กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
 
พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย

คำนำประชุมพงศาวดารภาค ๓
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพนายกราชบัณฑิตยสภา
ทรงพระนิพนธ์ไว้เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พระพุทธศักราช ๒๔๗๐


หนังสือประชุมพงศาวดาร ภาค ๓ นี้ มีพงศาวดาร ๓ เรื่อง คือ พงศาวดารเมืองปัตตานีเรื่องหนึ่ง พงศาวดารเมืองสงขลาเรื่องหนึ่ง ทั้งสองเรื่องนี้ พระยาวิเชียรคิรี (ชม ณ สงขลา) ผู้ว่าราชการเมืองสงขลาได้เรียบเรียงไว้แต่เมืองยังเป็นพระยาสุนทรานุรักษ์ กับ เรื่องพงศาวดารเชียงใหม่ พระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น) แต่เมื่อยังเป็นพระยาศรีสหเทพ ได้เรียบเรียงทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเรื่องหนึ่ง......

......เรื่องพงศาวดารเชียงใหม่ ซึ่งพระยามหาอำมาตย์(หรุ่น)แต่งนั้น เป็นเรื่องพงศาวดารในตอนกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง แต่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านให้รู้เรื่องราววงศ์ตระกูลของเจ้านายในมณฑลพายัพ ซึ่งรับราชการในเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองนครลำพูนทุกวันนี้ ว่าเกี่ยวดองและสืบวงศ์ตระกูลมาอย่างใด

หนังสือพงศาวดารทั้ง ๓ เรื่อง เป็นหนังสือควรอ่าน ด้วยอาจมีความรู้พิเศษบางอย่างอันมิได้ปรากฏในหนังสืออื่น ควรสรรเสริญพระยาวิเชียรคิรี(ชม) พระยามหาอำมาตย์(หรุ่น) ที่ได้อุตส่าหเรียบเรียงไว้





....................................................................................................................................................


พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่
เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย
พระยามหาอำมาตยธิบดี(หรุ่น) เมื่อยังเป็นพระยาศรีสหเทพ เรียบเรียง



จุลศักราช ๑๒๓๗ ปีกุนสัปตศก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสิงหนาท ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม สั่งให้พระยาศรีสหเทพ เรียบเรียงพงศาวดารโดยลำดับวงศ์ลาวพุงดำประเทศขึ้นทูลเกล้าฯถวาย จักดำเนินเรื่องราชพงศาวดาร

เมื่อลุจุลศักราช ๑๑๒๙ ปีกุนนพศก พระเจ้าอังวะยกพยุหโยธาทัพลงมาตีกรุงศรีอยุธยามหานครบุราณถึงแก่พินาศปราชัยแล้ว พระเจ้าอังวะตั้งให้โปสุพลา โปมะยุง่วน คุมกองทัพลงมารวบรวมไพร่พลลาวเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ไปตั้งอยู่ที่เมืองพุกาม โปสุพลา โปมะยุง่วน ตั้งพระยาจ่าบ้านเป็นพระยาสุรสงครามเจ้าเมือง ตั้งฟ้าชายแก้วผู้หลานเป็นพระยาอุปราช อยู่มาพระยาอุปราชถึงแก่กรรม พระยาอุปราชมีบุตรชาย ๗ คน คือ นายกาวิละ ๑ นายคำโสม ๑ นายน้อยธรรม ๑ นายดวงทิพ ๑ นายหมูล่า ๑ นายคำฟั่น ๑ นายบุญมา ๑ บุตรหญิง ๓ คน นางสิริรจา ๑ นางสิริวรรณา ๑ นางสิริบุญธรรม ๑ รวม ๑๐ คน โปสุพลาจึงตั้งนายกาวิละบุตรนายฟ้าชายแก้วที่ ๑ เป็นพระยาอุปราช

ลุศักราช ๑๑๓๖ ปีมะเมียฉศก พระเจ้ากรุงธนบุรียกกองทัพขึ้นไปตีเมืองกุมกาม ครั้นขึ้นไปถึงเมืองลำพูนไชยก็หยุดประทับ ตั้งค่ายหลวงอยู่ที่นั้น โปสุพลา โปมะยุง่วนรู้ว่ากองทัพกรุงเทพฯยกขึ้นไป ก็ให้พระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละเกณฑ์คนออกตั้งรับทัพไทยอยู่นอกเมือง ฝ่ายพระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละก็เข้าหาท่านเจ้าพระยาแม่ทัพ ขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมากรุงเทพฯ ท่านเจ้าพระยาแม่ทัพก็ให้พระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละ นำทัพยกเข้าปีนปล้นเอาเมือง ฝ่ายโปสุพลา โปมะยุง่วนทราบว่า พระยาจ่าบ้าน พระยากาวิละเข้าหาแม่ทัพไทยแล่ว ก็ไม่อาจที่จะคิดสู้รบต่อไป ครั้นถึง ณ วัน ๗ เดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลายามเศษ โปสุพลา โปมะยุง่วนก็กวาดต้อนครอบครัวพม่า ลาว หนีออกจากเมือง ครั้น ณ วัน ๕ เดือน ๒ แรม ๓ ค่ำ พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จยกเข้าอยู่ในเมือง โปรดตั้งพระยาจ่าบ้านเป็นพระยาวิเชียรปราการ ถืออาญาสิทธิ์ ให้พระยาวังพร้าวผู้หลานเป็นพระยาอุปราช น้อยโพธิ์เป็นพระยาราชวงศ์ ยกขึ้นไปตั้งที่เมืองป่าซาง ทางไกลเมืองกุมกามวันหนึ่ง ตั้งพระยาลำพูนเป็นพระยาไวยวงศา ถืออาญาสิทธิ์ ครองเมืองลำพูนไชยตามเดิม ตั้งนายน้อยต่อมต้อเป็นพระยาอุปราช ให้พระยากาวิละถืออาญาสิทธิ์ครองเมืองนครลำปาง ตั้งคำโสมผู้น้องที่หนึ่งเป็นพระยาอุปราช ตั้งน้อยธรรมผู้น้องที่สองเป็นพระยาราชวงศ์ ดวงทิพ หมูล่า คำฟั่น บุญมา น้องสี่คนนี้ให้เป็นผู้ช่วยราชการ จึงพระราชทานเครื่องยศโดยฐานาศักดิ์ทุกคน แล้วเสด็จยกทัพกลับยังกรุงธนบุรี เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ก็เป็นเมืองขึ้นกรุงธนบุรีแต่นั้นมา

ครั้นศักราช ๑๑๓๗ ปีมะแมสัปตศก พระเจ้าอังวะให้แซหวุ่นกี้เป็นแม้ทัพมาตีเมืองพิษณุโลก และเมืองฝ่ายเหนือ ให้อำมะหลอกวุ่นกับตวนวุ่นเป็นแม่ทัพคุมพลมาตีเมืองป่าซาง พระยาวิเชียรปราการเจ้าเมืองเชียงใหม่ พระยาไวยวงศาเจ้าเมืองลำพูน สู้รบเหลือกำลังก็อพยพครอบครัวทิ้งเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนไชย ลงมาอยู่เมืองนครลำปางบ้าง อยู่ตามหัวเมืองฝ่ายเหนือต่างๆบ้าง แต่ที่เมืองนครลำปางนั้นพระยากาวิละรักษาเมืองไว้ได้ พระยาวิเชียรปราการ พระยาไวยวงศา อุปราชน้อยต่อม ก็ลงมาถึงแก่กรรมอยู่ ณ เมืองสวรรคโลก เมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนไชยก็ร้างว่างอยู่

ครั้นศักราช ๑๑๔๔ ปีขาลจัตวาศก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษกแล้ว พระยากาวิละเจ้าเมืองนครลำปางแต่งให้นายคำฟั่นผู้น้องลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

ครั้นศักราช ๑๑๔๗ ปีมะเส็งสัปตศก ครั้งทัพลาดหญ้า พม่ายกมาล้อมเมืองนครลำปาง และตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ จึงโปรดเกล้าฯให้กรมพระยาราชวังบวรสถานพิมุขฝ่ายหลัง กับเจ้าพระยามหาเสนา ยกไปตีทัพพม่า ณ หัวเมืองฝ่ายเหนือ ทัพหลวงก็เสด็จหนุนขึ้นไปตั้งอยู่ ณ เมืองนครสวรรค์ ครั้นพม่าถอยไปสิ้นแล้ว จึงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงจักรเจษฎา แบ่งคนในกองทัพหลวงยกไปบรรจบทัพเจ้าพระยามหาเสนา ไปรบพม่าตามลำน้ำปิงซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองกำแพงเพชร เมืองตาก แล้วไปช่วยเมืองนครลำปาง ฝ่ายพม่าที่ล้อมเมืองนครลำปาง ได้ทราบว่ากองทัพไทยขึ้นไปช่วยก็เลิกทัพกลับไป

