป~ นอกจากป้ายบอกทางไปสถานที่สำคัญจำนวนมากแล้ว ตามเส้นทางเขายังโรยหินนำทางไว้ไม่ให้เตลิดออกนอกเส้นทางด้วยนะ



ตรงจุดนี้เรียกว่าภาพเขียนสีกลุ่มเพิงหินด่านใหญ่ แต่มันกระจัดกระจายอยู่ตามหินหลายก้อน ผมหาภาพเขียนไม่เจอสักอัน



ภาพเขียนสีกลุ่มห้วยหินร่อง มีภาพเขียนลายเส้น อายุราว 2,000 - 2,500 ปี



ตั้งแต่เดินมายังไม่เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นแม้แต่คนเดียว คงไม่ค่อยมีคนลงมานะครับ โชคดีที่หน้าหนาวแดดไม่แรง อากาศไม่ร้อน เลยเดินง่าย เห็นป้ายบอกระยะทางถึงจุดหมายสั้นลงเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ว่าต้องเดินกลับด้วยระยะทางเท่ากัน



และแล้วเราก็มาถึงรอยพระบาทหลังเต่า เป็นรอยสลักลงบนแผ่นหินเป็นรูปพระพุทธบาท อายุราว พ.ศ. 1500 (ยุคทวาราวดี) ส่วนกลีบบัวกลางฝ่าเท้าแกะขึ้นในสมัยล้านช้าง สาเหตุที่ชื่อพระบาทหลังเต่า เพราะบริเวณนี้มีหินทรายรูปร่างคล้ายกระดองเต่าอยู่ เคยมีการโบกปูนทำขอบรอบพระบาทให้สูงขึ้น และสร้างอาคารคลุม แต่รื้อไปหมดแล้วเพื่อคงสภาพให้เหมือนเดิมที่รอยพระบาทถูกทิ้งไว้กลางภูเขาหิน



พอบรรลุเป้าหมายแล้วเราก็ย้อนกลับมาทางเดิม แวะผาสวรรค์ชมวิวพักเหนื่อยแป๊บนุงก่อน



จากนั้นกลับมาที่รถ ขับต่อไปยังวัดพระพุทธบาทบัวบาน ทางตอนใต้ของภูพระบาท วัดนี้อยู่ห่างจากตัวอำเภอราว 12 กิโลเมตร ปลายทางยังเป็นถนนลูกรังอยู่เลยครับ

สิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดนี้คือโบสถ์ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท มีใบเสมาปักอยู่รอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดีผสมกับลพบุรี




พอเที่ยวเก็บ achievement จนหนำใจแล้วเราก็ดิ่งตีรถกลับกรุงเทพฯครับ

แม้ภูพระบาทจะเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ที่คนยังรู้จักน้อยกว่าอุทยานประวัติศาสตร์อีก 9 แห่งที่เหลือ แต่ขอให้ลองไปกันสักครั้งเถอะครับ ความน่าทึ่งของภูพระบาทคือความกลมกลืนของแหล่งโบราณสถานกับธรรมชาติ ร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยหิน อารยธรรมมาถึงดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่สมัยทวาราวดีซึ่งนับว่าเก่าแก่กว่าอุทยานประวัติศาสตร์อื่นๆ  และความยาวนานของการใช้งานสถานที่แห่งนี้ที่มีผู้คนมาปักหลักอยู่ตั้งแต่ยุคหินจนถึงสมัยล้านช้าง นับว่ายาวนานยิ่งกว่าอุทยานประวัติศาสตร์ใดๆทั้งหมด






Create Date : 22 มกราคม 2557
Last Update : 22 มกราคม 2557 23:01:40 น. 48 comments
Counter : 8736 Pageviews.

