กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

          จากการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค ในกิจการโทรคมนาคมเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้พิจารณาวาระที่มีผู้บริโภคร้องว่าประสบปัญหาถูกเอาเปรียบจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากไม่ได้คิดค่าบริการตามจริงเป็นวินาที  ซึ่งรายการส่งเสริมการขายระบุว่า "คิดตามจริงเป็นนาที เศษของนาทีคิดเป็นหนึ่งนาที"

          โดยมีข้อถกเถียงกันว่ากรณีเช่นนี้สามารถตีความการกำหนดเงื่อนไขให้คิดค่าบริการแบบปัดเศษเป็นนาทีต่อครั้งได้หรือไม่ หรือต้องเป็นการรวมเวลาในการโทรออกทั้งหมดแล้วจึงจะปัดเศษของนาทีสุดท้ายเท่านั้น

          ก่อนหน้าจะเสนอวาระนี้ให้ที่ประชุมพิจารณา คณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายและระเบียบด้านโทรคมนาคมได้ชี้มาว่า ข้อความในรายการส่งเสริมการขายดังกล่าวไม่ชัดเจนและตีความได้หลายนัย

          แต่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการตีความทางกฎหมาย หากเป็นประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นจึงเสนอแนวทางว่า ในกรณีที่มีผู้บริโภครายใดร้องเรียน ก็ควรพิจารณาระงับข้อพิพาทและชดเชยเป็นรายกรณีไป

          ส่วนการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นการทั่วไป ให้สำนักงาน กสทช. แจ้งผู้ประกอบการให้ระบุชัดเจนเกี่ยวกับ การปัดเศษนาทีในรายการส่งเสริมการขาย และควรศึกษาว่าจะออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ให้ ผู้ประกอบการคิดค่าบริการตามจริงเป็นวินาทีได้หรือไม่

          อย่างไรก็ตาม ผลของการประชุม กทค. ดังกล่าว โดยมติที่ประชุมเสียงข้างมาก (3 ต่อ 1) กลับชี้ว่า ผู้ให้บริการมีสิทธิเรียกเก็บค่าบริการตามรายการส่งเสริมการขาย โดยไม่สานต่อข้อเสนอ ของคณะอนุกรรมการฯ ที่เสนอแนะไว้

          นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพประชาชนในฐานะหนึ่งในกรรมการ กทค. กล่าวว่า เห็นต่างจากมติที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ โดยมองว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องข้อสัญญา เมื่อสัญญาเสนอสนองไม่ตรงกัน สัญญาก็ต้องตีความแบบใดแบบหนึ่ง

          "กรณีนี้ผมอ่านข้อเสนอของคณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายแล้วเข้าใจว่า คณะอนุกรรมการฯ กำลังพยายามชี้ประเด็นว่าให้ตีความเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค การปัดเศษในการโทร ทุกครั้งแบบผู้ให้บริการจึงถือว่าไม่เป็นไปตามข้อสัญญา เพราะกรณีนี้ข้อเท็จจริงผู้บริโภคใช้งานโทรศัพท์ อยู่จริงเพียงประมาณ 350 นาที แต่กลับต้องถูกคิดค่าบริการถึงกว่า 700 นาที ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่แฟร์ โดยผมสงวนความเห็นประเด็นนี้ไว้ในที่ประชุมด้วย"

          นายประวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกระแสผลักดันจากสังคมให้กรรมการและสำนักงาน กสทช. เน้นเรื่องงานด้านคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ เรื่องดังกล่าวจะเป็นจริงจะต้องกำกับ ติดตามอย่างเคร่งครัด สำนักงาน กสทช. ต้องเร่งตรวจสอบว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบนคลื่นความถี่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของใบอนุญาตหรือไม่ เพื่อกำกับดูแลอัตราค่าบริการให้เป็นไปตามกฎหมาย และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้บริโภค

แหล่งข่าว