ครั้นศักราช ๑๑๔๘ ปีมะเมียอัฐศก พม่าซึ่งตั้งอยู่เมืองเชียงแสนจะยกมาตีเมืองฝางลาว พระยาแพร่ที่อะแซหวุ่นกี้เอาตัวไปเมืองพม่า แต่ครั้งทัพเมืองพระพิษณุโลกนั้น พระยาแพร่มาอยู่ที่เมืองเชียงแสนคิดกับพระยายอง จับอาปะกามุนีนายทัพพม่า ซึ่งมาตั้งอยู่ ณ เมืองเชียงรายจำโตงกพาครอบครัวเข้ามาสวามิภักดิ์สู่พระบรมโพธิสมภาร พระยากาวิละเจ้าเมืองนครลำปางบอกส่งลงมา โปรดให้พระยายองกลับขึ้นไปอยู่กับพระยากาวิละที่เมืองนครลำปาง แต่พระยาแพร่นั้นให้ทำราชาการอยู่ ณ กรุงเทพฯ

แล้วได้ข่าวว่าพม่าจะยกมาตีเมืองฝางลาว เมืองนครลำปางอีก จึงโปรดเกล้าฯให้กรมพระราชวังบวรฯเสด็จขึ้นไปจัดการ ณ เมืองเชียงใหม่ ครั้นเสด็จขึ้นไปถึงเมืองนครลำปาง จึงมีพระราชบัณฑูรตั้งให้พระยากาวิละเป็นพระยาเชียงใหม่ ให้น้อยธรรมผู้น้องที่ ๒ เป็นพระยาอุปราช ให้พุทสารผู้เป็นญาติข้างมารดาพระยากาวิละเป็นพระยาราชวงศ์ พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ พระยาเชียงใหม่ พระยาอุปราช พระยาราชวงศ์ ก็กราบถวายบังคมลายกครัวเมืองเชียงใหม่เดิม และขอพระราชทานครัวเชียงใหม่ ซึ่งตกค้างอยู่ ณ เมืองฝ่ายเหนือทั้งปวงนั้น ขึ้นไปตั้งอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ แต่ปีมะเมียอัฐศก ศักราช ๑๑๔๘ มาจนทุกวันนี้

และที่เมืองนครลำปางนั้น มีพระราชบัณฑูรตั้งคำโสมผู้น้องพระยากาวิละเป็นพระยานครลำปาง ให้ดวงทิพผู้น้องที่ ๓ เป็นพระยาอุปราช ให้หมูล่าผู้น้องที่ ๔ เป็นพระยาราชวงศ์ อยู่รักษาเมืองนครลำปางสืบไป พระราชทานเครื่องยศเหมือนตั้งเมืองเชียงใหม่ แต่ที่เมืองลำพูนไชยนั้นยังหาได้ตั้งไม่

ลุศักราช ๑๑๕๖ ปีขาลฉศก พระยานครลำปางป่วยถึงแก่กรรม พระยานครลำปางคำโสมเป็นพระยานครได้ ๙ ปี แต่จะโปรดเกล้าฯให้ผู้ใดขึ้นไปปลงศพนั้น หาได้ปรากฏในหมายเหตุไม่ แล้วโปรดเกล้าฯให้มีตราหาตัวพระยาอุปราชดวงทิพ พระยาราชวงศ์หมูล่า นายหนานไชยวงศ์ ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งพระยาอุปราชดวงทิพเป็นพระยานครลำปาง ตั้งพระยาราชวงศ์หมูล่าเป็นพระยาอุปราช ตั้งนายหนานไชยวงศ์บุตรพระยานครคำโสมเป็นพระยาราชวงศ์ พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ และพระยานครลำปาง พระยาอุปราช พระยาราชวงศ์ ก็กราบบังคมลากลับขึ้นไปเมืองนครลำบาง

ลุศักราช ๑๑๖๓ ปีระกาตรีศก พระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยานครลำปางดวงทิพ กับญาติพี่น้องยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองสาด จับได้ราชาจอมหงส์เจ้าเมืองกับครอบครัว ส่งลงมาถวาย ณ กรุงเทพฯ

ลุศักราช ๑๑๖๔ ปีจอจัตวาศก เจ้าเวียงจันทน์กับเจ้าอินทร์รับอาสานำกองทัพพระยายมราชยกขึ้นไปตีเมืองเชียงแสน ครั้นพระยายมราชกับนายทัพนายกองยกขึ้นไปถึงเมืองเชียงแสนแล้ว ตีเมืองเชียงแสนหาแตกไม่ พระยายมราชนายทัพนายกองไทยลาว ก็ล่าทัพกลับลงมายังกรุงเทพฯ

ลุศักราช ๑๑ ๖๕ ปีกุนเบญจศก พระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยานครลำปางดวงทิพ เจ้านายญาติพี่น้อง กับเจ้าฟ้าเมืองน่าน เกณฑ์กองทัพยกขึ้นไปตีเมืองเชียงแสน เมืองยองแตกกระจัดกระจาย จุดเผาบ้านเรือน กวาดต้อนเอาครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ช้างม้า โคกระบือ เครื่องสรรพศัสตราวุธ ทรัพย์สิ่งของ เครื่องวัตถุ อัญมณีลงมาไว้ ณ เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปางเป็นอันมาก เมืองน่านก็ยกเอาเมืองเชียงของไปเป็นเมืองขึ้นเมืองน่าน แล้วบอกข้อราชการที่ได้ชัยชำนะแก่เมืองเชียงเเสน เมืองยอง ลงมา ณ กรุงเทพฯ

ครั้นศักราช ๑๑๖๗ ปีฉลูสัปตศก พระยาเชียงตุงเจ้าเมืองพี่ชายมหาขานเป็นกบฏต่อเมืองอังวะ อพยพครอบครัวหนีเข้ามาอยู่ยังเมืองเชียงใหม่ ขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา เอาพระบรมเดชานุภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพฯเป็นที่พึ่งสืบไป

ครั้นลุศักราช ๑๑๖๘ ปีขาลอัฐศก พระยาราชวงศ์คำฟั่นเมืองเชียงใหม่ พระยาอุปราชหมูล่าเมืองนครลำปาง เกณฑ์กองทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงรุ้ง ได้รบพุ่งกับพม่าลาวลื้อพลเมืองเป็นหลายครั้ง เจ้าเมืองเชียงรุ้งกับท้าวพระยาสิบสิงปันนา ก็อ่อนน้อมเป็นข้าขอบขัณฑสีมากรุงเทพฯ

อยู่มาลุศักราช ๑๑๗๐ ปีมะโรงสัมฤทธิศก พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง ยกขึ้นไปเกลี้ยกล่อมมหาขนาน ณ เมืองเชียงตุง มหาขนาน ณ เมืองเชียงตุงก็ยอมพาครอบครัวอพยพมาพักอยู่ ณ เมืองเชียงแสนได้ประมาณเดือนเศษ แล้วมหาขนานกลับใจพาครอบครัวหนีกลับไปเมืองเชียงตุง พระยานครลำปาง พระยาเชียงใหม่ก็หาได้ยกกองทัพติดตามไปไม่

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๑ ปีมะเส็งเอกศก พระบาทสมเด็จขพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสู่สวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษกแล้ว ครั้น ณ ปีมะเมียโทศก พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง แต่งให้เจ้านายบุตรหลาน คุมเครื่องราชบรรณาการลงมาทูลเกล้าฯถวาย

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๖ ฉศก จึงทรงพระราชดำริปรึกษาด้วยท่านอัครมหาเสนาบดีว่า เมืองลำพูนไชยยังร้างว่างอยู่ หามีผู้รักษาบ้านเมืองไม่ จะทรงพระมหากรุณาตั้งเจ้าเมืองอุปราชราชวงศ์ขึ้นไปรักษาเมืองลำพูนไชย ให้เป็นเมืองสืบไป ท่านอัครมหาเสนาบดีก็เห็นชอบด้วยดังกระแสพระราชดำริ โปรดเกล้าให้มีตราขึ้นไปหาพระยาเชียงใหม่กาวิละ พระยาราชวงศ์คำฟั่น นายบุญมา ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

ครั้น ณ วัน ๕ เดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ ก็ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อพระยาเชียงใหม่กาวิละขึ้นเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ ตั้งพระยาราชวงศ์คำฟั่นเป็นพระยาลำพูนไชย ตั้งนายบุญมาเป็นพระยาอุปราชเมืองลำพูนไชย พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน จึงโปรดเกล้าฯยกเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ขึ้นเป็นเมืองประเทศราชแต่นั้นมา แล้วพระเจ้าเชียงใหม่ พระยาลำพูนไชย พระยาอุปราชก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละจึงแบ่งเอาคนเมืองเชียงใหม่เป็นคนฉกรรจ์ ๑,๐๐๐ คน เมืองนครลำปาง ๕๐๐ คน ให้พระยาลำพูนไชย พระยาลำพูนไชยก็ยกครอบครัวไพล่พลทั้ง ๒ เมือง มาตั้งเมืองลำพูนไชย แต่ในศักราช ๑๑๗๒ ปีจอฉศก มาจนทุกวันนี้ พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ ครั้นจัดการเมืองลำพูนไชยเสร็จแล้ว ก็ป่วยลง พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละเป็นพระยาเชียงใหม่ ๒๘ ปี เป็นพระเจ้าเชียงใหม่ได้ปีหนึ่ง รวมแต่ได้ครองเมืองเชียงใหม่มาได้ ๒๙ ปี ก็ถึงพิราลัยในปีจอฉศกนั้น แต่จะโปรดเกล้าฯให้ผู้ใดปลงศพ ก็หาได้ปรากฏในหมายเหตุไม่