 
เจิมๆๆๆ
คุณชีริว แปลงร่างเป็น Tourist guide ไปซะแล้ว
ดีจุงเบย
ได้มาเที่ยวภูพระบาท
ไม่เคยไปเลยค่ะ
เห็นแล้วชอบๆๆๆ กด 1 like นำทางมาให้ก่อน
I'll come again.
Good night นะคะ
เจิมบล็อคบ้านนี้แล้วจะไปนอนแล้วค่ะ




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 มกราคม 2557 เวลา:23:35:02 น.  

 
ตามคุณชีริวมาไหว้รอยพระพุทธบาทด้วยครับ
เป็นรอยพระพุทธบาทที่น่าสนใจมากครับ
ปกติไปรอยพระพุทธบาทแต่ละที่ จะมีเหรียญวางเต็มไปหมด
+ปิดทอง(ยกเว้นที่มีกรอบกระจกกัน)
ที่ภูพระบาท มีไกด์หรือเปล่าครับ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:0:03:45 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:4:53:05 น.  

 
โหวตบล็อกท่องเที่ยวให้เลยนะครับ

เวลาดูบล็อกน้องชีริว
พี่ก๋ารู้เลยว่าเป็นการไำปเที่ยวแบบทำข้อมูลที่ดีมากครับ
ไมไ่ด้ไปแบบไม่มีข้อมูล

บล็อกน้องชีริวเลยเป็นบล็อกที่ให้ความรู้แก่คนอ่านด้วยนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:5:57:49 น.  

 
สถานที่น่าสนใจน่าไปเที่ยวมากเลย แปลกดี
เพิ่งเคยเห็นจ้ะ
หินก้อนใหญ่ วางอยู่บนหินก้อนเล็ก เห็นแล้วทึ่งกับธรรมชาติจริงๆ
รอยพระบาทก็ใหญ่มากเนอะ





โดย: mambymam วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:9:27:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณริว

ดูเหมือนบล็อกนักโบราณคดีเลยนะคะ
แต่เป็นนักโบราณคดีที่สนใจการ์ตูนและอิฐหัก อิอิ

เที่ยวแบบนี้คงต้องหาเพื่อนร่วมทางที่สนใจแบบเดียวกัน
ต้องมีทั้งพลังกายและใจ ไม่งั้นแค่ระยะทางก็หมดแรงแล้ว


ที่บล็อกเราบ้าง ...
แต่ผมยังเชื่อว่าพิราบน้ำแดงอร่อยที่สุดนะ

จริงอ่ะ นักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์บ้างแล้ว 555



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:9:57:45 น.  

 
สวัสดีตอนสายๆ ครับคุณชีริว .....

อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท สำหรับนักเที่ยวที่ชื่นชอบซากอิฐและโบราณสถาน น่าจะจัดเป็นเป็นสถานที่ซึ่งพลาดไม่ได้ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวแนวอื่นๆ ถ้ามีใครชวนไปที่นี่ก็อาจจะบ่นว่า พาไปดูอะไรก็ไม่รู้ .....

สำหรับผม ก็คุ้นตากับภาพ "หอนางอุษา" ที่คุณชีริวว่าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ ส่วนสถานที่อื่นๆ เหมือนจะเคยเห็นผ่านๆ ตาอยู่บ้างเหมือนกัน .....

ที่ภูพระบาท ผมว่านักท่องเที่ยวน่าจะน้อยถึงน้อยมากนะ เพราะคนไทยสมัยนี้ ไม่ค่อยชอบเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ ขนาดอุทยานประวัติศาตร์ดังๆ อย่างอยุธยาหรือสุโขทัย ยังเห็นคนไทยไปเที่ยวกันไม่มากเท่าที่ควรเลย .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:11:08:41 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Health Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อันดับแรกเลยค่ะ เอ็นทรีนี้เปิดประสบการณ์ความรู้ใหม่ให้บุ๊งล้วนๆ
คุณชีริวไปเที่ยวมาหลายที่มากๆ เลยค่ะ
บุ๊งเพิ่งจะรู้จักที่นี่ค่ะ แหะๆๆๆๆ เขินจัง อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้เที่ยวอ่ะค่ะ
เลยไม่ค่อยรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวมากนัก

ที่ภูพระบาทนี่ น่าสนใจมากๆ ค่ะ มีหินหลายรูปทรงเลยทีเดียว
และยังนำมาผูกกับนิทานอีก เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาและน่าไปท่องเที่ยว
น่าเสียดายที่คนน้อย เป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้รับการโปรโมทด้วยหรือเปล่าคะ


โดย: Close To Heaven วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:13:04:50 น.  

