เที่ยวคันไซตามใจฉัน (8): ซาไก
ในที่สุดก็มาถึงเมืองสุดท้ายของทริปคันไซแล้วครับ ตั้งแต่มาถึงสนามบินคันไซ เราก็ออกเดินทางไปยังเมืองเกียวโต - อุจิ - นารา - อาสึกะ - คาชิฮาระ - โอซาก้า และเมืองสุดท้ายก่อนกลับสนามบินก็คือซาไก ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้านั่นเอง
ซาไกยังคงอยู่ในจังหวัดโอซาก้านะครับ ส่วนที่ไปเที่ยวเมื่อบล็อกที่แล้วคือเมืองโอซาก้า เมืองศูนย์กลางของจังหวัดโอซาก้านั่นเอง ในช่วงยุคโคฟุน มีการสร้างหลุมศพนับร้อยแห่งในเมืองนี้ เรียกรวมๆว่า Mozu kofungun (百舌鳥古墳群) เป็นหลุมศพแนวราบมีทั้งรูปกุญแจ วงรี และสี่เหลี่ยม ซึ่งคำว่า "โคฟุน" (หลุมศพ) นี้เองได้กลายมาเป็นชื่อยุคโคฟุน หากใครลืมไปแล้วว่าโคฟุนคือช่วงไหนก็ขอย้อนไทม์ไลน์ยุคต่างๆของญี่ปุ่นตามนี้ครับ...
1. ยุคโจมอน (ก่อนปี 270) ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงจักพรรดิองค์ที่ 14 <<พระราชวังคาชิฮาระ 2. ยุคโคฟุน (270 - 539) จักพรรดิองค์ที่ 15-28 <<หลุมศพของเมืองซาไก 3. ยุคอาสึกะ (539 - 710) จักพรรดิองค์ที่ 29-43 <<หมู่บ้านอาสึกะ 4. ยุคนารา (710 - 794) จักพรรดิองค์ที่ 43-50 เมืองหลวงคือนารา <<เมืองเก่านารา 5. ยุคเฮฮัน (794 - 1185) จักพรรดิองค์ที่ 50-81 เมืองหลวงคือเกียวโต <<เมืองเก่าเกียวโต 6. ยุคคามาคุระ (1185 - 1333) จักพรรดิองค์ที่ 82-96 7. ยุคมุโรมาจิ (1318 - 1573) จักพรรดิองค์ที่ 96-107 <<ปราสาทโอซาก้า 8. ยุคเอโดะ (1603 - 1868) จักพรรดิองค์ที่ 107-121 เมืองหลวงคือโตเกียว 9. ญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน (หลังการปฏิรูปเมจิปี 1868) จักพรรดิองค์ที่ 122-125
พวกหลุมศพน้ำล้อมพวกนี้เป็นที่ฝังศพจักรพรรดิและขุนนางคนสำคัญในสมัยโคฟุน มีตั้งแต่หลุมเล็กๆไปจนถึงใหญ่โตมโหฬาร ที่ใหญ่โตและโด่งดังที่สุดคือหลุมศพของจักพรรดินินโทคุ (จักรพรรดิองค์ที่ 16) สร้างราวศตวรรษที่ 5 เรียกว่า Daisen Kofun รอบนอกสุดมีขนาด 840 เมตร x 654 เมตร พอๆกับเมืองโบราณเมืองนึงเลย ดูในกูเกิ้ลเอิร์ธเลือกพิมพ์ sakai osaka จะเห็นรูปกูญแจเด่นขึ้นมาเลยครับ พอเทียบกับหลุมศพนี้แล้วบ้านเรือนข้างๆเล็กเป็นพิกเซลไปเลย และนี่คือสุสานที่มีอาณาบริเวณใหญ่โตที่สุดในโลกครับ ใครจะคิดว่ามันจะอยู่ในประเทศที่ใช้พื้นที่คุ้มสุดๆแบบญี่ปุ่น
