Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
เผย ‘หลักฐานลับ’ ที่ไม่ลับอีกต่อไป ชี้ประเด็น ‘พระวิหาร’ ไทยยังมีสิทธิ์ 'รื้อคดี'




     “...เอกสารสำคัญซึ่งแปลเมื่อเร็วๆ นี้เป็นของฝรั่งเศส สมัยนั้นไม่เอาเอกสารนี้มาใช้เพราะศาลโลกคงเข้าข้างเรา แต่บังเอิญวันที่ไปขึ้นศาลโลก เอกสารนี้อยู่ที่ฝรั่งเศสเราจึงมิอาจเอื้อมไปหามาแปลได้ ถ้าสมัยก่อนมี กล้าพูดเลยว่าปราสาทพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่...”


     สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2551 สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้จัดงานสัมมนา “ปราสาทพระวิหาร : วาระแห่งชาติ” ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยมี ‘นายเทพมนตรี ลิมปพยอม’ นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ถือหลักฐานหลายอย่างมานำเสนอประกอบการสัมมนา ความบางส่วนตอนที่นายเทพมนตรีได้อธิบาย รวมถึงเอกสารสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส หลักฐานอื่นๆ พร้อมทั้งแผนที่ฉบับฝรั่งเศส ก่อนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพื่อขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อันเป็นประเด็นปัญหาที่ถกเถียงแตกเสียงต่างๆ นาๆ ทั้งนี้

ข้อความดังต่อไปนี้ เป็นคำอธิบายประกอบการแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์บางส่วนที่นายเทพมนตรีหยิบยกมาเผยแพร่ระหว่างการสัมมนา ดังนี้



     นายเทพมนตรี กล่าวไว้ดังนี้ “ผมได้นำแผนที่ในปีคศ. 1907 ซึ่งเป็นแผนที่ทีประกอบแนบท้ายสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม 2450 เป็นบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญที่เราเพิ่งแปลเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนว่าข้อสรุปหรือมติของศาลระหว่างประเทศ หรือศาลโลกนั้น ที่บอกว่าโอกาสต่อไปอันเป็นส่วนของเรา เราพบหลักฐานใหม่ เราก็สามารถรื้อคดีขึ้นมาได้”

“ข้อความในสนธิสัญญาซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้บริบทเลย ว่าในมุมกว้างของสนธิสัญญาพูดถึงอะไรบ้าง มีเอกสารของคณะสำรวจปาวีที่จะเผยที่นี่เป็นที่แรก เริ่มมีกระแสว่านักวิชาการไปปลุกเร้า ไปสร้างชาติ ซึ่งถ้าผมมองในมิตินี้ขอบอกว่าเราชัดเจน ชัดเจนในประเด็นแรกคือเราต้องการกระชากหน้ากากยูเนสโก้ ข้อสองคือเราต้องการกระชากหน้ากากของใครบางคนในรัฐบาลนี้ เราไม่เคยปลุกระดมให้คนมาคลั่งชาติ เพียงแต่เราต้องบอกข้อเท็จจริงว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไรเพราะคนในรัฐบาลนี้มันโง่ มันไม่อ่านประวัติศาสตร์”

“ผมแบ่งข้าราชการปัจจุบันออกเป็น 3 ฝ่าย หนึ่งข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สองข้าราชการในสังกัดพรรคการเมือง และสุดท้ายข้าราชการในสังกัดนายทุน เรามีข้าราชการ 2 ประเภทหลังถึง 2 ใน 3 ของประเทศ”




     ผมอยากเรียกร้องท่านผบ.สส.เปิดเผยเอกสารนี้ เพราะมีบันทึกเสียงด้วยและเผยแพร่ให้ประชาชนได้ทราบ กระชากหน้ากากใครบางคนที่จิตใจลำเอียงไปอยู่ฝ่ายกัมพูชา มันบ่งบอกธาตุแท้กมลสันดานออกมาเลยนะ ชัดเจนแจ่มแจ้งไม่ต้องมีนัยสำคัญเลย พูดเข้าข้างเลยว่าหนึ่งจะยกดินแดนให้เขาไป สองจะเอา 7 ชาตินี้เข้ามา แต่อย่าให้ผมพูดเลยว่าใครเพราะว่าผิดมารยาท

