ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ปิดฉากจอมโจรคงกะพัน “เสือมเหศวร” กับตำนานเสือไทย

ตำนานเสือไทย นั้นมีมาช้านาน และนับว่ามีประวัติที่น่าสนใจ วันนี้ได้ ปิดฉากตำนาน เสือไทย  ไปอีกราย สำหรับ เสือมเหศวร  สิ้นชีวิตด้วยอายุ 101 ปี 

วันนี้เพื่อเป็นการย้อนความรับ จึงเอา ตำนานเสือไทย มาเล่าขานกัน ที่แต่ละคนน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น เสือดำ เสือใบ เสือมเหศวร เสือฝ้าย หรือ ตี๋ใหญ่ แต่จุดสุดท้าย ก็กลายเป็นบทเรียน สำหรับ จุดเริ่มและจบของคนที่คิดจะเป็น ” เสือ ”

เสือดำ จอมโจร ผู้ช่วยคนจน

สำหรับชีวิตจริงของเสือดำ ผู้เป็นจอมโจรชื่อดังในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ร่วมสมัยกับ เสือใบ, เสือฝ้าย และ เสือมเหศวร มีชื่อจริงว่า ระพิน ได้ชื่อว่าเสือดำ จากการสวมชุดดำเวลาออกปล้น และใช้ปืนคู่ แต่เมื่อเวลาออกปล้นจะต้องประกาศให้เจ้าทรัพย์รู้ก่อนล่วงหน้าเป็นสัปดาห์และปล้นด้วยความสุภาพ นิยมปล้นแต่คนรวยให้คนยากจน จนได้รับฉายาว่า สุภาพบุรุษเสือดำ เช่นเดียวกับ เสือใบ

หลวงพ่อทวีศักดิ์ ,เสือดำ

หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร หรืออดีต เสือดำ

“หลวง พ่อทวีศักดิ์” หรืออดีต “เสือดำ” เล่าถึง “ทางโจร” ที่ทำให้พบ “เสือมเหศวร” และ “เสือใบ” ว่า ช่วงนั้นก็ออกปล้นเรื่อยมา จนมาพบกับ “เสือมเหศวร” และ “เสือใบ” ซึ่ง “หัวอกเดียวกัน” เพราะทั้งสองถูกโจรปล้นบ้านและต้องการแก้แค้น จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร ขณะนั้น “สมุน” ยังไม่มี จึงแยกทางกันไป “สร้างชื่อ” เพื่อหาลูกน้อง จนมีลูกน้องติดตาม 50-60 คน จึงตั้งเป็น “ซุ้มเสือดำ”!!!

เสือดำ ถูกปราบได้ด้วย ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจมือปราบชื่อดัง โดยขุนพันธ์ฯ ให้โอกาสเสือดำกลับตัว เสือดำจึงไปบวชกับ พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้น และบวชมาจนบัดนี้

“กฏเหล็ก สำคัญที่สุดของซุ้มเสือดำ คือ ห้ามข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าทรัพย์ นอกจากเจ้าทรัพย์จะฮึดสู้ทำร้ายเราก่อน นอกจากนั้นสมุนทุกคนต้องอยู่ในศีลธรรม ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสาวในหมู่บ้าน ห้ามปล้นโรงสีข้าวเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราไม่มีข้าวกิน ห้ามปล้นตลาดสดเพราะเป็นจุดรวมของเด็ก คนแก่ และคนทั่วไป ถ้าพบลูกน้องคนใดทำผิดกฎจะฆ่าทิ้งทันที เพราะถือว่าผิดสัจจะของกลุ่มโจร ส่วนทรัพย์สินที่ปล้นมาจะแบ่งเป็น 5 ส่วน คือ 1.ค่าอาหาร 2.ค่ากระสุนปืน 3.แบ่งไว้ช่วยเหลือคนจน 4.ช่วยเหลือโรงเรียน และ 5.ช่วยเหลือวัด…..

…..พื้นที่ ปล้นอยู่ใน 3 จังหวัด คือ อุทัยธานี สุพรรณบุรี และชัยนาท โดยจะแบ่งโซนกันระหว่าง เสือใบ และเสือมเหศวร ช่วงว่างจากการปล้นจะพาลูกน้องเข้าป่าตัดต้นไม้ไปสร้างบ้านให้คนจนฟรี เพื่อตอบแทนคุณ พร้อมทั้งมอบวัวที่เราปล้นมาให้อีกครอบครัวละ 1 คู่” อดีต “เสือดำ” เล่าถึงเส้นทางสายโจรที่รุ่งโรจน์ของเขา ซึ่งพฤติกรรมดูคล้าย “โรบินฮู๊ดส์”

