Aana Resort and Spa,Kohchang
สบายๆ ที่ Aana Resort & Spa @ Koh Chang

Trip 3 วัน 2 คืน ที่เกาะช้าง วันที่ 6-8 กรกฎาคม 2555


Trip นี้โดดเรียนวิชาอาจารย์แม่ วิชา (dietetics) ที่ว่าใครโดดเรียนอาจจะมีเรื่องแต่ก็ช่างกล้าtrip นี้ดอง 2 ปีเต็มๆประกอบกับช่วงนี้ 55+ รอเรียนต่อและตกงาน ว่างๆ เลยไปค้น tripเก่าๆ มานั่งแชร์ประสบการณ์บ้างดีกว่า trip เกาะช้างเลยเป็นtrip แรกที่นำมาเล่าประสบการณ์ วันแรกการเดินทางครั้งนี้เดินทางโดยรถตู้ ตอนแรกคิดว่าเป็นรถทัวร์คันเล็กๆของบริษัทสุวรรณภูมิบูรพา จำกัด ขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิชั้นล่างสุด จะมี counterของบริษัทค่อยเช็คผู้โดยสารจากนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะมีพนักงานมาเรียกไปขึ้นรถตู้ รอบรถตู้ประมาณ 07.30 หรือ 08.00 ก็ไม่แน่ใจเพราะนานตั้ง 2 ปี ค่ารถตู้ถ้าซื้อแบบไป-กลับ เมื่อ 2 ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิด800 บาท จากสุวรรณภูมิ ถึง โรงแรมที่เกาะช้างก่อนขึ้นรถพนักงานก็จะถามว่าไปลงที่โรงแรมไหนแต่ก่อนออกเดินทางก็ต้องหาเสบียงตุนใส่ท้อง เดินไปที่ชั้น 3 ไปที่ร้านthe miracle food village ปกติร้านนี้คนหลายๆคนก็อาจจะมองข้ามไปทานตามแบรนด์อื่นๆแต่ด้วยความที่เบื่ออยู่กรุงเทพก็เจอ เลยลองแวะที่นี้เพราะป๊าบอกว่าอร่อยเวลามาส่งลูกๆ ทุกคนไปต่างประเทศ ป๊าจะชอบแอบมาทานโดยไม่บอกใคร55+ ก็มีหลากหลายเมนูมีบริการอุ่นด้วยไมโครเวฟในร้านนี้ก็มีอาหารสะดวก เร่งด่วน รวดเร็วที่จะทานแบบกลัวตกเครื่องได้เลยนอกจากอาหารสะดวกซื้อแล้วก็มีน้ำต่างๆ แซนด์วิชต่างๆ ของที่สำรองท้องได้มีที่นั่งค่อนข้างน้อยแต่ก็เหมาะสมกับพื้นที่ของสุวรรณภูมิ วันนี้ก็เลือกเมนูง่ายๆ2 เมนู



เมนู กระเพราหมูไข่ดาว และ คั่วกลิ้งหมูไข่ดาว

รูปตั๋วเพิ่งไปขุดเจอ

รสชาติอาหารอร่อยใช้ได้ แต่ถ้าทานช่วงเช้ารสชาติอาหารจะอร่อยแต่ถ้าทานช่วงบ่ายอาหารที่ทำมาถ้าขายช้าก็อาจจะเซ็งไปถึงช่วงบ่าย เพราะตอนกลับลองทานอีกรอบรสชาติต่างจากช่วงเช้า จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถตู้ สภาพรถตู้ที่ขึ้นก็ค่อนข้างใหม่ คนขับรถก็อัธยาศัยดี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ ระหว่างทางมีจอดรถที่จุดพักรถประมาณ 15-30 นาทีให้ได้เข้าห้องน้ำ ทานข้าว ห้องน้ำที่จุดพักรถก็ค่อนข้างสะอาดไม่ใช่ปั้ม แต่เป็นร้านอาหารสำหรับพักรถ