ครั้นลุศักราช ๑๑๗๗ ปีกุนสัปตศก พระยาอุปราชน้อยธรรม พระยาราชวงศ์หมูล่าเมืองเชียงใหม่ พระยาลำพูนไชย พระยาอุปราชเมืองลำพูนไชยนำช้างเผือกเอกลงมาถวาย ครั้นแพช้างถึงกรุงเก่า พระยาราชวงศ์หมูล่าป่วยลงถึงแก่กรรม พระยาอุปราช พระยาลำพูน ก็เอาศพพระยาราชวงศ์หมูล่าฝังไว้ที่กรุงเก่า แล้วก็ล่องแพช้างเผือกเอกลงมาถึงกรุงเทพฯ ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แห่ช้างขึ้นสู่โรงสมโภชขึ้นระวางพระราชทานนามว่า พระยาเศวตรไอยรา บวรพาหนะนาถ อิศรราชบรมจักรี สีสังข์ศักดิ์อุโบสถ คชคเชนทรชาติ อากาสจารี เผือกผ่องศรีบริสุทธิ์ เฉลิมอยุธยายิ่ง วิมลมิ่งมงคล จบสกลเลิศฟ้า แล้วทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อพระยาอุปราชน้อยธรรมขึ้นเป็นพระยาเชียงใหม่ ตั้งพระยาลำพูนคำฟั่นเป็นพระยาอุปราชเมืองเชียงใหม่ ตั้งพระยาอุปราชบุญมาเมืองลำพูนเป็นพระยาลำพูน แต่ที่อุปราชเมืองลำพูนนั้นยังหาได้โปรดตั้งผู้ใดไม่ แล้วพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน พระยาเชียงใหม่ พระยาอุปราช พระยาลำพูน ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปบ้านเมือง แล้วโปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานคุมหีบศิลาหน้าเพลิง ขึ้นไปปลงศพพระยาราชวงศ์หมูล่าที่กรุงเก่าด้วย

ลุศักราช ๑๑๘๓ ปีมะเส็งตรีศก พระยาเชียงใหม่น้อยธรรมรักษาเมืองมาได้ ๗ ปี ก็ถึงแก่กรรม แต่จะโปรดเกล้าฯให้ผู้ใดขึ้นไปปลงศพพระยาเชียงใหม่น้อยธรรมนั้น หาปรากฏในหมายเหตุไม่

ลุศักราช ๑๑๘๕ ปีมะแมเบญจศก มีตราโปรดขึ้นไปหาตัวพระยาอุปราชคำฟั่นเมืองเชียงใหม่ พระยานครลำปางดวงทิพ นายพุทธวงศ์ นายคำมูล นายน้อยกาวิละ ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อพระยานครลำปางดวงทิพเป็นพระเจ้านครลำปาง ตั้งพระยาราชวงศ์หนายไชยวงศ์บุตรพระยานครคำโสมขึ้นเป็นพระยาอุปราชเมืองนครลำปาง ตั้งพระยาอุปราชคำฟั่นขึ้นเป็นพระยาเชียงใหม่ ตั้งนายพุทธวงศ์บุตรนายพ่อเรือน หลานฟ้าชายแก้วเป็นพระยาอุปราช ตั้งนายคำมูลบุตรนายพ่อเรือนเป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายน้อยกาวิละบุตรนายพ่อเรือนเป็นพระยาเมืองแก้ว โปรดพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน แล้วพระเจ้านครลำปาง พระยาอุปราชเมืองนครลำปาง พระยาเชียงใหม่ พระยาอุปราช พระยาราชวงศ์ พระยาเมืองแก้ว ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาบ้านเมือง

ลุศักราช ๑๑๘๖ ปีวอกฉศก พระยาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสู่สวรรคต พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว พระยาเชียงใหม่คำฟั่นว่าราชการเมืองมาได้ ๓ ปี ก็ถึงแก่กรรม ณ วันเดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ ศักราช ๑๑๘๗ ปีระกาสัปตศก พระเจ้านครลำปางดวงทิพเป็นพระยานครลำปางได้ ๙ ปี เป็นพระเจ้านครลำปางได้ ๓ ปี รวมได้ครองเมืองนครลำปางมาได้ ๑๒ ปี ก็ถึงพิราลัยในเดือน ๙ ปีระกาสัปตศกนั้น จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาศรีสุริยพาหะขึ้นไปปลงศพพระยาเชียงใหม่คำฟั่น ให้จมื่นสมุหพิมานขึ้นไปปลงศพพระเจ้านครลำปางดวงทิพ

ลุศักราช ๑๑๘๘ ปีจออัฐศก เจ้าเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ก็ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งพระยาอุปราชพุทธวงศ์เป็นพระยาเชียงใหม่ ตั้งนายหนานมหาวงศ์บุตรพระยาเชียงใหม่น้อยธรรมเป็นพระยาอุปราช ตั้งนายน้อยมหาพรหมบุตรพระยาเชียงใหมคำฟั่นเป็นพระยาราชวงศ์ หนานไชยวงศ์บุตรพระยานครคำโสมเป็ยพระยานครลำปาง ตั้งนายขัติยบุตรพระยานครคำโสมเป็นพระยาอุปราช ตั้งนายคำแสนบุตรพระยานครคำโสมเป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายน้อยคำภูบุตรพระยาอุปราชหมูล่าเป็นพระยาเมืองแก้ว ตั้งนายหนานพรหมาเป็นพระยาราชบุตร ที่เมืองลำพูนไชยนั้น ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนพระยาลำพูนบุญมาขึ้นเป็น พระเจ้าลำพูนไชย เจ้านครลำพูน ตั้งนายน้อยอินท์บุตรพระยานครคำโสมเป็นพระยาอุปราช ตั้งนายหนานมหายศบุตรนางสิงห์บุญธรรมน้องพระเจ้าลำพูนบุญมาเป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายน้อยธรรมลังกาบุตรพระเจ้าลำพูนบุญมาเป็นพระยาราชบุตร แต่นายพิมพิสาร นายธรรมกิตติ วิวาทกับราชวงศ์คำมูล เอาตัวไว้ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ พระเจ้าลำพูนบุญมา พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไป

พอถึงเมืองตาก อนุเวียงจันทน์คิดการเป็นกบฏ ยกกองทัพลงมาตีเมืองนครราชสีมา พระเจ้าลำพูนบุญมา พระยาเชียงใหม่ พระยานครลำปาง เกณฑ์ให้เจ้านายบุตรหลานยกขึ้นไปช่วยราชการทางเมืองเวียงจันทน์ พระเจ้าลำพูนบุญมาเป็นพระยาลำพูนได้ ๙ ปี เป็นพระเจ้าลำพูนได้ ๔ ปี รวมแต่ได้ครองเมืองลำพูน ๑๓ ปี ก็ถึงแก่พิราลัย พระยาเมืองแก้วน้อยกาวิละถึงแก่กรรมด้วย

ในศักราช ๑๑๘๙ ปีกุนนพศกนั้น จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาศรีสุริยะพาหะขึ้นไปปลงศพพระเจ้าลำพูนบุญมา แล้วพระยาอุปราชน้อยอินท์บุตรพระยานครคำโสม พระยาราชวงศ์คำตัน เมืองแก้วน้อยลังกา บุตรพระเจ้าลำพูนบุญมา พระยาชัยสงครามหน่อเมืองบุตรพระเจ้าดวงทิพ ก็พากันลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งพระยามหาอุปราชน้อยอินท์เลื่อนขึ้นเป็นพระยาลำพูนเจ้าเมืองลำพูน ตั้งพระยาราชบุตรคำตันเลื่อนขึ้นพระยาอุปราช ตั้งพระไชยสงครามเลื่อนขึ้นเป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายน้อยธรรมลังกาเป็นพระยาเมืองแก้ว โปรดพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน พระยาลำพูน พระยาอุปราช พระยาราชวงศ์ พระยาเมืองแก้ว ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาเมือง

ลุศักราช ๑๑๙๙ ปีระกานพศก พระยานครลำปางไชยวงศ์รักษาเมืองได้ ๑๒ ปี ครั้น ณ วันเดือน ๗ ขึ้นค่ำ ๑ ก็ถึงแก่อสัญกรรม ในปีระกานพศกนั้น โปรดเกล้าฯให้พระยาพิพิธไอยศูรย์ขึ้นไปปลงศพพระยานครลำปาง

ฃลุศักราช ๑๒๐๐ ปีจอสัมฤทธิศก อุปราชน้อยขัติยบุตรพระยานครคำโสมลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งอุปราชน้อยขัติยเลื่อนขึ้นเป็นพระยานครลำปาง ก็ถวายบังคมลากลับขึ้นไปถึงเมืองได้ ๖ เดือน ก็ถึงอสัญกรรม โปรดเกล้าฯให้พระยาสุเรนทรราชเสนา นายโนรีมหาดเล็กขึ้นไปปลงศพพระยานครลำปางขัติย แล้วพระยาลำพูนน้อยอินท์บุตรพระยานครคำโสม อุปราชคำตันบุตรพระเจ้าลำพูนบุญมาลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนพระยาลำพูนน้อยอินท์บุตรพระยานครคำโสมเป็นพระยาลำปาง ตั้งพระยาอุปราชคำตันบุตรพระเจ้าลำพูนบุญมาเป็นพระยาลำพูน โปรดพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ และพระยานครลำปาง พระยาลำพูน ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาเมือง

ลุศักราช๑๒๐๑ ปีกุนเอกศก ณ วันเดือน ๕ แรม ๘ ค่ำ พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูนมีใบบอกลงมาให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระยาเชียงใหม่ แต่งให้พระยาอุปราชมหาวงศ์เป็นแม่ทัพ นายพิมพิสารเป็นปลักทัพ คุมกำลังนายไพร่ ๓,๓๐๐ คน พระยาลำพูนแต่ให้พระยาอุปราชเป็นแม่ทัพ นายน้อยคำวงศาเป็นปลัดทัพ คุมกำลังนายไพร่ ๙๐๐ คน รวม ๒ เมือง นายไพร่ ๔,๒๐๐ คนยกไปตีเมืองปุ เมืองสาด เมืองต่วน แตกกระจัดกระจาย จุดเผาบ้านเรือน กวาดต้อนครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อยได้ ๑,๘๖๘ คนกับเครื่องสรรพศัสตราวุธ ช้างม้าโคกระบือ ลงมาถึงเมืองเชียงใหม่ ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีกุนเอกศก แล้วพระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูนมีใบบอกลงมาให้กราบทูลพระกรุณาว่า ครัวที่กวาดต้อนได้มานั้น ขอพระราชทานแบ่งปันแจกจ่ายให้แก่นายทัพนายกองเป็นคนชายหญิงใหญ่น้อย ๑๐๐๐ คน ส่งลงมาถวาย เป็นครัวเมืองต่วน พระยาต่วนเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๕๐๗ คน รวม ๕๐๘ คน เมืองสาด พระยาแก่นเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๑๘๓ คน รวม ๑๘๔ คน เมืองปุ ท้าวแก้วเจ้าเมือง ๑ ครัว ชายหญิงใหญ่น้อย ๑๗๕ คน รวม ๑๗๖ คน รวมชายหญิงใหญ่น้อย ๘๖๘ คน กับปืนหลัก ปืนคาบศิลาชุด ๔๗ กระบอก ม้า ๑๕ ม้า โค ๒๔๖ โค

ครั้นนำใบบอกขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯให้มีตราตอบขึ้นไปว่า ครอบครัวที่พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูนจะส่งลงมาถวายพร้อมทั้งปืนม้าโคนั้น ให้เอาไว้เป็นไพร่พลเมือง ซึ่งเป็นขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่ จะได้สำหรับรักษาบ้านเมืองต่อไป พระยาเชียงใหม่ก็แบ่งปันครอบครัวทั้งปวงนั้น ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นภูมิลำเนาตามท้องตราซึ่งโปรดเกล้าฯขึ้นไปทุกประการ

ครั้นลุศักราช ๑๒๐๓ ปีฉลูตรีศก พระยาลำพูนคำตันว่าราชการเมืองมาได้ ๓ ปี ก็ถึงแก่อสัญกรรม โปรดเกล้าให้พระเทพาธิบดีขึ้นไปปลงศพพระยาลำพูนคำตัน แล้วโปรดเกล้าฯใหมีตราขึ้นไปหาตัวพระยาเมืองแก้วน้อยลังกาบุตรพระยาลำพูนบุญมาลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งพระยาเมืองแก้วขึ้นเป็นพระยาลำพูน โปรดพระราชทานเครื่องยศสมควรแก่ฐานาศักดิ์ พระยาลำพูนก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาเมืองได้ ๒ ปี

ลุศักราช ๑๒๐๕ ปีเถาะเบญจศก พระยาลำพูนน้อยลังกาถึงแก่อสัญกรรม โปรดเกล้าฯให้มีตราตั้งขึ้นไปถึงพระยากำแพงเพชร ให้แต่งกรมการไปปลงศพพระยาลำพูน พระยากำแพงเพชรก็แต่งให้พระปลัดขึ้นไปปลงศพพระยาลำพูน ในปีเถาะเบญจศกนั้น ณ วันเดือน ๖ แรม ๑๑ ค่ำ พระยานครลำปางน้อยอินท์ พระยาอุปราชมหาวงศ์เมืองเชียงใหม่ ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลพระกรุณาขอตั้งเมืองเชียงรายเป็นเมืองขึ้นเมืองเชียงใหม่ ตั้งเมืองงาว เมืองพเยาเป็นเมืองขึ้นเมืองนครลำปาง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งนายธรรมลังกาน้องนายพิมพิสาร เป็นพระยารัตนอาณาเขต เจ้าเมืองเชียงราย ตั้งนายอุ่นเรือนบุตรพระยาเป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายพุทธวงศ์น้องพระยานครอินท์เป็น พระยาประเทศอุตรทิศ เจ้าเมืองพเยา ตั้งนายน้อยมหายศน้องพระยานครนครน้อยอินท์ที่ ๒ เป็นพระยาอุปราช ตั้งนายแก้วมนุษย์น้องพระยานครน้อยอินท์ที่ ๓ เป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายขัติยบุตรพระยาประเทศอุตรทิศเป็นพระยาเมืองแก้ว ตั้งนายน้อยขัติยบุตรพระยาอุปราชหมูล่าเป็นพระยาราชบุตร ตั้งพระยาไชยสงครามเป็น พระยาฤทธิภิญโญยศ เจ้าเมืองงาว ตั้งนายขนานยศน้องพระยานครน้อยอินท์เป็นพระยาราชวงศ์ ตั้งนายหนานยศบุตรพระยานครไชยวงศ์เป็นพระยาเมืองแก้ว ได้รับพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้แบ่งเอาคนเมืองเชียงใหม่ไปไว้เมืองเชียงราย แบ่งเอาคนเมืองนครลำปางไปไว้เมืองพเยา เมืองงาว จะได้สำหรับรักษาบ้านเมืองต่อไป พระยานครลำปาง พระยาอุปราชเมืองเชียงใหม่ อุปราช ราชวงศ์ เมืองเชียงราย เมืองพเยา เมืองงาว ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปจัดการตั้งบ้านเมือง ตามกระแสพระบรมราชโองการทุกประการ พระยาเชียงใหม่พุทธวงศ์ว่าราชการเมืองมาได้ ๒๒ ปี

ลุศักราช ๑๒๐๘ ปีมะเมียอัฐศก ณ เดือน ๗ พระยาเชียงใหม่พุทธวงศ์ก็ถึงอสัญกรรม โปรดเกล้าฯให้พระยารักษมณเฑียรที่เป็นพระยาอิศรานุภาพ กับหลวงพิทักษ์สุเทพขึ้นไปปลงศพศพพระยาเชียงใหม่

ลุศักราช ๑๒๐๙ ปีมะแมนพศก พระยาอุปราชมหาวงศ์ นายพิมพิสารนำช้างพลายสีประหลาดลงมาถวายช้างหนึ่ง โปรดเกล้าฯตั้งพระยาอุปราชมหาวงศ์เป็นพระยาเชียงใหม่ ตั้งนายพิมพิสารเป็นพระยาอุปราช ได้รับพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรตามฐานาศักดิ์ พระยาเชียงใหม่ พระยาอุปราชก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาบ้านเมือง แล้วโปรดเกล้าฯให้มีตราขึ้นไปหาตัวนายหนานชัยลังกาบุตรพระยาเชียงใหม่คำฟั่นลงมา ณ กรุงเทพฯ

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๐ ปีวอกสัมฤทธิศก นายหนานชัยลังกาลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งนายหนานชัยลังกาเป็นพระยาลำพูน ได้รับพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ พระยาลำพูนก็กราบถวายบังคมลา กลับขึ้นไปรักษาบ้านเมือง แล้วพระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูนเข้าชื่อกันกล่าวโทษพระยานครน้อยอินท์ลงมา ให้กราบบังคมทูลพระกรุณาได้ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯให้มีตราขึ้นไปหาตัวพระยานครน้อยอินท์ลงมา ณ กรุงเทพฯ ก็ป่วย พระยานครลำปางน้อยอินท์ว่าราชการเมืองมาได้ ๑๑ ปี ก็ถึงแก่กรรมที่กรุงเทพฯเมื่อ ณ เดือน ๒ ศักราช ๑๒๑๐ ปีวอกสัมฤทธิศก จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาอุปราชญาณรังษีบุตรพระยานครคำโสมว่าราชการเมืองนครลำปาง

