Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
ทริป(หวัง)สัมฤทธิ์ผล ยล'พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ'


     การบูชาเทพเจ้ามีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลกระทั่งปัจจุบันผู้คนก็ยังคงบูชาและนับถือเทพเจ้ากันอย่างแพร่หลาย ด้วยเชื่อว่าเทพเจ้าจะบันดาลให้เกิดผลในด้านต่างๆ เทพเจ้าที่นิยมนับถือกันเป็นอย่างมากองค์หนึ่งก็คือ 'พระพิฆเนศ' เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ

     ในทริปนี้ 'ผู้จัดการท่องเที่ยว' มีโอกาสเดินทางไปเชียงใหม่ จึงสบช่องหาจังหวะเดินทางไปเที่ยวยัง 'พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ' ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนที่จะเข้าไปชมด้านในของพิพิธภัณฑ์เรามาทำความรู้จักพระพิฆเนศกันเสียก่อนดีกว่า


     พระคเนศ พระพิฆเนศ พระพิฆเนศวร หรือพระคณปติ เป็นนามของเทพเจ้าสำคัญองค์หนึ่งของศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ เป็นโอรสของพระศิวะกับนางปารวดี หรือที่รู้จักกันว่า พระอุมา ที่มีลักษณะของร่างกายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะคือ มีกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง ผู้คนให้ความเคารพนับถือ 'พระคเนศ' ในฐานะเทพเจ้าแห่งอุปสรรค ผู้บันดาลให้เกิดความสำเร็จในทุกๆด้าน

เนื่องจากเป็นที่นับถือกันมาทุกยุคทุกสมัย รูปเคารพของพระคเนศจึงมีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งแกะจากศิลา โลหะสำริด ทองเหลือง เงิน ปูนปั้น ดินเผา ไม้ กระดาษ และงาช้าง เป็นต้น

     สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีการนับถือบูชาพระคเนศในฐานะเทพสำคัญด้านต่างๆ จึงมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องอาทิ พระราชพิธีในราชสำนักไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้แก่ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีตรียัมพวายตรีปวาย พระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือก เป็นต้น


     แม้ในงานนาฏศิลป์ ดุริยางศิลป์ และงานช่างไทยก็มีการนับถือพระคเนศ โดยมีการบูชาในพิธีไหว้ครูก่อนการแสดงหรือการเรียนศาสตร์นั้นๆ ด้วยเชื่อว่าท่านเป็นเทพแห่งอุปสรรค บูชาท่านเพื่อป้องกันมิให้เกิดอุปสรรค อันจะนำไปสู่ความสำเร็จ ทั้งยังบูชาในฐานะที่ทรงมีสติปัญญาหลักแหลมอีกด้วย

     ในหมู่เทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์ พระคเนศที่มีตัวเป็นมนุษย์มีเศียรเป็นช้างนั้นนับเป็นเทพที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นที่สุด ในการทำรูปเคารพจึงมักนิยมทำเป็นรูปบุรุษร่างอ้วนพุงพลุ้ย ในท่านั่งหรือยืนบนหลังหนูที่เป็นพาหนะของท่าน กรหรือมือมักมี 1-16 กรถืออาวุธต่างๆกันตามปางหรือตามเนื้อหาของประวัติ


     แต่ที่นิยมกันคือ 4 กร แต่ละกรถือบ่วงบาศ ตะขอเกี่ยวช้าง ขนมโมทกะ และแสดงปางประทานพร ซึ่งรูปแบบหรืออิริยาบถต่างๆนี้สามารถวิเคราะห์ตีความได้ว่าเป็นพระคเนศในปางใด ทั้งยังแสดงถึงสกุลช่างศิลปกรรมที่หลากหลายตลอดจนพัฒนาการของคติความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาพระคเนศอีกด้วย ซึ่งหลังรู้เรื่องราวคร่าวๆของพระพิฆเนศไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาตะลุยเที่ยวพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศกันอย่างไม่รีรอ

     สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ถือกำเนิดโดย 'ปัณฑร ทีรคานนท์' ด้วยเริ่มแรกเป็นผู้ที่เคารพนับถือพระคเนศอยู่แล้วเป็นการส่วนตัวจึงได้สะสมรูปเคารพพระคเนศในอิริยาบถต่างๆมานานกว่า 30 ปี และระหว่างนั้นก็มีเพื่อนฝูง คนรู้จักที่เคารพนับถือพระคเนศมาขอชมบ่อยครั้ง ปัณฑร จึงคิดเปิดให้ผู้ที่สนใจทั่วไปได้เข้าชมเพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาค้นคว้าศึกษาหาความรู้ต่อไป และสำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้เดินทางไปสักการะที่ประเทศอื่นก็มาที่นี่ ในประเทศไทยของเราก็มีเช่นกัน


     ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมงานประติมากรรมรูปเคารพพระคเนศจากประเทศต่างๆทั่วโลก อาทิ ไทย อินเดีย เนปาล เขมร พม่า ลาว ศรีลังกา อินโดนีเซีย มากจัดแสดงมากกว่า 1,000 ชิ้น โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ “อาคารบูชา” ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นพิพิธภัณฑ์หลังเก่าปัจจุบันใช้เป็นห้องบูชาและจัดแสดงกิจกรรมสาธิตการประกอบพิธีบูชาองค์พระพิฆเนศแบบฮินดู ในทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น.

     ในอาคารบูชา จัดแสดง 'เทวรูปพระพิฆเนศประทับพร้อมครอบครัว' ซึ่งแกะสลักด้วยไม้ทั้งหมด ต้องบอกเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ 'ผู้จัดการท่องเที่ยว' ได้เห็นพระพิฆเนศประทับพร้อมครอบครัว และอาจกล่าวได้ว่ามีเพียงแห่งเดียวในโลกเลยทีเดียว เพราะแม้ในประเทศอินเดียก็ไม่ปรากฏพระพิฆเนศประทับอยู่พร้อมกันทั้งครอบครัว

     หลังจากสักาการะบูชาเทวรูปพระพิฆเนศประทับพร้อมครอบครัวแล้ว พวกเราเดินกลับออกมาด้านนอกอาคารบูชา ซึ่งมีรูปประติมากรรมหนู พาหนะของพระพิฆเนศอยู่ ทางพิพิธภัณฑ์แนะนำว่า หากต้องการขอพรให้ไปถึงพระพิฆเนศให้ฝากบอกเจ้าหนูไว้ โดยมีวิธีการขอพรผ่านทางหนูให้เอามือด้านหนึ่งปิดหูของหนูข้างหนึ่งไว้ แล้วกระซิบขอพรที่ข้างหูหนูอีกด้านหนึ่ง เท่านี้ เจ้าหนูก็จะนำสารไปบอกยังพระพิฆเนศแล้ว ได้ฟังดังนั้นพวกเราไม่ว่าจะเป็นชายหญิงเด็กผู้ใหญ่วัยชราก็พากันต่อแถวเข้าคิวเพื่อขอพรพระพิฆเนศผ่านทางเจ้าหนูตัวนี้กันอยู่นานสองนานเลยทีเดียว


     เมื่อสมใจกับการขอพรแล้ว พวกเราก็ไปชมยัง 'อาคารจัดแสดง 1 และ 2' ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมของชาวฮินดูในเกาะบาหลี รวมถึงสีของอาคารก็เป็นสีดั้งเดิมที่ชาวบาหลีใช้กัน ภายในอาคารทางด้านซ้ายมือจัดแสดงพระพิฆเนศที่รวบรวมมาจากสถานที่ต่างๆในดินแดนเอเชีย ส่วนอาคารทางด้านขวามือเมือเข้าไปจะเจอกับองค์พระพิฆเนศประทับบนชิงช้า ผู้เข้าชมสามารถไกวชิงช้าโดยการดึงเชือกไปมาเบาๆเพื่อเป็นการถวายการบูชาแด่องค์พระพิฆเนศได้ ซึ่ง 'ผู้จัดการท่องเที่ยว' เห็นว่าเป็นการบูชาที่สนุกและแปลกแหวกแนวจริงๆ

     ถัดไปด้านข้างจะเห็นราชรถจำลองลากด้วยหนู 5 ตัว ซึ่งแสดงถึงกิเลศทั้ง 5 ประการของมนุษย์ นอกจากนี้ภายในอาคารนี้ยังจัดแสดงองค์พระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง และยังมีรูป 'คเณศานี' หรือพระพิฆเนศในรูปแบบผู้หญิง โดยสังเกตจากรูปร่างที่มีทรวดทรงองค์เอว มีหน้าอก แกะสลักจากหินทรายสีขาว ที่หาชมได้ยากยิ่ง ซึ่งภายในอาคารจัดแสดงทั้ง 2 หลังนี้จะมีคำบรรยายแต่ละองค์พระพิฆเนศให้ผู้ที่เข้าชมได้เข้าใจกันด้วย