 
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท น่าตื่นตาตื่นใจมาก
ทึ่งมากเลย กว้างขวางขนาดนี้ เดินชมได้ทั่วถึงนี่ต้องใจรักมากมาย
ร่องรอยประวัติศาสตร์+กับธรรมชาติรังสรรค์ ดูลงตัวมากมาย
ข้อมูลยังคงแน่นเช่นเคย



โดย: NENE77 วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:14:26:09 น.  

 
อายมากเลยพี่ ภูพระบาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก่อนบ้านเชียง พี่ไปอยู่มุมไหนของอุดรมาน้อ อับอายที่สุด

ฮาตรงนี้ ภาพเขียนสีดูมีมิติมากกว่าเส้นขีดๆ แบบมนุษย์ยุคหินมือบอน

10 แห่งอุทยานประวัติศาสตร์ของคุณชีริว พีไปมา 5 เหลืออีก 5 แต่ 5 แรกที่ว่า ก็อยากไปซ้ำนะ ศรีเทพไปครั้งเดียว พระนครคีรี ไปสองครั้ง พระนครศรีอยุธยา เหมือนจะยังไม่ทั่วดี พิมาย สองรอบแล้ว ให้ไปอีกก็ไป เมืองสิงห์ สมัยก่อนเดินดุ่มๆ กลัวๆ ด้วย มีโอกาสจะไปใหม่ค่ะ

สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร พนมรุ้ง อยากไปอันดับต้นๆ เลย ยังไม่ถึงซักที

ไปกลับ 5 กม. กับทางแบบนี้ ก็เหนื่อยอ้าปากลิ้นห้อยเหมือนกันนะ

ภาพเขียนสีที่นี่ เก่ากว่าที่ผาแต้มมั้ย อุบลพี่ก็ยังไม่ได้ไปนะ

เรียบร้อยโรงเรียนกรมศิลป์

พี่เพิ่งเจอข้อมูลที่ว่า หน้าบันพระอุโบสถวัดนางนอง เดิมๆ สวยมาก กรมศิลป์บูรณะซะไม่เหลือร่องรอยเดิมเลย เค้ามีภาพเปรียบเทียบให้ดู ที่พี่เห็นน่ะที่เค้าบูรณะแล้ว ก็ว่าสวยอยู่นะ พอเห็นเทียบกับของเก่า...แสนเสียดายค่ะ

พระราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ตรงวงเวียนใหญ่ พี่ได้ภาพมาหลายครั้งแล้ว จะถ่ายทุกครั้งที่ผ่าน นั่งรถเมล์นะ แบบเปิดหน้าต่างได้ด้วยล่ะ ปอ. ถ่ายยาก ถ้าไปรถที่บ้าน ต้องบอกปะป๊าขอชิดริมในวงเวียรหน่อยนึง กดยาวไปเลยค่ะ หลายๆ มุม เดี๋ยวนี้เค้าตัดต้นไม้ใหญ่ออกไป เลยเห็นพระราชานุสาวรีย์เด่น เป็นสง่าแต่ไกล ก็งามคุ้มกับต้นไม้ที่จัดการออกไปอยู่นะ แต่ถ้าจะให้งามสมใจที่สุด ภาพไม่ไหวด้วย เดินเลยค่ะ

วันที่พี่ไป 6 ธันวา ก็ว่าหนาวแล้วนะ ปีนี้หนาวนานค่ะ เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยวมาก ตอนโทร. ถามเจ้าหน้าที่อุทยานภูหินร่องกล้าก่อนมา ถามว่านางพญาเสือโคร่งออกดอกหรือยัง เส้นทางไปภูลมโลเป็นไงบ้าง...ก็ไม่นึกว่าทางจะแบบนี้ค่ะ เห็นเค้าว่าเพิ่งปรับถนนลงดินนะนั่น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:17:26:52 น.  

