Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
วิกฤตโลกร้อน

*โลกร้อนคืออะไร?

     โลกร้อนคือ ในชั้นบรรยากาศของโลก ประกอบด้วยไนโตรเจนถึงร้อยละ 78 ออกซิเจนร้อยละ 21 รวมทั้งไอน้ำและก๊าซชนิดอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีก๊าซกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่เสมือนหลังคากระจกที่ห่อหุ้มโลกไว้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้คงที่และอบอุ่นพอเหมาะสำหรับให้สิ่งมีชีวิตบนโลกได้อาศัยและเจริญเติบโต ซึ่งหากปราศจากก๊าซเหล่านี้ก็จะทำให้อุณหภูมิของพื้นผิวโลกเย็นลงกว่าปกติถึงประมาณ 30 องศาเซลเซียสเราเรียกก๊าซกลุ่มนี้ว่า “ก๊าซเรือนกระจก” หรือ Greenhouse Gas โดยก๊าซเรือนกระจกในธรรมชาติที่สำคัญได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ โอโซน มีเทน ไนตรัสออกไซด์ไอน้ำ ฯลฯ

     ปรากฎการณ์ที่ก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกอุ่นขึ้นนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “ปรากฎการณ์เรือนกระจก” หรือ Greenhouse Effect ทำไมโลกจึงร้อนขึ้น ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้น คือ สาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้น

     “แล้วก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้มาจากไหน” ก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่เพิ่มขึ้น ถ้ามีปริมาณไม่มากนัก ธรรมชาติก็สามารถปรับตัวให้สมดุลได้แต่นับจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ ในทวีปยุโรปการใช้พลังงานของโลกได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเชื้อเพลิงประเภท ฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ การทำลายพื้นที่ป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำกินเพิ่มการผลิตอาหารจากการปศุสัตว์ และเกษตรกรรม รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

     นักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณว่า ผลจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ในช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม (หรือประมาณ 150 ที่แล้ว) ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากกว่าในรอบ 10,000 ปี ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป้นสาเหตุทำให้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปัจจุบันสูงขึ้นเกือบ 1 องศาเซลเซียส และคาดการว่าในอีก 100 ปี ข้างหน้ามีแนวโน้มที่อุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นอีก 1.5- 4.5 องศาเซลเซียส ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในชั้นบรรยากาศโลก

     เมื่อมนุษย์โลกเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในอัตราการเร่งอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในชั้นบรรยากาศโลกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน และแน่นอนอุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และเป็นผลทำให้ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นผลโดยตรงหรือเกิด direct effect ขึ้น และทำให้เกิดผลกระทบเป็นโลกโซ่ หรือ spiral effect ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ ถึงจุดที่เรียกว่า No return point ซึ่งธรรมชาติไม่อาจเยียวยาตัวเองได้อีกแล้ว (self curing) ซึ่งเป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์วิตก ตัวอย่างผลกระทบทางตรง (Direct effect)

     เมื่อโลกร้อนขึ้นก็จะทำให้หลายส่วนของโลกเกิดภาวะแห้งแล้ง เกิดไฟป่า รวมถึงมนุยษ์บุกรุกทำลายป่า เพื่อแสวงหาที่ทำกินเพิ่ม ขึ้น ทดแทนพื้นที่แห้งแล้งหรือขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ป่าไม้ที่เคยเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มออกซิเจนให้กับโลกหรือปอดของโลกลดลงอย่างรวดเร็ว ไฟป่าเพิ่มขึ้นก็จะเผาผลาญป่าไม้ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่ม สูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศของโลกเป็นวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด และยังทำให้ พื้นดินบริเวณดังกล่าวแห้งแล้ง และอาจเปลี่ยนแปลงเป็นทะเลทรายได้อีกด้วย แต่เดิมฤดูร้อนของบริเวณขั้นโลกเหนือเป็นน้ำแข็ง เมื่อบางส่วนละลายแต่ก็มีน้ำแข็งเหลืออยู่ในปริมาณที่มากพอที่ จะทำให้ฤดูหนาวที่จะมาถึงมีอุณหภูมิที่ต่ำเพียงพอที่จะทำให้เกิดน้ำแข็งใหม่ เพื่อทดแทนน้ำแข็งที่ละลายไปในฤดูร้อน หมุนเวียนเป็นวัฏฏจักรเช่นนี้ต่อเนื่อง