     สำหรับ 'หอพระ' เป็นอาคารหลังแรกที่สร้างขึ้น แต่เมื่อทรุดโทรมลงจึงได้มีการซ่อมแซมและดัดแปลงเป็นอาคาร 2 ชั้น ทางขึ้นมีรูปปั้นองค์รักษ์ผู้เฝ้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในหอพระประดิษฐานองค์พระพิฆเนศประทับบนดอกบัว ที่กลีบดอกบัวทุกกลีบสลักคำว่า โอม ซึ่งเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์

อีกสถานที่ที่สำคัญมากคือ 'เทวาลัยพระพิฆเนศ' ที่เกิดขึ้นจากความศรัทธาของเจ้าของพิพิธภัณฑ์ อิฐทุกก้อนผ่านการสวดและเขียนอักขระ ก่อนนำไปประกอบเป็นเทวาลัย โดยเทวาลัยแห่งนี้สร้างขึ้นตามคัมภีร์มารสานศาสตร์วิทยาของอินเดีย เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้จำลองแบบเทวาลัยจากประเทศเนปาล ผสมผสานสถาปัตยกรรมพม่า และล้านนาบางส่วน

ซุ้มประตูเทวาลัยแกะสลักเป็นองค์พระพิฆเนศประทับยืนแบบตริพังพร้อมครอบครัว อันได้แก่ พระมเหสี 2 พระองค์ และโอรส 2 พระองค์ ส่วนซุ้มหน้าต่าง 4 บาน แกะสลักเป็นเรื่องราวขององค์พระพิฆเนศที่เกิดขึ้นในแต่ละยุค

     ภายในได้จำลอง คณปติโลก หรือโลกอันเป็นที่ประทับขององค์พระพิฆเนศ ซึ่งได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ว่า พระองค์ทรงประทับอยู่บนเกาะกลางมหาสมุทร ที่เต็มไปด้วยน้ำอ้อย ในเวลาที่มีลมพัดจะเกิดคลื่นซัดเอาเพชรพลอยและอัญมณีเข้าหาฝั่ง ส่วนพระองค์ประทับยืนบนดอกบัว ซึ่งมีกลีบดอกเขียนอักษรโอมภายใต้ต้นกัลปพฤกษ์


     ภายในเทวาลัยนี้จึงได้ถ่ายทอดความเชื่อดังในคัมภีร์ โดยพื้นของเทวาลัยได้ใช้แผ่นโลหะดุนลายเป็นรูปดอกบัวแทนน้ำหรือมหาสมุทรน้ำอ้อย ฐานสี่เหลี่ยมกลางเทวาลัยแทนเกาะอันเป็นที่ประทับ กลับดอกบัวทุกกลีบจารึกอักษรโอมในภาษาต่างๆ ถึง 12 ภาษา ส่วนต้นกัลปพฤกษ์ถูกแทนด้วย คณปติฉัตร หรือ ร่ม

     นอกจากนี้อีกหนึ่งที่ที่ชาวคณะของเราปักหลักกันอยู่นานสองนานก็คือ 'ห้องเช่าบูชา' ที่ภายในมีรูปเคารพพระพิฆเนศในหลายรูปแบบให้ผู้ที่เคารพนับถือได้เช่าบูชา และด้านในสุดยังมี 'เทวาลัยพระลักษมี' เทพแห่งเงินทอง ให้ได้กราบไหว้บูชากันอีกด้วย หากใครมีโอกาสได้มาเยือนเมืองเชียงใหม่ก็อย่าลืมแวะมาค้นหาเรื่องราวและชื่นชมศิลปะของเทพเจ้าเศียรช้างกันได้ที่พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ ซึ่งนี่คือหนึ่งในสัญลักษณ์แห่ง'ความหวัง'ของผู้ที่นับถือทั้งหลาย

และความหวังนี่แหละคือหนึ่งในสิ่งหล่อเลี้ยงให้ชีวิตมีพลังสร้างสรรค์งานต่อไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความหวังที่วาดไว้จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานแห่ง 'ความจริง' ด้วย

************************* ****************


      “พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ” ตั้งอยู่ที่ 277 หมู่ 10 ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เปิดทุกวัน ในเวลา 9.00-17.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-5326-9101


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์ 6 สิงหาคม 2551

H O M E



Create Date : 17 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 22:08:36 น. 0 comments
Counter : 3028 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.