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๒ ปีกุนยังเป็นโทศก ณ วัน เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่สวรรคต ลุศักราช ๑๒๑๓ ปีกุนตรีศก ณ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๔ ปีชวดจัตวาศก พระยาเชียงใหม่ พระยาลำพูน พระยาอุปราช ผู้ว่าราชการเมืองนครลำปาง แต่งให้เจ้านายญาติพี่น้องลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมืองเชียงใหม่แต่งให้นายน้อยธรรมกิตติ เมืองนครลำปางแต่งให้พระยาราชวงศ์หนานปัญญา พระเมืองแก้วชัยลังกา เมืองลำพูนแต่งให้พระยาราชบุตรหนานศรีวิชัย คุมสิ่งของเครื่องบรรณาการ ลงมาทูลเกล้าฯถวาย นายธรรมกิตติ พระยาราชวงศ์หนานปัญญา เมืองแก้วชัยลังกา พระยาราชบุตรหนานศรีวิชัย ลงมาถึงกรุงเทพฯป่วยเป็นไข้อหิวาตกโรคก็ถึงแก่กรรม

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า เมืองเชียงใหม่เขตแดนติดต่อกันกับพม่า เขิน เมืองเชียงตุง แต่ก่อนเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชยพร้อมกันยกกองทัพไปทำศึกรบกับเมืองเชียงตุง การก็ไม่สำเร็จ พม่า เขินเมืองเชียงตุงยกกองทัพโจรมาตีต้อนจับผู้คนพลเมืองเมืองเชียงใหม่เนืองๆ จึงโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิทเป็นแม่ทัพ กับเจ้าพระยายมราชเป็นแม่ทัพอีกทัพหนึ่ง ยกขึ้นไปตีเมืองเชียงตุงในปีชวดจัตวาศกนั้น นายทัพนายกองที่ยกขึ้นไปรบเมืองเชียงตุงการก็ไม่สำเร็จ แต่พระยาเชียงใหม่มหาวงศ์ป่วยอยู่ก็ไม่นิ่งนอนใจ พระยาเชียงใหม่แต่งให้พระยาเมืองแก้ว นายน้อยมหาพรหม นายสุริยวงศ์ ผูบุตร กับญาติพี่น้องแสนท้าวพระยาลาวคุมไพร่ ยกขึ้นไปช่วยรบพม่าเขินเมืองเชียงตุง และพระยาเชียงใหม่ก็ได้ลำเลียงเสบียงอาหารส่งกองทัพมิให้ขัดสน จึงทรงพระราชดำริว่าพระยาเชียงใหม่ก็มีความชอบอยู่

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๕ ปีฉลูเบญจศก จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสีหราชฤทธิไกร เชิญแผ่นพระสุพรรณบัตรกับเครื่องสูงขึ้นไปพระราชทานพระยาเชียงใหม่มหาวงศ์ เลื่อนขึ้นเป็น พระเจ้ามโหตรประเทศราชาธิบดี นพิสีมหานคราธิฐาน ภูบาลบพิตร สถิตในอุตมชิยางคราชวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่ พระเจ้ามโหตรประเทศเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ได้ ๕ เดือน กับ ๒๘ วัน คิดรวมกันตั้งแต่เป็นพระยาเชียงใหม่มาได้ ๗ เดือนเศษ

ลุศักราช ๑๒๑๖ ปีขาลฉศก ณ วันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๒ พระเจ้ามโหตรประเทศถึงแก่พิราลัย จึงมีตราโปรดเกล้าฯขึ้นไปให้พระยาอุปราชพิมพิสารบุตรพระยาสเชียงใหม่คำฟั่นว่าราชการเมือง ก็ถือเปรียบแก่งแย่งกันกับนายน้อยมหาพรหม กิตติศัพท์ทราบลงมาถึงกรุงเทพฯได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระราชดำริว่า ที่เมืองเชียงใหม่เจ้านายมิได้ประนีประนอมเป็นสามัคคีคารวะต่อกัน และราชการทางเมืองเชียงตุงก็ยังติดพันกันอยู่ ซึ่งจะไว้ใจราชการนั้นมิได้

ครั้นลุศักราช ๑๒๑๗ ปีเถาะสัปตศกนั้น จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามุขมนตรี(เกด) หลวงวิสูตรสมบัติ(พร้อม) ขึ้นไประงับการที่เมืองเชียงใหม่ แล้วให้ปลงศพพระเจ้ามโหตรประเทศราชาด้วย เจ้าพระยามุขมนตรี พลวงวิสูตรสมบัติ ก็กราบถวายบังคมลาขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ ณ วัน ๑ เดือน ๔ แรม ๙ ค่ำ เจ้าพระยามุขมนตรี หลวงวิสูตรสมบัติขึ้นไปถึง ณ เมืองเชียงใหม่ก็จัดการบ้านเมืองเรียบร้อยเป็นปรกติ เจ้าพระยามุขมนตรี หลวงวิสูตรสมบัติ กับเจ้านายญาติพี่น้องช่วยกันปลงศพพระเจ้ามโหตรประเทศราชาเสร็จแล้ว ก็พาตัวพระยาเมืองแก้วหนานสุริยวงศ์บุตรพระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ กับนายน้อยมหาพรหม นายหนานสุริยวงศ์บุตรพระเจ้าเชียงใหม่มโหตรประเทศราชา พระยาลำพูน พระยาอุปราชเมืองนครลำปาง และเจ้านายญาติพี่น้องลงมาถึงกรุงเทพฯ ณ วันเดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำ ศักราช ๑๒๑๘ ปีมะโรงอัฐศก แต่พระยาอุปราชพิมพิสารป่วยลงมาหาได้ไม่ เจ้าพระยามุขมนตรีก็นำเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

จึงมีพระบรมราชโองการปรึกษาด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และท่านอัครมหาเสนาบดี ว่าเมืองลาวพุงขาว เมืองแขก เมืองเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชเชื้อวงศ์เจ้า ก็ได้ทรงพระมหากรุณาตั้งขึ้นเป็นเจ้าทุกๆเมือง แต่ลาวพุงดำเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน ตั้งแต่พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ พระเจ้านครลำปางดวงทิพ พระเจ้าลำพูนไชยบุญมา ถึงแก่พิราลัยแล้ว ตั้งเจ้าเมืองอุปราช ราชวงศ์ เมืองแก้ว ครั้งใด ก็ตั้งเป็นพระยาทุกๆครั้ง ครั้งนี้จะทรงพระกรุณาตั้งเจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ เมืองแก้วขึ้นเป็นเจ้าทั้ง ๓ เมือง ให้สมควรที่ได้ยกขึ้นเป็นเมืองใหญ่ แต่เจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร เมืองแก้ว เมืองขึ้นนั้น ให้คงเป็นพระยาอยู่ตามเดิม พระบรมวงศานุวงศ์และท่านอัครมหาเสนาบดีก็เห็นด้วยดังกระแสพระราชดำริทุกประการ

จึงโปรดเกล้าปรึกษาด้วยท่านเสนาบดีทั้งปวงว่า จะตั้งพระยาอุปราชพิมพิสารขึ้นเป็นเจ้านครจางวางให้กล่าวการสิทธิ์ขาดในเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย จะตั้งพระยาเมืองแก้วสุริยวงศ์เป็นเจ้านครเชียงใหม่ จัตั้งนายน้อยมหาพรหมเป็นเจ้าอุปราช ให้ท่านเสนาบดีปรึกษาพร้อมด้วยพระยาลำพูนไชย พระยาอุปราชเมืองนครลำปาง จะเห็นชอบด้วยประการใด

ปรึกษากันยังหาตกลงไม่ พอพระยารัตนอาณาเขต เจ้าเมืองเชียงรายมีใบบอกลงมาว่า พระยาอุปราชพิมพิสารถึงแก่กรรม แต่ ณ วันเดือน ๙ ขึ้น ๔ ค่ำ ศักราช ๑๒๑๘ ปีมะโรงอัฐศก ฝ่ายพระยาลำพูน พระยาอุปราชเมืองนครลำปาง ก็แจ้งความแก่ท่านเสนาบดีให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่านายน้อยมหาพรหมนั้น เป็นคนกระด้างกระเดื่องมิได้อยู่ในถ้อยคำผู้ใหญ่ จะโปรดเกล้าฯตั้งนายน้อยมหาพรหมเป็นที่อุปราชเมืองเชียงใหม่ นายน้อยมหาพรหมก็จะประพฤติการที่ผิดๆทำให้เสียราชการ ขอให้เอาตัวนายน้อยมหาพรหมไว้ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ที่กรุงเทพฯก่อน ถ้าจะทรงพระมหากรณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาเมืองแก้วสุริยวงศ์เป็นเจ้านครเชียงใหม่ จะขอรับพระราชทานนายธรรมปัญโญบุตรพระยาอุปราชคำฟั่นเป็นที่อุปราช นายหนานสุริยวงศ์บุตรพระเจ้ามโหตรประเทศราชาเป็นราชบุตร จะได้ควบคุมญาติพี่น้องบ่าวไพร่ของพระเจ้ามโหตรประเทศราชา

ท่านเสนาบดีก็นำข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ว่าเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองประเทศราชใหญ่ เขตแดนติดต่อกับอังกฤษ พม่า จะตั้งอุปราชราชวงศ์ก็ต้องเอาใจผู้เป็นเจ้าเมือง และญาติพี่น้องที่เมืองใกล้เคียงเห็นพร้อมกัน จึงจะไม่แตกร้าวในราชการประการใดได้ ครั้งนี้ก็จะทรงพระมหากรุณา ตั้งแต่งตามญาติพี่น้องปรึกษาตกลงกันนั้น แต่ที่เมืองแก้วจะทรงเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ ให้เรียกว่า บุรีรัตน ทั้งเมืองใหญ่และเมืองขึ้น

