ลุย! ล่า! ท้าเขียน "เล่าเรื่องความรักครั้งแรกของคุณ"
จะให้เล่าเรื่องความรักครั้งแรกงั้นหรือคะ ได้...ได้... รักครั้งแรกเกิดตอนไหนนะ อ้อ! ตอนยังวัยละอ่อน ยังผูกคอซองอยู่เลย จะเรียกว่า puppy love หรือจะเรียกว่าแก่แดดแก่ลมดี
เรื่องราวก็ไม่มีอะไรมาก เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงเรียนห้องเดียวกัน ใช่ค่ะ โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนสหของรัฐบาลที่ต้องสอบเข้าแต่สอบไม่ยากหรอกเพราะเป็นโรงเรียนไม่ดังอีกทั้งยังอยู่ชานเมือง โรงเรียนนี้ให้การศึกษาระดับชั้นมัธยมตั้งแต่ ม.1-ม.6 เข้าเรื่องดีกว่า ทีนี้เด็กแต่ละคนก็มาจากต่างโรงเรียนกันเพื่อมาเข้าเรียนในชั้นเดียวกัน ทุกคนเป็นเพื่อนใหม่หมด
และฉันกับนายนี่ เราเรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นม.1 และยังคงอยู่ห้องเดียวกันจนจบชั้นม.2 ก่อนจะแยกกันไปตามสายวิชาเอกเมื่อขึ้นชั้นม.3 ความบาดหมาง เอ๊ย! ความผูกพันมันเริ่มตั้งแต่ชั้นม.1 แหละ ธรรมชาติของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง จะชอบแกล้งกันรึเปล่า ข้อนี้ไม่แน่ใจนะ แต่นายนี่ ชอบหาเรื่องแกล้งฉันอยู่เรื่อย เผลอๆก็ถูกกระตุกผม โกรธสิคะ บางครั้งฉันก็วิ่งไล่ตี รอบห้องนั่นแหละ เลยเป็นที่มาให้เพื่อนๆจับคู่ ล้อว่าเราเป็นแฟนกัน
ล้อหนักๆเข้า ก็เริ่มคิดสิ เอ๊ะ! ยังไงหว่า หรือเขาคิดไรกับเราเนี่ย แกล้งเราอยู่คนเดียวเลย เพื่อนนักเรียนหญิงมีตั้งหลายคนในห้อง ไม่แกล้ง ชอบมาแกล้งเราเรื่อย แต่ช่วงเวลาที่ไม่แกล้งก็มีนะ พูดดีๆก็เป็นเหมือนกัน อ้อ! อีกอย่างที่จำได้ นายนี่พูดจาสุภาพตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน เขาจะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าผม และเรียกเพื่อนว่าคุณเสมอ ลงท้ายประโยคว่าครับตลอด ไม่มีหลวมค่ะ ไงล่ะ พูดสุภาพใช่มั้ย แต่สำหรับวัยเด็กของฉันตอนนั้น ฟังแล้วแปลกหู พิลึก เพื่อนทุกคน ก็ฉัน-เธอหมด มีนายนี่แหละ ผม-คุณ และครับ
จะว่าไปวีรกรรมฉันเองก็ไม่เบาเหมือนกัน ฉันฟังเพื่อนผู้ชายคุยกัน แล้วเห็นเรียกนายนี่ว่าจอม... จอม... ไอ้! เราก็นึกว่าชื่อเล่น ได้โอกาสเหมาะเลยถาม "นี่! จอมชื่อเล่นเธอหรือ"
"เปล่าครับ ชื่อพ่อผม" เพล้งหน้าแตกค่ะ
แต่ไม่วายนะ ถ้าทะเลาะกันก็มีล้อชื่อพ่อแหละ ก็คนมันโกรธนี่
อย่างที่บอกเราทะเลาะกันบ้าง แกล้งกันบ้างให้เพื่อนๆในห้องได้เอาไปล้อ สนุกปาก จนกระทั่งเราเรียนใกล้จบม.3 เด็กสมัยนั้นเมื่อจะจบม.3 ก็ต้องมีการเขียนเฟรนด์ชิพให้กันไว้เพื่อระลึกถึง เพื่อเป็นความทรงจำ ก่อนจะแยกย้ายกันเดินตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน ถึงแม้ว่าโรงเรียนของเราจะมีชั้นม.4 ให้ศึกษาต่อ แต่เส้นทางนี้เพื่อนร่วมห้องก็หายไปกว่าครึ่งค่อน เราจึงมีเฟรนด์ชิพเป็นตัวแทนความทรงจำ และแม้ว่าฉันกับเขาจะอยู่กันคนละห้อง แต่ฉันก็ยังมีโอกาส เอาสมุดเฟรนด์ชิพให้นายนี่เขียน แล้วเพื่อนรู้มั้ยว่าได้อะไรกลับมา หน้าแรกชื่อพร้อมที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ตามธรรมเนียมการเขียนเฟรนด์ชิพ เรียกได้ว่าปกตินะ ส่วนหน้าที่สองนี่สิ เห็นแล้วหนักใจ ความดันพุ่งปรี๊ด
มันน่ามั้ยล่ะเนี่ย
เป็นรอยประทับฝ่า_ีนของจริงเลยนะคะ
ก่อนจะใช้ปากกาลากตามเส้นอย่างที่เห็น
แล้วไอ้คำว่า "โชคดี" แล้วขีดฆ่า เติมคำว่า "ร้าย" แทนนั่นล่ะ
แต่ก็พอจะให้อภัยได้ตรง "รักไม่มาก" นี่แหละ
อย่างนี้แปลว่ารักใช่ปะ
จบม.3 เราเรียนต่อม.4 โรงเรียนเดิมโดยย้ายมาเรียนสายวิทย์ จากเดิมเรียนสายศิลป์ภาษา แต่เพื่อนคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเรียนต่อที่ไหน เพราะไม่ได้เจอ และไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย
ทัยทายได้ แต่ไม่ต้องโหวตนะคะ
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2559 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2559 8:14:33 น. |
|
3 comments
|
Counter : 527 Pageviews. |
|
|
การได้เรียนโรงเรียนชายหญิง ดีตรงที่ทำให้เรามีโมเมนต์แบบนี้ ยังคิดอยู่ว่าถ้าเรียนหญิงล้วน ฉันจะเป็นยังไงนะ
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกและโหวตให้นะคะ