อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์









อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์
ผู้แต่ง  ลูอิส คาร์รอลล์
ผู้แปล ศาสตราจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล


ถ้าเอ่ยถึงเทพนิยายคลาสสิกที่มีชื่อเสียงของอเมริกา เราจะนึกถึง พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ ของแฟรงก์ โบม เทพนิยายที่กระตุ้นให้คนตั้งความปรารถนาให้คนได้ใฝ่ฝัน... หรือถ้าเอ่ยถึงประเทศฝรั่งเศษ เราจะต้องคิดถึง เจ้าชายน้อย  ของ อังตวน เดอ แซงเตกซูเปรี เรื่องราวที่มีแง่คิดหลากหลาย ลึกซึ้ง ออกแนวโรแมนติก  และแน่นอนถ้าพูดถึงอังกฤษ  เราคงไม่พลาดที่จะต้องกล่าวถึงอลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ ของลูอิส คาร์รอลล์ นิทานสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมแพร่หลายมากที่สุดเรื่องหนึ่งในประเทศตะวันตก  เรื่องราวของอลิซที่กลายมาเป็นเทพธิดาน้อยในแดนมหัศจรรย์ และเป็นเรื่องที่ส่งผลให้ครูสอนคณิตศาสตร์คนหนึ่งกลายมาเป็นนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในที่สุด





เรื่องย่อ...


วันหนึ่งขณะที่อลิซนั่งเล่นอยู่กับพี่สาวเธอเห็นกระต่ายสวมเสื้อมือถือนาฬิกาพกขึ้นดู พร้อมบ่น "สายแล้ว สายแล้ว"แล้ววิ่งผ่านหน้าเธอไปเธออกวิ่งตามกระต่ายน้อยและนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวมหัศจรรย์


อลิซวิ่งตามเจ้ากระต่ายจนกระทั่งเข้าไปในโพรงไม้และที่นั่นทำให้เธอได้พบอีกดินแดนหนึ่งดินแดนที่เธอสามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้ เธอพบกับแมวเชไชร์แมวเหมียวที่มีรอยยิ้มกว้างขวาง(แน่ล่ะ ไม่มีแมวตัวไหนยิ้มได้)และมันยังหายตัวได้อีกด้วย


อลิซได้ร่วมดื่มน้ำชา(จริงแท้แล้วเธอเชิญตัวเองเข้าร่วมดื่มน้ำชาโดยที่ยังไม่มีใครเชิญ)กับเจ้ากระต่ายมีนา ,เจ้าหมวกและเจ้ากระแตซึ่งตลอดเวลาเอาแต่นอนหลับ นอกจากนี้อลิซยังได้ร่วมเล่นโครเกตกับราชินีไพ่ราชินีที่ตลอดเวลามีแต่คำสั่ง"ตัดหัว เอาไปตัดหัวให้หมด"ติดปากตลอดเวลาและเธอยังได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษาหาตัวผู้ขโมยขนมถาดของพระราชินีโดยที่เธอต้องตกเป็นพยานคนหนึ่งด้วย



บทเริ่มเรื่องมหัศจรรย์


ในโพรงกระต่าย


อลิซเริ่มเบื่อที่จะนั่งอยู่ข้างๆ พี่สาวของเธอเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเธอชำเลืองมองหนังสือที่พี่สาวอ่านอยู่สองสามครั้ง  แต่ก็ไม่เห็นมีรูปหรือคำสนทนา  เธอคิดในใจว่า "หนังสือที่ไม่มีรูปภาพหรือคำสนทนาจะมีประโยชน์อะไรกัน"


ดังนั้นเธอจึงยังคงนั่งคิด (อย่างดีที่สุดเท่าที่เธอจะคิดได้ เพราะอากาศร้อนวันนั้นทำให้เธอง่วงและซึมเซา) และขณะที่คิดว่า ถ้าจะร้อยดอกไม้เป็นพวงมาลัยเล่น  จะสนุกสมกับที่ต้องลำบากไปเที่ยวเก็บดอกไม้มาไหมหนอ  เจ้ากระต่ายขาวมีดวงตาสีชมพูตัวหนึ่งก็วิ่งเข้ามาใกล้


นั่นไม่ใช่ของแปลกอะไร และอลิซก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเจ้ากระต่ายพูดว่า "ตายจริง! ตายจริง! ฉันไปสายแน่ๆ !" (ตอนหลังเมื่อเธอมาคิดดูอีก เธอก็พบว่าเธอน่าจะแปลกใจ แต่ว่าในตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่ามันเป็นของธรรมดาไปหมด) เจ้ากระต่ายควักนาฬิกาพกออกมาจากกระเป๋าเสื้อดูเวลา  อลิซก็สะดุ้งลุกขึ้นยืนเพราะเธอนึกได้ทันทีว่าเธอไม่เคยเห็นกระต่ายที่ไหนมีเสื้อ หรือว่านาฬิกาที่จะควักออกจากกระเป๋าเสื้อเลย  เธอวิ่งตามมันไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเคราะห์ดีตามไปทันเห็นมันโจนแผล็วลงไปในโพรงกระต่ายใหญ่ใต้รั้วต้นไม้





