Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
ประชาภิวัฒน์ ผ่าทางตันการเมือง



     หน้าศิลปวัฒนธรรม-วรรณกรรม เลือกเอาหนังสือ “ประชาภิวัฒน์ ผ่าทางตันปัญหาการเมือง” เขียนโดย ทองแถม นาถจำนง ขึ้นปักษ์แรกศักราชใหม่ 2552 เหมาะกับยุคสมัยเหตุการณ์ทางการเมืองของบ้านเมืองในปัจจุบัน และแลไปข้างหน้า

     ทองแถม นักเขียนที่มีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในแง่วิเคราะห์สังคมการเมืองและวัฒนธรรม กับในส่วนงานแปลจีนโบราณเป็นไทยและนักกวี ในแวดวงวรรณกรรมไทยรู้จักชื่อนี้ดี งานเขียนในเล่มนี้มองการเมืองในทัศนะไม่มีการเมืองเก่าหรือการเมืองใหม่ มีแต่ “การเมืองดีงาม” “การเมืองแบบพอดีพอร้าย” กับการเมืองเลว

เขาถ่ายทอดอุดมคติการเมืองที่ควรจะเป็นคือการเมืองดีงาม หรือ “ธรรมาธิปไตย” หมายถึงชี้ขาดอยู่ที่เนื้อหา มิได้ชี้ขาดอยู่ที่รูปแบบ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ อันเป็นพื้นฐานของระบบสังคม รูปแบบและเนื้อหาของการเมือง องค์การของรัฐ และของกลไกรัฐ ฯลฯ ถูกกำหนดจากรูปแบบและเนื้อหาของระบบเศรษฐกิจ

     “การเมืองใหม่” “ประชาภิวัฒน์” จุดประกายมาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมประท้วงเรียกร้องทางการเมือง การปราศรัยในระหว่างชุมนุมมีผู้ใช้คำว่า “การเมืองใหม่” ขึ้นมา และมีผู้ใช้คำว่า “ประชาภิวัฒน์” ซึ่งตามความคิดส่วนตัวของผู้เขียนมองว่ายังเป็นแค่ “ประชาภิวัฒน์-ฉบับชั่วคราว” หรือ “ฉบับเค้าโครง” เท่านั้น แต่หนทางการประชาภิวัฒน์อย่างแท้จริงแล้วนั้น อยู่ที่การตัดสินใจของมวลมหาประชาชนไทยในกาลข้างหน้า

นักเขียนท่านนี้ออกตัวในหนังสือเล่มนี้ว่า “ข้อคิดต่างๆ ในงานเขียนเล่มนี้ ยังมีจุดอ่อนด้อยอยู่ ส่วนความดีนั้นให้อยู่กับผู้ริเริ่มการประชาภิวัฒน์” อีกทั้งหนังสือเล่มนี้เป็นการ “โยนกระเบื้องล่อหยก” เป็นแนวคิดเฉพาะหน้า เพื่อตอบโจทย์ทางสังคมเฉพาะหน้า ที่เปรียบเสมือน Dead Lock ของสังคมไทยขณะนี้คือ “ประชาธิปไตยต้องมาจากการเลือกตั้ง”

ถ้าไม่มีการเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย!

     ถึงอย่างนั้นก็ตาม ทองแถมกล่าวไว้ “ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ระบอบที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง ประชาธิปไตยที่มีอายุ 76 ปี ก็คือตัวอย่างชัดเจน” คำเขียนของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช “ประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่สมบูรณ์แบบ ความจริงยังมีข้อบกพร่อง แต่เมื่อมีข้อบกพร่องก็มิได้หมายความว่าจะยกเลิกไป ไม่เอากัน ความจริงระบอบนี้ผ่านการลองถูกผิดมานานเป็นพันๆ ปี ก็น่าจะยังใช้ได้ต่อไป ดังนั้นสิ่งที่ควรจะปรับตัวคือประชาชนเอง”

ที่สำคัญที่สุดคือประเทศเราได้เรียนรู้ว่า ทำอย่างไรจึงจะกรองเอาผู้แทนราษฎรในรัฐสภาเฉพาะที่เป็นคนดี และสุจริตจริงใจ ออกมาเสียจากนักการเมืองซึ่งมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว และไม่แยแสเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น กับสังคมไทย

     ช่วงเวลา 75 ปี ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สังคมไทยผ่านบทเรียนอันเจ็บปวดมาไม่น้อย คำปราชญ์ว่า จงเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ แต่ประสบการณ์จริงทางสังคมกลับแสดงให้เห็นว่า “ประวัติศาสตร์สอนเราว่า เราไม่เคยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์” ดังนั้นการพัฒนาจิตใจประชาธิปไตย เป็นโจทย์ใหญ่ของประชาภิวัฒน์ จุดสำคัญเราต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจด้านกลับ หรือปฏิบท(Paradox) ของประชาธิปไตย