     แต่เมื่อโลกร้อนขึ้น ก็จะทำให้น้ำแข็งละลายในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ และมีน้ำแข็งในฤดูหนาวน้อยลง ก็จะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวสูงขึ้น เกิดเป็นน้ำแข็งใหม่น้อยลง ทำให้เป็นไปได้ว่าในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 2030 บริเวณขั้วโลกเหนือจะไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่เลย ซึ่งจะเป็นผลต่อการเกิดน้ำแข็งในฤดูหนาวอย่างแน่นอน แต่เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งจะละลายมากขึ้น และน้ำแข็งที่เหลืออยู่สะท้อนพลังงานแสงอาทิตย์ได้น้อยลง

     เมื่อเป็นเช่นนี้อุณหภูมิของโลกก็จะสูงขึ้นไปอีก เกิดเป็นวัฏจักรที่น้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปกติแล้วก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถูกกักอยู่ในน้ำแข็งละลาย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กักเก็บอยู่ก็จะกลับสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้โลกร้อนขึ้นอีก ตัวอย่างผลกระทบทางอ้อม (Indirect effect) โดยปกติแล้วกระแสน้ำในมหาสมุทรไหลเวียน เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างเขตร้อนบริเวณเส้นศูนย์สูตรกับเขตหนาวเย็นบริเวณขั้วโลก โดยน้ำอุ่นที่มีน้ำหนักเบากว่าน้ำเย็นจะอยู่บริเวณผิวน้ำ จากเขตศูนย์สูตรไหลขึ้นเหนือแล้วถ่ายเทความร้อนให้กับซีกโลกเหนือแล้ว กระแสน้ำแอตแลนติกก็จะมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น และจมลงไปใต้ผิวน้ำ ไหลกลับสู่ซีกโลกใต้เพื่อเก็บความร้อนจากเขตศูนย์สูตรและไหลกลับสู่ซีกโลกเหนือเป็นวัฏจักรเช่นนี้ต่อไป แต่เมื่อน้ำแข็งในบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกและเกาะกรีนแลนด์ละลายมากขึ้น

     เนื่องจากภาวะโลกร้อนก็จะทำให้ความเค็มของน้ำทะเลลดลง ความเข้มข้นของน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลง น้ำทะเลเบาขึ้นลอยนิ่งอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้วัฏฏจักรของกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกที่ให้ความอบอุ่นกับซีกโลกเหนืออาจหยุดไหลได้ และถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริง ซีกโลกเหนือก็จะกลับสู่ยุคน้ำแข็ง หายนะของระบบนิเวศน์ ผลกระทบทางระบบนิเวศวิทยาที่เห็นได้ชัดแห่งหนึ่งของโลกที่เกิดขึ้นบริเวณขั้วโลกเหนือ เมื่อหมีขั้วโลกซึ่งต้องเดินหากินอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งละลายเขตหากินของหมีขั้วโลกก็แคบลง มีผลกระทบกับความอยู่รอดของหมีขั้วโลกจนมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธ์ได้

     สัตว์อื่นๆ ที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็น เมื่อโลกร้อนขึ้นสัตว์เหล่านั้นก็จะพยายามปรับตัว เกิดการระบาดของโรคต่างๆ ในหลายส่วนของโลก เช่น ในพื้นที่เขตหนาว มีรายงานทางการแพทย์ว่ามีการระบาดของไข้เลือดออก ซึ่งเป็นโรคในเขตร้อน ในเขตเทือกเขาแอนดิส ประเทศชิลี โรคที่เคยควบคุมได้ ในเขตร้อนก็จะเกิดระบาดขึ้นอีก เป็นต้น โดยที่เมื่อโลกร้อนขึ้นพาหะของโรคหรือแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคร้ายสามารถเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ง่าย ฝนตกหนัก น้ำท่วม พายุถล่ม เมื่อโลกร้อนขึ้น อัตราการระเหยของน้ำบนผิวดินและในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น ไอน้ำในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไอน้ำนี่เองก็มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซเรือนกระจก ก็ยิ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นอีก