อลิซโดดตามลงไปทันทีโดยไม่ได้ยั้งคิดเลยว่าเธอจะกลับออกมาอีกได้อย่างไร


โพรงกระต่ายนั้นเป็นท่อตรงไปยาวพอประมาณ แล้วก็หักลงโดยทันที  อลิซหยุดไม่ทันจึงรู้สึกว่ากำลังตกลงไปในเหวที่ลึกมาก


เหวนั้นต้องลึกมาก  หรือมิฉะนั้นเธอก็ตกช้ามาก เพราะว่าขณะที่เธอกำลังตกอยู่นั้น  เธอมีเวลามากพอที่จะมองดูรอบๆ ตัวและคิดเป็นห่วงว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ตอนแรกเธอพยายามมองลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าจะตกลงไปถึงไหน แต่ก็มืดมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วเธอก็มองรอบๆ ผนังเหว และสังเกตได้ว่ามีตู้และหิ้งหนังสือ เห็นแผนที่และรูปภาพแขวนไว้เป็นแห่งๆ เธอเอื้อมหยิบขวดใบหนึ่งจากหิ้งซึ่งเธอเคลื่อนที่ตกผ่าน มีป้ายปิดเขียนไว้ว่า  "แยมผิวส้ม" แต่น่าเสียดายที่มันเป็นขวดเปล่า เธอไม่อยากจะทิ้งขวดให้ตก เพราะกลัวว่าจะไปถูกใครตาย จึงใส่เข้าไปในตู้ใบหนึ่งเมื่อเธอตกผ่านไป


เธอคิดในใจว่า "ได้เคยตกระยะสูงๆ อย่างนี้แล้ว การตกบันไดน่ะไม่เท่าไหร่เลย นี่ถ้าที่บ้านรู้เข้า ก็ต้องคิดว่าฉันกล้าหาญไม่น้อยทีเดียวละ ทีนี้แม้ฉันจะตกจากหลังคาบ้านก็จะไม่บ่นสักคำ" (ซึ่งน่าจะจริงทีเดียว)


ตกลงไป ตกลงไป ตกลงไป การตกนี้จะไม่มีวันสิ้นสุดเทียวหรือ "นี่ฉันตกมาได้สักกี่ไมล์แล้วนะ" อลิซพูดดังๆ "น่ากลัวจะใกล้ใจกลางของโลกมากแล้ว ลองคิดดูซิ คงเป็นสี่พันไมล์ ฉันคิดว่า..." (ท่านผู้อ่านควรจะทราบไว้ด้วยว่าอลิซเรียนเรื่องเช่นนี้มามากมายที่โรงเรียน และแม้ว่าขณะนี้จะไม่ใช่เวลาเหมาะนักสำหรับการแสดงภูมิของเธอ โดยที่ไม่มีใครฟังอยู่เลย แต่ก็เป็นการฝึกฝนที่ดี) "ถูก ระยะทางประมาณนั้นแหละ แต่นี่ฉันชักสงสัยว่ามาถึงเส้นรุ้งเส้นแวงเท่าไรแกันแล้วนะ" (อลิซไม่รู้ว่าเส้นรุ้งเส้นแวงคืออะไร แต่รู้สึกว่าเป็นคำที่โก้น่าพูดดี)


เธอเริ่มพูดอีก  "น่ากลัวจะตกทะลุโลกเลยก็ไม่รู้! คงแปลกนะถ้าฉันออกไปพบคนที่เดินเอาหัวลง! พวก "หัวขัดแย้ง" ...ฉันคิด... (ตอนนี้เธอรู้สึกดีใจที่ไม่มีใครฟังอยู่ เพราะคำนั้นฟังขัดหูชอบกล) แต่ฉันจะต้องถามชื่อประเทศนั้นว่าชื่ออะไร... "ขอโทษค่ะ คุณคะ ที่นี่นิวซีแลนด์หรือออสเตรเลียคะ" (ขณะพูดเธอทำท่าทางถอนสายบัวไปด้วย...ออกท่าทางถอนสายบัวขณะตกอยู่...ท่านผู้อ่านคิดว่าท่านเองจะทำได้ไหม?) "และเขาคงคิดว่าฉันเซ่อชะมัด! ไม่เอาละ ฉันจะไม่ถามใคร คงจะพอมีชื่อประเทศเขียนไว้ที่ไหนบ้างเป็นแน่"


