Group Blog
 
<<
มกราคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 มกราคม 2560
 
All Blogs
 
ทำข้ามปี : 12 แรงบันดาลใจ ฝึกยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ



  สวัสดีค่ะทุกคน และสวัสดีปีใหม่ สวัสดีวันเด็ก และสวัสดีวันครูนะค๊าาาาาาาา
แม้จะเลยมานานสักหน่อย แต่คราวนี้กลับมาทำตามที่เคยสัญญาจากกระทู้เก่าว่า
จะมาแบ่งปันประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษให้กับทุกคน  และเชื่อว่าช่วงต้นปีแบบนี้ 
หลายๆคนคงมี New Year's Resolution ของตัวเอง และหนึ่งในนั้นน่าจะต้องมีเรื่อง 
ภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นแน่นอนใช่ม๊าาาาาา  เราเองเป็นอีกคนหนึ่งที่เคย เกลียด และ กลัว ภาษาอังกฤษ  
ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จนอยากเซย์ กู๊ด บาย เลิกเรียนให้รู้แล้วรู้รอดกันไป !   
แต่เพราะได้เพื่อนๆ ผลักดันจนเราฮึดฝึกภาษาให้ค่อย ๆ ดีขึ้น  จนวันนึงเราเป็นตัวแทนบริษัทประชุม
กับคู่ค้าต่างประเทศได้รู้เรื่อง คิดแล้วก็ขอบคุณตัวเองและอดดีใจไม่ได้ว่าถ้าวันนั้นเราเลิกสู้ซะก่อน
ก็คงไม่มีโอกาสที่ดีอย่างวันนี้  

สำหรับเราแล้ว จุดที่ยากมากที่สุดไม่ใช่แกรมม่าหรือการสอบอะไร แต่จุดที่ยากสุดๆ คือ “จุดเริ่มต้น” 
ช่วงที่หาเหตุผลให้ตัวเราเองเชื่อได้จริงว่า เก่งภาษาแล้วจะได้อะไร ?  เลยคิดว่าการแชร์แนวคิด และชีวิตดี๊ดี
ของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่าง ๆ จะเป็นแรงใจให้หลายๆคนมองเห็นภาพความสำเร็จ
ของตัวเองได้ชัดขึ้น  พร้อมกับแชร์เทคนิคส่วนตั๊ววววส่วนตัว ว่าฝึกยังไงให้เก่งอังกฤษบ้าง  ซึ่งจะเขียน
เรื่องแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อนๆก็แนะนำคนรู้จักมามากมาย จาก 1 เป็น 2 
เป็น 3 คน จนสุดท้าย ด้วยความเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียร์เตอร์ ของสวีทฮาร์ทก็ทำให้เราได้ 12 คน 12 แรงบันดาลใจ
ที่เดี๊ยนใช้เวลาทำนานนนนนนข้ามปีแต่การันตรีว่า จะมาช่วยปลุกไฟให้เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ ได้แน่นอน
เพราะบุคคลเหล่านี้จะทำให้เราเห็นว่า  “ภาษาอังกฤษ พาชีวิตมาไกล” จริง ๆค่ะ

1.บิลลี่....พ่อหนุ่มล้านวิว 
บิลลี่ ณัฐดนัย ชูชาติ เจ้าของ “BILLbilly01” ยูทูบชาแนล สร้างคลิปดังที่มีคนชมมากถึง 43 ล้านครั้ง  
และมีคนติดตามกว่าครึ่งล้าน  สิ่งที่ทำให้บิลลี่ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากความสามารถทางดนตรีที่
สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างโดนใจแล้ว อีกเหตุผลนึง คือ การวางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนฟังทั่วโลก 
และเลือกใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร พร้อมกับสำเนียง  American English  
ที่เริ่ดจนคนฟังคิดว่าเป็นศิลปินต่างประเทศ ! 
บิลลี่เล่าว่า ทักษะภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้มีจุดเปลี่ยน หรือจุดพลิกผันให้เก่งขึ้นในพริบตา
แต่เป็นการเรียนรู้ที่ค่อยๆสะสมที่เริ่มต้นขึ้นง่ายๆในบ่ายวันเสาร์ ที่คุณแม่พาไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง 
แม้จะเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆและตอนนั้นน้องบิลลี่เองก็ยังเด็กมาก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี 
ทำให้ไม่กลัวที่จะสื่อสารกับฝรั่งหลังจากนั้นก็ฝึกฝนภาษาอังกฤษ ด้วยการดูหนัง ฟังเพลง และเข้าเรียน  
English Program ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ  ทำให้รู้สึกว่าซึมซับภาษาอังกฤษและสำเนียงเป๊ะมาจากเรื่องรอบตัว  

ใครที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแบบ บิลลี่ต้องลองมาดู 3 ข้อนี้
1. Listening – เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆกับการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะถ้าฟังและพูดได้แล้ว
 แกรมม่าจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต้องท่อง เพราะมันจะเข้าไปในระบบ จะเข้าใจเองจากรูปแบบการพูดของเรา

2. Interaction ที่ถูกต้อง -  ฟังแล้วต้องพูด ต้องตอบให้ได้ เพราะภาษาคือการสื่อสาร
แลกเปลี่ยนระหว่างกันและกัน แล้วจะดีมากถ้าคนที่เราพูดด้วย พูดกลับเราด้วยสำเนียงและวิธีการที่ถูกต้อง 

3. ความสม่ำเสมอ – มีช่วงที่หยุดพูดภาษาอังกฤษไปนาน ๆ ก็ทำให้สำเนียงหาย คิดช้าลง เราจึงต้องหา
Environment ที่ทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษ คิดเป็นภาษาอังกฤษ อย่างน้อย ๆคือพูดกับตัวเองหน้ากระจก
หรือหาเพื่อนที่คุยเป็นภาษาอังกฤษกับเรา ก็ช่วยได้มากเช่นกัน

ขณะที่บางคนเข้าโลกออนไลน์เพื่อเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่ก็เสพดราม่าจนน้ำตาไหล 
ยังมีคนบางคนที่ใช้โลกออนไลน์เป็นเครื่องสร้างสรรค์งานดีมีคุณภาพ มุ่งมั่นทำในสิ่งที่รักให้เกิดขึ้นจริง  
ซึ่งตอนนี้บิลลี่มีผู้ติดตามจากหลายๆประเทศมาชื่นชมเยอะเลยค่ะ เราคนไทยเองก็อย่าลืมมาให้กำลังใจ
วัยรุ่นไทยสุดเจ่งคนนี้กันด้วยนะคะ Facebook : //www.facebook.com/BILLbilly01page  IG ://www.instagram.com/BILLbilly01  Youtube : https://goo.gl/6orYy6

2. ลูกสาวชาวนา ผู้คว้าทุน ก.พ. 