     เสียงข้างมากที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรม การปกครองทุกวันนี้ตั้งแต่ระดับชาติลงไปจนถึงระดับ อบต. รู้สึกว่าจะแก่ “คณะปลิโพธ” เกินไปจริงๆ คือความเห็นแก่พรรคพวก ถือทิฐิของพวกตนเป็นอารมณ์อย่างเดียว “การปกครองของเสียงข้างมากที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรม” นั้นน่ากลัวมาก เพราะคนมักจะติดยึดกับรูปแบบ เลือกตั้งไปแล้ว ผู้แทนฯ ที่ตนเลือกไป จะไปทำเรื่องอะไรอย่างไร ก็ปล่อยเขา จะโกงจะกินกันวินาศสันตะโร ก็ปล่อยเขา ความโน้มเอียงแบบคณะปลิโพธ เห็นแก่พรรคพวกเท่านั้น ก็หนักหนาสาหัสกว่ายุคๆหนๆ

     ในทัศนะสังคมเปิดกับประชาธิปไตย เขามองว่า “อำนาจรัฐไม่ควรตกอยู่ในมือของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเด็ดขาด อำนาจรัฐควรเปลี่ยนมือได้ และถ้าเป็นไปได้ควรจะเป็นการเปลี่ยนที่ไม่รุนแรง และเว้นช่วงระยะให้ห่างกันพอสมควร

รัฐบาลชุดเก่าอาจถูกแทนที่ด้วยรัฐบาลชุดใหม่ ที่นโยบายแตกต่างออกไปได้ แต่รัฐบาลและนโยบายชุดใหม่นี้เป็นเพียงทางเลือกทางหนึ่งของคนในสังคม อีกทั้งรัฐบาลก็ต้องพร้อมที่จะออกไปเพื่อเปลี่ยนอำนาจให้รัฐบาลชุดอื่นต่อไป”

     เหตุ “นักการเมืองทำให้คนเบื่อการเมือง” ที่จริงแล้วสถานการณ์บ้านเมืองไทยนั้น ได้พิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับนักการเมืองกันมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ราษฎรมักจะลืมๆ ไป ยังนิยมเลือกนักการเมืองแบบเดิมๆ มาเป็นผู้แทนราษฎร ปัญหาบ้านเมืองไทยขณะนี้ ก็สืบเนื่องมาจากปัญหาของนักการเมืองที่ได้สร้างปัญหาทิ้งไว้

อย่าตัดตอนมองแค่เรื่องวุ่นๆ ในปี พ.ศ.2551 บ้านเมืองที่เป็นอย่างนี้ ต้องโทษนักการเมืองเป็นตัวหลัก คุณสมบัติที่ดีของนักการเมือง ซึ่งนรชนคนเดียวเขาต้องการนั้นก็มิได้สูงส่งวิเศษวิโสอะไรเอย ขอเพียงแค่เป็นคนเหมือนสามัญชนคนดีทั่วๆ ไปในสังคมเท่านั้นก็พอ

     แม้แต่ข้อเรียกร้อง “การเมืองใหม่” ของกลุ่มพธม. ก็ยังเน้นแต่เรื่องการคัดสรรคนดีเข้ามาใช้อำนาจบริหารบ้านเมือง มิได้เน้นความสำคัญไปที่การปฏิรูปการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

รากเหง้าความวุ่นวายทางการเมืองในสังคมไทยขณะนี้ มาจากการที่พลเมืองจำนวนมากขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐ ซึ่งมีรูปธรรมเป็นรัฐบาล จนมวลชนเข้าไปชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่ยืดเยื้อ

     ทว่าไปแล้ว นับตั้งแต่รัฐบาลยุคทักษิณมาจนถึงรัฐบาลสมัคร พลเมืองจำนวนมากขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐ แม้ว่าจำนวนคนที่เชื่อมั่นต่อรัฐจะมีจำนวนมากกว่าจำนวนคนที่ไม่เชื่อมั่นหลายล้านคน ซึ่งก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าพลังด้านใดมีความเหนือกว่าอย่างเด็ดขาด แต่จำนวนพลเมืองที่ขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐจำนวนขนาดนี้ ก็ย่อมทำให้การเมืองการปกครองขาดเสถียรภาพอย่างที่เห็นกันอยู่ตำตา ดังนั้นรัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น

     ทองแถม ยกคำของขงจื๊อสอนไว้เมื่อพันห้าร้อยปีมาแล้วว่า หลักการสำคัญที่สุดของการเมืองการปกครองคือ 1 เสบียงอาหารเพียงพอ 2 กองทัพเข้มแข็งพร้อมเพรียง 3 ราษฎรมีความเชื่อมั่นต่อรัฐ อย่างไรก็ดีหากจำเป็นต้องยอมละเมิดละทิ้งหลักการไปข้อหนึ่งนั้น ขงจื๊อตอบว่า ควรสละเรื่องการอุดหนุนกองทัพไปก่อน และให้ข้อคิดว่า “ความเชื่อมั่นต่อรัฐ” สูงกว่าชีวิตเสียอีก คือเสบียงอาหาร

การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลายปีมานี้ จะสร้างความเสียหายบอบช้ำแก่สังคมไทยมาก แต่เราก็หวังเห็นอนาคตที่ใสสว่างอยู่ข้างหน้า เพราะเมื่อการต่อสู้ยุติลงไม่ว่าจะด้วยหน ทางใด ผลที่เกิดขึ้นคือความตื่นตัวทางการเมือง ความเข้าใจทางการเมืองจะสูงขึ้นมาก ทำให้การเมืองถูกกำกับตรวจสอบมากขึ้น จนอาจถึงขั้นยกระดับคุณภาพให้ดีขึ้นได้อีกขั้นหนึ่ง

     ในแง่ “งานวัฒนธรรมกับการเมือง” วัฒนธรรมในความหมายกว้างๆ ก็คือวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนทั้งในปัจจุบัน และเรื่องที่สืบทอดประเพณี ตลอดไปจนถึงคติความเชื่อ คำนิยมต่างๆ เมื่อมองเศรษฐกิจของคนไทยในอดีตมีรากฐานสำคัญที่สุดมาจากการทำนาลุ่ม ดังนั้นวัฒนธรรมทุกด้านที่งอกเงยขึ้นในสังคมไทยจึงเกี่ยวพันกับการผลิตคือทำนาลุ่ม จากจุดนี้เห็นได้ง่ายว่าวัฒนธรรมเกิดขึ้นจากรากฐานวิถีการผลิตคือเศรษฐกิจ

เมื่อวิถีการผลิตปรับเปลี่ยนไป วัฒนธรรมก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย วิถีการผลิตระบบทุนนิยมเติบโตขยายตัวในเมืองไทย ทุกวันนี้เรายากจะฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวนาสมัยโบราณ หรือแม้แต่กระทั่งวิถีชีวิตสมัยไอ้ขวัญ-อีเรียม เราจำเป็นต้องยอมรับว่า เมื่อไปไถนา ก็ต้องเอาโทรศัพท์มือถือไปด้วย

     วัฒนธรรมชนชั้นกลางในเมือง กลายเป็นวัฒนธรรมแบบตะวันตกไปเยอะ เพราะระบบการศึกษาของไทยสร้างคนให้เป็นเช่นนั้นมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว อย่างไรก็ตามมรดกวัฒนธรรมไทยก็ยังติดตัวคนไทยอยู่มาก

“ทั้งวัฒนธรรมตะวันตก และวัฒนธรรมไทย ไม่มีอะไรดีสมบูรณ์เหมาะสมไปทุกแห่งและทุกยุคสมัย เช่น ในสังคมประชาธิปไตยนั้นสมาชิกต้องมีขันติธรรม ประชาธิปไตยจึงจะยั่งยืนสถาพรในจุดนี้ สังคมไทยยังต้องปรับปรุงสร้างพลเมืองให้มีขันติธรรมสูงขึ้น

     ปัญหาหลักในทางการเมืองระดับโลกขณะนี้คือ แนวคิดการดำเนินการทางการเมืองจะต้องสร้างเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเปิดกว้างเหลือล้นกับมิติทางวัฒนธรรมที่ปิดตายและแตกแยกกันอยู่ แต่ยังไม่มีรัฐบาลประเทศใดสำเหนียกถึงปัญหานี้

รูปธรรมที่การเมืองการปกครองไทยเผชิญอยู่ก็คือ ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และถ้าวงการเมืองไทยยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านวัฒนธรรม ต่อไปก็จะมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เหล่านี้เป็นต้น ในกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นชนชั้นนำก็ดูเหมือนจะอับจนหนทางคลี่คลายปัญหา เพราะไม่รับรู้ว่าวัฒนธรรมมีความสำคัญอย่างไรในทางการเมือง”

     ที่ร่ายมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหา “ประชาภิวัฒน์ ผ่าทางตันปัญหาการเมือง” จำนวน 246หน้า อ่านแล้วในแง่คิดและมุมมอง หนังสือเล่มนี้เป็นการรำลึก 32 ปี หกตุลา พร้อมกับคำนำโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สนใจหาอ่านได้ตามร้านหนังสือชั้นนำ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แม่โพสพ โทร.0-2883-5340


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
สยามรัฐ 4 มกราคม 2552

H O M E




Create Date : 13 มกราคม 2552
Last Update : 13 มกราคม 2552 21:36:20 น. 0 comments
Counter : 810 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.