ครั้น ณ วัน ๕ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรงอัฐศก ศักราช ๑๒๑๘ ปี จึงโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเมืองแก้วหนานสุริยวงศ์บุตรพระเจ้ากาวิละ เป็นพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ดำรงนพิสีนคร สุนทรทศลักษณเกษตร วรฤทธิเดชศรี โยนางคดไนย ราชวงศาธิบดี เจ้านครเชียงใหม่ ตั้งนายหนานธรรมปัญโญ เป็นเจ้าอุปราช ตั้งนายอินทนนท์เป็นเจ้าบุรีรัตน ตั้งนายหนานนสุริยวงศ์เป็นเจ้าราชบุตร แล้วทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อพระยาอุปราชเมืองนครลำปางขึ้นเป็นเจ้าวรญาณรังษี ภักดีราชธรรม์ สุพรรณโสมดไทย โยนกวิสัยประชาธิกร อมรมหาเดชเชษฐกเสนางค์ ลำปางคมหานคราธิปตัย เจ้านครลำปาง ตั้งราชวงศ์มหาพรหมบุตรเจ้านครดวงทิพเป็นเจ้าอุปราช เลื่อนพระยาลำพูนไชยเป็นเจ้าชัยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ หริภุญไชยรัษฎาธิวาศ ประเทศราชธุระธาดา มลาวัยวงศ์ มัตยานุกูล ลำพูนนครวิชิตชัย เจ้านครลำพูนไชย ได้พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน แล้วพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าอุปราช เจ้ารัตนบุรี เจ้าราชบุตรเมืองเชียงใหม่ เจ้าวรญาณรังษี เจ้าอุปราช เมืองนครลำปาง เจ้าชัยลังกาพิศาลเมืองลำพูนไชย ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาบ้านเมือง แต่นายหนานมหาพรหมบุตรพระเจ้ามโหตรประเทศนั้น โปรดเกล้าฯตั้งให้เป็นพระยาอุตรการโกศลได้พระราชทานพานทอง ให้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ

ครั้น ณ วันเดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเอกศก พระเจ้าเชียงใหม่บอกให้นายน้อยหน่อคำ นายน้อยแผ่นฟ้า คุมต้นไม้ทองต้นไม้เงินลงมาทูลเกล้าฯถวาย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯว่า ที่ราชวงศ์เมืองเชียงใหม่ยังว่างอยู่ นายน้อยหน่อคำก็เป็นบุตรพระยาเชียงใหม่ช้างเผือก ควรจะเป็นที่ราชวงศ์ได้ แต่นายน้อยแผ่นฟ้าหลานพระเจ้ากาวิละ พระเจ้ากาวิละก็มีความชอบได้เกลี้ยกล่อมรวบรวมผู้คนทำศึกกับพม่าปัจจามิตร ก็ควรจะให้นายน้อยแผ่นฟ้าเป็นที่หนึ่งที่ใดขึ้นในเมืองเชียงใหม่ จะต้องคิดชื่อตั้งขึ้นให้สมควรแก่ที่เกี่ยวข้องเป็นบุตรหลานโดยลำดับ ท่านเสนาบดีก็เห็นพร้อมด้วยดังกระแสพระบรมราชโองการ จึงโปรดเกล้าฯตั้งนายน้อยหน่อคำเป็นที่เจ้าราชวงศ์ ตั้งนายน้อยแผ่นฟ้าเป็นเจ้าราชภาคิไนย ได้พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ แล้วเจ้าราชวงศ์ เจ้าราชภาคิไนย ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ ฝ่ายพระยาอุตรการโกศล ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ถึงแก่กรรมในปีวอกโทศก ศักราช ๑๒๒๒ ปี

ครั้นศักราช ๑๒๒๕ ปีกุนเบญจศก เจ้าอุปราชมหาพรหมเมืองนครลำปางป่วยถึงอสัญกรรม ครั้น ณ เดือน ๑ เดือน ๒ เดือน ๓ ศักราช ๑๒๒๗ ปีฉลูสัปตศก เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร เมืองเชียงใหม่ บอกกล่าวโทษพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ลงมาเดือนละฉบับ ข้อความต้องกันว่า พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์เกณฑ์คนทำทางออกจากเมืองเชียงใหม่ไปจนถึงท่าผาแดง แล้วจัดเอาช้างพลาย ๒ เชือกกับปืน แต่งคนคุมขึ้นไปถวายพระเจ้าอังวะ พระเจ้าอังวะก็ให้พม่าคุมเอาสิ่งของมาให้แก่พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์พาพม่ากับล่ามเข้าไปพูดในที่ลับ ครั้นพม่ากลับไปจากเมืองเชียงใหม่แล้ว พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็เอาล่ามพม่าไปฆ่าเสีย แล้วนายน้อยเทพวงศ์บุตรพระยาอุตรการโกศลก็ร้องถวายฎีกากล่าวโทษพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ หลายข้อ

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระยามหามนตรีเจ้ากรมตำรวจในขวา ขึ้นไปหาตัวพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ลงมา ณ กรุงเทพฯ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ กับเจ้านายญาติพี่น้องก็ลงมาพร้อมด้วยพระยามหามนตรี ถึงกรุงเทพฯ ณ วัน ๔ เดือน ๘ แรม ๑๑ ค่ำ ปีขาลอัฐศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ กับเจ้านายญาติพี่น้องเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายต้นไม้ทองเงิน กับพาบุตรฟ้าโกลานเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ฟ้าโกลานจะเทครัวพลเมืองเข้ามาเป็นขอบขัณฑสีมา ส่งขุนหลวงผู้บุตรเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทก่อน แล้วพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์เอาแหวนทับทิมเท่าผลบัวแก่ ๒ วง สังวาลย์ทองคำ มีสายสร้อย ๑๕ สาย มีประจำยามใหญ่ ๑ ประจำยามเล็ก ๒ ตาบ ๑ ประดับพลอยทับทิมใหญ่ ๔ ทับทิมเล็ก ๙๖ รวม ๑๐๐ เม็ด ผ้าเกี้ยวพม่า ๓ ผืน ผ้าตาลวด ๘ ผืน รวม ๑๑ ผืน ของพระเจ้าอังวะให้แก่พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระเจ้ากาวิโลรสนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

จึงมีพระบรมราชโองการว่าของทั้งนี้เจ้าอังวะให้แก่เจ้าเมืองเชียงใหม่ ก็ให้เจ้าเชียงใหม่เอาไว้เถิด จะทรงรับเอาไว้แต่แหวนทับทิมวงเดียว พอไม่ให้พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์เสียใจ แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ท่านเสนาบดีชำระพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ที่รายเจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร บอกกล่าวโทษลงมานั้น พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็ใหการหลีกเลี่ยง ท่านเสนาบดีจึงนำข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงมีพระบรมราชโอการปรึกษาด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และท่านเสนาบดี มีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ที่สมุหพระกลาโหมเป็นประธาน จึงทำคำปรึกษาขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ก็เป็นเมืองประเทศราช พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็ยังหามีความผิดเป็นข้อใหญ่สิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ ขอรับพระราชให้ได้กลับขึ้นไปรักษาอาณาเขต ปกป้องเจ้านายญาติพี่น้องบุตรหลาน ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณต่อไป แต่เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร นายน้อยมหาวงศ์ นายหนานมหาเทพ นายน้อยเทพวงศ์ นายหนานธรรมลังกานั้น ขอพระราชทานให้เอาตัวไว้ ณ กรุงเทพฯก่อน ถ้าพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์กลับขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว ให้ปรึกษาด้วยเจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปาง เจ้าชัยลังกาพิศาลเจ้านครลำพูนไชย ด้วยเป็นเครือวงศ์วานญาติพี่น้อง ถ้าเจ้าเมืองนครลำปาง เจ้าเมืองลำพูนไชย มีศุภอักษรลงมาประการใด จึงค่อยผ่อนปรนไปตามทางสามัคคีคารวะ อย่าให้แตกร้าวกันได้

ครั้นทรงทราบในคำปรึกษาแล้ว จึงโปรดเกล้าฯให้พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ กลับขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว เอาคำปรึกษาของพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีไปแจ้งจ่อเจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปาง เจ้าชัยลังกาพิศาลเจ้าลำพูนไชย ทราบทุกประการแล้ว เจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปาง เจ้าชัยลังกาพิศาลเจ้านครลำพูนไชยมีศุภอักษาลงมมาว่า ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์เป็นเจ้าประเทศราชใหญ่ เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร นายน้อยมหาวงศ์ นายหนานมหาเทพ นายน้อยเทพวงศ์ นายหนานธรรมลังกา ก็มิได้อยู่ในถ้อยคำ ถือเปรียบเเก่งแย่งผู้ใหญ่ ทำให้ขุ่นเคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอรับพระราชทานเอาให้เอาตัว เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร นายน้อยเทพวงศ์ นายหนานมหาเทพ นายหนานธรรมลังกา นายน้อยมหาวงศ์ ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ ณ กรุงเทพฯก่อน ครั้นทรงทราบในศุภอักษรแล้ว ก็โปรดเกล้าฯให้เอาตัวเจ้านายเมืองเชียงใหม่ไว้ตามคำปรึกษา

