Bloggang.com : jenifaae : ประเทศเอเชียครองแชมป์โลก ปฏิรูปกฎเอื้อธุรกิจ-จ้างงานเพิ่ม

ประเทศเอเชียครองแชมป์โลก ปฏิรูปกฎเอื้อธุรกิจ-จ้างงานเพิ่ม

แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่ประเทศในเอเชียก็ยังมีการปรับตัวทางธุรกิจค่อนข้างดี

โดยรายงาน 'Doing Business 2009' ของอินเตอร์เนชั่นแนล ไฟแนนซ์ คอร์ปอเรชั่น (ไอเอฟซี) ผู้ให้ทุนเอกชนของธนาคารโลกระบุว่า สิงคโปร์ยังคงรั้งแชมป์ประเทศเอื้อต่อการทำธุรกิจเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยผลการสำรวจปีนี้ชี้ชัดว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกได้กระตุ้นให้มีการปฏิรูป ข้อบังคับในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น

     ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ได้อาศัย ดัชนีชี้วัด 10 ประการ ได้แก่ การเริ่มทำธุรกิจ, การขออนุญาตก่อสร้าง, การจ้างแรงงาน, การจดทะเบียนทรัพย์สิน, การขอเครดิต, การคุ้มครองผู้ลงทุน, การจ่ายภาษี, การค้าระหว่างประเทศ, การบังคับใช้สัญญา และการปิดธุรกิจ โดยจะพิจารณาระยะเวลาและต้นทุนที่ธุรกิจจะต้องใช้เพื่อดำเนินการให้สอดคล้อง กับข้อกำหนดของภาครัฐในการดำเนินธุรกิจ

     นอกจากสิงคโปร์ ยังมีประเทศอื่นในเอเชีย ที่มีอันดับเหมาะกับการดำเนินธุรกิจอีก ได้แก่ ฮ่องกงอันดับ 4 ญี่ปุ่นอันดับ 12 ขณะที่ไทยและมาเลเซียมีอันดับดีขึ้นเป็น 13 และ 20 ตามลำดับ จาก 181 ประเทศ
โดยดาห์เลีย คาลิฟา ผู้ร่วมทำวิจัยครั้งนี้ระบุว่า ประเทศเอเชียตะวันออกมุ่งมั่นกับการปฏิรูปกฎระเบียบอย่างชัดเจน เพราะ ต้องการรักษาขีดความสามารถในการ แข่งขัน และกระตุ้นการสร้างธุรกิจของ ผู้ประกอบการ และการสร้างงาน

     ด้านเอเชียใต้ ศรีลังกาเป็นประเทศที่มีการปฏิรูปข้อบังคับด้านธุรกิจได้ดีที่สุด โดยสำนักงานข้อมูลเครดิตของศรีลังกาเพิ่งเริ่มระบบออนไลน์เพื่ออัพโหลด ข้อมูลเครดิต ส่วนประเทศอื่นๆ เช่น บังกลาเทศ ได้ตัดข้อบังคับด้านทรัพย์ลงครึ่งหนึ่ง พร้อมทำให้การเริ่มธุรกิจง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้านภูฏานแก้ไขให้การบังคับใช้สัญญาผ่านศาลสะดวกขึ้น ขณะที่อินเดียปรับขั้นตอนการนำเข้าและส่งออกให้ง่ายขึ้น

ซึ่ง ไมเคิล ไคลน์ รองประธานไอเอฟซีฝ่ายการพัฒนาภาคเอกชนและการเงิน ระบุว่า เขตเศรษฐกิจต่างๆ ต้องมีกฎที่มีประสิทธิภาพ ใช้ง่าย และเข้าถึงได้ง่าย ไม่เช่นนั้นภาคธุรกิจจะติดอยู่ในกับดักของเศรษฐกิจไร้กฎระเบียบ ทำให้สามารถ เข้าถึงแหล่งเงินทุน แรงงานได้น้อยลง

ในระดับภูมิภาค ยุโรปตะวันออกและเอเชียกลาง เป็นผู้นำด้านการปฏิรูปข้อบังคับธุรกิจติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยกว่า 90% ของประเทศในกลุ่มปรับตัวดีขึ้น

อันดับ 2 ตกเป็นของเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก นำโดยจีน ที่ปรับปรุงข้อบังคับต่างๆ ทำให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงแหล่งเครดิต จ่ายภาษี และบังคับใช้สัญญาได้ง่ายขึ้น

ด้านรายประเทศ สิงคโปร์ครองอันดับ 1 ตามด้วยนิวซีแลนด์ สหรัฐ ญี่ปุ่น และเดนมาร์ก
ขณะที่การจ้างงาน ผลสำรวจของแมนพาวเวอร์ระบุว่า บริษัทในอินเดียคาดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ทำให้อินเดียผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 จากจำนวน 33 ประเทศ

     โดย 50% ของนายจ้าง 5,000 ราย วางแผนเพิ่มพนักงานภายในเดือนธันวาคมปีนี้ ขณะที่มีเพียง 2% ที่จะลดการจ้างงาน โดยภาคธุรกิจเหมืองแร่และการก่อสร้างจะมีการเติบโตของการจ้างงานมากที่สุด หรือสูงถึง 54% ทั้งนี้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของอินเดียโตราว 5% นับตั้งแต่ปี 2545 และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 30,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2555 ด้านการก่อสร้างเป็นธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับรองจากภาคเกษตร และด้วยอานิสงส์ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นทำให้ภาคก่อสร้าง เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดในช่วง 5 ปีข้างหน้า

     ส่วนในจีน 12% ของนายจ้าง 4,014 ราย จะมีการจ้างงานเพิ่มในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยคนหางานในธุรกิจบริการจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากบริษัทจะลด พนักงานชั่วคราวหลังจากกีฬาโอลิมปิก

     สำหรับสิงคโปร์การจ้างงานในไตร มาส 4 ปีนี้จะโตราว 25% เทียบกับอัตราการเติบโต 53% ของปีก่อน ซึ่งสรุปได้ว่ายอดการจ้างงานของสิงคโปร์ในปีนี้ลดลงถึง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขอขอบคุณ
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 15 กันยายน 2551 หน้า 14

H O M E

Create Date : 19 กันยายน 2551

Last Update : 19 กันยายน 2551 21:35:45 น.

0 comments

Counter : 987 Pageviews.