 
สวยดีครับ ผมชอบอะไรที่มันโบราณเก่าๆ แต่ที่นี่ยังไม่เคยไปเที่ยวเลยอ่ะครับ น่าถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน ไงก็กดไลค์กดโหวตให้เลยครับ


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:17:39:07 น.  

 


โดย: jackfruit_k วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:20:08:49 น.  

 
เออ แปลกดีเหมือนกันอะ พระพุทธรูปไรไปอยู่ในที่แบบนั้น
ต้องเร้นลับแน่เลย

มาลงชื่อก่อนน้า พรุ่งนี้มาอ่านรายละเอียดจ้า



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 23 มกราคม 2557 เวลา:23:30:03 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องเอ็ม พี่กิ่งมาแล้วจ้า มาอ่านวิชาประวัติศาสตร์จ้า อิอิ ความรู้เพียบจริงๆคืนนี้พี่กิ่งมาดึกไปหน่อยรีบโหวตให้ก่อนแล้วจะมาอ่านต่อน้า

หลับฝันดีจ้า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:0:08:55 น.  

 
ชีริว Travel Blog ดู Blog

เที่ยวแบบนี้รู้ประวัติแบบดี เพิ่มรสชาติความสนุกไปอีกแบบนะคะ แถมภาพประกอบสวยอีกตะหาก เห็นทีถ้ามีโอกาสคงต้องไปบ้างละคะ


โดย: au_jean วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:3:03:03 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

สมัยพี่ก๋าก็ไม่เคยเล่นครับ 555
เคยเล่นแต่ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ที่มันเป็นยางเหนียวๆแล้วใช้หลอดเล็กๆเป่า
เป่าเสร็จเอามาเคี้ยวอีกตะหาก
คาดว่าน่าจะมีแต่สารพิษครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:6:30:16 น.  

 
เดี๋ยวจะตามรอยไปมั่งค่ะ ชอบ ๆๆๆ


จำราคาไม่ได้เพราะ อิอิ เมา

ตะเองไปชมวัดหางดงละยัง ภูมิใจนำเหนอนะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=22-01-2014&group=49&gblog=56







โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:7:59:22 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
โหวดสาขา Travel ค่ะ
newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:8:02:46 น.  

 
โห ไปครบแล้วเหรอ
10 แห่ง ป๊าดดดด ไอ้เราไปยังไม่กี่แห่งเอง
ส่วนใหญ่ไปบ่อยสุดนี่ ยุดยานะ 555

ภูพระบาทไม่เคยรู้จักชื่อเลย พอมาเห็นบล็อกนี้ เชื่อว่าคนเที่ยวน้อยมากกๆๆๆ
นี่ขนาดไปช่วงหน้าเทศกาลด้วยนะ ดูแทบไม่มีคนเลย
ต้องเป็นคนที่สนใจจริงๆ แหละถึงจะไปกัน

รินว่าดีออก ได้ชมได้ถ่ายรูป ได้ศึกษาเต็มที่


หอนางอุสานี่เป็นไฮไลท์ของที่นี่จริงๆเพราะเท่าที่ดู ตั้งในที่สวยกว่าใครอะ
แต่มองยังไงก็เป็นหินๆ นี่ขนาดกรมศิลป์ฯ เค้ามาบูรณะไปแล้วอะนะ
เห็นได้ชัดจากแท่งอิฐสี่เหลี่ยมๆ นั้นแหละชัดเจนมาก อิอิ

