กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
 
สุนทรภู่


พระสุนทรโวหาร(ภู่)



สุนทรภู่

หมู่นี้เรื่องของท่านสุนทรภู่กำลังเซ็งแซ่อยู่ทั้งในโทรทัศน์และวิทยุ และทั้งการสนทนาระหว่างพวกนักเรียนด้วย ข้าพเจ้าขออนุโมทนากุศลในการยกย่องกวีเอกของเราผู้นี้เป็นอันมาก เพราะเป็นทางให้กำลังใจแก่คนรุ่นใหม่ที่อยากจะมีชื่อเสียงอยู่ชั่วกัลปาวสานบ้าง แต่การสนทนากันในระหว่างเด็กนักเรียน ทำให้ข้าพเจ้าอยากจับปากกาขึ้นเขียนบ้าง เพราะเด็กเห็นว่าท่านสุนทรภู่แสนจะวิเศษ ควรหรือไม่มีใครในสมัยโบราณยกย่องเชิดชู ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ พวกเราสมัยใหม่จะให้ความสุขสมบูรณ์แก่ท่านทุกประการ

ฟังดูแล้ว เหมือนคนโบราณโง่เขลาดุร้ายไม่รู้จักว่าอะไรดีไม่ดี เห็นแก่ตัว กดขี่ อิจฉา ริษยา การเขียนการพูดถึงประวัติบุคคลนั้น ตามแบบผู้ดีเขายกเว้นกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ดีของผู้ที่ตายไปแล้ว เพราะถือเสมือนว่าตีคนที่สู้ไม่ได้ จึงไม่ค่อยจะกระทำกันด้วยข้ามๆ ไปเสีย แต่ผลกลับเป็นไปได้อีกอย่างดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งผลร้ายอาจจะไปตกอยู่แก้ผู้ไม่ผิดเลยก็เป็นได้

ด้วยเห็นแก่ความยุติธรรม เราจึงควรจะพูดความจริงกัน คือว่าคนเราที่เกิดมานี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบ ต่างก็มีความดีความเสียติดตัวมาตามกรรมด้วยกันทั้งนั้น จึงต้องมาเกิดอีกเพื่อใช้เวรกรรมเก่า ปัญหาจึงอยู่ว่าผู้ใดมีเสียมากกว่าดีหรือดีมากกว่าเสียเท่านั้น ท่านสุนทรภู่เป็นนักกลอนพิเศษเช่นฝรั่งเรียกว่า Born-poet แท้ทีเดียว สิ่งที่ดีของท่านยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ยังไม่มีใครพูดถึงเมื่อเร็วๆ นี้สุนทรภู่เป็นนักคิด หรือ Inventor ได้ไกลๆ ดังมีอยู่ในเรื่องพระอภัยมณีเล่ม ๒ หน้า ๒๔ ว่าดังนี้ –


สุนทรภู่แต่งกลอนนี้ ก่อนมีแผ่นเสียงถึง ๕๐ ปี “เรือบิน” สุนทรภู่ก็มีแล้วดังกลอนในเล่ม ๒ หน้า ๑๔๕ ว่า –


เรื่องข้ามสมุทรเช่น Empress of Britain ก็มีแล้ว อยู่ในเล่ม ๑ หน้า ๑๙๑ ว่า –


เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๔ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จไปราชการที่ยุโรปโดยเรือ P.& O. เขาก็มีแม่วัวไปรีดน้ำนม เพื่อเป็นอาหารผู้โดยสาร นับว่าท่านสุนทรภู่มีความคิดก่อนฝรั่งได้ดีๆ เหมือนกัน

