Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
เจ้าพระยาอภัยภูเบศร 'กลับบ้าน'


รายงานโดย :วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

*"โน่นแน่ะๆ มาโน่นแล้ว" เสียงชาวบ้านที่ท่างานกระซิบบอกกัน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.บุญเหลือ ตั้งหยู (สุนทรวัฒน์) ซึ่งรีบเขม้นมองไปตามเสียงบอก แลเห็นอยู่ลิบๆ คือกระบวนกองเกวียนของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ วันนี้คือวันเข้าพรรษา ปีพ.ศ. 2450 วันที่กระบวนกองเกวียนของท่านเจ้าพระยาฯ อดีตผู้สำเร็จราชการมณฑลบูรพา เดินทางจากพระตะบองมาถึงเมืองปราจีนบุรี และจากวันนี้ไปท่านไม่เคยได้กลับบ้านของท่านที่พระตะบองอีกเลย


กองเกวียนเกียรติยศ

น.ส.บุญเหลือมารออยู่ตั้งแต่เช้า เรียงรายไปตลอด 2 ข้างทางยังมีชาวบ้านอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่พร้อมใจกันมารับขบวนของท่าน สองข้างทางเป็นดงพุทราหนา ต่างได้อาศัยซ่อนเร้นกาย บ้างยืนบ้างหมอบอยู่เงียบเชียบ ในปีเดียวกันนั้น (21 มิ.ย. 2450) รัฐบาลไทยทำสัตยาบรรณกับฝรั่งเศส ยกดินแดนมณฑลบูรพาทั้งหมด ประกอบด้วยพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ แลกกับตราดและจันทบุรี ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังสูญเสีย ทุกคนที่มาเฝ้ารับอยู่ ณ ที่นั้น ได้แต่ส่งใจไปคารวะท่านเจ้าของกองเกวียน

เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม) เกิดที่พระตะบอง (29 ก.ค. 2404) บิดาของท่านคือเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ (เยีย) ผู้สำเร็จราชการเมืองพระตะบอง ในปี 2446 รับโปรดเกล้าเป็นผู้สำเร็จราชการมณฑลบูรพาแทนบิดา ว่าราชการเมืองพระตะบองจนถึงปี 2449 การเมืองผันแปร ไทยต้องเสียดินแดนส่วนนี้แก่ฝรั่งเศส ฝรั่งเศสขอให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศรปกครองมณฑลบูรพาต่อ

ด้วยใจเด็ดเดี่ยว ท่านกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "ต้นตระกูลรวมทั้งปู่และบิดาได้เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทมาหลายชั่วคน ไม่ปรารถนาไปเป็นข้ากัมพูชา เมื่อพระราชทานเมืองไปเป็นของกัมพูชาเมื่อใด จะขอพระราชทานราชานุญาตอพยพเข้ามารับราชการสนองพระเดชพระคุณในกรุงเทพฯ"

การอพยพของท่านคือการมาอันยิ่งใหญ่ของกองเกวียนแห่งเกียรติยศ ว่ากันว่านี่คือขบวนกองเกวียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในแผ่นดิน กองเกวียนมากมายหลายร้อยเล่มยาวเหยียดไกลสุดสายตา แต่ละเล่มหลังเกวียนเต็มปรี่บรรทุกข้าวของทองเงินทรัพย์สมบัติ ใช้เวลาตั้งแต่วันยันพลบจนค่ำมืดก็ยังไม่สุดสิ้นกระบวนเกวียน เกวียนเล่มแล้วเล่มเล่าที่ผ่านไป คือชีวิตคือบ้านเมืองคือศักดิ์ศรีอันแหนหวงของคนไทยคนหนึ่ง ผู้ไม่ยอมทิ้งความเป็นไทย แต่ยอมทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ความเป็นเจ้าเมืองสู่การเป็นสามัญชน

กองเกวียนยังประกอบด้วยขบวนช้างม้าวัวควายและผู้คนชายหญิง ชาวเมืองพระตะบองคนไหนที่สมัครใจตามมา รวมทั้งภรรยาทั้ง 30 คนท่านเอามาด้วยหมด กองช้างกองม้าเท่าที่มณฑลบูรพามีอยู่ก็ขนมาไม่เหลือ ขนาดปืนใหญ่ยังเอาขึ้นช้างกลับมาด้วย คือ 2 กระบอกที่ตั้งขนาบไว้หน้าประตูบ้านท่านที่ปราจีนบุรี (ปืนใหญ่ที่เหลือว่ากันว่าฝรั่งเศสเอาไปหลอมสร้างหัวสะพานหมด) ที่ปราจีนบุรีนี้ยังมีคลองวัว ได้ชื่อมาก็ในคราวกองเกวียนท่านเจ้าพระยาฯ ผ่าน ด้วยวัวมากมายเป็นร้อยเป็นพันตัวเดินตัดลงที่คลองบริเวณนี้