ในวันที่ 4 พ.ย. 2559 วันที่ 7 ของการเดินทาง หลังเที่ยวศาลเจ้าสุมิโยชิแล้ว พวกเราขึ้นรถไฟสาย Nankai-Koya Line จากสถานี Sumiyoshi-Higashi Station มาลงที่สถานี Mikunigaoka Station ที่นี่คือเมืองซาไกที่ไม่ค่อยได้มีคนมาเที่ยวพอๆกับอาสึกะนั่นละครับ ค่อยได้วิวแปลกกว่าชาวบ้านชาวช่องหน่อย จากสถานีข้ามถนนมาหน่อยก็เจอเอารั้วล้อมสุสานเลย ถนนที่เดินรอบสุสานนี้ตามแผนที่คือวงนอกสุดนะครับ ถัดไปเป็นคูน้ำ แล้วก็คันดิน แล้วก็คูน้ำ แล้วก็คันดิน แล้วก็คูน้ำอีกชั้น ก่อนจะถึงสุสานจริงๆ ระบบป้องกันข้าศึกของสุสานยิ่งซะกว่าตัวเมืองอีก ถึงคูดินจะรกชัฏเป็นป่าไปแล้ว แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลตัดหญ้าอยู่นะ
ส่วนที่เป็นด้านหน้าคือฝั่งหน้าตัดนะครับ จากสถานีรถไฟ Mikunigaoka Station มันจะไปลงเอาด้านหลังของสุสาน ต้องเดินเกือบกิโลกว่าจะถึงข้างหน้า (จริงๆต้องลงที่สถานี Mozu Station ถึงจะโผล่ด้านหน้า) แค่เดินจากด้านหลังมาด้านหน้าสุสานก็ใช้เวลาตั้ง 20 นาทีแล้ว กว่าคนยุคนั้นจะขุดคูน้ำขึ้นมาได้ขนาดนี้คงต้องทำกันเป็นสิบปีเลยครับ ตายแล้วยังเป็นภาระประเทศชาติประหนึ่งปิระมิดเวอร์ชั่นญี่ปุ่น เดินมาถึงหน้าสุดเป็นประตูเหมือนกับที่สุสานจักพรรดิจิมมุที่คาชิฮาระ เข้าไปไม่ได้นะครับ (เข้าไปก็ตกน้ำป๋อมแป๋ม)
ยืนทำความเคารพตรงนี้แล้วกลับ.... เดี๋ยวสิ! อุตส่าห์มาถึงเมืองนี้ขอเต็ดเตร่อีกหน่อย!
รอบหลุมศพของจักพรรดินินโทคุ มีหลุมศพของญาติและคนสนิทเรียงรายอยู่ 15 หลุม (แต่ตอนนี้เหลือ 12 หลุม อีก 3 ไม่เหลือซากแล้ว) ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่าหลุมใครบ้าง เลยเรียกตามชื่อเนินครับ ด้านหน้านี้มีหลุมศพเนินทัตสึสะ (ซ้าย) และหลุมศพเนินมาโกดายู (ขวา) ตอนนี้ก็เป็นเพียงเนินดินล้อมด้วยน้ำและมีปักเขตไว้
เดินเข้าเขตสวนไดเซ็น (Daisen Park) ที่นี่มี พิพิธภัณฑ์เมืองซาไก (Sakai City Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ค่าเข้าเพียง 200 เยน แต่สามารถถ่ายรูปได้ไม่อั้น!!! (พิพิธภัณฑ์ตามเมืองบ้านนอกอย่างอาสึกะหรือซาไกเนี่ย สปอร์ตม้ากกกกก!!) จัดแสดงของที่ขุดพบจากสุสานทั้งหลายในเมืองนี้ครับ เก่าแก่ตั้งแต่ยุคโจมอนหรือเก่ากว่านั้นก็หลายชิ้นนะ เพราะบริเวณนี้มีคนตั้งรกรากตั้งแต่ยุคหิน