     เอกสารสำคัญซึ่งแปลเมื่อเร็วๆ นี้เป็นของฝรั่งเศส สมัยนั้นคงไม่เอาเอกสารนี้มาใช้เพราะศาลโลกคงเข้าข้างเรา แต่บังเอิญวันที่ไปขึ้นศาลโลก เอกสารนี้เป็นภาษาฝรั่งเศส อยู่ที่ฝรั่งเศส เราจึงมิอาจเอื้อมไปหามาแปลได้ ถ้าสมัยก่อนมีเอกสารฉบับนี้นะครับ ผมกล้าพูดเลยว่าปราสาทพระวิหารยังเป็นของไทยอยู่ เอกสารดังกล่าวพูดถึงเรื่องการปักปันเขตแดนที่ชัดเจนมากๆ แต่เราก็รู้ดีว่าฝ่ายฝรั่งเศสคงไม่เอาเอกสารนี้ให้เรา แต่วันนี้มันผ่านมาแล้วหลายสิบปี ก็เลยมีพิมพ์เผยแพร่



     ฝ่ายฝรั่งเศสได้เมืองพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และยอมมอบดินแดนเมืองตราดและด่านซ้ายกลับคืนให้แก่สยาม ขณะเดียวกันฝรั่งเศสก็คงยังรักษาเมือง SAUTON ที่อยู่ทางฝั่งทะเลไว้ พิธีศาลที่ว่าด้วยการปักปันเขตแดน ได้กำหนดขอบเขตของดินแดนเหล่านี้ไว้ต่อท้ายสนธิสัญญานี้แล้ว พื้นที่ในแถบทะเลสาบเขมรทั้งหมดเป็นของฝรั่งเศส เว้นแต่พื้นที่ทางทิศตะวันตกที่อยู่ห่างออกไปคาบ 10 กิโลเมตร อันเป็นพื้นที่ในหลายเขตตำบลในเขตเมืองปราจีนบุรีของสยาม นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่อีกหลายแขวงที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองไพลิน ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองจันทบุรี และเพื่อเป็นการชดเชยพื้นที่บริเวณแนวพรมแดนที่อยู่ในเขตเทือกเขาดงเล็ก ฝรั่งเศสได้ยกพื้นที่หลายตำบลในเขตเมืองอุบลราชธานีให้แก่สยาม

     ทั้งนี้ เนื่องจากแผนที่แนบสนธิสัญญาดังกล่าวถูกจัดทำเมื่อปีค.ศ. 1907 ซึ่งพื้นที่ทับซ้อนเคยเป็นเขตแดนของเราแต่เดิม แต่เอกสารดังกล่าวนั้นเป็นฉบับร่าง แต่ฝรั่งเศสมาเลือกใช้แผนที่ฉบับปี 1908 ซึ่งมาตีพิมพ์ภายหลังมาประกอบเป็นแผนที่ท้ายคำฟ้องในปี พ.ศ. 2502 เพราะแผนที่นี้ระบุอยู่แล้วว่าได้ปักปันเขตแดนเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่หน้าสนใจในหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งออกเมื่อ 4 ก.ค. 2505 ข้อแรกระบุว่า “ข้อ2 กำหนดเป็นรูปพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าครอบปราสาทพระวิหาร มีแนวเขตจากปีกขวาของตัวปราสาทพระวิหารตั้งแต่ช่องบันไดหัก (ช่องบันไดหักอยู่ภายในบริเวณปราสาทพระวิหาร) ลากเส้นตรงผ่านชิดบันไดนาคไปจนถึงตัวปราสาทพระวิหาร แล้วลากเส้นตรงขนานกับตัวปราสาทพระวิหารไปสุดที่หน้าผาชันด้านหลังปราสาทพระวิหาร จะเป็นเนื้อที่บริเวณปราสาทพระวิหารประมาณ ¼ ตารางกิโลเมตร”