     ทั้งหมดนี้มีผลต่อความกดอากาศของโลก ทำให้ในบางพื้นที่ที่แห้งแล้งก็จะเกิดฝนตก บางพื้นที่ที่เคยฝนตกก็จะเกิดภาวะแห้งแล้ง แม่น้ำ ลำน้ำแห้งผาก เปลี่ยนทิศทาง เกิดฤดูกาลผิดปกติไปทั่วโลก อุณหภูมิผิดปกติไปทั่วโลก อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกที่สูงขึ้น และความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดพายุเฮอริเคนความเร็วสูงขนาด ที่กลุ่มเมืองนิวออร์ลีนของสหรัฐอเมริกาจากหลักฐานทางอุตุนิยมวิทยาพบว่าจำนวนของ พายุทอร์ดาโน พายุเฮอริเคน และพายุไต้ฝุ่นที่จะเกิดขึ้นในรอบปี ค.ศ.2004-2005 เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 3 เท่า ของคริสต์ศตวรรษที่ 20

     ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเราต้องวิตกกังวัลกับการที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเพียงไม่กี่องศา แม้จะยังไม่มีบทสรุปที่แน่นอนถึงผลกระทบที่ตามมาจากอุณหภูมิของโลกที่ เพิ่มสูงขึ้นแต่จากการศึกษาโดยใช้ แบบจำลองสภสพภูมิอากาศ (Climate Models) และการใช้โมเดลการหมุนเวียนของอากาศทั่วไป (General Circulation Models : GCMs) และจากปรากฎการณ์ธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าโลกร้อนขึ้น เพียงไม่กี่องศาได้ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศแปรปรวนและรุนแรงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกเกิดการหลอมละลาย และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ภูมิอากาศ คือสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลสิ่งแวดล้อม และยังเป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนผืนโลก

     ตัวแปรหลักที่มีความสัมพันธ์กับภูมิอากาศ คือ ปริมาณฝุน อุณหภูมิ และแสงแดด ดังนั้นเมื่อสภาพภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบ ต่อตัวแปรดังกล่าวทั้งในเชิงปริมาณและความถี่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ กิจกรรมบนโลก หรือแม้แต่ทรัพยากรใดๆ ที่เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับตัวแปรเหล่านี้ก็ย่อมได้รับผลกระทบเกี่ยวเนื่องด้วยเช่นกัน ผลกระทบจากโลกร้อนที่สำคัญได้แก่ การเกษตรกรรมและปศุสัตว์ การเกษตรกรรมและปศุสัตว์นับเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลกการ เปลี่ยนแปลงของสภาพฝนจะมีผลต่อความชุ่มชื้นในดิน หากอุณหภูมิของโลกสูงขึ้น 1-3.5 องศาเซลเซียส

     ในอีก 100 ปีข้างหน้า เชื่อว่าอัตราการระเหยของน้ำและน้ำฝนจะเพิ่มสูงขึ้น บางภูมิภาคจะชุ่มชื้นและฝนตกชุกมากขึ้น แต่บางภูมิภาคจะแห้งแล้งมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตร้อนและพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความแห้งแล้ง พท้นที่เกษตรกรรมจะแห้งแล้งมากขึ้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจมีประโยชน์ต่อพืชบางชนิด แต่ก็ส่งผลเสียต่อพืชบางชนิดด้วยเช่นเดียวกัน วัชพืชและแมลงศัตรูพืชอาจขยายพันธุ์แพร่กระจายจากเขตร้อนไปยังเขตอบอุ่น ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ก็จะได้รับผลกระทบ ต้นทุนการเกษตรและปศุสัตว์เพิ่มสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นก็ส่งผลต่อพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณปากแม่น้ำด้วย คาดกันว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 1 เมตร จะทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณปากแม่น้ำคงคงเป็นบริเวณกว้างถึง 1700 ตารางกิโลเมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่มีผลผลิตสูง ทรัพยากรน้ำ ถึงแม้ว่าฝนตกมากขึ้น แต่น้ำก็จะระเหยมากขึ้นเช่นกัน ฝนที่ตกจะเปลี่ยนแปลงพื้นที่ตกโดยฝนอาจจะไม่ได้ตกในพื้นที่ที่ต้องการก็เป็นได้