ครั้น ณ ปีเถาะนพศก ศักราช ๑๒๒๙ เจ้าอุปราชธรรมปัญโญป่วยถึงแก่กรรม ครั้น ณ วัน ๕ เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์กับเจ้านายญาติพี่น้องบุตรหลาน ช่วยกันปลงศพเจ้าอุปราชธรรมปัญโญเสร็จแล้ว จึงมีศุภอักษรบอกลงมา ณ กรุงเทพฯ ณ เดือน ๕ ปีมะโรงสัมฤทธิศก ว่าเจ้าอุปราชธรรมปัญโญถึงแก่กรรม ขอรับพระราชทานนายน้อยมหาวงศ์บุตรเจ้าอุปราชธรรมปัญโญขึ้นไปควบคุมญาติพี่น้องบ่าวไพร่ ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ ครั้นทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายน้อยมหาวงศ์กลับขึ้นไปอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ และเจ้าราชบุตรหนานสุริยวงศ์บุตรพระเจ้ามโหตรประเทศที่เอาตัวไว้ ณ กรุงเทพฯ ก็ถึงแก่กรรม

ครั้นลุศักราช ๑๒๓๐ ปีมะโรงสัมฤทธิศก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก

ลุศักราช ๑๒๓๑ ปีมะเส็งเอกศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์มีศุภอักษรลงมาว่า ฟ้าโกลานเจ้าเมืองมอกใหม่ขัดแข็งไม่พาครอบครัวเข้ามาเหมือนสัญญาไว้แต่ก่อน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์แต่งให้บุรีรัตน เจ้านายบุตรหลานยกไปตีต้อนกวาดครอบครัวฟ้าโกลานมา ณ เมืองเชียงใหม่ กับช้างที่เมืองพร้าตกลูกเป็นช้างด่างช้าง ๑ แต่งให้หนานไชยวงศ์ พระยาไยชเลิกคุมลงมาถวาย ถึงกรุงเทพฯ ณ วันเดือน ๑ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีมะเส็งเอกศก ศักราช ๑๒๓๑ ปี ทรงพระมหากรุณาให้แห่ช้างขึ้นไปสู่โรงสมโภช ขึ้นระวางพระราชทานนาม พระเศวตวรวรรณ

ครั้นลุศักราช ๑๒๓๑ ปีมะเส็งเอกศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์พาบุตรหลานลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายเครื่องราชบรรณาการให้เจ้าราชภาคิไนย นายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์ อยู่รักษาเมืองเชียงใหม่ เจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปางก็แต่งให้เจ้าราชวงศ์บุตรพระเจ้านครดวงทิพ เจ้าราชบุตรใจแก้วบุตรเจ้าวรญาณรังษี ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย

ครั้น ณ เดือน ๒ ปีมะเส็งเอกศก กองทัพเงี้ยว กองทัพลื้อ ยกลงมาตีเมืองปายเมืองขึ้นเมืองเชียงใหม่ เจ้าราชภาคิไนย นายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์ มีหนังสือแต่งข้อราชการลงมาเมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย แล้วนายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์ คุมกำลังนายไพร่เมืองเชียงใหม่ ๑๐๐๐ คน เจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปาง แต่งให้นายน้อยพิมพิสาร นายหนานไชยวงศ์ คุมกำลังนายไพร่เมืองนครลำปาง ๑๐๐๐ คน เจ้าไชยลังกาพิศาลเจ้าลำพูนไชยแต่งให้นายอินทวิไชย นายน้อยมหายศ คุมกำลังนายไพร่เมืองลำพูน ๕๐๐ คน ยกขึ้นไปช่วยเมืองปายหาทันไม่ กองทัพเงี้ยว ทัพลื้อ เมืองมอกใหม่ตีเมืองปายแตก จุดเผาบ้านเรือนกวาดต้อนครอบครัวไปเมืองมอกใหม่ กองทัพเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชยยกติดตามไปจนถึงฝั่งน้ำสาละวินก็หาทันกองทัพเงี้ยวทัพลื้อไม่

และพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ กับเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง ก็ลงมาถึงกรุงเทพฯ ณ เดือน ๓ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีมะเส็งเอกศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ กับเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปางก็เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายเครื่องบรรณาการ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็น้อมเกล้าถวายคำนับบังคมทูลพระกรุณา ขอรับพระราชทานเจ้าราชวงศ์หน่อคำ นายหนานมหาเทพ กับญาติพี่น้อง ซึ่งเอาตัวไว้ ณ กรุงเทพแต่ก่อน ขึ้นไปทำราชการฉลองพระเดชพระคุณอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กลับขึนไป

ครั้นเดือน ๔ ปีมะเส็งเอกศก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งเจ้าบุรีรัตนอินทนนท์บุตรพระยาราชวงศ์มหาพรหมเป็นเจ้าอุปราช ตั้งนายพุทธวงศ์บุตรเลี้ยงพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์เป็นเจ้าราชบุตรเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปางนั้นโปรดเกล้าฯตั้งเจ้าราชวงศ์เป็นเจ้าอุปราช ตั้งเจ้าราชบุตรใจแก้วเป็นเจ้าราชวงศ์ พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ทุกคน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์อยู่ที่กรุงเทพฯก็ป่วยลง ครั้นทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทก็พระราชทานหมอยา หมอนวด ให้ไปพยาบาล อาการก็หาคลายไม่ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์จึงแจ้งความต่อท่านเสนาบดีว่า จะขอถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาตัว ณ เมืองเชียงใหม่ ท่านเสนาบดีก็นำเจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร นายหนานมหาเทพ เจ้านายบุตรหลานเมืองเชียงใหม่ เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์เมืองนครลำปาง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง จึงโปรดเกล้าฯพระราชทานหมอยา หมอนวด ให้ขึ้นไปด้วยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์

ครั้น ณ วัน ๑ เดือน ๖ แรม ๔ ค่ำ ปีมะเมียโทศก พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ กับเจ้านายทั้ง ๒ เมือง ก็ออกเรือจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปถึงบ้านท่าพเนศเขตเมืองเชียงใหม่ ยังททางอีกวันหนึ่งจะถึงเมือง พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ป่วยหนักลง ครั้นถึง ณ เดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ ปีมะเมียโทศก เวลา ๒ โมงเช้า พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ก็ถึงพิราลัย เป็นพระเจ้าเชียงใหม่ได้ ๑๖ ปี เจ้าอุปราช และเจ้านายบุตรหลานก็พาเอาศพพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ไป ณ เมืองเชียงใหม่

ครั้น ณ วัน ๕ เดือน ๔ แรม ๓ ค่ำ ปีมะเมียโทศก เจ้าราชภาคิไนยเมืองเชียงใหม่ก็ถึงแก่กรรม เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้านายบุตรหลานมีศุภอักษรให้นายบุญทวงศ์ถือลงมา ว่าพม่าเขินเมืองเชียงตุงยกครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๓๗๐ คน มาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสน มีเรื่อน ๓๓๓ หลังเรือน กับครัวเงี้ยวฟ้าโกลานที่ตีกวาดมาไว้แต่ก่อน เป็นคนชายหญิงใหญ่น้อย ๑๐๐ คน ส่งลงมาถวายใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แล้วจึงมีศุภอักษรโปรดเกล้าฯขึ้นไปให้เจ้าอุปราชว่าราชการเมือง ให้นายบุญทวงศ์ว่าที่อุปราช แล้วให้แต่งคนขึ้นไปว่ากล่าวแก่พวกพม่าเขินว่า ถ้าจะมาตั้งอยู่ที่เมืองเชียงแสนก็ให้ยอมขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงราย นายบุญทวงศ์ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ เจ้าอุปราชก็แต่งให้แสนท้าวพระยาลาว ไปว่ากล่าวแก่พวกพม่าเขินเมืองเชียงแสน พม่าเขินก็ยังหายอมขึ้นแก่เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงรายไม่

ครั้นมา ณ เดือน ๓ ปีมะเมียโทศก โปรดเกล้าฯให้พระยาราชวรานุกูล ขึ้นไปปลงศพพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ พระยาราชวรานุกูลขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้านายญาติพี่น้องช่วยกันปลงศพพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ในเดือน ๔ ปีมะเมียโทศก

และในเดือน ๔ นั้น พวกเงี้ยว พวกลื้อ ยกกองทัพเข้ามาตีกวาดครอบครัวเผาบ้านเรือนในแขวงเมืองเชียงใหม่ เข้ามาจนถึงบ้านฉลอง หนองคาย ป้านป่าแง ยังทางอีกวันหนึ่งจะถึงเมืองเชียงใหม่ เจ้าอุปราชผู้ว่าราชการเมืองเกณฑ์ให้นายหนานธรรมลังกาผู้เป็นที่เจ้าราชสัมพันธวงศ์ นายอินทรศผู้เป็นที่เจ้าราชภาคิไนย กับนายหนานมหาเทพ นายน้อยปัญญาคุมกำลังนายไพร่ ๕๐๐๐ คน เจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปางเกณฑ์ให้นายน้อยธนัญไชยผู้เป็นที่เจ้าราชสัมพันธวงศ์ กับพระยาวังซ้าย คุมกำลังนายไพร่ ๒๐๐๐ คน เจ้าชัยลังกาพิศาลเจ้าลำพูนไชยเกณฑ์ให้นายอินทวิไชย นายน้อยมหายศ คุมกำลังนายไพร่ ๑๐๐๐ คน รวมเป็นคนนายไพร่ ๘๐๐๘คน ยกขึ้นไปตีพวกเงี้ยว พวกลื้อ แตกเลิกถอยไป นายทัพนายกองยกติดตามตีไปจนถึงท่าผาแดง กองทัพเงี้ยว กองทัพลื้อ ก็แตกไปพ้นเขตแดนเมืองเชียงใหม่ ฝ่ายนายทัพนายกองทั้ง ๓ เมืองก็พากันกลับมา แต่นายหนานมหาเทพนั้น มาถึงกลางทางยังหาถึงเมืองเชียงใหม่ไม่ก็ป่วยถึงแก่กรรม



Create Date : 17 มีนาคม 2550
Last Update : 17 มีนาคม 2550 12:59:37 น. 2 comments
Counter : 5062 Pageviews.  
 