สภาพบริเวณท่าเรือ

ตารางเดินเรือข้ามฟาก

ระหว่างที่เรามาถึงท่าเรือก็กลับพบว่าเรือออกไปแล้ว ต้องรอรอบต่อไปคนขับรถตู้ก็บอกว่าพักผ่อนตามสบาย บริเวณท่าเรือนี้ก็จะมีร้านขายของ ขายอาหารตามสั่ง ขายตั๋วรถตู้กรุงเทพ รสชาติอาหารร้านแถวท่าเรือก็พอทานได้ ไม่น่าเกลียดแต่ก็ไม่ได้ดูดี ราคาอาหารก็อาจแพงกว่ากรุงเทพไม่เกิน 5 บาท อาจจะเป็นเพราะค่าขนส่งไกล จากนั้นเมื่อถึงเวลาเรือออก คนขับรถตู้ก็เรียกขึ้นรถตู้ขับรถขึ้นไปบนเรือเป็นคันแรก จากนั้นคนขับก็บอกว่าให้ขึ้นไปนั่งชมวิวด้านบนได้ บนเรือข้ามฟากมีห้องน้ำแต่ห้องน้ำของเรือนี้ต้องใช้ความสามารถพิเศษในการเข้าห้องน้ำ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าจะดีกว่า







น้ำทะเลช่วงหน้าฝน และวิวก่อนถึงท่าเรือที่เกาะช้าง



ภาพวิวจากในเรือ สภาพที่นั่งภายในเรือตอนฝนตก

จากนั้นพอถึงฝั่งรถตู้ก็จะพาไปตามโรงแรมที่เราระบุไว้ตอนขึ้น จากท่าเรือไปที่ Aana resort & spa ก็ไม่ไกลมาก ทางค่อนข้างชัด คิดว่าถ้าขับรถมาเองหน้าฝนก็อาจจะหวั่นๆ ที่บนเกาะช้างจะมีสถานีคล้ายๆที่ขึ้นรถของบริษัทนี้บนฝั่งเลย ถ้าต้องการให้ทางรถไปรับที่โรงแรมก็เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตอนที่ไปจาก Anna ทางรถคิด 100 บาท ซึ่งตอนแรกว่าจะให้ไปรับที่โรงแรม แต่พอดีว่าลืมไปยังไม่ได้ทานอาหารเช้าก็เลยออกมาโบกรถแล้วไปลงแถวๆ หาดทรายขาวเพื่อหาของรับประทาน ราคาค่ารถที่เรียกจากทางรีสอร์ทไปเองก็เท่าๆกัน กับให้รถตู้มารับที่โรงแรม ไม่ได้บวกเพิ่มพิเศษอย่างไร
ตลอด 3 วัน 2 คืนไม่ได้ออกไปไหนจากโรงแรม เนื่องจากฝนตกตลอด ที่สำคัญทริปนี้เหมือนมาพักผ่อนไม่ได้เร่งรีบที่จะไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นก็จะมีแค่รีวิวในโรงแรมบ้างส่วน เนื่องจากฝนตกตลอดเสี่ยงต่อการเป็นหวัดแต่คิดว่าอาจจะมีอะไรบ้างอย่างที่ใครผ่านไปผ่านมาอาจจะอยากทราบ
วันแรกพอมาถึงที่โรงแรมตอนที่จะ check in ปรากฏว่าพนักงานต้อนรับไม่ค่อยถูกใจเท่าไร ไม่ค่อยยิ้มแย้มต้อนรับแขก แล้วห้องที่ทางเราจองมาครั้งนี้ Anna Top view villa ซึ่งเป็นห้องที่ราคาสูงที่สุด และได้ส่ง e-mail มาทางโรงแรมว่าขอห้องเบอร์ 704 ซึ่งติดริมคลองวิวสวย ไม่ใกล้ห้องพักประเภท deluxe ที่เป็นตึก แต่ปรากฏว่าพนักงานต้อนรับบอกว่าเหลือแต่ห้องชั้น 2 ค่ะ ห้องชั้นบนมีคนจองไว้หมดแล้ว ซึ่งทางเราก็ยืนยันส่งจดหมายที่ทางโรงแรมตอบรับว่าได้ทำการจองห้องไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ส่ง e-mail มาแจ้งก่อนก็จะไม่อารมณ์เสียอะไร ยิ่งกว่านั้นเมื่อพักผ่านไป 2 คืนก็พบว่าห้อง 704 ไม่มีคนอยู่ ไม่มีการเปิด ก็เลยงง ว่าไหนทางโรงแรมบอกว่าห้องไม่ว่าง เพราะแทบจะอยู่ห้องตลอดเวลาไม่ได้ออกนอกโรงแรมก็เลยเห็นตลอด พอ Check in เสร็จก็มีพนักงานเดินนำมาส่งที่ห้องเบอร์ 706 ซึ่งติดอยู่กับห้องพักแบบ deluxe อันนี้เป็นข้อเสียมาก ไม่มีความเป็นส่วนตัว ห้องพักแบบ deluxe ส่องเข้ามาดูได้เวลาเล่นน้ำในอ่างหน้าห้อง 