ใครที่ชอบคิดว่าตัวเองโชคร้าย เกิดมาฐานะไม่ดี เกิดมาเรียนไม่เก่ง หรือชอบโทษโน่นนี่ไปเรื่อย
อยากให้ลองดูเส้นทางชีวิต บนเวทีหลากภาษาของ คุณโอ๋  อุษา  ถาละคร ดูนะคะ แล้วจะรู้ว่า 
คำว่าความสำเร็จ  มันมีเบื้องหลังที่มากกว่าแค่โอกาส ที่ทุกคนเรียกร้อง หากแต่เกิดจากการเตรียมตัว
และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของเธอนั่นเอง 


คุณโอ๋ เกิดและโตที่ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ  ครอบครัวทำนา และทำสวนยาง เป็นหลัก 
ถึงฐานะที่บ้านไม่ดีนัก แต่ไม่เคยคิดที่จะใช้ความลำบากเป็นปมในใจ  กลับนำมาใช้เป็นแรงพลักดัน
ให้ตัวเองเก่งขึ้น  การเดินทางครั้งแรกจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อคุณโอ๋สมัครสอบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน
ของมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ (โครงการ AFS) โดยเลือกสมัครประเภท
ทุนเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จนได้ไปประเทศบราซิล 1 ปีเต็ม ทำให้ได้ความรู้ทั้งภาษาอังกฤษ 
และโปตุเกส   หลังจากนั้นคุณโอ๋ก็มุ่งมั่น พาตัวเองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์
และฝึกภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น  Work and Travel อเมริกา  ไปฝึกงานที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว 
ประเทศจีน  จนในปัจจุบันคุณโอ๋ กำลังศึกษา ปริญญาโท ด้าน  Organizational Leadership and Learning 
ที่ The George Washington University  ที่อมริกา ด้วยทุน ก.พ.

คุณโอ๋ฝากมาบอกว่า ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับความรู้อื่น ๆ ยิ่งเราศึกษามากขึ้น 
ความคิดมุมมองของเราต่อสิ่งที่ศึกษาก็จะยิ่งกว้างขวางมากขึ้น และสามารถนำไปต่อยอดได้ 
ซึ่งภาษาก็ทำให้โอ๋ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นเป็นใบเบิกทาง เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้
ได้รับโอกาสต่าง ๆ  อย่างคุณโอ๋เองได้เป็นล่ามภาษาโปรตุเกสให้ “ลูอิส นานี” นักฟุตบอลแมนยู และช่วยทีมงาน
ถ่ายทำโฆษณาที่มี  “คริสเตียนโน่ โรนัลโด้”  ที่เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย  เห็นไหมคะว่าภาษา
พาเราไปไกลได้ขนาดไหน  ใครที่อยากคุยกับคุณโอ๋ก็ไปคุยกันได้ที่  IG : usaalice

เคล็ดลับฉบับสาว ก.พ.
1.ก่อนอื่นต้องชอบก่อน ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ แต่หมายถึงทุก ๆ อย่าง เพราะหากเราไม่ชอบหรือรู้สึกฝืนที่จะต้องเรียน 
จะทำให้รู้สึกลำบาก ไม่อยากฝึกฝน หากไม่รู้สึกชอบ เช่น อยากเดินทางไปต่างประเทศ อยากสอบ 
TOEIC เพื่อเพิ่มเงินเดือน คือเป้าหมายและแรงจูงใจเป็นเรื่องส่วนบุคคล ต้องค่อยๆ หา ค่อยๆ สร้าง

2. เลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา  เช่น  โอ๋เป็นคนชอบฟังเพลง ก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษ หาคำศัพท์ 
ชอบฟังบทสนทนาและบทสัมภาษณ์ของบุคคลต่าง ๆ พอฟังมาก ๆ ทักษะการฟังก็ดีขึ้น
ได้เรียนรู้แนวคิดของคนเหล่านั้นด้วย พอเราฟังมาก ๆ และเริ่มรู้เรื่อง เราจะอยากสื่อสารโต้ตอบ 
ทีนี้ก็เริ่มฝึกพูด พูดกับเพื่อนหรือใครก็ได้ 

3. ยอมให้คนอื่นแก้ไขเมื่อเราใช้ผิด ต้องไม่โกรธเวลาที่คนอื่นบอก 
โอ๋ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงมีความรู้สึกไม่ดีเวลาที่มีคนมาบอกว่าเราใช้ผิด
จริง ๆ ต้องขอบคุณเขาเพราะเราจะใช้ผิดแค่ครั้งเดียวต่อไปเราจะใช้ถูก 
โอ๋ชอบมากเวลามีคนมาแก้ไขหรือบอกข้อปรับปรุง เพราะมันจะทำให้เราพัฒนาขึ้น ไม่โกรธเลย

3. ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ

เชื่อว่าเด็กไทยในยุคเอ็นทรานซ์และแอดมิชชั่นทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จัก ครูพี่แนน อริสรา ธนาปกิจ 
และน้อยคนนักที่จะไม่ผ่านมือการติวภาษาเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับติวเตอร์ชื่อดังคนนี้
เพราะนอกจากโปรไฟล์ดี จนดิฉันต้องขอหมอบกราบ ดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง 
จากอักษร จุฬาฯ ที่จบตอนอายุ 19 ของนางแล้ว  พี่แนนยังขึ้นชื่อว่าสอนดี เทคนิคเริ่ด 
ที่สำคัญเค้าว่ากันว่าครูพี่แนนเก็งข้อสอบแม่นจริงอะไรจริง  เราเองเป็นหนึ่งในคนที่ผ่านมือครูพี่แนนเช่นกัน  
ถึงจะได้เรียนตอนสอบเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่พี่แนนเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญของเรา
ที่ทำให้ลุกขึ้นมาไฟท์ฝึกภาษาอังกฤษและจัดระบบแกรมม่าในหัวเรา จากที่เข้าใจแบบผิดๆถูกๆ
ให้เป็นระบบระเบียบขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ  

ครูพี่แนนจบ ม. 3 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ และได้สอบเข้า ม. 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ชีวิตช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติของบ้านพี่แนน นั่นคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีปัญหากัน พี่แนนเลยตั้งใจจะทำให้อะไรดีขึ้น 
ด้วยการเอ็นท์ฯติดเพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ และพี่แนนก็เอ็นท์ติดตั้งแต่ ม. 4  นอกจากจะเอ็นท์ฯ ติดแล้ว 
วิกฤติครั้งนั้นทำให้พี่แนนมองโลกด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  ระหว่างเรียนพี่แนนก็เริ่มต้นสอนพิเศษภาษาอังกฤษให้น้อง 
จบก็มาเปิดโรงเรียนสอนภาษา ย่านสะพานควาย ถึงเริ่มแรกมีนักเรียนแค่ 7 คน แต่เพราะคุณพ่อคุณแม่ของลูกศิษย์
เอาของฝากจากต่างจังหวัด เพื่อมาขอบคุณที่ช่วยให้อนาคตน้อง ความตื้นตันและอิ่มใจ เลยเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้พี่แนน 
หันมาตั้งคำถามว่าทำยังให้เก่งภาษาอังกฤษ  และทำยังไงให้เลิกกลัวภาษาอังกฤษ 
จนได้เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนนที่ใช้สอนลูกศิษย์มากว่า 20 ปี !!! ตามนี้จ่ะ 

เคล็ดไม่ลับฉบับครูพี่แนน
1. เรียนให้ดีต้องมี M.A.P: ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทยคือไม่มีเป้าหมาย ขาดวินัย และการต่อยอดให้ตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องนั้น ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งพี่แนนมองว่า การเรียนรู้ทุก ๆ อย่างจำเป็นต้องมี  Purpose หรือเป้าหมายเป็นธงให้กับตัวเองว่าควรทำยังไง มี Autonomy  มีวินัยในการฝึกฝนให้สม่ำเสมอ  และสุดท้าย คือต้องมี  Mastery หรือความเชี่ยวชาญแบบรู้และเข้าใจแบบ โอ้โห เข้าใจจนทะลุปรุโปร่ง ไม่เอาแค่ผ่านๆ 