จนกระทั่งการมาถึงของ “ขุนพันธ์” เส้นทางสายโจรของพวกเขาก็เริ่มตีบตัน…..อดีต “เสือดำ” เล่าถึงชีวิตในช่วงต่อมา ว่า ช่วงปี 2495-2499 ทางการเริ่มปราบปรามกลุ่มโจรอย่างหนัก เรา 3 เสือ คือ “เสือดำ-เสือใบ-เสือมเหศวร” เป็นที่ต้องการตัวของทางการมาก มี “ค่าหัว” คนละหลายหมื่นบาท การปล้นเริ่มมีอุปสรรค บางครั้งถึงขั้นต้อง “ดวลปืน” กับตำรวจ แต่เราก็อยู่รอดปลอดภัยมาตลอดเพราะมีวิชา “อาคม” ที่เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ จนมาวันหนึ่งเรามีโอกาสได้ดวลปืนกับ “ขุนพันธ์” ที่ยกกำลังมาดักจับที่ จ.ชัยนาท และวันนั้นก็ทำให้เรา “กลับใจ”

“ครั้ง นั้นต่างคนต่างมีวิชาอาคมทั้งคู่ ทำอะไรกันไม่ได้และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาขุนพันธ ก็นำกำลังออกไล่ล่าดวลปืนกันอีกหลายครั้ง จนสุดท้ายขุนพันธ์ ได้นัดคุยกันอย่างลูกผู้ชายกับเราว่าต่างคนต่างมีอาคม คงทำอะไรกันไม่ได้ จึงขอให้เราเลิกเป็นโจร หยุดปล้น ถ้าหยุดตำรวจจะยกเลิกการจับกุมทุกหมายจับ แต่ต้องกลับตัวเป็นคนดีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรากลับมานอนคิดอยู่ 3 วัน เราปล้นมา 20 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงตัดสินใจหยุดเป็นโจร

“เสือร้าย” นามกระเดื่องที่ชื่อ “เสือใบ”

เสือใบ” เล่าถึงอดีต ว่า ก่อนเป็น “โจร” ก็เป็นชาวนา บ้านอยู่ จ.สุพรรณบุรี พอช่วงปี 2487 ตอนนั้นอายุประมาณ 30 ปี ที่บ้านถูกโจรวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามาขโมยควาย ตอนนั้นไม่คิด “แค้น” อะไรเพราะไม่มีการเสียเลือดเนื้อ แต่อีก 5 เดือนต่อมา โจรกลุ่มเดิมได้ย้อนกลับมาปล้นที่บ้านอีกครั้ง คราวนี้ “ฉุดน้องเมีย” ไปด้วย จึงแค้นมากคว้าปืนลูกซองออกตามล่าโจรและตามน้องเมียกลับคืนมา สุดท้ายฆ่าโจรตายไป 2 ศพ ถูกตำรวจตามจับ

เสือใบ

เสือใบ

จึงหนีออกจากบ้านเข้าสู่ “เส้นทางสายโจร” มาอาศัยในป่าแถบ จ.อ่างทอง เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของตำรวจ เมื่อไม่มีเงินซื้อข้าวก็ออกปล้น จนมีชื่อเสียงใน “วงการโจร” มีลูกน้องเพิ่มขึ้นถึง 40 คน หลังจากนั้นก็เข้าไปอยู่ในสังกัด “ซุ้มเสือดำ” เป็น 1 ใน 4 เสือที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด

พื้นที่ปล้นจะอยู่ในเขต จ.อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท ส่วนสุพรรณบุรีจะไม่ปล้นเพราะเป็นเขตอิทธิพลของเสือดำ ถือเป็นเขตเดียวกันจะไม่เข้าไปรบกวน โดยเลือกปล้นเฉพาะ “คนรวยหน้าเลือด” ได้เงินมาจากการ “โกง” คนจน คนรวยที่มีคุณธรรมช่วยเหลือชาวบ้านเราจะไม่ปล้น และการปล้นแต่ละครั้งจะไม่เอาทรัพย์สินหมด เอาครึ่งเดียว ใช้วิธีปล้นแบบขอเจ้าทรัพย์ สิ่งไหนเจ้าทรัพย์ไม่ให้ก็ไม่เอาและห้ามทำร้ายเจ้าทรัพย์เด็ดขาด ยกเว้นจะขัดขืนต่อสู้ เมื่อปล้นมาได้จะนำทรัพย์สินบางส่วนไปให้คนจน ปัจจุบัน เสือใบยังคงมีชีวิตอยู่ สุขภาพยังคงแข็งแรงแม้อายุจะล่วงเข้าวัย 80 กว่าแล้ว