     การที่มีปริมาณฝนมากผิดปกติในบางพื้นที่อาจทำให้เกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วมฉับพลันได้ ส่วนในบางพื้นที่โดยเฉพาะในเขตร้อนอาจเกิดภาวะการขาดแคลนน้ำจืดสำหรับกินและใช้ ทรัพยากรป่าไม้ อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเพียง 1 องศาเซลเซียส จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและองค์ประกอบของระบบนิเวศป่าไม้ถึง 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ป่าของโลก ป่าบางชนิดอาจสูญหาย และในบางพื้นที่อาจเกิดป่าประเภทใหม่ขึ้นแทนที่ จำนวนศัตรูพืชและไฟป่าจะรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น 50 เซนติเมตร ในอีก 50 ปีข้างหน้าจะส่งผลให้ป่าชายเลนซึ่งเป็นแหล่งผสมพันธ์อาศัย และหลบภัยของปลาและตัวอ่อนของสัตว์น้ำสูญหายไปกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ป่าชายเลนบนโลก

     ความหลากหลายทางชีวภาพ อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนพืชและสัตว์ที่ไม่สามารถปรับตัวได้อาจสูญพันธุ์ พื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งเป็นแหล่งอาศัยและขยายพันธุ์ของพืชและสัตว์จะลดขนาดลงเนื่องจากอัตราการระเหยของน้ำเพิ่มขึ้น แนวปะการังที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศท้องทะเลจะตายและเกิดการซีดขาวหรือที่เรียกว่า เนื่องจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้น ผลกระทบต่อมนุษย์ นอกจากคลื่นความร้อน อุทกภัยและพายุที่เกิดจากภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและสุขภาพของมนุษย์แล้ว ผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร พาหะนำโรคต่างๆ ทั้งยุง หนู แมลงสาบ และเชื้อโรคอื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้นก็ล้วนส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

โลกร้อน: ประเทศไทยได้รับผลกระทบอะไรบ้าง?

     ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีต่อประเทศไทย ที่มีความเป็นไปได้คือ เกิดภาวะขาดแคลนน้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา น้ำเค็มจะรุกเข้ามาในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาถึง 40 กิโลเมตร ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อพื้นที่เกษตรกรรม กรุงเทพฯ จะเสียหายจากน้ำล้นตลิ่งและอุทกภัย พื้นที่ชายหาดจากเพชรบุรีถึงสงขลาจะหายไป ภาคใต้จะมีฝนตกชุกและเกิดอุทกภัยบ่อยขึ้น ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือจะแห้งแล้งมากยิ่งขึ้น พืชและสัตว์บางชนิดอาจสูญพันธุ์ เกิดปรากฎการณ์ปะการังฟอกสีทั้งในทะเลอ่าวไทยและอันดามัน อากาศร้อนมากขึ้นความชื้นเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้นและไม่เป็นฤดูกาล เกิดโรคระบาดที่มากับภาวะน้ำท่วม เช่น บิด ท้องร่วง อหิวาตกโรคและผลกระทบที่สำคัญ คือ ปัญหาความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ


Credit : Blog คุณ panyaschit

H O M E



Create Date : 09 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:04:26 น. 3 comments
Counter : 794 Pageviews.

 
ขอขอบคุณสำหรับความรู้เรื่อง"โลกร้อน"อย่างครบถ้วน


โดย: yawaiam IP: 118.172.166.169 วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:10:50:43 น.  

 
แล้วแวะมาชมอีกนะคะ คุณ yawaiam


โดย: jenifaae วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:11:47:40 น.  

 
ดีมากทำให้รู้โลกร้อน


โดย: แบงค์ IP: 125.27.41.11 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:35:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.