คติพุทธว่าด้วยเรื่องโลก โลก
โลก แผ่นดินเป็นที่อาศัย, หมู่สัตว์ผู้อาศัย
โลก ๓ คือ ๑.
สังขารโลก โลกคือสังขาร ๒.
สัตวโลก โลกคือหมู่สัตว์ ๓.
โอกาสโลก โลกคือแผ่นดิน
โลกธรรม ธรรมที่มีประจำโลก, ธรรมดาของโลก, ธรรมที่ครอบงำสัตวโลก และสัตวโลกก็เป็นไปตามมัน มี ๘ อย่าง คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ นินทา เสรรเสริญ สุข ทุกข์
โลกบาลธรรม ธรรมคุ้มครองโลก คือ ปกครองคุมใจมุนุษย์ไว้ให้อยู่ในความดี มิให้ละเมิดศีลธรรม และให้อยู่กันด้วยความเรียบร้อยสงบสุข ไม่เดือดร้อนสับสนวุ่นวาย มี ๒ คือ ๑.
หิริ ความละอายบาป ๒.
โอตตัปปะ ความกลัวบาป เกรงกลัวต่อความชั่วและผลของกรรมชั่ว
ฯลฯ
ในอริยวินัย เรียก
กามคุณ ๕ คือ
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ว่าเป็น
โลก ผู้ยังติดอยู่ใน
กามสุข ก็คือติดข้องอยู่ในโลก
ผู้ใดเขาถึงฌาน จะเป็นรูปฌาน หรืออรูปฌานก็ตาม ท่านเรียกผู้นั้นว่า ได้มาถึงที่สุดของโลกแล้ว และอยู่ ณ ที่สุดแห่งโลก แต่ก็ยังเป็นผู้เนื่องอยู่ในโลก ยังสลัดตัวไม่พ้นจากโลก
ผู้ใดก้าวล่วงอรูปฌานขั้นสุดท้ายไปได้แล้ว เข้าถึง
สัญญาเวทยิตนิโรธ และเป็นผู้
หมดอาสวะเพราะเห็นสัจธรรมด้วยปัญญา ผู้นี้จึงจะเรียกได้ว่า ได้มาถึงที่สุดแห่งโลกแล้ว อยู่ ณ ที่สุดแห่งโลก และทั้งได้ข้ามพ้นตัณหาเครื่องข้องอยู่ในโลกไปได้แล้ว
กามสุข สุขในทางกาม, สุขที่เกิดจากกามารมณ์
กามคุณ ส่วนที่น่าปรารถนาน่าใคร่ มี ๕ อย่าง คือ
รูป เสียง กลิ่น รส และ
โผฏฐัพพะ (สัมผัสทางเนื้อหนัง,สัมผัสทางกาย) ที่น่าใคร่น่าพอใจ
(สังเกตชื่อ
กามคุณ บ่งว่ากามก็มีคุณ ด้านอิฏฐารมณ์ ท่านจึงตั้งชื่อให้ว่า "กามคุณ" ถ้าเป็นด้านอนิฏฐารมณ์ ก็ตรงข้ามกลายเป็นกามทุกข์ กามโทษไป)
กามสุขัลลิกานุโยค การประกอบตนให้พัวพันหมกมุ่นอยู่ในกามสุข เป็นอย่างหนึ่งในที่สุดสองข้าง คือ กามสุขัลลิกานุโยค ๑ อัตตกิลมถานุโยค ๑
กามฉันท์, กามฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในอารมณ์ที่ชอบใจมี รูป เป็นต้น, ความพอใจในกามคุณ ๕
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (ข้อ ๑ ในนิวรณ์ ๕)
สมาธิเป็นปฏิปักข์กับ
นิวรณ์ มีสมาธิก็ไม่มีนิวรณ์ มีนิวรณ์ ก็ไม่มีสมาธิ พวกเขาเปรียบเหมือนเสือ (เพศผู้) สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้