ตุ้บ! มีอะไรบางอย่างหล่นจากกองเกวียน น.ส.บุญเหลือซึ่งหมอบอยู่ข้างทาง ตาไวทันเห็นถาดเงินแท้ใบเขื่องกลิ้งกระดอนไปทางหนึ่ง รอจังหวะกองเกวียนพอมีช่อง จึงกึ่งวิ่งกึ่งมุด คลานเข้าไปคว้าเอามาได้..."หายไปไหนนานแล้ว" น.ส.บุญเหลือซึ่งตอนนี้เป็นคุณยายบุญเหลือพึมพำ คุณยายอายุ 96 ปีแล้ว เสียงและดวงตาแจ่มใสพูดถึงถาดเงินจากมหากองเกวียนที่ยังแจ่มชัดในความรู้สึก

อำไพ (สุนทรวัฒน์) ตรีสุวรรณ หนึ่งในลูกหลานยังช่วยถ่ายทอดให้ฟังถึงเจ้าพระยาอภัยภูเบศรขณะมีชีวิตอยู่ว่า ท่านเป็นคนเสียงดัง พูดมึงกู ลักษณะเหมือนเจ้านายโบราณ หนวดงามโง้งราศีจับ จริงๆ ไม่ได้น่ากลัว ออกจะน่ารัก และขึ้นชื่อว่าน้ำจิตน้ำใจเมตตาสูง ใครเข้าหาท่านขอข้าวของท่าน หากเห็นเป็นคนจนยาก น่าให้ท่านก็ให้ ที่ปราจีนบุรีท่านตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เชิงสะพานยศเส กับผูกเรือนไทยเป็นหมู่ใหญ่ไว้ที่ท่างาม ปัจจุบันเป็นบริเวณโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร


100 ปีตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นในปี 2452 ด้วยท่านเจ้าพระยาฯ ตั้งใจจะถวายให้เป็นที่ประทับแรมแด่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ย้อนกลับไปในปี 2451 รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสปราจีนฯ การรับเสด็จในครั้งนั้น เจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นควาญช้างพระที่นั่งนำเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ์ด้วยตัวท่านเอง หากการประทับแรมต้องสร้างเพิงพักขึ้นพอแก้ขัด เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศรประสงค์จะให้พระมหากษัตริย์ไทยได้อยู่อย่างสมพระเกียรติ มิใช่อยู่เพิงพักชั่วคราวอีก

จึงว่าจ้างบริษัท โอวาร์ดเออร์สกิน ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ท่านให้สร้างบ้านของท่านที่จังหวัดพระตะบอง ใช้เงินค่าก่อสร้าง 1 ล้านบาทเศษ สถาปัตยกรรมเป็นแบบบาร็อกงดงามมาก ตึกหลังนี้ไม่ใช้เสาเข็ม หากเอาซุงวางช้างเหยียบ โดยใช้ช้างเป็นร้อยๆ เชือก ผลัดเปลี่ยนกันย่ำเหยียบจนแผ่นดินแน่น ตึกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในปี 2533 ทรงคุณค่าทั้งด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ชาติ ปัจจุบันใช้พื้นที่เป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย และเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เจ้าพระยาอภัยภูเบศรกับคนปราจีนฯ มีความผูกพันที่ร้อยรัดแน่นเหนียว แม้ท่านจะถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว คนปราจีนฯ ก็ยังเคารพกราบไหว้ อำไพเล่าว่า บนตึกท่านเขาก็เห็นกันอยู่เรื่อยว่า ท่านเจ้าพระยาฯ มาเดิน ทั้งพยาบาลทั้งหัวหน้าพยาบาลรวม 4-5 คนเห็นกันหมด บอกให้กราบด้วย "เฮ้ย! คุยกันเสียงดัง รู้มั้ยว่านี่ใคร" หัวหน้าพยาบาลอ้าปากหวอ "กราบลง" ท่านสำทับมาอีก

หน้ารูปปั้นของท่านที่หน้าตึกฯ จะมีปูนปั้นไก่ชน หรือหลายครั้งก็จะมีไก่ชนจริงๆ มาชนกันต่อหน้า ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีไก่ชนเดินเพ่นพ่านอยู่มากที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสมัยท่านเจ้าพระยาฯ ยังมีชีวิตชอบตีไก่ ผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยจึงบนชนไก่ ตอนหลังมีคนหัวใส เมื่อต้องแก้บนก็ขนไก่มา 2 ตัว อีกตัวให้พวกจับไว้ อีกตัวพาจูงเดินมาถวาย จุดธูปร้องว่าผมเอาไก่มาถวายแล้วนะคร๊าบ