2. ฟังให้ถูก พูดให้ชัด : ใครว่าแค่ท่องศัพท์ ก็จะพูดภาษาอังกฤษได้ พี่แนนฝากมาบอกแรงๆ ว่า NO นะคะ  เพราะธรรมชาติของภาษาต้องเรียนรู้จากการฟังให้เป็นส่วนหนึ่งของภาษานั้น ๆให้ได้เสียก่อน แล้วการพูดโต้ตอบจะตามมา ซึ่งการฟังนี้นอกจากจะฟังให้เข้าใจความหมายแล้วพี่แนนยังแนะนำว่าเราต้องดูวิธีการออกเสียงที่ถูกต้องของเจ้าของภาษาด้วย เพราะความจริงเวลาพูดแล้ว มันจะมีคำที่ออกเสียงผิดชีวิตเปลี่ยน เยอะมาก เช่น  การออกเสียงคำว่า fried Rice ที่แปลว่าข้าวผัด ต้องออก คำว่า Rice แบบเสียงตัว อาร์  เพราะถ้าออกเสียงแบบตัว L แล้ว Fried Rice (ข้าวผัด) จะกลายเป็น  Fried Lice (เหาทอด) ก็เป็นได้

3. คิดเป็นภาพและจำเป็นเสียง: คือการพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่เรากำลังเรียนรู้ใหม่ กับสิ่งที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น การท่องหรือจำศัพท์ พี่แนนจะจำเป็นเพลง เป็นคำคล้องเสียงและความหมาย เช่น คำว่า Culprit (n.) (คัล'พริท) >>เค้าผิด >> แปลว่า  ผู้กระทำความผิด นั่นเอง นอกจากนี้เรื่องแกรมม่า พี่แนนบอกว่าให้คิดภาพแบบเชื่อมโยง ที่มาที่ไป ข้อยกเว้น วิธีการใช้แบบแผนผัง จะช่วยให้เราจัดระบบการใช้ดีขึ้น

ตอนนี้พี่แนนก็ยังสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก ๆ เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือเราเองก็ส่งหลานๆ 
หลายคนไปเรียนกับพี่แนนอีกหลายหน่อ  เพราะคิดว่าสิ่งที่พี่แนนสอนมันมากกว่าภาษาอังกฤษ 
ครูพี่แนนจะสอนให้เรามีเป้าหมาย และคิดว่าเรากำลังทำเพื่ออะไร ซึ่งนางก็จะมีคำคมสร้างแรงบันดาลใจ
มาปลุกใจเราตลอด มีประโยคที่สมัยเรียนชอบมาก คือ I failed my way to success  ของโทมัส เอดิสัน
ที่เราฟังแล้วเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตไปเลย  จากที่คิดว่าเป็นคนไม่เก่งต้องโง่งมอยู่ตลอดแบบนี้แหละ 
มาเป็นเราอาจจะไม่เก่งวันนี้แต่ถ้าพยายามมากพอพรุ่งนี้เราจะเก่งขึ้น เพราะบางทีเราต้องความล้มเหลวก่อน 
เพื่อที่จะพบกับความสำเร็จ......​เช่นกันกับการเรียนภาษาอังกฤษ ใครที่อยากคุยกับพี่แนน 
ถามเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ไปพูดคุยกับพี่แนนได้ ที่ https://goo.gl/dbMHsL นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ 21 ชั่วโมงที่แล้ว
17 18   
sweetheart0022   
วันอังคาร เวลา 15:43 น.
สมาชิกหมายเลข 972815 ถูกใจ, คนหมุนโลก ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1008529 ถูกใจ, sweetheart0022 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1202115 ถูกใจ, KU1978 ถูกใจ, จิน ณ จันทร์ ถูกใจ, tesoek b.b ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1687808 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3646558 ทึ่งรวมถึงอีก 8 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
21 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
4. เป็นครูภาษาไทย ก็ต้องใส่ใจภาษาอังกฤษ

หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตา กับบุคลิกและทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ ของครูทอม จักรกฤต โยมพยอม
เพราะนอกจากจะเป็นครูสอนภาษาไทยชื่อดังแล้ว   ยังเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้สุนทรภู่
และเป็นเจ้าของแอคเคานต์ทวิตเตอร์ @TUTOR_TOM  ที่มีผู้ติดตามเกือบสองแสน 
ความสำเร็จของครูทอมที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเลยยยยยยสักนิด มันเกี่ยวข้องกันได้ยังไงมาดูกัน

ครูทอมบอกว่าจริง ๆแล้ว ภาษาเป็นสากล หลักภาษาและธรรมชาติของแต่ละภาษานั้นมีจุดที่คล้ายคลึงกัน 
ทำให้ครูภาษาไทยคนเก่งของเราชื่นชอบที่จะอ่านตำราภาษาอังกฤษทางด้านภาษาศาสตร์เสมอ
เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านภาษา นอกจากนี้ครูทอมยังใช้ภาษาอังกฤษให้พาไปท่องเที่ยวทั่วโลกกว้างหลายประเทศ  
พร้อมกับเป็นไกด์อาสา ที่เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศจาก Couchsurfing 
(community ที่รวบรวมนักท่องเที่ยวในคอนเซ็ปพักฟรีแถมมีเพื่อนท้องถิ่นพาเที่ยว ) 
มาเที่ยวประเทศไทยด้วย  และล่าสุดภาษาอังกฤษยังทำให้ครูทอมยังเป็นคนไทยคนเดียว
ที่ได้รับคัดเลือกจากประเทศไอซ์แลนด์ ให้เข้าร่วมโครงการอาสาสมัครนานาชาติเพื่อบูรณะ
อาคารเก่าแก่ที่ไอซ์แลนด์ ทำให้ได้เพื่อนต่างชาติมาใหม่อีกเพียบ  ซึ่งประสบการณ์ที่ได้รับ
จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใหม่ และเรื่องราวที่พบเจอในต่างแดน ก็จะกลายมาเป็น
แรงบันดาลใจให้กับนักเรียนของครูทอมในที่สุด

แม้จะเป็นครูภาษาไทยแต่ครูทอมจะย้ำกับนักเรียนเสมอว่าทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
มีความสำคัญและต้องทำให้ได้ดีทั้งคู่ เพราะภาษาอังกฤษจะเป็นประตูบานใหญ่ 
ที่พาเราไปดูโลกได้กว้างขึ้น ใครที่อยากติดตามผลงานหรือพูดคุยกับครูไทยหัวใจอินเตอร์คนนี้
 สามารถติดตามได้ที่ Facebook :  facebook.com/tom.jakkriz หรือ 
Twitter : twitter.com/tutor_tom กันนะคะ (อย่าลืมใช้ “ค่ะ” และ “นะคะ” ให้ถูกด้วยนะเด็ก ๆ)

