Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
 
5 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. การดับทุกข์สิ้นเชิงไม่เนื่องด้วยอิทธิวิธี

แม้กระทั่งวิโมกข์ที่ไม่เกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ

(นักบวชเดียรถีย์อื่น ชื่อ สุสิมะ หาอุบายเข้ามาบวชในพุทธศาสนา เพื่อจะบรรลุคุณวิเศษสำหรับนำเอาไปทำให้คณะของตัวเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภยศสักการะ เหมือนสังฆบริษัทของพระพุทธองค์; ครั้นบวชแล้ว ได้เข้าไปหาพวกภิกษุปัญญาวิมุตต์ โดยคิดว่าภิกษุพวกนี้มีอภิญญาหก

เมื่อได้ทราบว่าภิกษุพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอภิญญาหก และได้รับบอกเล่าว่าความเป็นอริยะบุคคลไม่เนื่องด้วยอภิญญาหก ก็เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซักไซ้ถึงเรื่องอภิญญาหกว่าเกี่ยวข้องกันอย่างจำเป็นกับความสิ้นอาสวะตามความเชื่อของเขาหรือไม่,

พระพุทธองค์ได้ทรงใช้วิธีทำให้เขาเกิดธัมมฐิติญาณและนิพพานญาณ โดยทรงนำเอาเรื่องเบญจขันธ์ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา ไม่ควรเห็นว่าเป็นของเรา เป็นเรา เป็นอัตตาของเรา จนเป็นธัมมฐิติญาณขึ้นมาก่อน จนกระทั่งจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้น และรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว อันเป็นนิพพานญาณ ตามนัยแห่งอนัตตลักขณสูตร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หรืออาจจะหาอ่านดูได้จากที่ทั่วไป

จนกระทั่งนักบวชชื่อสุสิมะนั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ในเรื่องความดับทุกข์หรือความสิ้นอาสวะนั้น ว่าเป็นไปได้ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง จนกระทั่งนักบวชชื่อสุสิมะเห็นชัดในความจริงข้อนี้แล้ว จึงตรัสแก่เขาต่อไปว่า :-)


สุสิมะ!
เธอเห็นไหมว่า ชรามรณะ มี เพราะชาติเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า!"

สุสิมะ
เธอเห็นไหมว่า ชาติ มี เพราะภพเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้นพระเจ้าข้า!"

สุสิมะ!
เธอเห็นไหมว่า ภพ มี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า!"

สุสิมะ!
เธอเห็นไหมว่า อุปาทาน มี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า!"

สุสิมะ
เธอเห็นไหมว่า ตัณหา มี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า!"

สุสิมะ!
เธอเห็นไหมว่า เวทนา มี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เธอเห็นไหมว่า ผัสสะ มี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้นพระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เธอเห็นไหมว่า สฬายตนะ มี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เธอเห็นไหมว่า นามรูป มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เธอเห็นไหมว่า วิญญาณ มี เพราะสังขารเป็นปัจจัย ?

"อย่างนั้น พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เธอเห็นไหมว่า สังขาร ทั้งหลายมี เพราะอวิชชาเป็น
ปัจจัย?

"อย่างนั้นพระเจ้าข้า !"

(ต่อไปได้ตรัสชักนำ ให้เห็นปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร โดยรูปแบบแห่งถ้อยคำอย่างเดียวกับข้อความข้างบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แล้วได้ตรัสว่า :-)


สุสิมะ !
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อิทธิวิธีมีอย่างต่าง ๆ อยู่อีกหรือ คือ ..
..คนเดียวแปลงรูปเป็นหลายคน,
..หลายคนเป็นคนเดียว, ....ฯลฯ....๑
..และแสดงอำนาจทางกาย เป็นไปตลอดถึงพรหมโลกได้ ดังนี้.

"ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ทิพพโสต อยู่อีกหรือคือมีโสตธาตุอันเป็นทิพย์ ....ฯลฯ....๑ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ ดังนี้.

"ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี เจโตปริยญาณ อยู่อีกหรือ คือกำหนดรู้ใจแห่งสัตว์อื่น ....ฯลฯ....๑ จิตไม่หลุดพ้นว่าไม่หลุดพ้น ดังนี้.

"ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !"

สุลิมะ !
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อยู่อีกหรือ คือระลึกได้ถึงขันธ์ที่เคยอยู่อาศัยในภพก่อนมีอย่างต่าง ๆ ....ฯลฯ....๑ พร้อมทั้งอาการและอุทเทส ด้วยอาการอย่างนี้ดังนี้.

"ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !"

สุลิมะ !
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มีทิพพจักขุญาณ อยู่อีกหรือ คือ มีจักษุอันเป็นทิพย์ บริสุทธิ์หมดจดล่วงจักษุของสามัญมนุษย์ ....ฯลฯ....๑ รู้ชัดหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงตามกรรมได้ ดังนี้.

"ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า!"

สุลิมะ!
เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ เธอยังจำเป็นที่จะต้องทำให้มี อารุปปวิโมกข์อยู่อีกหรือ คือ วิโมกข์เหล่าใด อันสงบรำงับ เป็นอรูปเพราะก้าวล่วงรูปเสียได้ เธอถูกต้องวิโมกข์เหล่านั้นด้วยนามกายแล้วแลอยู่ ดังนี้

"ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !"

สุสิมะ !
คราวนี้, คำ พูดอย่างโน้นของเธอกับการที่ ( เธอกล่าวบัดนี้ว่า ) ไม่ต้องมีการบรรลุถึงอภิญญาธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้, ในกรณีนี้นี้เราจะว่าอย่างไรกัน.
.
.
.
นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.


๑. ลักษณะแห่งอภิญญาแต่ละอย่าง ๆ โดยละเอียดออกจะยืดยาว ในที่นี้นำมาใส่ไว้แต่โดยย่อพอเป็นเครื่องสังเกต ผู้ปรารถนาจะทราบโดยละเอียด พึงดูได้ที่หัวข้อว่า "ธรรมธาตุต่าง ๆ ที่เป็นผล ของสมถวิปัสสนาอันดับสุดท้าย" ที่หน้า ๔๙๕ แห่งหนังสือนี้.


Create Date : 05 มีนาคม 2558
Last Update : 5 มีนาคม 2558 20:54:51 น. 0 comments
Counter : 842 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.