หีบศพทำให้นึกไปถึงย้อนหลายชั่วอายุนก่อนช่วงล่มสลายว่าเค้าตั้งไว้กันอย่างไร
เป็นแท่นสูงกว่าพื้นแบบนั้นเหรอ งงดีแฮะ

การเที่ยวเชิงแนวประวัติศาสตร์ทำให้ได้ความคิดอย่างหนึ่งคือ
ทำให้หลับตานึกถึงช่วงอารยะธรรมสมัยนั้น
ว่ากินอยู่ สร้างมาอย่างไร
ถึงได้มาอยู่ในป่าลึกแบบนี้

มันน่าสงสัยจริงๆ
แม้แหล่งพงศาวดารเล่าอะไรต่างๆนานา ก็คิดว่านั้นคือการคาดการณ์ใช่หรือไม่ เพราะคนเขียนเค้าก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ในช่วงนั้น
นั้นคือสิ่งที่รินคิดนะ แปลกจริงๆ




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:10:59:15 น.  

 
โหวต ท่องเที่ยวค่า


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชีริว Travel Blog ดู Blog




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:11:00:03 น.  

 
แวะมากราบรอยพระบาท
ก่อนเดินทางไกล ไปแดนที่ราบสูง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:11:31:08 น.  

 
ชมภาพพร้อมอ่านไปจนจบแบบเพลินเลยค่ะ
แบบอยากรู้อยากเห็นว่าจะมีอะไรต่อ ...ไม่เคยได้ท่องเที่ยว
เก้บประสบการณ์เช่นนี้ อาศัยบล๊อกเพื่อนๆเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีมากๆ
น่าสนใจทุกทีเลยค่ะ อัศจรรย์กับก้อนหินที่อยู่บนแท่นมากๆ
ท่องเที่ยวเชองประวัติศาสตร์ ก็สนุกตรงที่มีเรื่องราวในอดีตบอกเล่าไว้
ขอบคุณมากนะค่ะคุณชีริว...เยี่ยมเลยค่ะไม่โหวตไม่ได้แร๊วววว

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ชมพร About Weblog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog


โดย: tui/Laksi วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:13:53:20 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: หมูอ้วนเดินทาง (tako_doggy ) วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:13:59:36 น.  

 
อืม ..
ป๊าดดด เที่ยวมาครบ 10 แล้วสินั่น พี่ดู แล้วไปมาแค่ สามที่เอง ไม่ครึ่งเลย อุ๋ย..
นี่ คุณน้อง..ไปเที่ยวย้อนรอยมาเกือบสองพันปีเลยเชียวนะ ..
นอนๆ นี่ฝันบ้างไหม ไหนจะไดโนเสาร์ ไหนจะ เทวรูป เหอๆ
อุดร นี่ ไม่รู้จะไปเที่ยวไง ไม่เคยไปทำธุระ ทางอิสาน ถ้าไปก็อุบลโน่นเลย แค่นั้นก็ไกลโข
สถานที่แบบนี้นะ ต้องเดินแบบ ช้าๆ ถ่ายรูปเพลินๆ ก้มจ้องดู ลูบหินไป อิอิ
..มันจะเข้าถึวอารยธรรม แหะๆ
ถ้ามีอ่านไปด้วยก็ดี
เหมือนเป็นทุ่งกว้างๆ แบบ ผาแต้มหรือภูหินร่องกล้านะ..
ถ้าหน้าร้อน ก็คงจะพอดู
มีภาพเขียนประวัติศาสตร์ ..แล้วหิน นั่นก็วางได้ดีจังไม่ยักหล่น..ทึ่ง ..หินก้อนใหญ่โต มาได้ไง..
พี่ชอบคอกหมาน้อย..นะ
เป็นสถานที่ ๆ น่าไปชม แต่ ไม่ค่อยได้ยิน ดูเงียบๆ นะ..
เดินน้อยๆคน น่ากลัว



โดย: tifun วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:14:57:49 น.  