-เคล็ดไม่ลับฉบับครูทอม -
1.คำศัพท์ ก็เดาได้นะ: ถ้าอ่านแล้วไม่รู้คำศัพท์อย่าเพิ่งใจร้อนไปเปิดหา 
ให้ลองอ่านภาพโดยรวมทั้งหมดแล้วเดาจากบริบทโดยรอบ (Context Clues) 
อย่างรูปประโยค ตัวอย่าง  เครื่องหมายต่างๆ หรือความหมายโดยรวมก่อน 
จะทำให้เราเข้าความหมายของคำนั้นได้  วิธีนี้ทำให้เราเข้าใจคำศัพท์แปลกๆใหม่ๆมากขึ้น

2.เปิดพจนานุกรมเล่มหนา ดีกว่าเปิดศัพท์ออนไลน์: ถึงใช้เครื่องมือออนไลน์เปิดปุ๊บ
เห็นปั๊บ ได้ในคลิกเดียว แต่ครูทอมจะเลือกเปิดดูความหมายจากพจนานุกรมมากกว่า
เพราะจะช่วยให้เราเห็นคำศัพท์อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อเห็นศัพท์ใหม่ๆก็เท่ากับว่า
เราได้เพิ่มคลังคำในสมองของเรามากขึ้นนะจ๊ะ

3.ฟังและอ่านจาก subtitle: นอกจากความบันเทิง เพลินใจระหว่างดูหนังแล้ว
ครูทอมจะชอบฟังสำเนียงและอ่าน subtitle ภาษาไทยและอังกฤษ
เพื่อให้คุ้นเคยกับวิธีการสื่อสาร การใช้คำ และประโยคที่ฝรั่งใช้ในชีวิตจริง ๆของเขา 
รวมถึงวิเคราะห์การใช้งานที่เหมาะสมด้วย 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

5. ชีวิตดี๊ดีตามวิถีฟรีแลนซ์ ของบักสน ไพรสน ศิริพูล 

ใครนะที่บอกว่าฟรีแลนซ์ต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ แบบห้ามป่วยห้ามพักห้ามรักหมอ 
เพราะยังมีอีกคนที่ใช้ความรู้ด้านเว็บดีไซน์ และการเขียนโปรแกรม รับงานจากลูกค้าต่างประเทศ 
จัดการเวลาและรายได้ ทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย ไปอยู่และไปเยือนมาแล้วกว่า 9 ประเทศ 
ทั้ง จีน สิงคโปร์ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย  มาเลเซีย ญี่ปุ่น 
นี่ยังไม่รวมทริปในไทยอีกเป็นสิบ  !   และสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตดีแบบนี้ คือ “ภาษาอังกฤษ”


เพราะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ทำให้คุณสนมีโอกาสในการรับงานที่มากขึ้น
ขยายกลุ่มลูกค้าจากคนไทย เป็นลูกค้าทั่วโลก ! ไม่ว่าจะเป็น England, America,
China, Japan  เมื่อมีโอกาสมากขึ้น การเลือกสรรงานที่ดี  งานที่ให้ค่าตอบแทนเหมาะสม 
เลือกลูกค้าที่ดี เคมีการทำงานตรงกันก็มากขึ้นเช่นกัน  เมื่อบวกกับฝีมือในการดีไซน์เว็บไซต์
ที่หาตัวจับได้ยากแล้ว ก็ทำให้ลูกค้ายิ่งแนะนำบอกต่อกันเรื่อย ๆ 

นอกจากมิติการใช้ภาษาเพื่อการทำงานแล้ว คุณสนยังใช้ความรู้ภาษาอังกฤษออกเดินทางแบบลุยเดี่ยว
และใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายครั้ง จนได้กลุ่มเพื่อน และครอบครัวอุปถัมภ์ (host family)
ที่รักคุณสนเหมือนเป็นลูกหลานแท้ๆ นี่มันชีวิตในฝันแท้ๆเลยนะเนี่ยยยยย
ซึ่งทั้งหมดนี่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากคุณสนมองข้ามภาษาอังกฤษ
ใครที่อยากเข้าไปพูดคุย หรือขอคำแนะนำทั้งภาษาหรือออกแบบเว็บไซต์เข้าได้ได้ที่
Facebook : facebook.com/buksohn นะคะ 


-เคล็ดไม่ลับฉบับบักสน-

1.ใช้บ่อยๆ ใช้ให้ชิน  : คุนสนบอกว่าไม่มีอะไรทำให้ภาษาอังกฤษเราพัฒนามากไปกว่าการได้ลองใช้มันจริง
ยิ่งใช้บ่อยเท่าไหร่ ทักษะทางภาษาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น จะผิดจะถูกขอให้พูดออกไปให้สื่อสารได้ก่อน 
ใช้จนคุ้นเคยกับภาษา แล้วเราจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน เมื่อนั้นมันจะพัฒนาเพิ่มขึ้นเอง

2.อย่ากังวลเรื่องสำเนียงมากนัก : บางคนไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษเพราะว่ากลัวเรื่องสำเนียงตัวเองไม่ดี ไม่เป๊ะ
แต่คุณสนอยากให้มองว่า ขนาดภาษาไทยเรายังมีหลายๆสำเนียงเลย นับประสาอะไรกับภาษาอังกฤษ  เพราะฉะนั้นเวลาใช้
อย่าไปอาย เอาแค่สื่อสารวัตถุประสงค์ที่เราต้องการได้ ก็เยี่ยมแล้ว ส่วนเรื่องสำเนียงมันจะค่อยๆตามมาทีหลังหากเรามีโอกาสพูดกับ
ฝรั่งเรื่อยๆ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

6. เพราะที่เราอยากรู้ อยู่ในภาษาอังกฤษ..... 

คำว่าสวยและเก่งยังน้อยเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนี้ เพราะถ้าโปรไฟล์จรัสระดับแพททินัม
ไม่ว่าจะเป็นดีกรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จาก นิเทศ จุฬาฯ และปริญญาโท ด้านล่ามและการแปล
จาก อักษรศาสตร์จุฬาฯ  และยังเคยไปร่วมงานกับสำนักข่าวระดับโลกอย่าง BBC  ที่ประเทศอังกฤษ 
ในโครงการ “BBC World News Scholarship Winner 2011”  ซึ่งในปัจจุบันอิมเมจ 
เปิดโรงเรียนสอนภาษอังกฤษที่มีชื่อคูลๆว่า  ENGLISH HATTER  ซึ่งเมื่อบวกกับบุคลิกและหน้าเก๋ๆ 
เราคงต้องบอกว่าครูอิมคนนี้สวยมากและเก่งมว๊ากกกกันเลยทีเดียว 

จุดเริ่มต้นการเรียนภาษาอังกฤษ เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ ที่เห็นความสำคัญและส่งเสริมให้เริ่มสนใจ
เริ่มจากนิทานภาษาอังกฤษ  ตัวหนังสือใหญ่ๆ คำง่ายๆ และภาพสวยๆ  และพาไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือเอเชียบุ๊ค 
ที่มีภาษาอังกฤษเยอะๆ  แม้จะยังเด็กไม่เข้าใจบางคำ แต่พอเห็นภาพสวยก็ช่วยให้เข้าใจภาษาอังกฤษได้เอง
 มาสู่หนังสือที่เป็นเรื่องที่เราสนใจ ซึ่งเมื่อก่อนหนังสือภาษาไทยหาได้ยาก แต่หนังสือภาษาอังกฤษมีเยอะมาก
เลยทำให้ครูอิมเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเรื่องราวที่ตัวเองสนใจไปโดยปริยาย  อีกปัจจัยที่ทำให้ครูอิมเก่งภาษาอังกฤษคือ 
การหากิจกรรมที่ส่งเสริมให้ใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น  กิจกรรมแสดงละครภาษาอังกฤษ 
ชมรมตอบปัญหาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมาร์แตร์เดอี และเมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ลงเรียนภาษาเพิ่มเติม
ที่สถาบันภาษาเพื่อพัฒนาทักษะภาษาของตัวเองให้เพิ่มขึ้น 