เสือมเหศวร  จอมโจรผู้คงกระพัน

เสือมเหศวร มีชื่อจริงว่า ศวร เภรีวงษ์ เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นจอมโจรชื่อดังในแถบภาคกลางหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สองร่วมสมัยกับ เสือดำ, เสือฝ้าย และเสือใบ โดยเสือมเหศวรแต่เดิมเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ถูกอำนาจรัฐรังแกและถูกใส่ความว่าฆ่าพ่อตัวเอง จึงจับปืนขึ้นต่อสู้และกลายมาเป็นจอมโจรชื่อดังในที่สุด โดยได้ชื่อว่า “มเหศวร” จากการแขวนพระเครื่องมเหศวรไว้ที่คอ ซึ่งได้ชื่อว่าช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย  เคยโดนตำรวจยิงที่ลำตัวและศีรษะหลายนัดแต่ไม่เข้า คงกระพันชาตรี

03

เสือมเหศวร ถูกปราบโดยขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งขุนพันธ์ ฯ เป็นผู้เกลี้ยกล่อมให้เสือมเหศวรมอบตัว หลังจากได้รับโทษในเรือนจำแล้ว เสือมเหศวรก็ได้บวชเป็นพระและบวชเป็นพราหมณ์มา จนถึงปัจจุบัน แม้มีอายุกว่า 90 แล้ว แต่เสือมเหศวรก็ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่ และเป็นที่เล่าลือว่าเป็นบุคคลจอมขมังเวทย์ มีชาวบ้านและผู้ที่เชื่อถือแวะเวียยนมาพบปะพูดคุยเสมอ ๆ โดยล่าสุด เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 เป็นผู้ทำพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพรุ่นเซ็นเสือมเหศวรของวัดแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ด้วย

เสือฝ้าย ตำนานแห่งชุมโจร

เสือฝ้าย มีชื่อจริงว่า ฝ้าย เพ็ชนะ เป็นชาว อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นจอมโจรชื่อดังในแถบภาคกลางหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ร่วมสมัยกับ เสือดำ เสือใบเสือหวัด และเสือมเหศวร ได้รับสมญาว่า “พ่อเสือ” บ้าง “จอมพลเสือฝ้าย” บ้าง “ครูฝ้าย” บ้าง

วิธีการปล้นของฝ้าย เจตจำนงนั้นผิดกับโจรทั่วไป กล่าวคือ เสือฝ้าย กับพรรคพวกมิได้ชิงทรัพย์เพื่อยังชีพ โดยประทังให้ปัจจัยสี่ไม่ขาดแคลน เสือฝ้าย จงใจเล่นงานบรรดาเศรษฐี ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นนั้นๆ โดยเฉพาะพวกแปดเปื้อนมลทิน กลิ่นคาวฉาวโฉ่ ประเภทฉ้อโกง ขูดรีด และอาศัยอำนาจในการทำให้ตัวเองร่ำรวย นี่คือเป้าหมายของ เสือฝ้าย ด้วยเหตุนี้ คนยากหรือผู้ขัดสนทรัพย์สินศฤงคาร

เสือฝ้าย

เสือฝ้าย

จึงรอดพ้นเงื้อมมือเสือฝ้าย หนำซ้ำ ยังจะได้ ‘ทรัพย์’ อันเป็นผลพลอยได้อีกต่างหาก การกระทำของ เสือฝ้าย เช่นนี้เอง ชาวบ้านถิ่นสุพรรณต่างพร้อมใจเป็นปราการด่านแรก เพื่อป้องกันเสือฝ้าย อาทิ การบิดเบือนข้อมูลหรือให้การเท็จกับตำรวจ ให้ข้อมูลเสือฝ้ายเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทางการ สำหรับชาวบ้านเสือฝ้าย เปรียบเหมือนเป็นญาติในครอบครัวเดียวกัน

กลุ่มเสือฝ้ายเป็นชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โจรเมืองไทย เพราะมีสมุนโจรรวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ถึง 200 คน เทียบกับชุมโจรอื่นในยุคนั้นจะมีโจรเพียง 10 กว่าคนเท่านั้น

ภายหลังในปี พ.ศ. 2489 เสือฝ้ายได้ช่วยเหลือทางการในการปราบปรามชุมโจรอื่นๆ และเข้ามอบตัวในที่สุด แต่แล้วในระหว่างทางที่เสือฝ้ายถูกควบคุมตัวไปกรุงเทพฯ จะเกิดเหตุอะไรขึ้นไม่ทราบ เสือฝ้ายได้ถูกนายร้อยตำรวจเอกที่ควบคุมตัวกระทำวิสามัญฆาตกรรมที่วัดโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง

ตี๋ใหญ่ โจรในตำนาน คนสุดท้าย

ตี๋ใหญ่ มีชื่อจริงว่า กรประเสริฐ ช่างเขียน เป็นชาว อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เมื่อยังเด็ก ตี๋ใหญ่มักถูกเพื่อนๆ วัยเดียวกันกลั่นแกล้งรังแกอยู่เสมอๆ จึงทำให้เป็นคนกล้าสู้คนขึ้นมา

โดย สภาพแวดล้อมแถวบ้านเป็นเรือสวนไร่นา ตี๋ใหญ่จึงมักจะตัดก้านบัวเป็นหลอดอมเข้าปากเพื่อหาย ใจในน้ำเสมอๆ ซึ่งต่อมา นี่เป็นวิธีที่ตี๋ใหญ่ใช้ในการหลบหนีตำรวจวิธีหนึ่ง

ตี๋ใหญ่

ตี๋ใหญ่

ตี๋ ใหญ่ โด่งดังจากการเป็นโจรปล้นฆ่าชื่อเสียงโด่งดัง ในราวก่อนปี พ.ศ. 2520 โดยจะปล้นฆ่าไปทั่วแถบบริเวณ จ.ราชบุรีและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และบางส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร

มีเสียงเล่าลือกันว่า ตี๋ใหญ่ เป็นโจรใจเด็ด เคยหนีตำรวจโดยกระโดดลงจากรถไฟมาแล้ว และสลัดกุญแจมือด้วยการซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานให้รถไฟทั บให้ขาด นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากัน ตี๋ใหญ่ เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้ จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการอยู่เสมอๆ

ตี๋ใหญ่ ยังเป็นโจรเจ้าชู้ กล่าวกันว่ามีภรรยาหลายคน เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ตี๋ใหญ่มักจะอยู่ไม่เป็นที่ ต้องคอยหลบหนีตลอด โดยเวลานอนจะจุดธูปหนีบไว้ที่นิ้วเท้าเมื่อธูปหมดดอก ก็จะย้ายไปที่อื่น ตี๋ใหญ่มีเอกลักษณ์ประจำตัวคือ มักจะแต่งกายด้วยเสื้อเชิร์ตลายสก๊อต กางเกงยีนส์สีดำ สวมแว่นตาดำ และรองเท้าผ้าใบ

ในบางครั้งตี๋ใหญ่ก็ปล้นแต่เฉพาะคนรวย และใครเคยช่วยเหลือก็ไม่เคยลืมบุญคุณและจะนำทรัพย์สิ นที่ปล้นได้มาแบ่งให้ โดยวางทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน

ตี๋ใหญ่ได้เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2524 โดยตำรวจโดยการนำของ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ (ยศในปัจจุบัน – อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล) เล่ากันว่าที่ตี๋ใหญ่เสียชีวิตนั้น เพราะกำลังหลบหนี ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันได้ให้น้องลูกขับรถกระบะไปรับเพื่อไปหาพระเกจิอาจารย์รูป คือ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ที่ จ.สมุทรสาครเพื่อไปขอพระจากหลวงปู่สุดเพราะของเดิมผู้ที่รู้บางท่านบอกว่าถูกเพื่อนขโมยไป ทั้งตะกรุดและพระ แต่ไม่พบ ขณะที่เดินทางกลับ ได้ถูกเพื่อนร่วมเดินทางหักหลังยิงตี๋ใหญ่จนตาย แล้วรีบออกจากรถ หลังจากตำรวจมาถึงรถที่ตี๋ใหญ่ตายอยู่ในรถก็ได้ระดม ยิงถล่มรถอีกครั้งโดยไม่รู้ว่าตี๋ใหญ่ได้ตายอยู่ในรถก ่อนหน้านี้แล้ว

ภาย หลังจากการเสียชีวิตแล้ว ยังมีเสียงเล่าลือกันว่า ตี๋ใหญ่แท้จริงยังไม่ตาย บ้างก็ลือกันว่าตี๋ใหญ่ได้หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา บ้างก็เชื่อว่าที่ตี๋ใหญ่เสียท่าแก่ตำรวจ เพราะได้หลบไปซ่อนอยู่ใต้ผ้าถุง อาคมในตัวจึงเสื่อม เป็นต้น เรื่องราวของตี๋ใหญ่ยังถูกเล่าขานต่อๆ กันมา

ขอบคุณข้อมูลจาก

วิกิพีเดีย

https://sites.google.com/site/sitescsw63no02/kheruxngrang-khxngcor-khmang-wech-y
//www.fitnetworkonline.com




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 7:20:49 น. 0 comments
Counter : 1524 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]