การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เมื่อ 11 ม.ค. ก่อนขึ้นรับตำแหน่งเป็นทางการใน 20 ม.ค.นี้ ถูกบดบังด้วยเรื่องอื้อฉาวอีกตามเคย!

การแถลงข่าวครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อชี้แจงว่าทรัมป์จะหลีกเลี่ยง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” อย่างไร ซึ่งเขาระบุจะให้ลูกชาย 2 คนควบคุม อาณาจักรธุรกิจทั้งหมดแทน แต่ไม่ได้ให้คณะบุคคลที่เป็นอิสระ (Blind Trust) ดูแลแทน โดยปราศจากการรับรู้แทรกแซง ทำให้ถูกโจมตีว่า

ยังไม่ถอนตัวจากธุรกิจโดยสิ้นเชิง และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมที่ประธานาธิบดีคนอื่นๆ ปฏิบัติกันมา

แต่ที่ฮือฮากว่านั้นก็คือ กรณีที่ทรัมป์ประณามหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ว่าปล่อยข่าวเรื่อง “เอกสารลับ” เกี่ยวกับรัสเซียที่โยงใยกับตนให้รั่วไหลถึงสื่อ เหมือนที่ “นาซีเยอรมัน” เคยทำ และว่าเอกสารนี้เป็นของปลอม ซึ่งพวก “จิตป่วย” ที่จ้องทำลายตนจัดทำขึ้น

เรื่องนี้สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ทั้งสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็นไอเอ) สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ซีไอเอ และเอฟบีไอ ได้นำเอกสารลับที่ว่าไปสรุปให้ทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา สมาชิกคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภา รวมทั้งทรัมป์เอง รับฟัง แต่แทนที่จะเป็นความลับวงใน ก็มีสื่อ 2 สำนักคือ “ซีเอ็นเอ็น” (CNN) และเว็บไซต์ข่าว “บัซฟีด” (Buzzfeed) นำไปเผยแพร่

บัซฟีดถึงขั้นเผยแพร่เอกสารฉบับเต็มหนา 35 หน้า แม้กำกับไว้ด้วยว่า “ยังไม่พิสูจน์ยืนยัน” อ้างว่าให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณเอง จนถูกโจมตีว่าไร้ “จรรยาบรรณสื่อ” และถูกทรัมป์ด่าว่าเป็น “สื่อขยะ”

สัมพันธ์ลับ?-แฟ้มภาพนักข่าวสาวชูป้ายรูปนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และนางมารีน เลอ แปง ผู้นำพรรคขบวนการแห่งชาติฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศส ก่อนปูตินแถลงข่าวที่กรุงมอสโก (เอ

เอกสารลับชุดนี้เป็นงานวิจัยเชิงต่อต้าน ทรัมป์ จัดทำโดย “คริสโตเฟอร์ สตีล” อดีตสมาชิกหน่วยข่าวกรอง “เอ็มไอ 6” ของอังกฤษวัย 52 ปี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการบริษัทที่ปรึกษาข่าวกรองธุรกิจ “ออร์บิส” ในลอนดอน ผู้เคยเป็นสายลับในคราบนักการทูตในกรุงมอสโก ซึ่งข่าว กรองอื่นๆของเขาเป็นที่รู้ในวงการว่า “เชื่อถือได้”

เอกสารนี้ถูกจัดทำขึ้นทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 8 พ.ย.2559 โดยตอนแรกคู่แข่งของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันจ้างสตีลให้จัดทำในช่วงการเลือกตั้งขั้นต้น เพื่อสกัดไม่ให้ทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรค ต่อมากลุ่มที่สนับสนุนนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตคู่ชิงของทรัมป์ก็จ้างให้เขาทำงานต่อ

เอกสารชุดนี้ถูกปล่อยในแวดวงการเมืองและสื่อมาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าเผยแพร่ เพราะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ยืนยันแน่ชัด ทั้งที่ข้ออ้างในเอกสารน่าตกตะลึงสุดๆ รวมทั้งระบุว่ารัสเซียมีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของทรัมป์ เคยเสนอทำข้อตกลงทางธุรกิจแบบงามๆกับทรัมป์ เพื่อซื้อความจงรักภักดีของเขา และยังลอบส่งเงินช่วยทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ด้วย