ถึงครูอิมจะชื่นชอบและคลุกคลีกับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แต่ครูอิมก็เคยมีช่วงที่ท้อและ
รู้สึกว่าการเรียนมันยากเหมือนๆกับเราเช่นกัน เช่นตอนที่ต้องแปลงานที่มีคำศัพท์เฉพาะด้านที่ไม่คุ้นเคย
หรือตอนที่เป็นล่าม ถ้าเป็นสำเนียงที่เราไม่คุ้นเคยก็มีติดขัดบ้างเหมือนกัน แต่อยากให้มองว่าเป็นการเรียนรู้
ที่เราต้องผ่านด่านไปเรื่อย ๆ ใครที่อยากคุยกับครูอิมก็สามารถติดต่อได้ที่นี่นาจา
https://www.facebook.com/englishhaters/?fref=ts

-เคล็ดไม่ลับฉบับอิมเมจ-
1.หยุดคิดว่าเราจะเรียนภาษาอังกฤษได้หรอ ???  :  พอไปเจอคอร์สเรียนหรือหลักสูตรที่กว้างมาก
จนทำให้ท้อใจว่าเนื้อหามากมายและต้องการเวลามากมายเหลือเกิน   แถมยังมีกฎแกรมม่ามากมาย 
ก็อย่าเพิ่งท้อใจ  ซึ่งครูอิมแนะนำว่าให้มองโลกของวิชาภาษาอังกฤษให้เล็กลง เราจะมีกำลังใจมากขึ้น

 2.เป๊ะ ! ในสิ่งที่เราต้องใช้  : การสโคปภาษาอังกฤษในสายอาชีพ จะทำให้เรียนภาษาได้ง่ายขึ้น 
เอาให้เป๊ะเอาให้แม่น ในสายของตัวเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆขยายวงการเรียนรู้
ไปในหัวข้อที่เราสนใจที่ใกล้เคียง  อย่างเช่นใน Coursera  คอร์สเรียนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 
มีทุกอย่างในสายงานที่ใช้ เช่น ภาษาสำหรับการประชุม ภาษาสำหรับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ก็มี 

3. ตาดู หูฟัง ในสิ่งที่เราสนใจ:  ถ้าเป็นสาวๆ ครูอิมแนะนำให้ลองดูคลิปการแต่งหน้าของ  Michelle Phan
  เพราะสำเนียงชัด ฟังง่าย ถ้าฟังคล่องแล้ว ให้ขยับไปฟังคลิปการแต่งหน้าของคนอื่น ๆ ส่วนสำหรับหนุ่มๆ
ให้ลองหาสิ่งที่สนใจอย่างเกมส์ หรือดูยูทูบภาษาอังกฤษที่มีภาพประกอบจะทำให้เข้าใจมากขึ้น

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


7. บทบาทนักเรียนผู้ใฝ่รู้ สู่ครูผู้ให้ ของน้องไก่อู กวิสรา เหล่าพิลัย  คุณครูภาษาไทยของเด็กอินเตอร์ 

แรงบันดาลใจรุ่นใหญ่ผ่านไปแล้ว คราวนี้มาดูแรงบันดาลใจของรุ่นเล็กแบบใสๆวัยมหาวิทยาลัยกันบ้านนะคะ
 ย้อนวัยไปสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แค่เรียนและเตรียมตัวสอบให้ดีก็นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเราในตอนนั้นแล้ว 
แต่สำหรับ น้องไก่อู กวิสรา เหล่าพิลัย กลับใช้เวลาว่างมาหารายได้พิเศษด้วยการใช้ความรู้และศาสตร์การสอน
จากการเรียนศึกษาศาสตร์ ที่ มศว. สอนพิเศษให้กับน้อง ๆ มัธยม  และเมื่อมีโอกาสก็รับสอนภาษาไทย
ให้กับนักธุรกิจชาวต่างชาติ นอกจากจะเป็นการฝึกประสบการณ์การสอนแล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับน้องไก่อู
จนสามารถส่งตัวเรียนจนจบมหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องรบกวนคุณพ่อคุณแม่ 
แถมยังช่วยคุณแม่แบ่งเบาค่าใช้จ่ายในบ้านบางส่วนได้ด้วย
คุณครูไก่อูเล่าให้เราฟังว่า ตอนแรกที่ต้องสอนภาษาไทยให้ฝรั่งก็กลัวบ้าง
แต่คิดว่าวันนี้ไม่กล้าแล้ววันไหนจะกล้า ลุยไปเลยดีกว่า! ซึ่งก็ไม่ผิด 
เพราะสิ่งที่ได้รับมานอกจากค่าตอบแทนที่นำมาเป็นค่าเทอมแล้ว ยังได้สำเนียงภาษาอังกฤษ
และเหมือนมีเพื่อนเจ้าของภาษามาฝึกให้ไปพร้อม ๆ กัน และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้น้องไก่อูมา
เป็นคุณครูวิชาภาษาไทย ของโรงเรียนนานาชาติเอกมัยได้ ก็เพราะว่าประสบการณ์
การสอนภาษาอังกฤษให้ฝรั่ง จนทำให้เข้าใจว่าจุดไหนที่ชาวต่างชาติมักใช้ผิด ออกเสียงผิด  
และจะใช้ภาษาอังกฤษสอนอย่างไรให้เด็ก ๆต่างชาติเข้าใจ 

-เคล็ดไม่ลับฉบับครูไก่อู- 
1. เรียนภาษาจากซีรี่ย์อเมริกา: น้องไก่อูการันตรีว่า ถ้าดูจบครบ 3 เรื่องจะฟังออกขึ้นเยอะมากก
2. ฟังเพลงอินเตอร์แบบมีอินเนอร์: เวลาฟังเพลง หรือร้องเพลงไก่อูจะพยายามฝึกความหมาย 
และดูวิธีการใช้คำ ใช้ภาษาในเพลง แอบกระซิบมาว่า ใครเพลงที่ฟังง่ายๆชิว ๆ
แต่ฝึกได้จริงให้ลองเริ่มต้นที่สองเพลงนี้ค่ะ How do I live   และ my heart will go on  ค่ะ 

3.สร้าง Label คำศัพท์ ให้ของใกล้ตัว: ในช่วงแรกที่ไก่อูฝึกภาษา 
จะพยายามจำคำศัพท์จากของใช้ใกล้ตัว ด้วยการแปะฉลากคำศัพท์ให้ของใช้ใกล้ตัว 
แล้วค่อยพัฒนาไปสู่การแปะคำศัพท์ด้วยสายตา คิดแล้วเรียกของชิ้นนั้นเป็นภาษาอังกฤษในใจก่อนหยิบใช้ทุกครั้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ 33 นาทีที่แล้ว
ตอบกลับ
0 1   
sweetheart0022   
วันอังคาร เวลา 16:17 น.
คนหมุนโลก ถูกใจ
ความคิดเห็นที่ 2
8.เพราะเราทำได้มากกว่าเรื่องตลก