ตกลงไป ลงไป ลงไปเรื่อยๆ ในเมื่อไม่มีอะไรจะทำ อลิซก็เริ่มพูดอีก "น่ากลัวดินาจะเหงาแย่คืนนี้!" (ดินาเป็นแมว) "ขอให้ที่บ้านอย่าลืมเอานมให้ดินากินด้วยตอนค่ำ ดินาเอ๋ย ฉันอยากให้เจ้ามาด้วยจริงๆ ในอากาศนี่คงไม่มีหนูหรอก แต่เจ้าอาจจับค้างคาวได้บ้าง ค้างคาวเหมือนหนูจริงๆ นะดินา แต่แมวกินค้างคาวหรือเปล่านะ" ถึงตอนนี้อลิซชักง่วงนอน และพึมพำกับตัวเองอย่างละเมอๆ ว่า "แมวกินค้างคาวไหม แมวกินค้างคาวไหม" และบางทีก็ "ค้างคาวกินแมวไหม" เธอตอบไม่ได้ทั้งสองคำถาม ดังนั้นเธอจะพูดอย่างไรก็ไม่เห็นแปลก แล้วเธอก็ม่อยหลับไปนิดหนึ่ง และฝันว่าเดินจูงดินาอยู่ และกำลังพูดกับดินาอย่างเอาจริงเอาจังว่า "นี่ดินา ขอถามจริงๆเถอะ เจ้าเคยกินค้างคาวไหม" ก็พอดีรู้สึกว่าตัวหล่นตุ๊บลงบนกองใบไม้แห้ง





อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ คือเรื่องราวของเทพนิยายในความฝันที่สัตว์นานาชนิดมีความนึกคิดไม่ผิดกับคน ในความรู้สึกของเด็กๆ นี่คือ...เรื่องราวสนุกสนานชวนตื่นเต้น เต็มไปด้วยจินตนาการ ในความคิดเห็นของผู้ใหญ่ คือเรื่องที่เขียนขึ้นอย่างง่ายๆ น่าอ่านเข้าถึงจิตใจของเด็กๆ ได้ดี  ในสายตานักวิจารณ์เป็นเรื่องที่ล้อเลียนการศึกษา การเมือง และชีวิตชาวอังกฤษสมัยพระราชินีวิกตอเรีย และในความเป็นเทพนิยายคลาสสิก อลิซคือเทพธิดาน้อยๆ ในแดนมหัศจรรย์ที่ทำให้นักคณิตศาสตร์คนหนึ่งกลายมาเป็นนักประพันธ์เอกของโลก...ไปในที่สุด


อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่งของโลกแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะจัดอยู่ในประเภทนิยายสำหรับเด็ก แต่ภายใต้เหตุการณ์อันน่าตื่นใจที่ผู้แต่งประพันธ์ไว้ได้แฝงแง่มุมที่เป็นแนวคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกและชีวิตไว้มากมาย  นักวิชาการที่เขียนบทความหรือตำราทางปรัชญา และวิทยาศาสตร์จึงมักอ้างอิงข้อความจากหนังสือนี้บ่อยครั้ง หนังสือเล่มนี้จึงนับเป็นหนังสือประเทืองปัญญาที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกยุคสมัย






สำหรับเอนทรี่นี้เพื่อนๆไม่ต้องโหวตนะคะ แค่เข้ามาอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ




Create Date : 26 กันยายน 2559
Last Update : 3 ตุลาคม 2559 19:55:25 น. 0 comments
Counter : 37748 Pageviews.

เรียวรุ้ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




...ดอกไม้แห่งมิตรภาพ...
ไม่เคยเลือก
ชั้นหรือวรรณะในการก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์
ไม่เคยเลือก
น้ำใจในการรินรดให้ต้นกล้าเติบโต
ไม่เคยเลือก
สถานที่ในการเบ่งบาน งอกงาม

“กาลเวลา”
จะเป็นผู้พิสูจน์ว่า
“ดอกไม้แห่งมิตรภาพ”
จะเจริญงดงามนานเพียงใด

“ความจริงใจ”
จะเป็นผู้หล่อเลี้ยงให้
“ดอกไม้แห่งมิตรภาพ”
ไม่มีวันโรยรา แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านเลย








...ขอบคุณ ณ ที่นี้...
BG จากคุณดอกหญ้าเมืองเลย
กล่อง Comment จากป้าเก๋า(ชมพร)
ของแต่งBlog น่ารักๆจากป้าเก๋า(ชมพร)
emotionหมีจากคุณ On-rainy-days



Group Blog
 
 
กันยายน 2559
 
26 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เรียวรุ้ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.