 
ดูจากรูป คงไม่น่าทึ่ง และตื่นตะลึงเท่าไปอยู่ในสถานที่จริงนะครับ
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทนี่ นับว่าเป็นอุทยานในครัวเรือนจริงนะครับ มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ทั้งลูกเขย พ่อตา แต่เสียดายไม่มี น้องเมียนะครับ 555

อ.เต๊ะ ดูแล้ว ต้องยอมรับในสติปัญญา ความมานะบากบั่นของคนในยุคนั้นมากเลยนะครับ เครื่องจักรกล เครื่องทุ่นแรงอะไรก็ไม่มี หินก้อนใหญ่ๆไม่รู้ขนย้ายกันมายังไงนะครับ

อ.เต๊ะ เคยไปมา 3ที่เองครับ ลำพังแค่เดินดูเฉยๆ นี่ก้ยังเหนื่อยลิ้นห้อยแล้ว คนที่เค้าสร้างงานขนาดมหึมา มหาศาลแบบนี้ สุดยอดมากเลยนะครับ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

ชีริว Travel Blog ดู Blog



โดย: multiple วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:19:25:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ ไม่ได้แวะมาทักทายนานเลย
มาบล็อคแล้วนี้แล้วเหมือนได้อ่านประวัติศาสตร์
มิลชอบประวัติศาสตร์ แต่ยังไปไม่ทั่วเลยแม้แต่ของไทยเรา
ได้อ่านบล็อคนี้แล้วชื่นใจจ่ะ


โดย: มิลเม วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:20:16:16 น.  

 
เที่ยวละเอียด เที่ยวเพ้อเจ้อแบบพี่ต้อง 4 วันเลยเนาะ ใครจะมาเดินกับพี่นักหนา นำเสนอที่บ้านหลายรอบแล้ว ยังไม่ผ่านมติซักที แต่ก็มีโอกาสค่ะ บางที่ ที่เป็นสวนดอกไม้อย่างเดียว อันนี้ยากกว่า พี่เคยซื้อบัตรเข้าไปสวนแม่ฟ้าหลวงเพื่อถ่ายรูปดอกไม้อย่างเดียว พ่อลูกเค้ารอข้างนอกกัน ไม่เข้าไปด้วย

กลับขึ้นไปดูคอมเมนท์ตัวเอง เขียนไปได้ไงเนี่ย "วงเวียร" เอ๊อ...เมื่อวานพี่ไล่เก็บคอมเมนท์ มึนค่ะ กะว่ายังไงต้องเก็บให้หมดให้ได้ โอย พี่ล่ะนึกทึ่งคุณก๋าอัพบล็อกทุกวัน เดินสายทุกวัน ทำได้ไงเนาะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:20:50:49 น.  

 
เห็นบรรยากาศแล้ว น่าไปช่วงหนาวจริงค่ะ เดินชมเพลินๆแน่ๆ
วัดหินผาธรรมชาติแบบนี้ รับรองร้อนสุดๆถ้าไปช่วงร้อน

พอดีเคยไปเดินบนเขาที่แถวๆภูเวียงช่วงปลายร้อนแล้วด้วย
เด็กๆที่บ้านร้อนหัวเปียก หน้าแดงยังกะช่วงหนาวๆช่วงนี้เลยค่ะ
เลือดสูบฉีดดีมากๆ

แฮ๊ปปี้วีคเอนด์นะคะ


โดย: anigia วันที่: 24 มกราคม 2557 เวลา:22:12:24 น.  

 
เห็นภาพต่าง ๆ แล้วทึ่ง....เมื่อก่อนเปลือกโลก
คงจะปูดขึ้นมา มีดินเต็ม เจอน้ำ ลมซัดไปที
ละน้อย ก้อนหินเลยลอย เทินกันแบบนั้น

555 เดาเอานะครับ แต่ก็น่าดูนะครับคุณริว


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:4:07:00 น.  