ภาพบริเวณเตียงนอน ความนุ่มของเตียงก็พอได้ หมอนก็ใช้ได้นะ ดูดวิญญาณคนไปด้วยอีกคนหลับไม่ยอมตื่น ปลายเตียงจะมีเก้าให้ให้สำหรับนั่งดูทีวีได้ มีโต๊ะที่ว่าสามารถวางอาหารเวลาสั่งมาทานในห้องได้ ประตูที่เห็นคือประตูที่จะเปิดออกไปตรงระเบียงด้านนอก ความสะอาดของห้องจากการสังเกตก็พอใช้ได้ แต่คนทำความสะอาดอาจจะไม่ได้ดูแลทั่วถึงบริเวณหลังเตียงตรงผ้าม่านมีไข่จิ้งจก ถ้าคนไม่สำรวจก็อาจจะไม่เห็น แต่ก็ไม่น่ากลัวอะไรเพียงแต่โรงแรมราคาขนาดนี้น่าจะดูแลให้ทั่วถึง 


ภาพอ่างจากุซซี่ที่แรงดันน้ำเปิดข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งอาจจะเสีย กระจกที่เปิดได้ตรงข้างหลังอ่างเราสามารถเดินเข้าห้องน้ำได้แต่อาจจะต้องระวังลื่น เล่นน้ำเสร็จเดินเข้าห้องอาบน้ำได้เลย 



ภาพภายในอ่างจากุซซี่มีที่สำหรับผู้ใหญ่นั่งได้ แต่ถ้ามีเด็กมาควรต้องระวังอาจจมน้ำได้



ภายในห้องน้ำก็มีค่อนข้างครบตามมาตรฐานโรงแรมส่วนใหญ่ที่พึงมีให้ 



ที่เห็นในรูปเป็นประตูห้องน้ำก่อนถึงห้องน้ำจริงๆ จะมีตู้เสื้อผ้าสำหรับใส่เสื้อผ้า มีกระเป๋า ร่ม สามารถใช้ได้ มีตู้เซฟสำหรับเก็บของมีค่าได้ ประตูห้องน้ำเปิดแบบใช้ไม้ขัดแบบโบราณ ตอนที่ไปก็ใช้งานไม่ค่อยสะดวกต้องออกแรงอย่างมาก แต่ถ้าไปกับคนรู้ใจก็ไม่มีปัญหา



ส่วนภาพนี้เป็นวิวที่ถ่ายออกจากห้องน้ำผ่านกระจกที่สามารถเดินลงอ่างได้เลย บริเวณส่วนเปียกของห้องน้ำจะมีราวสำหรับแขวนผ้าเช็ดตัว ซึ่งบ้างคนอาจจะกลัวว่าแล้วผ้าเช็ดตัวไม่เปียกหรอเวลาอาบน้ำ ตอบได้เลยว่าไม่เปียกเนื่องจาก น้ำที่ไหลออกจากฝักบัวค่อนข้างช้า บ้างทีถ้าเป็นช่วงเวลาคนใช้น้ำเยอะๆ น้ำก็อาจจะหยุดไหลเป็นพักๆ อาบน้ำอยู่น้ำหยุดไหลใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน เพราะน้ำไม่ไหล แต่ถ้าในช่วงเวลาที่คนไม่ค่อยใช้ก็ไหลปกติแต่ไหลเบา 