     ผมได้เอกสารนี้มาจากบ้าน จอมพลประภาส จารุเสถียร มีผู้ประสงค์ดีให้ผมมา ส่วนท้ายของหนังสือดังกล่าวระบุอีกว่า “ข้อ 1 จัดทำป้ายไม้ ลักษณะและขนาดเท่าสถานีรถไฟ แสดงเขตบริเวณปราสาทพระวิหารไปปักตามจุดที่ช่องบันไดหัก 1, ปลายบันไดนาค 1, ที่มุมปราสาทปีกซ้าย 1, และที่หน้าผาหลังปราสาทอีก 1 ป้ายนี้ด้านที่หันมาทางประเทศไทยให้เขียนว่า “เขตบริเวณปราสาทพระวิหาร” และมีภาษาอังกฤษกำกับ ส่วนทางด้านที่หันไปทางกัมพูชาเขียนข้อความเป็นภาษากัมพูชาว่า “เขตนอกบริเวณปราสาทพระวิหาร” และมีภาษาฝรั่งเศสกำกับไว้ด้วย”

     ฉะนั้นถึงต้องมีการรั้วลวดหนามให้เขตบริเวณ ไม่ใช่เส้นเขตแดน พอกั้นเขตบริเวณ วันนั้นจอมพลประภาสก็ได้เดินทางไปวันที่จะต้องไปเอาทหารและตำรวจออกจากบริเวณปราสาทด้วย และไปชี้จุดว่าปักเขตบริเวณไว้ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้ไทยกับกัมพูชากระทบกระทั่งกัน เห็นได้ชัดว่าแนวรั้วที่เรากั้นเป็นเขตบริเวณอย่าเอาไปเกี่ยวกับเขตแดน



ผมมีเอกสารฉบับหนึ่งลงลายพระหัตถ์ ‘สยามมินทร์’ ระบุว่า

     “เหมือนหนึ่งคำซึ่งมองซิเออร์ เดอร์ คาเซ่ พูดกับพระยาสุริยาฯ ว่า พวกที่เป็นกบฏหนีไทยเข้าไปในเขตแดนของเขา ถึงไม่ใช่ทหารก็ขึ้นว่าเป็น สัปเยกไทย ถึงเป็นกบฏเข้าไปวุ่นวายในเขตแดนฝรั่งเศสก็ต้องถือว่าเป็นไทยบุกรุก การณ์เรื่องนี้เขาก็พูดหลับตาหาความ ถ้าจะกล่าวให้ตรงคงจะว่าถึงเป็นคนในบังคับอังกฤษแต่ออกไปจากเขตแดนไทยแล้วไปวุ่นวายในเขตแดนเขา เขาก็จะถือว่าเป็นไทยบุกรุก การที่ว่าเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องออกจากเขตแดนไทยไปในแดนฝรั่งเศส มันไปจากแดนอังกฤษก็ไปได้ สักแต่ขึ้นชื่อว่าคนเคยมาเมืองไทย ไปทำผิดในแดนฝรั่งเศส ก็คงจะเอาเป็นไทยบุกรุกได้ เรามีความเหนื่อยหน่ายใจ ในการซึ่งต้องเอาใจกันอยู่เช่นนี้เหลือกำลังแล้ว ความมุ่งหมายว่าจะได้ความสงบจากสัญญาที่ได้ทำแล้ว หรือที่จะทำใหม่ก็ดูเป็นสุดทางที่จะมุ่งหมายอยู่แล้ว มีแต่ทางที่จะต้องรอนกำลังตัว แลให้เขาเดินหนักขึ้นไปตามชอบใจทุกที เสียรายทางอยู่ไม่ขาด การซึ่งจะมีผลร้ายในเพลาสัญญาไม่ตกลงกัน กับที่จะต้องเสียรายทางอยู่เช่นนี้เสมอ จะผิดกันอย่างไรก็แลไม่เห็น พระยาสุริยาคิดแลหนทางอย่างไร ขอให้ตักเตือนแนะนำสักหน่อย หน้ามืดเต็มที”

ลงลายพระหัตถ์ สยามินทร์ ป.ล.


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนออนไลน์ วันที่ 18 กรกฎาคม 2551


H O M E



Create Date : 21 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:08:14 น. 1 comments
Counter : 1310 Pageviews.

 
จริงๆถ้าให้เขมรไปก็ไม่รู้จักรักษาหรอกอย่างดีก็ไปห่อข้าวเลี้ยงวัวแถวนั้น
และขนาดอังกอยังให้ฝรั่งดูแลให้เพราะไม่มีเงินซ่อมแซมคนฝั่งเศสเขาบ่นจะต่ายว่าเสียเงินให้ประเทศที่กำลังพัฒนามากต่อมาก


โดย: ฝรั่งเศสก็จนๆๆ IP: 87.90.116.69 วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:05:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.