 



บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:4:56:53 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:6:29:38 น.  

 
ผมกำลังคิดว่า จะทำอะไรให้มันคงทนจนอยู่เป็โบราณวัตถุบ้างดีกว่า


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 25 มกราคม 2557 เวลา:14:43:34 น.  

 
ผมว่าถ้าไม่รักหรือชอบจริงๆ คงเที่ยวได้ยากครับ ที่นี่ (ขออภัยถ้าตรงเกิน) ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่เลยครับ มันพังไปหมดจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ถ้าเป็นอย่างที่สุโขทัย อยุธยา หรือพิมาย มันยังเห็นอะไรมากกว่านี้

แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันถ้าได้ไปเที่ยวอาจจะรู้สึกชอบก็ได้ ของแบบนี้มันต้องไปดูด้วยตาตัวเอง แต่ยอมรับจริงๆ ว่าคุณชีริวสุดยอดมากที่ไป 10 แห่งเลยทีเดียว

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 มกราคม 2557 เวลา:12:19:17 น.  

 
ต้องใช้จินตนาการในการชมอย่างสูง
มองด้วยตาอย่างเดียว มันเห็นแค่ก้อนหินอ่ะนะ
เห็นเศียรพระหายไปแล้วใจเศร้า แถมบางองค์โดนอุ้มไปทั้งองค์อีก
เฮ้อ...เข้าใจแล้วล่ะ ที่น้องริวเคยชมว่าทำไมของเก่าของฝรั่งถึงดูดีจัง

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ขุนเพชรขุนราม Political Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Parenting Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: schnuggy วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:2:16:25 น.  

 
ข้อมูลแน่นๆเลยค่ะคุณชีริว
เห็นแล้วต้องเป็นคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ อยู่บ้างนะคะ
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเที่ยวสถานที่แบบนี้เลยค่ะ
ยิ่งไม่มีคน มองดูเปลี่ยว และน่ากลัวนะคะ
แถมเดินไกลๆ แบบนี้ ขอบายค่ะ
ดีใจที่คุณชีริวเก็บภาพพร้อมรายละเอียดมาให้ชมกันค่ะ
โหวตท่องเที่ยวให้เลยค่ะ

มาชวนไปงานบุญกันค่ะ
มีเพลงพิณเพราะๆขับกล่อมด้วยนะ




โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:11:39:08 น.  

 
เดี๋ยวอีกไม่นานจะพาไปเวียงเจ็ดลินอีกเวียงเด้อ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:12:43:14 น.  

 
ภาพุดนี้จากสวยสิริกิตติ์ครับน้องชีริว
พี่ก๋าไปบ่อยนะครับ
ต้นไม้เยอะดีครับ
หมิงหมิงก็ชอบครับ

ปล. ลูกโป่งวิทยาศาสตร์สมัยก่อนหาซื้อง่ายจริงๆนะครับ
เป่าเสร็จเคี้ยวต่อเลย 5555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มกราคม 2557 เวลา:22:58:48 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:6:25:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณชีริว
ไปงานแต่งงาน เพิ่งเห็นว่าที่พังงาน มีโรงแรมใหญ่ รีสอรท์
สวยงามหลายแห่ง เราคนไทย ก็พอมีที่พักแบบ homestay
เป็นบ้านทั้งหลังมีสองห้องนอน สะอาด บรรยากาศดี มีฝรั้งมาพักแบบนาน แล้วไปเที่ยวข้างนอก ราคาคืนละ 900-1100 บาท เพื่อนพาไป ไม่ทราบที่ไหน เช้าก็ขับรถพาไปดูที่เกิดสินามิ ก่อนพาลูกๆและครอบครัวไปพักที่หมู่เกาะสุรินทร์ ไปส่องปลา ชอบมาก คิดว่าจะต้องกลับมาอีก พอกลับนิวยอร์กได้ไม่กี่เดือน ก็เกิดสินามิ เพื่อนพาไปดูเรือที่ถูกพัดเข้าฝั่ง ตอนนี้ทำเป็นอนุสรณ์ให้คนแวะชม เสียดายไปแค่สองวัน
คราวหน้าจะต้องหาทางไปอยู่สักอาทิตย์จะได้เที่ยวทั่วๆ