“เพราะเพศที่สามไม่ใช่ตัวตลกของสังคม เราจึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่า
เรามีศักยภาพและเราทำได้มากกว่าเรื่องตลก”...... เส้นทางแห่งการพิสูจน์ตัวเองของพี่ยูริ
ธนาวัฒน์ การย์กุลวิทิต ที่มีภาษาอังกฤษเป็นใบเบิกทาง สู่การเป็นบัณฑิตเหรียญทอง 
และคว้าทุนเรียนที่ประเทศเยอรมนี
เส้นทางการฝึกภาษาอังกฤษของพี่ยูริเริ่มต้นขึ้นสมัย ม.1 ตอนที่มีอาจารย์จากแคนาดามาสอนภาษาอังกฤษ 
ดูเหมือนว่าโลกในสายตาของพี่ยูริแลดูกว้างขึ้น เพราะครูเล่าว่าไปสอนภาษามาแล้วหลายประเทศ 
และแต่ละประเทศมีเรื่องน่าสนใจเต็มไปหมด  ประกายแห่งความฝันของพี่ยูริจึงเริ่มต้นขึ้น.... 
แต่แล้วเด็กที่เชื่อมาตลอดว่าตัวเองเก่งภาษาอังกฤษ สอบตกภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกตอน ม.4
แต่โชคดีที่ความมุ่งมั่นเอาชนะความท้อถอย เพราะความฝันดูเหมือนจะดับวูบลงเพราะความผิดหวัง 
กลับลุกโชนขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะพี่ยูริของเรา ทุ่มเทอ่านหนังสือและฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก 
จนกลายเป็นตัว    ท็อปด้านภาษาในที่สุด   ครั้งนั้นจึงเป็นการสอบตกเพียงครั้งเดียว 
และเป็นการสอบตกที่สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต  จนในที่สุดภาษาอังกฤษก็กลายเป็นอาวุธมากอานุภาพ
ที่พี่ยูริหยิบมาใช้ในทุกจังหวะสำคัญของชีวิตเสมอ

แม้สังคมไทยจะคุ้นเคยและยอมรับกับเพศที่ 3 มากขึ้น แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นการยอมรับ
แบบที่ยังติดฉลากว่ามีความผิดปกติและต่างจากพวกอยู่ดีนั่นแหละ  
และภาพที่ฉายให้เราเห็นกันจนชินตาส่วนใหญ่ คือภาพความสนุกสนาน 
ร้องรำทำเพลงอย่างตลกขบขัน และภาพการแอ๊วหนุ่มกล้ามล่ำของเพศที่ 3  
จนบางครั้งทำให้เราเผลอตัดสินไปอย่างง่ายๆว่าเรื่องที่พวกเขาทำได้เรื่องเดียว คือ “เรื่องตลก”  
ทั้งที่ความจริงแล้วหากเรามองให้ลึกลงไป เราจะเห็นว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นคนเก่ง 
และมีของชนิดที่หาตัวจับยากเลยทีเดียว  ซึ่งเบื้องหลังความเก่งนั้น อาจมีน้ำตาซ่อนอยู่ 
เพราะพวกเขาเองต้องพยายามดึงศักยภาพ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ให้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ 
ให้ศักยภาพชนะภาพความตลกที่มีอยู่ รวมถึงพิสูจน์ตัวเองจากประเด็นอ่อนไหวในครอบครัวอีกด้วย

เช่นเดียวกับ พี่ยูริ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นใบเบิกทางสร้างความสำเร็จและความภาคภูมิใจให้ตัวเอง
ด้วยการการสอบเข้าคณะในฝัน อย่างอักษรศาสตร์ จุฬา ฯ พร้อมกับคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง
ตอนปริญญาตรี  ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโท และเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และเป็นนักเรียนทุนแลกเปลี่ยน
ที่ประเทศเยอรมนี (Freie Universität Berlin) แต่สิ่งที่ทำให้พี่ยูริภาคภูมิใจมากที่สุด คงจะเป็นการได้ดูแลน้อง ๆ 
และเป็นเสาหลักให้ครอบครัวในปัจจุบัน

ปัจจุบันพี่ยูริใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษในการสอนหนังสือ  ทำเพจและบล็อกสอนภาษา
ซึ่งเมื่อผนวกความเก่งประสบการณ์และความฮาเข้าไปแล้ว ถือว่าเป็นคุณครูที่แซ่บคนนึงเลยแหละ
ใครสนใจพูดคุยกับพี่ยูริก็ติดตามได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/yuriengontherox/   และ
https://www.facebook.com/XChangeEnglish/ หรือ 
ไปตามอ่านกันได้ที่ Blog : //yuri-eng-on-the-rox.exteen.com 

-เคล็ดไม่ลับฉบับพี่ยูริ-
1.คิดว่าภาษาอังกฤษเป็น boyfriend : แฟนใครใครก็รัก ถ้ารักก็ต้องต้องหาเวลาว่างอยู่ด้วยกันจริงป่ะ
จะปล่อยทิ้งขว้างไม่ได้ เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษ เราต้องรู้สึกรักภาษาอังกฤษก่อน ถึงมีเวลาว่างแค่ 
2-3 ชั่วโมงก็มาเจอกัน ฝึกเรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษ ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน จะทำให้เราผูกพันกับภาษาอังกฤษมากขึ้นค่ะ

2.จดกลุ่มคำศัพท์ลง A4 แล้วแปะรอบบ้าน : จดกลุ่มคำศัพท์ที่สนใจ อยากที่จะเรียนรู้ ลงในกระดาษA4 
แล้วก็แปะรอบบ้านเลยจ้า เดินไปทางไหนก็เจอ เห็นบ่อย ๆ ก็จะทำให้จำได้เอง วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีบ้านๆ
แต่รับรองว่าได้ผลแน่นอน

3.ฝึกภาษาจากสิ่งที่เราชอบ : จากเดิมที่ดูซีรี่ย์ เล่นเกมส์ ดูโทรทัศน์ เป็นภาษาไทย 
ก็เปลี่ยนมาดูภาษาอังกฤษแทน แรกๆอาจจะรู้สึกหงุดหงิดที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง 
แต่ถ้าเราทำเป็นประจำ การฟังคำศัพท์หรือสำเนียงภาษาอังกฤษก็จะดีขึ้น

4.หาสูตรที่ใช่ให้ตัวเอง  : วิธีนี้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่เราทำความเข้าใจกับเรื่องนั้น ๆ 
แล้วจับใจความสำคัญเรื่องนั้นให้ได้ จากนั้นนำมาทำเป็นสูตรเฉพาะของเราเอง 
บางเรื่องอาจจะเนื้อหามากมาย หลักการเยอะ แต่จุดสำคัญของเรื่องนั้นจะมีเพียงหนึ่งเดียวเอง 

----------------------------------------------------------------------------------------------------