ส่วนในทางเสียของท่านก็คือ สุราและนารีตามนิสัยของผู้แต่งกลอนโดยมาก และก็เรื่องสุรานารีนี้เองที่ทำให้ท่านต้องตกทุกข์ได้ยาก จนเที่ยวตุหรัตุเหร่ไปตามลำพังตัว ถ้าจะพูดสั้นๆ ถึงประวัติของท่านก็คือ ท่านเป็นชาวเมืองแกลง(๑)ได้เล่าเรียนในสำนักวัดชีปะขาว ริมคลองบางกอกน้อย เคยเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่น ชอบแต่แต่งกลอนขายจนมีชื่อเสียง จนพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๒ โปรดให้เข้าไปรับราชการในกรมพระอาลักษณ์เป็นที่ขุนสุนทรโวหาร และเป็นที่ทรงปรึกษาในวงกวีสำคัญคนหนึ่งในตอนนี้ เกิดไปวิวาทในที่ประชุมกับกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าทรงเป็นใหญ่ในราชการสมัยนั้น และอาจจะได้ทรงรับราชสมบัติต่อจากรัชกาลที่ ๒ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๒ สวรรคตและกรมหมื่นเจษฎาฯ ได้เสด็จขึ้นเสวยราชย์เป็นรัชกาลที่ ๓ จริงๆ ท่านสุนทรภู่ก็กลัวราชภัย จึงออกบวชและเที่ยวซุกซ่อนไปในที่ต่างๆ ดังจะเห็นได้ในกลอนนิราศภูเขาทอง


กลอนบทนี้แสดงชัดว่า สุนทรภู่เคยเป็นคนใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินเพียงใด และท่านรักและรำพันถึงรัชกาลที่ ๒ อย่างน่าจับใจจริงๆ ต่อมาเจ้านายในรัชกาลที่ ๓ มีพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าลักขณา และพระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นอัปษรสุดาเทพเป็นต้น ได้ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยง จึงมาอยู่ตามวัดเป็นสุขขึ้น ครั้นสิ้นรัชกาลที่ ๓ แล้ว สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ ๔ จึงโปรดให้ไปรับราชการในกรมพระอาลักษณ์วังหน้า มีบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหารจนสิ้นอายุเมื่อมีอายุได้ ๗๐ ปี

อย่างไรก็ตาม ท่านสุนทรภู่เป็นบุรุษพิเศษคนหนึ่งของเมืองไทย เราจะลืมเสียมิได้ ส่วนโชคชาตานั้นเป็นไปตามกฎธรรมดา คือดีบ้าง ชั่วบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ด้วยกันทุกคน ขอให้เราเอาอย่างท่านในทางที่ดี และลืมเรื่องเสียๆ ก็แล้วกัน.


.........................................................................................................................................................


เชิงอรรถ

(๑) ในประวัติพระสุนทรโวหาร – พระนิพนธ์ในสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า

....สกุลวงศ์ของสุนทรภู่ บิดามารดาจะชื่อใดไม่ปรากฏ ปรากฏแต่ว่าบิดาของสุนทรภู่เป็นชาวบ้านกร่ำ ในเขตอำเภอเมืองแกลง แขวงจังหวัดระยอง ฝ่ายมารดาเป็นชาวเมืองอื่น มาอยู่ด้วยกันในกรุงเทพฯ เกิดสุนทรภู่เมื่อสร้างกรุงรัตนโกสินทร์แล้วได้ ๔ ปี แล้วบิดากับมารดาหย่ากัน บิดากลับออกไปบวชอยู่ที่เมืองแกลง ฝ่ายมารดาได้สามีใหม่มีลูกหญิงอีก ๒ คน ชื่อฉิมคนหนึ่ง ชื่อนิ่มคนหนึ่ง แล้วได้เป็นนางนมพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล) เพราะฉะนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ที่พระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก....

เพชรพระมหามงกุฎ – พระสุนทรโวหาร (ภู่) อาลักษณ์ขี้เมา

.........................................................................................................................................................


คัดจาก "สารคดีที่น่ารู้" พระนิพนธ์หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล




Create Date : 23 กรกฎาคม 2550
Last Update : 23 กรกฎาคม 2550 9:52:52 น. 0 comments
Counter : 19537 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

กัมม์
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
[Add กัมม์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com