หน้าพิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นท่านริคคิว (Sen-no-Rikyu, 1522-1591) ผู้แตกฉานในพิธีชงชาของญี่ปุ่นมากที่สุด (ยังไงอย่าถามนะครับ ...เจ้าของบล็อกไม่เข้าใจ) มีถิ่นกำเนิดที่เมืองซาไกนี้เอง |
ฝั่งนี้คือรูปปั้นของทาเคโนะ จู (Takeno Jōō, 1502 - 1555) เป็นอาจารย์สอนชงชาให้ท่านริคคิวอีกที |
เจ้าตุ๊กตาดินเผานี้น่าจะได้เห็นกันบ่อยๆตามสื่อญี่ปุ่นต่างๆ มันมีชื่อว่าฮานิวะ (Haniwa) จะใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปต่างๆ ทั้งบ้านเรือน คน ม้า และอื่นๆ สำหรับใช้ฝังลงในสุสานหรือปักกำหนดเขตสุสาน
ยิ่งสุสานสำคัญๆยิ่งใส่ฮานิวะมากนะครับ โดยเฉพาะที่ Daisen Kofun นี้ พบฮานิวะฝังอยู่ถึง 30,000 ตัว!! ฮานิวะเป็นหลักฐานสำคัญทางโบราณคดีที่ช่วยบอกสภาพเครื่องแต่งกาย ทรงผม สถาปัตยกรรม ฯลฯ ของยุคนั้นด้วยนะครับ
เจ้า Cactuar ประจำซีรี่ยส์เกม Final Fantasy นี่ก็ดีไซน์จากฮานิวะนะ | |
อีกสุสานหนึ่งที่โด่งดังรองลงมาก็คือสุสานของจักพรรดิริชู (จักรพรรดิองค์ที่ 17) บุตรชายของจักรพรรดินินโทคุ แต่ต้องเดินต่อไปอีกเยอะอยู่กว่าจะอ้อมไปถึงข้างหน้า แล้วก็จะได้เห็นแค่ประตูนั่นแหละครับ เลยไม่ไปดีกว่า...
หมดละครับทริปนี้ นั่ง JR Hanwa Line จาก Mikunigaoka Station (หรือถ้าลงถูกสถานีก็คือ Mozu Station) มายัง Kansai-Airport Station ที่เหลือก็รอเวลาขึ้นเครื่องบินออกเที่ยงคืน แต่ดันมาถึงสนามบินตั้งแต่ 4 โมงเย็น รายการเผาผลาญเวลาแบบไม่มีเหตุผลจึงอุบัติขึ้น ช้อปสนามบินคันไซ ทั้งซื้อหนังสือทั้งซื้อขนมและของฝาก ถึงเงินเยนจะแลกคืนง่าย (ไม่เหมือนอีจิ๊บชั่นพาวน์ตอนไปอียิปต์ที่ตอนนี้ยังเน่าคาสมุดแบงค์อยู่) แต่ของน่าซื้อมันเยอะจริงๆนะเธอ เดี๋ยวบล็อกหน้าจะมาสรุปค่าเสียหาย และเก็บตกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากทริปคันไซ 7 วันนี้ครับ
ตื่นเช้าวันต่อมาสิ่งแรกที่ต้องทำคือถ่ายรูปกองของฝากอันสุดแสนอลังการ
นอกจากของฝากแล้วเวลาจ่ายตังค์เข้าไปในสถานที่ต่างๆ เขาจะมีโบรชัวร์สวยงามน่ารักแจกด้วยแหละ หลายที่มีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษด้วยนะ
Create Date : 18 พฤษภาคม 2560 |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2560 21:26:17 น. |
|
48 comments
|
Counter : 4308 Pageviews. |
|
|
๙
๙
๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
_/๙๙๙๙๙\\_
เข้ามาเจิมก่อน เดี๋ยวตามมาอ่านครับ