9. นำเข้าก็เป๊ะ ส่งออกก็ปัง ด้วยพลังของภาษาอังกฤษ 

อยากรวยเร่เข้ามาจ้า เราเข้ามาเพราะงานนี้ เราจะมาบอกเคล็ดลับจากคุณต๋อง  ปรัชญา อึ้งรังษี
นักธุรกิจที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประตู สู่โลกการค้าทั่วโลก จนสร้างรายได้ขยายไลน์ธุรกิจ
เป็นผู้นำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ไปทั่วประเทศไทย คุณต๋องเล่าว่าที่บ้านมีหน้าร้านขายของ 
ซึ่งของส่วนใหญ่ต้องรับมาจากผู้นำเข้าอีกต่อหนึ่ง เลยพยายามศึกษาหาข้อมูลเรื่องการนำเข้าสินค้ามาขายเอง 
เพื่อลดต้นทุน ต่อมามีโอกาสได้ไปงานแฟร์ งานประชุมและเจรจาธุรกิจหลาย ๆ ประเทศ เลยมองตลาดออกว่า
เมืองไทยยังขาดอะไร และเมืองนอกมีอะไรน่าสนใจบ้าง จนไปเจออาหารทะเลแช่แข็ง จึงศึกษาตลาดในไทย
และลองนำเข้ามา จากครั้งแรกที่ลองทำเล็ก ๆ เพียง 1 ตู้ คอนเทนเนอร์ จนมาเป็น 20 ตู้คอนเทนเนอร์ในปัจจุบัน
เพื่อกระจายไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วไทย รวมถึงส่งออกอาหารแช่แข็งจากไทยไปยังต่างประเทศด้วยเช่นกัน


คุณต๋องบอกอีกว่าสำหรับคุณต๋อง ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเปิดโลกทัศน์   
ทำให้มองเห็นโอกาสใหม่ๆ  และยังจำเป็นมาก ๆ ในการทำธุรกิจ  เพราะสิ่งที่ธุรกิจต้องการคือ กำไร  
นักธุรกิจที่เก่ง จะทำกำไรตั้งแต่ตอนซื้อ การสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จะช่วยสร้างกำไร ได้จากการหาคู่ค้าที่ดี 
หาสินค้าที่ดี  การต่อรองเรื่องการขนส่ง และอื่น ๆ  นอกจากภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลในการทำธุรกิจแล้ว 
ภาษาอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะการค้าขายกับประเทศในเอเชีย ใครคนไหนที่พูดภาษาเดียวกับเค้า
ได้จะได้เปรียบมาก เพราะเค้าจะรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อน สนิทใจที่จะทำธุรกิจร่วมกันมากขึ้น   สมมุติว่ามีลูกค้า 5 ราย  
สเป็กเดียวกัน เค้าจะเลือกซื้อคนที่พูดภาษาเดียวกับเค้ามากกว่า  ภาษาจึงนับเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของโลกธุรกิจเช่นกัน

-เคล็ดไม่ลับฉบับคุณต๋อง-
1. เปิดทีวี วิทยุ ช่องที่เป็นภาษาอังกฤษ: เพื่อเพิ่มทักษะการฟังให้คุ้นเคยกับสำเนียง
ขณะเดียวกันก็ได้อัพเดทข่าวสารจากทั่วโลกไปด้วย ซึ่งคุณต๋องจะเปิดช่อง CNN เอาไว้เกือบตลอดเวลา

2. ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ:  วิธีการที่ฝึกเริ่มต้นง่ายๆ คือ คุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ 
รวมถึงฝึกคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ  เสมือนเป็นการซ้อมไปในตัว เมื่อเราต้องคุยกับฝรั่ง 
หรือคู่ค้าต่างประเทศจะทำให้เราโต้ตอบได้คล่องขึ้น 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

10.ฝันใหญ่ต้องไปให้สุด เรื่องราวของสาวไทยผู้ใช้ภาษาล่าความฝันในบอร์ดเวย์

จากเด็กต่างจังหวัดสู่การเป็นครูสอนแอคติ้งระดับประเทศ ที่มีงานทั้งไทยและต่างประเทศวิ่งเข้าหา 
คุณลูกแก้วเล่าว่า เราเป็นเด็กที่กว่าจะรู้จักว่าภาษาอังกฤษคืออะไร ก็ตอนขึ้นป.3 
ได้เรียนแค่ A B C คำศัพท์นิดหน่อย กับประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ  พอโตขึ้นมีคนมาบอกว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญ 
แต่เราจินตนาการไม่ออกว่า มันสำคัญยังไงกับเราบ้าง ก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่พอเราเข้ามหาลัยเท่านั้นแหละ
ครูลูกแก้วได้  D+ จากวิชาภาษาอังกฤษมา 3 ตัวรวด   มันเลยเป็นเฮือกแรกให้เราไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม 
ซึ่งค่าเรียนภาษามันก็แพงมาก เกือบห้าหมื่นได้ แต่เรียนได้แค่เดือนเดียวแล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ

เพราะชื่นชอบเรื่องศิลปะและการแสดงเป็นพิเศษ คุณลูกแก้วเลยมาทำงานเป็นครูสอนการแสดง 
แล้วก็มีนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนด้วย คือมันเป็นครั้งแรกที่ได้สอนชาวต่างชาติ ตื่นเต้นมาก 
เราเหมือนสอนนักเรียนได้ไม่เต็มที่พอ แล้วค่าสอนต่อวันเยอะมากถึง 15,000/วัน 
เลยรู้สึกมันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว ยิ่งตอนนั้นเรามีความฝันว่าอยากไปเรียนการแสดงที่อเมริกามาก ๆ 
เป็นคอร์สละครเพลงบรอดเวย์ ตอนนั้นในไทยก็มีแค่ครูเงาะที่เป็นที่สุดของครูสอนการแสดงแล้ว 
ซึ่งเราก็ไปเรียนมาแล้ว แต่เราอยากไปให้สุดกว่านี้อีก จึงตั้งใจว่า เราต้องไปเรียนการแสดงที่อเมริกาให้ได้ 
แต่ถ้าเราไปเรียนทั้ง ๆ ที่ภาษาเราก็ยังไม่ได้ ถ้าไปเรียนก็ได้ความรู้มาแบบครึ่งๆ กลาง ไม่คุ้มกับค่าเรียนที่เราเสียไป 
และนี่เป็นเฮือกที่สองของการตั้งใจฝึกภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ทั้งการเรียนพิเศษเพิ่มเติม หาเพื่อนชาวต่างชาติคุยด้วย 
จนเรารู้สึกว่าภาษาเราดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เราก็เลยได้ไปลงเรียนการแสดงตามที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จ  
ใครที่อยากคุยกับครูลูกแก้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงหรือล่าฝันที่บอร์ดเวย์ ได้ที่ IG : lk_lukkaew



-เคล็ดไม่ลับฉบับครูลูกแก้ว-
1. ต้องวางเป้าหมายให้ตัวเอง ว่าถ้าเรารู้ภาษา หรือเก่งภาษาเพิ่มมากขึ้น ชีวิตเรามันจะดีขึ้นกว่าเดิมยังไง 
มีงานที่ดีทำ แรกๆทุกคนก็รู้แหละว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญ แต่แค่เรายังไม่มีแรงขับ 
ที่จะทำให้ตัวเองหันมาพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง ลองวางเป้าหมายดู ถ้าเราเก่งภาษาเราจะ
ไปเที่ยวต่างประเทศได้เยอะขึ้น หรือเราจะสามารถเลือกงานที่ตัวเองชอบได้ หรือมีเงินเดือนที่สูงขึ้น