อันนี้ก็เป็นบริเวณอ่างล้างหน้า จะมีอุปกรณ์ให้ครบ ขวดน้ำเปล่าที่เห็นนั้นคือน้ำที่เอามาไว้ใช้ล้างหน้าเวลาน้ำไม่ไหล มีไดร์ทเป่าผมให้แต่ตอนใช้ก็อาจต้องระวังไฟดูด เพราะพื้นระหว่างส่วนแห้งและส่วนเปียกต่างกันไม่มาก ทำให้น้ำกระเด็นออกมาได้แม้จะปิดผ้าม่านกัน


เป็นกระจกสำหรับแต่งหน้า ทำงานในห้องนอนมีโทรศัพท์ ตกแต่งตามสไตล์คอนเซ็บโรงแรม


อันนี้เป็นอีกส่วนของห้องที่ติดกับเตียงนอน เนื่องจากห้องประเภทนี้มีลักษณะเป็นวงกลม ส่วนตู้ข้างล่างนั้นจะมีตู้เย็นซ่อนอยู่






วิวที่ถ่ายได้จากห้องพักบริเวณระเบียง


บริเวณระเบียงนอกห้องมี day bed แต่ว่าไม่มีแสงแดดมีแต่สายฝน ที่เห็นโดมๆ สูงนั้นคือ hill bar club ที่ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ที่พักแบบ Top view villa และ villa ได้ขึ้นไปทานของว่าง น้ำผลไม้ ค๊อกเทลต่างๆ ประมาณ 15.00-17.00 น.



ภาพนี้คือวิวด้านหลังห้องพักที่ถ่ายจากบนห้อง




ทางเดินขึ้นห้องพักห้องพักแบบ Top view จะอยู่ชั้น 2 และ 3 ส่วนชั้นล่างสุดถ้าจำไม่ผิดเป็นห้องประเภท Grand deluxe


บริเวณหน้าห้อง







ภาพด้านบนเป็นภาพจาก hill bar ที่ถ่ายได้ จะเห็นว่า ห้อง top view จะมีเรียงกัน 3 โดมหรือ 3 ตึก บริเวณนี้จะมีสระว่ายน้ำอีก 1 สระ สระนี้จะค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับสระข้างล่าง ระดับความลึกของน้ำก็เล่น slope ลงไปค่อนข้างลึกถ้ามีเด็กควรระวังในการเล่นน้ำ บริเวณนี้จะมีบาร์ที่เปิดขายเครื่องดื่ม ของทานเล่น แต่ตอนที่ไปเหมือนอาจจะปิดเพราะฝนตกอาจไม่ทำให้มีแขกมา แต่ของว่างและน้ำดื่มบน hill bar club ก็มีปกติ



ทางเดินขึ้น hill bar club

ต่อมาจะเป็นในส่วนของ hill bar club ตอนแรกก็ไม่คิดว่าการไปเที่ยวจะมารีวิวหรืออะไร การถ่ายภาพเลยถ่ายไม่ครบตามที่เห็นรีวิว ณ ปัจจุบัน ตอนแรกๆที่เที่ยวเป็นประเภทเก็บเงินเอง หนีพ่อแม่เที่ยวพ่อแม่ไม่รู้ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เชิงหนีไปไหนก็บอกตลอดๆ 



นั่งมองห้องตัวเองจาก hill bar club 






ที่นั่งบริเวณนี้ก็ปล่อยกายปล่อยใจพักผ่อนความเครียดดูวิวได้สวยงาม ในภาพด้านบนคืออาหารว่าง และน้ำสับปะรด รสชาติอร่อยใช้ได้ แต่ที่ชอบที่สุดน้ำสับปะรดอร่อยๆ



ต่อไปจะเป็นวิวต่างๆ บริเวณรอบๆโรงแรม





วิวทางเดินหลังห้องพัก top view และวิวริมคลอง





ทางเดินไปส่วนต่างๆ กระท่อมข้างหลังจะเป็นบริเวณที่เดินไปสปา สปาของที่นี้จะอยู่บริเวณริมคลอง