แต่ที่ฮือฮาที่สุดก็คือ ระบุว่าหน่วยข่าวกรองรัสเซีย “เอฟเอสบี” หรือเดิมคือ “เคจีบี” แอบบันทึกเทปวีดิโอทรัมป์มั่วกับโสเภณีในโรงแรมหรู “ริทซ์-คาร์ลตัน” ในมอสโก ขณะไปกำกับดูแลการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส” ที่นั่นในปี 2556 ซึ่งรัสเซียจัดทำเทปลับนี้ขึ้นในฐานะ “วัสดุที่สร้างความเสียหาย” (Compromising Material) หรือภาษารัสเซียเรียกว่า “Kompromat” เพื่อเอาไว้ใช้ “แบล็กเมล์” ทำลายศัตรูหรือผู้มีชื่อเสียง และอาจมีหลายชุดด้วย

เอกสารยังระบุว่า ที่ปรึกษาของทรัมป์หลายคน รวมทั้งไมเคิล โคเฮน ทนายส่วนตัวของเขาลอบติดต่อกับรัสเซียเป็นประจำในช่วงเลือกตั้ง และลอบแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาอย่างน้อย 8 ปีแล้ว โคเฮนยังเคยเดินทางไปกรุงปรากในสาธารณรัฐเช็กในเดือน ส.ค.หรือ ก.ย.ปีที่แล้ว เพื่อหารือกับผู้แทนรัสเซียเรื่องการ “แฮก” ข้อมูลของพรรคเดโมแครต ก่อนปล่อยข้อมูลทำลายภาพลักษณ์คลินตัน เพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง แต่โคเฮนปฏิเสธว่าไม่เคยไปกรุงปรากและมอสโกเลย

สตีลส่งเอกสารชุดนี้ให้ “เอฟบีไอ” นานแล้ว ส่งผลให้ศาลข่าวกรองลับของสหรัฐฯ สั่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน รวมทั้งซีไอเอและเอฟบีไอขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้ รวมทั้งธนาคารรัสเซีย 2 แห่ง เพื่อแกะรอยเส้นทางการเงินว่ารัสเซียส่งเงินช่วยทรัมป์หาเสียงจริงหรือไม่

ในวันแถลงข่าว ทรัมป์ยังยอมรับเป็นครั้งแรกว่า รัสเซียอาจแฮกข้อมูลพรรคเดโมแครตจริง เหมือนกับที่ชาติอื่นทำกัน ทั้งที่เคยปฏิเสธมาตลอด แต่ยืนกรานว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์พิเศษ ไม่เคยมีข้อตกลง ไม่เคยกู้ยืมเงินจากรัสเซีย และรัสเซียไม่มีอิทธิพลครอบงำใดๆต่อตน แม้จะพูดชื่นชมประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน มาตลอด

จริงๆแล้ว ที่ปรึกษาของทรัมป์หลายคนมีสายสัมพันธ์กับรัสเซียมานาน รวมทั้งพอล มา-นาฟอร์ต ผู้จัดการทีมหาเสียงคนแรก เคยเป็นที่ปรึกษาให้อดีตนายกฯ วิคเตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครน ซึ่งรัสเซียหนุนหลัง เขายังเคยทำงานกับมหาเศรษฐีนักธุรกิจของรัสเซียหลายคนที่มีสายสัมพันธ์กับปูติน

คาร์เตอร์ เพจ ที่ปรึกษาอีกคน ก็เคยเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนในมอสโก ขณะที่ไมเคิล ฟลินน์ ที่ทรัมป์ตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติก็เคยถูกเชิญไปร่วมงาน กาลา ดินเนอร์ในมอสโกปีที่แล้ว แถมได้นั่งติดกับปูตินซะด้วย

สายสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับรัสเซียจึงลึกซึ้งไม่ธรรมดา ส่วนข้ออ้างในเอกสารลับชุดนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ทรัมป์และรัสเซียน่าจะรู้ดีที่สุด!

บวร โทศรีแก้ว