อ่านเจอกระทุ้ คุณชีริว มีเวลาไปให้ความเห็นหนอยซีคะ

//pantip.com/topic/31562283/comment23


newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:7:46:02 น.  

 
ไหนๆ มาดูคนบ้านนี้หน่อย
เผื่อมีอัพเพิ่มมั่ง




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:9:42:17 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องเอ็ม เค้าบอกว่า เกาะกูดเนี่ยเป็นเกาะที่ติดชายแดนไทยเลยค่ะตอจากนี้ไปก็จะเป็นเขมรเลยล่ะค่ะ

น้องเอ็มลองไปเที่ยวพักดูนะคะบรรยากาศดีมากเลยค่ะ

มีความสุขวันอังคารจ้า



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:11:46:41 น.  

 
แวะมาทักทายยามบ่ายครับ


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:13:01:50 น.  

 
ขอขอบคุณมากค่ะ ที่แวะไปร่วมแสดงความยินดีในบล๊อกกีฬาของเราค่ะ
เราชอบดูกีฬาเกือบทุกประเภท ที่มีการถ่ายทอดสด สนุกๆค่ะ

พร้อมสไลด์ชมคุณชีริวพาเที่ยวแบบที่ยังไม่เคยไปมาก่อนอีกครั้ง
เก็บเล่าข้อมูลไว้อย่างละเอียด นำไปศึกษาค้นคว้าได้เลยจ๊ะ


โดย: tui/Laksi วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:15:02:28 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 9
น่าสนใจ


โดย: อุ้มสี วันที่: 28 มกราคม 2557 เวลา:21:36:27 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องชีริว

พี่ก๋าเห็นด้วยเลยนะครับ
ตอนนี้เราแยกความรู้เป็นสาขา
แล้วก็ผลิตผู้เชี่ยวชาญออกมา
แต่จริงๆแล้วถ้าคนๆนั้นมี "ปัญญา"
เขาก็สามารถที่จะชำนาญในศาสตร์หลายๆศาสตร์พร้อมกันได้จริงๆ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มกราคม 2557 เวลา:5:51:42 น.  

 
สวัสดีค่าาาาคุณชีริว
แวะมาเชิญ ชวน และฉุดกระชาก 5555 ล้อเล่นค่ะ
มาเชิญไปชิมขนมปังที่บล๊อกกันค่าาา นำเสนอสุดๆๆ


โดย: Close To Heaven วันที่: 29 มกราคม 2557 เวลา:13:00:13 น.  

 
ไม่รู้จะได้ไล่ถ่ายเมื่อไหร่...ก็คุณชีริววางแผนนานนี่นา ไกลๆ เก็บหมด ใกล้ๆ เอาไว้ทีหลัง ส่วนมากมักเป็นเช่นนี้ค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 29 มกราคม 2557 เวลา:19:01:55 น.  

 
อีก 5 นาที ถ้ารอได้ คุณชีริวจะได้อ่านตะพาบจะบล็อกผมเป็นคนแรก

เดี๋ยวแวะมาอีกที นี่ลืมตั้งตะพาบเป็นหน้าหลักนี่


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 มกราคม 2557 เวลา:0:33:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีริว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 89 คน [?]





**5 Latest Entries**
RedLife
เบตง
โดราเอม่อน ตอน ปืนหยั่งรู้ความคิด
ปัว-บ่อเกลือ
โดราเอมอน ตอน ฝาแฝดของโนบิตะ


Friends' blogs
[Add ชีริว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.