บันทึกนักปั่น โดย นักปั่นสมัครเล่น
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 พฤศจิกายน 2559
 
All Blogs
 
ขนจักรยานคู่ใจตะลุยแดนเยอรมัน ตอนที่ 1





"กรี๊ดดดดดดด .... ตะเองงงงงงง ที่เค้าขอลาแวคไป สำเร็จแว้วววววว"

หลังสิ้นเสียงตะโกนลงไปบอกคนข้างล่าง ก็มีเสียงตอบรับตะโกนกลับมาว่า

"งันก็จัดสิครัช รอไร"

เราจึงเริ่มวางแผนหาที่ไปปั่นจักรยานเที่ยวกันอีกแล้ว ครั้งนี้บอกเลยค่ะไม่ธรรมดาแน่ๆ เรามีแพลนกันว่าจะขนจักรยานของตัวเองไปปั่นกันไกลถึงประเทศเยอรมัน เหยยยย เยอรมันนะ ไม่ใช่ใกล้ๆ เราจะเริ่มต้นกันยังไงดี เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน ทำวีซ่า ปุ๊ปปั๊บๆ ก็เรียบร้อย:)

จะขนจักรยานไป ก็ต้องมีกระเป๋าจักรยานสิคะ กระเป๋าจักรยานโดยความเห็นส่วนตัว ควรจะเป็น HardCase ค่ะ สำหรับเรา เราเลือกHardCase ยี่ห้อ B&W ค่ะ ถือเป็นกระเป๋าที่ได้รับการยอมรับว่าปกป้องจักรยานที่รักได้อย่างมั่นใจ  การประกอบหรือถอดก็ไม่ยากจนเกินไป สามารถเปิดคู่มือแล้วทำตามได้ง่ายมากกกก
แท๊ดาาาาาา ----

บอกเลย กระเป๋าเล็กติ๊ดเดียวค่ะ แค่ใส่มนุดร่างยักษ์ได้ 1 คน 555

ประกอบเสร็จ ก็พร้อมออกเดินทาง ...

เราเดินทางด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ tg 920 กรุงเทพ-แฟรงเฟิรต การบินไทยให้น้ำหนักกระเป๋าต่อ1คน 30 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าเยอะมากแล้ว แต่ เห้อออ มันก็ยั๊งงง จะไม่พอ เป๋าจักรใบนึงก็ปาไปเกือบ 18 โลละ สัมภาระส่วนตัว ของฝากคนที่นู่น ไหนจะรองเท้า หมวกจักรยาน อุปกรณ์ประกอบ บอกเลยว่า เล่นเอาเหนื่อยเลยฮะ จุดนี้

ณ เคาท์เตอร์เช็คอิน

"น้ำหนักเกินมา 6 กิโลครับ "

"โห.... นิดเดียวเองค่ะ นะๆๆๆ "

"ไม่ได้ครับเป็นกฏ ยังไงก็ต้องเอาออก"

เห้อออ เมื่อลูกอ้อนไม่สำเร็จ ก็เลยต้องลากกระเป๋าออกมาจัดแจง ผ่านไปเกือบ20นาที สำเร็จ น้ำหนักเป๊ะ 30 กิโลต่อคน

และแล้วเมื่อได้ Bordingpass เราต้องเอากระเป๋าจักรยาน ไปเข้าเครื่องที่จุดรับกระเป๋าเกินขนาดค่ะ และอย่าลืมขอสติกเกอร์ Fragile มาติดเยอะๆนะคะ เค้าจะได้ไม่โยนกระเป๋าเรา

เราเดินทาง ชั่วโมงบินประมาณ 11 ชั่วโมงค่ะ ไฟลท์กลางคืน นับว่าหลับ1ตื่นก็ถึงละ ก่อนจะถึงขอใช้เวลาคร่าวๆเล่าแผนการณ์ปั่นจักรยานเที่ยวเยอรมันให้ฟังกันดีกว่า

โชคดีมากที่เรามีพี่สาว2คนอยู่ที่เยอรมันพอดีค่ะ บ้านของทั้งคู่ อยู่ห่างจากสนามบิน Frankfurt am Main ถ้าขับรถก็ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าใกล้มากๆค่ะ คนนึงอยู่เมือง Wurzburg ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอยู่ติดริมแม่น้ำไมน์ มีโบสถ์และบ้านเมืองที่สวยงาม ส่วนอีกคนอยู่เมืองที่ชื่อว่า Maikammer ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องไวน์ มีโรงงานผลิตไวน์และร้านอาหารเล็กๆโลคอลๆน่ารักเยอะแยะไปหมดค่ะ (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกพี่สาวสองคนว่า พี่สาวเมืององุ่น และพี่สาวเมืองแม่น้ำ

หลังจากพี่สาวเมืององุ่นมารับเราที่สนามบิน กอดกันจนหายคิดถึง เราก็พร้อมเดินทางกลับบ้านเตรียมประกอบจักรยานค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็พร้อมปั่นเที่ยว วันแรกมีสัญญาใจกับเด็กๆเมืององุ่น (ลูกชายสุดแสบของพี่สาว) ว่าจะปั่นไปกินไอศครีมกันค่ะ

 

คณะนักปั่นวันนี้ถือว่า ซอพท์ๆค่ะ ปั่นความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชม (เร็วกว่าเดินนิดนึง 555 ) พรุ่งนี้สิ เริ่มนับ DAY1 เราจะพาไปปีนเขาเล็กๆตามถนนไวน์ขึ้นไปชม Hambach Castle กันค่ะ อาจะมีแฮ่กนิดหน่อย เหนื่อยเล็กน้อย แต่อยากถามพร้อมมั้ย พร้อมเสมออยู่แล้ววววววว.......