เสร็จสรรพก็ใช้เชือกผูกขาไก่ไว้ ปากก็ร้องชวนเชิญว่า มาตีไก่กับผมมั้ยขอรับ ตกลงตีกับไก่ผมนะครับ พูดเองเออเอง แล้วก็จูงเอาไก่อีกตัวมา ตัวหลังนี้ทำนองว่าเป็นไก่ของท่านเจ้าพระยาฯ กระโดดจิ้มกัน 2 เพล๊ก "อ้าวๆ ไก่ท่านแพ้ไก่ผมแล้วนะขอรับ งั้นขอรับไปนะขอรับ" เป็นอันเสร็จพิธีแก้บน เอาไก่กลับบ้านได้ กลับบ้าน

ตลอดทั้งปี 2552 จ.ปราจีนบุรี การท่องเที่ยวฯ และมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดโครงการ "ด้วยรักและภักดี 100 ปี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" (สอบถามรายละเอียด 08-9607-0070) กิจกรรมสำคัญคือการพาเจ้าพระยาฯ กลับบ้าน มูลนิธิฯ จัดทอดผ้าป่าไปวัดบ้านเกิดของท่าน เช่น วัดพระเจ้าช้างเผือก ที่พระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในกลางเดือนเม.ย.นี้

เล่ากันว่า วันออกเดินทางจากพระตะบองนั้น ประชาชนนับหมื่นได้มาชุมนุม และร้องไห้อาลัยท่านไปทั้งเมือง เจ้าพระยาอภัยภูเบศรกล่าวโอวาทเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเสียงอันดังพร้อมๆ กับน้ำตาที่คลอเบ้า แผ่นดินพระตะบองคือบ้านเกิดและเป็นสิ่งแหนหวงยิ่งกว่าชีวิตของต้นตระกูลท่านเจ้าคุณ ท่านอยู่ในฐานะพ่อเมืองที่สืบต่อเมืองมาหลายชั่วอายุ จากทวดถึงปู่ จากปู่ถึงบิดา จากบิดาถึงตัวท่าน ความรักอาลัยยากจะบรรยาย

ชีวิตท่านไม่เคยหวนกลับไปพระตะบองอีก ทั้งๆ ที่คนเขมรนั้นรักบ้านมาก อย่างไรเสียต้องกลับบ้านเสมอ เนื่องจากให้ความสำคัญกับบรรพบุรุษที่ต้องดูแล กระดูกปู่ย่าตายายของท่านอยู่ที่พระตะบองหมด ต้องตัดใจทิ้งมา การได้พาท่านเจ้าพระยาฯ กลับมาตุภูมิในครั้งนี้ ถือเป็นการกลับบ้านครั้งแรกในรอบ 100 ปีของท่าน และเป็นเกียรติยศความภาคภูมิใจของชาวอภัยภูเบศร ชาวปราจีนบุรี หรือแม้แต่ชาวไทยทุกคน


อย่าบิดเบือนสมุนไพรไทย

ในฐานะโรงพยาบาลศูนย์แผนปัจจุบันที่บุกเบิกพัฒนาสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยระดับแนวหน้า ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงกรณีแสบร้อนที่กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศให้พืชสมุนไพร 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 1 แม้กระแสจะกดดันเต็มที่ แต่ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายคงมีมติเพียงให้ทบทวน

"ประกาศดังกล่าวบิดเบือนความเป็นจริงของคุณสมบัติพืชสมุนไพร ทำให้เกิดการเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง ความเสียหายที่เกิดขึ้นถือว่าประเมินค่าไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นการตีตราพืชสมุนไพรในทางลบ เป็นการทำลายทุนทางสังคม และบิดเบือนประวัติศาสตร์ของชาติพันธุ์มนุษย์อย่างรุนแรง" ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าว คำตอบสุดท้ายจึงไม่เป็นอื่นได้ นอกจากให้ยกเลิกประกาศด่วนที่สุด พร้อมกำหนดแผนฟื้นฟูความเชื่อมั่นการใช้พืชสมุนไพร รวมทั้งส่งเสริมการผลิตสมุนไพรเกษตรอินทรีย์และพัฒนาการใช้สมุนไพรทดแทนสารพิษอย่างจริงจัง

ครบ 100 ปี ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมองไปอีก 100 ปีข้างหน้า ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า คือมิติที่ต่อเชื่อมกัน คารวะท่านเจ้าพระยาฯ ในสิ่งที่ท่านทำ ขณะเดียวกันมูลนิธิฯ ก็หวังให้คนไทยจะพึ่งตนเองได้ด้านยา มีความมั่นคงทางปัจจัย 4 และดำรงอยู่ซึ่งความเป็นชาติพันธุ์มนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี ประกาศฉบับนี้หากยอมให้ประกาศใช้ สมุนไพรตัวอื่นจะทยอยต่อแถวตามมาเป็นวัตถุอันตรายอีกนับไม่ถ้วน

Credit : โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
Pic : www.rimpugardencamp.com

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




Create Date : 02 เมษายน 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 11:45:27 น. 1 comments
Counter : 2040 Pageviews.

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him


โดย: da IP: 124.122.247.144 วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:17:56:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.