2. รับสื่อต่าง ๆ ให้มากขึ้น พวกสื่อต่างประเทศ เพราะเป็นวิธีฝึกภาษาอังกฤษราคาถูก
และมันก็ได้ผลที่ดีด้วย เช่น อ่านข่าว ฟังเพลง ดูหนัง หรือซีรี่ย์ แค่เราพยายามที่จะฟัง
แรกๆจะไม่รู้เรื่อง แต่เราจะได้สำเนียงที่เค้าพูด และเราจะเริ่มฟังออกว่าเค้าพูดอะไร 
ฟังทุกคน วันละ 10-20 นาทีก็ได้

3. หาเพื่อนคุยภาษาอังกฤษด้วย ยิ่งเป็นเพื่อนชาวต่างชาติยิ่งดี เพราะการที่คนไทย
พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักที มันก็เกิดจากเราไม่ได้ใช้ภาษานั้นเอง นอกจากจะได้ฝึกภาษาแล้ว 
เพื่อนชาวต่างชาติยังช่วยเปิดโลกให้เราอีกด้วย เค้าจะมี Opportunity ดี ๆเยอะมากเลยหละ


แก้ไขข้อความเมื่อ วันพุธ เวลา 16:20 น.
ตอบกลับ
0 0   
sweetheart0022   
วันอังคาร เวลา 16:53 น.
ความคิดเห็นที่ 3
11. ข้าราชการไทยหัวใจอินเตอร์  


เส้นทางของเด็กต่างจังหวัดที่เคยมองว่าการเรียนเมืองนอกเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม 
สู่การคว้าปริญญาโทจากอังกฤษ แม้ต้องทำงานไปเรียนไปและทุ่มเทสอบ IELTs ถึง 5 ครั้ง 
แต่ผลของความสำเร็จก็แสนคุ้มค่า  ลองมาดูเส้นทางชีวิตของ คุณรักษ์  จักรพันธ์ รัตนเสถียร 
ที่เรารับรองว่าจะเป็นแรงบันดาลใจและสร้างลูกฮึดในการเรียนภาษาให้กับทุกคนแน่นอน



ความใฝ่ฝันในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณรักษ์ เริ่มตั้งแต่สมัยเรียน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ 
เพราะเห็นอาจารย์ที่คณะทุกคนจบจากต่างประเทศ และสามารถถ่ายทอดความรู้และแนวคิด
ทางการเมืองการปกครองได้อย่างเฉียบขาด แต่ความฝันยังดูไกลเพราะปัจจัยหลายๆอย่าง 
จนกระทั่งเข้าทำงาน ที่กองการเจ้าหน้าที่กรมการปกครองก็มีรุ่นพี่ข้าราชการท่านอื่น ๆเป็นแรงบันดาลใจ
และสนับสนุนให้ปลัดรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณรักษ์ไปเรียนต่อ  บวกกับประสบการณ์ตรงจากการทำงานที่เห็นว่า
ในอนาคตคนจะมีความรู้เพิ่มขึ้น ฉลาดขึ้น ซึ่งถ้าเราอยากเป็นผู้บริหาร เป็นปลัดอำเภอ หรือผู้ว่าฯ 
จะต้องพัฒนาตัวเอง ต้องเร่งเพิ่มพูนความรู้ให้มากเพื่อพัฒนาประเทศชาติและดูแลประชาชนให้ดีขึ้น  
แม้ทางแห่งความฝัน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ความมุ่งมั่นมีมากกว่า จนความอดทนพาก้าวข้ามกำแพง
แห่งความเป็นไปไม่ได้ทุกรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็นกำแพงแห่งความกลัว..... ไม่กลัวที่จะเรียนรู้  ไม่กลัวที่ลองทำ  
กำแพงแห่งเวลา...เพราะถึงจะต้องทำงานทุกวันกว่าจะกลับถึงบ้านก็สามสี่ทุ่ม 
ก็ไม่เอาเหตุผลนี้มาอ้างกับตัวเองให้ล้มเลิกความตั้งใจ   รวมถึง กำแพงแห่งการลงทุน  
เพราะทุ่มทุนทั้งที่เป็นเงินทอง และทุนใจไปกับการสอบ ถึงไม่ได้ในปีแรก ก็ไม่ล้มเลิก 
หากแต่กลับมาทุ่มเทมากขึ้นในการสอบปีต่อมา จนคว้าทุนพัฒนาข้าราชการ ของ ก.พ.
ไปเรียนต่อด้าน Development Management ที่ University of Birmingham  ได้สำเร็จ  

ซึ่งปัจจุบันคุณรักษ์ เป็นเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ สังกัด ส่วนวางแผนอัตรากำลังและพัฒนาระบบงาน 
กองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง  ขอให้ความตั้งใจดีของคุณรักษ์ที่จำนำความรู้และประสบการณ์
มาพัฒนาบ้านเราสำเร็จลุล่วงนะคะ 

-เคล็ดไม่ลับฉบับคุณรักษ์-
1. อย่ามัวแต่คิดว่าเรียนภาษาอังกฤษเพื่อไปสอบ: ถ้าเราคิดว่าเรียนเพื่อไปสอบ
อ่านเพื่อไปสอบอย่างเดียวคงเบื่อแย่ เลยอยากให้ทุกคนลองมองว่าเราอ่านภาษาอังกฤษ 
ฟังภาษาอังกฤษเพื่อเสพสื่อที่เราชอบ อย่างคุณรักษ์เองชอบอ่านหนังสือท่องเที่ยว อ่านข่าว 
ดูยูทูบ ก็เลยลองมาอ่านสื่อพวกนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคนกับคำ ประโยคที่ใช้จริง ๆ

2. อ่าน - จด - พูด : อ่านอย่างเดียวมันไม่พอ คุณปลัดขอ 3 อย่าง เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง
ผ่านสายตาที่มาจากการอ่าน  ผ่านมือโดยการจด และผ่านหูผ่านการอ่านออกเสียง  ซึ่งช่วยให้สมองของเราจำได้ดีขึ้น  
พร้อมกับแนะเทคนิคเตรียมตัวสอบ ว่าให้จดคำศัพท์ไว้แบบเป็นหมวดหมู่  เพื่อให้จำได้เป็นระบบสะดวกในการทบทวน 
และดึงมาใช้ง่ายขึ้น  หรือเวลาอ่านแล้วเจอรูปประโยคแปลกใหม่ก็ให้จดไว้และเรียนรู้แกรมม่าจากประโยคนั้น ๆ

3. อยากเก่งต้องกล้า โนสน โนแคร์คนชอบจับผิด : ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้หลายคนกลัวการพูดภาษา 
คือ คนรอบข้างชอบล้อ และดูถูกว่าพูดผิดๆถูกๆ ทำให้เราไปไหนสักที   ปัญหานี้เป็นสิ่งที่คุณปลัดเจอบ่อย
สมัยฝึกภาษา แต่สุดท้าย พบทางสว่างจากอาจารย์ที่อังกฤษ ที่บอกว่า “ “People always make the mistake.
I also do the mistake..... Who are you?  As long as I understand, that's fine. 
(มนุษย์ทุกคนล้วนทำผิดพลาดกันทั้งนั้นแหละ ขนาดผมเองก็เคยทำพลาดเหมือนกั
น แล้วคุณล่ะเป็นใครถึงจะไม่ผิดเลย พูดออกมาเถอะ พูดแล้วผมเข้าใจก็โอเคแล้ว)







Create Date : 20 มกราคม 2560
Last Update : 20 มกราคม 2560 12:46:59 น. 0 comments
Counter : 760 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 2533784
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2533784's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.