ที่นี้จะมีบริการนั่งเรือไปดูหิ่งห้อย และพายเรือคายัคบริการในส่วนนี้ถ้าจำไม่ผิดไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เรือที่เห็นคือเรือที่ใช้เป็นเรือ dinner on boat แต่ว่าคนที่ไปด้วยบอกว่าหน้าฝนอย่าไปเลยอันตราย แล้วเป็นป่าโกงกางถ้ามืดหรือฝนตกเกิดอะไรขึ้นมาเราจะหนีอย่างไร ก็เลยอดเขาเป็นผู้ใหญ่เราเป็นเด็กก็ต้องเชื่อฟังตามธรรมเนียม แต่ถ้าใครจะใช้บริการก็มีอาหารเป็น set menu ให้เลือก
ต่อมาเป็นส่วนของร้านอาหารที่นี้ ร้านอาหารที่นี้ชื่อ cinnamon restaurant ร้านแม่อบเฉยนั้นเอง (ติดลูกทาสมากไป) ร้านอาหารนี้มีเชฟคนเก่งที่เคยไปแข่งรายการกระทะเหล็กของเมืองไทย รสชาติของอาหารใช้ได้ อร่อยในแบบที่ทานได้เรื่อยๆ รสไม่จืด แต่ก็ไม่เด็ดไปเหมือนอาหารทางใต้ คือคนไทยทานได้ ฝรั่งชอบ แต่อาหารบ้างอย่างก็มีรสชาติค่อนข้างเผ็ด แต่ร้านอาหารของโรงแรมนี้ใช้ได้ถูกใจไม่ผิดหวัง




ร้านอาหารที่นี้เป็นแบบ open air สัมผัสอากาศและยุงได้เต็มที่ แต่จำได้ว่าทางร้านเอายากันยุงมาจุดให้หรือทายาป้องกันยุงไม่แน่ใจเหมือนกัน





ภาพนี้เป็นบรรยากาศของร้าน เมนูอาหารมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับคนแก่อาจต้องพกแว่นมาเพื่อสะดวกในการอ่านเมนูอาหาร



ด้วยความหิวเมื่อทานไปแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ถ่ายรูปอาหาร ก็จัดซะตอนทานไปบ้างแล้วไปกัน 2 คนสั่งมาทั้งหมด 4 อย่าง ได้แก่ ผัดฉ่าทะเล รสชาติโอเคแต่เผ็ดไปสำหรับเด็ก , ปลาหมึกนึ่งมะนาว ปลาหมึกสด รสชาติถึงใจ , ทะเลเผา ชุด combination จัดมาตาม set ถ้าจำไม่ผิดจานนี้ประมาณ 700-800 , สุดท้ายทอดมันกุ้ง อันนี้ของโปรดเด็กน้อยไปไหนต้องสั่งถ้ามี แล้วข้าวสวยไม่เหม็นสาบเนื่องจากเราเป็นคนค่อนข้างเรื่องมากเรื่องข้าวถ้าเหม็นสาป แข็งไปก็ไม่ทาน แต่ที่นี้ผ่านใช้ข้าวอ่อนแต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด นี้คือเมนูที่ไปทานวันแรกที่ร้านอาหารเลย แต่วันที่ 2 เนื่องจากฝนตกแล้วเมื่อวานก็เจอยุงเยอะบวกกับเหนื่อย แฟนติดละครก็เลยทานในห้อง



ปลาราดซอสมะขาม กับต้มยำอะไรซักอย่างจานนี้ไม่ถูกใจเด็กแอบมีแต่ผัก แต่ปลาทอดราสซอสมะขามอร่อยจำไม่ได้ว่าปลาอะไร ทั้ง 2 วันทานข้าวในโรงแรมเนื่องจากกว่าจะตื่นก็เป็นตอนบ่าย อาหารเช้าของโรงแรมเลยไม่มีการรีวิว 55+  

และข้อเสียอีกอย่างของโรงแรมคือไม่ติดชายทะเล แต่ก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากมีสิ่งที่ชดเฉยที่ใช้ได้ โรงแรมนี้มีชายหาดส่วนตัว แต่ช่วงที่ไปน้ำทะเลไม่ใสที่สำคัญระวังแมงกระพรุนไฟไปเดินเล่นเหยียบน้ำทะเลแปบเดียว แมงกะพรุนมาหาเลยวิ่งหนีขึ้นแทบไม่ทัน 55+ ถ้าจะไปที่ชายหาดส่วนตัวก็เดินไปที่บริเวณร้านอาหารอบเฉยจะมีพนักงานบริการขับเรือรับส่ง หรือจะพายคายัคไปเองก็ได้แต่เนื่องจากคนข้างตัวสั่งห้ามก็อดไปตามระเบียบ แต่ที่นี้เขามีเสื้อชูชีพให้ไม่ต้องห่วง 