---------------------------

DAY 1 

ติ๊ดดดดดด เสียงนาฬิกาปลุกดังและ แต่คนนี่สิ ตื่นตั้งนานแล้ววว เพราะเอาจริงๆก็ยังปรับเวลาไม่ได้ เวลาที่ยุโรปช้ากว่าเราตั้ง 5ชั่วโมง บอกเลยนักปั่นคนนี้พร้อมตั้งแต่ึ7โมงเมืองไทยละ หลังจากพลิกไปพลิกมาสักพัก ก็รีบลุกแต่งตัว เย่ ไปปั่นจักรยานเที่ยวกันดีกว่า

วันนี้ อย่างที่เล่าไปข้างต้นค่ะ เราจะปั่นไปตาม Wine Street เหมือนเดิม และจะขึ้นเขาเบาๆไปชม Hambach Caslte (เบาหราาาาา 5555 ) เอาจริงๆก็ไม่เบาเท่าไหร่ เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็พอขึ้นได้ เท้าไม่ต้องแตะพื้นให้ขุ่นเคืองรองเท้าคลีท อิอิ

และแล้วการเดินทางก็เริ่มต้น เราปั่นออกจากหลังบ้านพี่สาวเมืององุ่นยังไม่ทันไรก็เจอไร่ไวน์เป็นทิวแถว สวยงามมากๆค่ะ วันนี้วันแรกของการปั่น เจออากาศไม่เป็นใจนิดหน่อย คือมีอากาศหนาวเย็นไปนิด โดยปกติแล้วช่วงนี้เป็นช่วงซัมเมอร์ คนที่นี่บอกว่าบางวันแดดจะออก อากาศสดใสเหมาะแก่การปั่นมากกว่าค่ะ แต่ไม่เป็นไร เท่านี้ก็ฟินนนละ อิๆๆ

สำหรับเส้นทางวันนี้ รวมระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ความเร็วเที่ยวท่องค่ะ และก็ปีนเข้าสนุกความสูงประมาณ 325 เมตรค่ะ

 

ไปค่ะ ออกเดินทางงงงงงง วิวสวยมากกกกก รักเลยยยยๆๆๆ

  และเราก็ปั่นซอกแซกไปเรื่อย และเราก็ไปเจอป้าย WeinStraBe ก็คือป้ายบอกทาง Wine Street ของคนที่นี่ค่ะ ทุกเทศกาลไวน์ คนที่ๆก็จะออกมาปั่นจักรยานเที่ยวไปตามถนนไวน์ที่เป็นเส้นทางต่อไปหลายๆเมือง ร้านรวงก็จะออกมาเปิดให้มีการ testing ไวน์ค่ะ เคยถามเค้าว่าแล้วดื่มแล้วปั่นไม่ผิดกฎเหรอ คนที่นู่นเค้าบอกว่า ก็อย่าดื่มเยอะค่ะ ถ้าดื่มเยอะ ห้ามปั่นเหมือนกัน เด๋วตำรวจจับ 5555

ระหว่างทางก็ปั่นผ่านบ้านน่ารักๆสไตล์ยุโรป อย่างกับบ้านตุ๊กตา ส่วนใหญ่จะเป็นโรงผลิตไวน์ด้านในค่ะ

 

สองข้างทางเป็นโรงไวน์ทั้งนั้น ตกแต่งสไตล์ยุโรปที่น่ารักมากๆเลย แต่ที่เห็นนักปั่นข้างหน้ายืนโยกอยู่นี่ ไม่ใช่อะไรนะคะ ชันประมาณ 5-7% ทีเดียว เล่นเอาปั่นๆไปก็เหนื่อยพอดูนะคะ แต่บอกแล้ว พอชมวิวข้างทางไปก็เพลิดเพลินหายเหนื่อยไปเลยค่ะ

ปั่นไปสักพัก คนข้างหน้าก็ตะโกนมาว่า

"หยุดแปปนึงงงงงงง"

เสียงร้องตะโกนสั่งให้คนตามอย่างเราหยุด และอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดค่ะ นางพาหลง 5555 คิดในใจ ตายละ ยังไม่ทันไร หลงอีกแล้ว การ์มินนำทางไม่เคยไว้ใจได้จีจี เห้ออออ ก็เลยประชุมทัพสักพัก เอาไงดี แต่วิวสวย ตั้งกล้องดีกว่า อิอิ

งมหาทางกันได้สักพัก ก็เจอทางขึ้นไป Hambach castle ค่ะ บอกแล้ว ปีนเหนื่อยกันพอประมาณทีเดียว ทางขึ้นเขียวชอุ่มมาก มีต้นไม้สองข้างทาง เป็นถนนทางเดียวค่ะ ปั่นไปได้สักพัก ก็ถึงข้างบนละ

 

วิวสวยมั้ยล่าาาา

นี่ไง เค้ามีงานแต่งงานกันในปราสาท เราคงเข้าไปข้างในไม่ได้วันนี้ แต่เอาจริงๆถ่ายแค่นี้ก็สวยละ 

Hambach Castle นี่้ตั้งอยู่บริเวณถนนไวน์สตรีท ใกล้เมือง Neustadt เป็นปราสาทที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการประกาศอิสรภาพของประเทศเยอรมันค่ะ

วันนี้ลาไปด้วยภาพสวยๆ ค่ะ พรุ่งนี้ DAY 2 จะไปปั่นที่ไหนต่อดี แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ

บั๊ยยยยยยยย :)

 




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2559 17:44:12 น. 0 comments
Counter : 2371 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2914531
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Cyclist 🚴
IG :retamee_o
Strava : retamee o
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 2914531's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.