ที่ชายหาดส่วนตัวก็ day bed มีร้านขายเครื่องดื่มของทางรีสอร์ท มีสนามเล่นวอลเลย์บอลชายหาด แต่วันที่ไปฝนตกบวกกับมดแดงไฟกัดเลยถ่ายมาได้แค่ไม่กี่รูป แต่บริเวณที่นั่งเรือไปถ้าใคร dinner on boat ทางโรงแรมจะพายเรือพามาดูพระอาทิตย์ตกดินบริเวณปากคลองที่ติดกับทะเลอาจจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ





ภาพทางเดินบริเวณห้องพักประเภท villa 


ภาพนี้เป็นสระว่ายน้ำอีกสระที่มีน้ำร่วงตกลงมา สระนี้ตอนที่ไปไม่ได้เล่นเนื่องจากมีแขกที่เข้าพักเป็นกลุ่มเล่นเหมือนจะยึดสระมีแต่ผู้ชาย เล่นเหมือนสระเป็นส่วนตัวส่งเสียงดังรบกวนแขกผู้อื่นทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ตอนกลางวันไม่เท่าไรเข้าใจ แต่ตอนกลางคืน 3-4 ทุ่มเป็นเวลาที่ควรจะเงียบได้แล้วเนื่องจากแขกที่มาพักที่นี้ก็ต้องการความสงบเพื่อมาพักผ่อนไม่ได้มาเข้าค่ายรับน้องอย่างไร แล้วแขกกลุ่มนี้พักห้องพักแบบ deluxe แล้วห้องที่เราพักอยู่ใกล้กับตึกนี้ในตอนกลางคืนก็ส่งเสียงดังเป็นที่รบกวนมาก ตื่นมาหลายรอบก็ยังดังจนต้องโทรไปให้ทางโรงแรมมาจัดการ โทรไปรอบแรกเหมือนจะยังไม่มีคนมาจัดการ ต้องโทรถึงประมาณ 2-3 รอบ เสียงถึงจะเบาไปแต่ก็มีเสียงตะโกนกลับมาว่าถ้า ทนไม่ได้ก็ออกไป แล้วทางโรงแรมทำไมไม่จัดการให้ดี บ้างทีระบบการบริการจัดการก็ไม่ดีไม่สมกับราคาของการเข้าพัก แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำให้เราเริ่มไม่แน่ใจในการเข้าพักครั้งต่อไป ถ้ามาเจอแบบนี้อีกคงไม่มาเพราะยังจัดการไม่ดีพอ



ภาพหาดทรายขาวในวันหน้าฝน

ทริปนี้ก็จบลงกับการอยู่แต่ในโรงแรมเนื่องจากฝนตกเกือบทั้งวัน บวกกับอยากมาพักผ่อนสรุปโดยคราวๆ โรงแรมนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตามที่ได้บรรยายไป ก็หวังว่าอาจช่วยให้ใครหลายๆ คนตัดสินใจได้บ้าง

ปล. การเดินทางครั้งนี้เป็น credit review ไม่มีการสนับสนุนจากห้างร้านบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น เขียนจากประสบการณ์จริงแม้จะผ่านไป 2 ปี แต่ก็จำได้ไม่เคยลืมในเรื่องที่รู้สึกผิดหวังกับโรงแรมนี้ในบ้างเรื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นอีกโรงแรมที่น่าพักผ่อนแต่จะดีกว่านี้ถ้าโรงแรมมีการ Renovate ใหม่เนื่องจากค่อนข้างโทรมแต่ไม่รู้ปัจจุบันมีการปรับปรุงใหม่หรือยัง




Create Date : 18 เมษายน 2557
Last Update : 20 เมษายน 2557 16:25:30 น.
Counter : 865 Pageviews.

1 comments
  
thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 19 เมษายน 2557 เวลา:3:33:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมีแมวนักเดินทางพเนจร
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Study Hard, Play hard