 
 
 
ครั้น ณ ปีมะแมตรีศก เจ้าวรญาณรังษีป่วย เจ้าวรญาณรังษีว่าราชการเมืองนครลำปางมาได้ ๑๖ ปี ถึง ณ วันเดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ ปีมะเเมตรีศก ศักราช ๑๒๓๓ ปี เจ้าวรญาณรังษีก็ถึงแก่พิราลัย เจ้าชัยลังกาเป็นพระยาลำพูนได้ ๘ ปี ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าลำพูนไชยได้ ๑๗ ปี รวมแต่ได้ครองเมืองลำพูนไชยมาได้ ๑๕ ปี ก็ถึงแก่พิราลัยในปีมะแมตรีศกนั้น โปรดเกล้าฯให้พระศรีเสนาขึ้นไปปลงศพเจ้าวรญาณรังษีเจ้านครลำปาง

ฝ่ายกงสุลเยเนราลอังกฤษมีหนังสือแจ้งความมายังท่านเสนาบดีผู้ว่าราชการต่างประเทศ ว่าเมื่อพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ยังไม่ถึงแก่พิราลัย ให้เจ้านายบุตรหลานแสนท้าวพระยาลาวเมืองเชียงใหม่ ไปเก็บริบเอาไม้ขอนสักและทรัพย์สิ่งของช้างม้าโคกระบือ ฆ่าฟังพวกต้องซู่ซึ่งอยู่ในบังคับอังกฤษ เป็นหลายเรื่องหลายราย ท่านเสนาบดีได้นำความขึ้นน้อมเกล้าถวายคำนับกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท

จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาจ่าแสนบดีศรีบริบาลเจ้ากรมมหาดไทยฝ่ายพลัมภัง กับพระยาสุริยภักดีเจ้ากรมตำรวจสนมทหารฝ่ายซ้าย ขึ้นไปชำระความพม่าต้องซู่ ซึ่งฟ้องหาเจ้านายแสนท้าวพระยาลาวเมืองเชียงใหม่ พระยาจ่าแสนบดี พระสุริยภักดี ขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่ ได้ชำระความพม่าต้องซู่ เจ้านายแสนท้าวพระยาลาวแล้วไปบ้าง แต่ที่ตัดสินฝ่ายโจทย์จำเลยไม่ยอมกันมีอยู่หลายเรื่อง พระยาจ่าแสนบดี พระสุริยภักดี กำหนดให้โจทย์จำเลยลงมาชำระว่ากล่าวกัน ณ กรุงเทพฯ แล้วพระยาจ่าแสนบดี พระสุริยภักดีก็พาตัวเจ้าอุปราช เจ้าราชบุตรเมืองเชียงใหม่ เจ้าอุปราชเมืองนครลำปาง เจ้านายบุตรหลานทั้ง ๒ เมือง ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แต่เจ้าราชบุตรเมืองเชียงใหม่ลงมาถึงกรุงเทพฯก็ถึงแก่กรรม จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาจ่าแสนบดีไปทำการปลงศพเจ้าราชบุตร ณ วัดบวรมงคล

ฝ่ายพม่าต้องซู่ซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องหากล่าวโทษเจ้านายแสนท้าวพระยาลาวเมืองเชียงใหม่ ก็ตามลงมายื่นเรื่องราวต่อกงสุลเยเนราลอังกฤษ ณ กรุงเทพฯ กงสุลเยเนราลอังกฤษแจ้งความมายังท่านเสนาบดีผู้ว่าราชการต่างประเทศ ท่านเสนาบดีผู้ว่าราชการต่างประเทศก็นำความขึ้นน้อมเกล้าถวายคำนับกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พระยาราชวรนุกูล พระยาจ่าแสนบดี พระยามหามนตรี ลงไปชำระความพม่าต้องซู่โจทก์ เจ้านายแสนท้าวพระยาลาวเมืองเชียงใหม่จำเลย ที่บ้านกงสุลเยเนราลอังกฤษ ได้ตัดสินความโจทก์จำเลยยกเลิก ๒๑ เรื่อง จำเลยแพ้ ๑๑ เรื่อง

ครั้น ณ เดือน ๖ ปีระกาเบญจศก โปรดเกล้าฯตั้งเจ้าอุปราชอินทนนท์บุตรพระยาราชวงศ์มหาพรหมขึ้นเป็นที่ เจ้าอินทวิไชยานนท์ พหลเทพภักดี ศรีโยนางคดไนยราชวงศา มหาประเทศราชประชาธิบดี นพิสี นคราภิพงศ์ ดำรงพิพัฒนชิยางคราชวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่ ตั้งนายน้อยขัติยวงศ์บุตรเจ้าเชียงใหม่อินทนนท์ เป็นเจ้าราชบุตร ตั้งนายอินทรศบุตรเขยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เป็นเจ้าราชภาคิไนย ตั้งนายธรรมลังกาหลานพระเจ้ามโหตรประเทศบุตรบางบัวทิพ เป็นเจ้าราชสัมพันธวงศ์ ตั้งนายน้อยเทพวงศ์บุตรพระยาอุตรการโกศลมหาพรหม เป็นพระยาอุตรการโกศล

แล้วทรงพระราชดำริว่า ที่เมืองปายตั้งแต่เงี้ยวลื้อยกกองทัพพม่าตีจุดเผาบ้านเรือน กวาดต้อนครอบครัวไป ก็ยังร้างว่างอยู่ หามีผู้จะรักษาเมืองไม่ กองทัพเงี้ยวลื้อจึงมีใจกำเริบองอาจประมาทเข้ามาตีกวาดต้อนเอาครอบครัวไปเนืองๆ จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งนายหนายธนัญชัย ซึ่งเป็นพระยาชัยสงคราม บุตรราชวงศ์มหายศ เป็นพระยาเกษตรรัตนอาณาจักร เจ้าเมืองปาย ให้ยกเอาคนเมืองเชียงใหม่ไปตั้งเมืองปายให้เป็นภูมิลำเนาบ้านเรือนเหมือนแต่ก่อน จะได้ป้องกันรักษาด่านทางเมืองเชียงใหม่ต่อไป

แล้วโปรดเกล้าฯตั้งเจ้าอุปราชบุตรพระเจ้าดวงทิพ เป็นเจ้าพรหมภิพงศ์ธาดา สามันต์วิชิตประเทศราช บริสัษยนาถทิพจักราธิวงศ์ ดำรงโยนวิสัย อภัยรัษฎารักษ์ อุดมศักดิ์สุเสรนางค์ ลำปางคมหานคราธิปตัย เจ้านครลำปาง ตั้งนายแก้วเมืองมาบุตรเจ้าอุปราชมหาพรหม เป็นเจ้าราชวงศ์ ตั้งนายน้อยธรรมเสนาบุตรเจ้าวรญสณรังษี เป็นเจ้าบุรีรัตน ตั้งนายโละบุตรเจ้าพรหมภิพงศธาดา เป็นเจ้าราชบุตร ตั้งนายน้อยหวันบุตรเจ้าราชบุตรมหาเทพ เป็นพระยาชัยสงคราม ตั้งนายน้อยชัยสารบุตรพระยาวังซ้ายคนเก่า เป็นพระยาวังซ้าย ได้พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานานุศักดิ์ทุกคน แล้วเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำปาง เจ้านายบุตรหลานก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาเมือง

ครั้น ณ เดือน ๑๒ ศักราช ๑๒๓๕ ปีระกาเบญจศก เจ้านครเชียงใหม่แต่งให้นายบุญทวงศ์ผู้ว่าที่อุปราช คุมเครื่องบรรณาการลงมาทูลเกล้าฯถวาย จึงทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งนายบุญทวงศ์ เป็นเจ้าอุปราชเมืองเชียงใหม่ ได้พระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานานุศักดิ์ เจ้าอุปราชก็กราบถวายบังคมลงกลับขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ แล้วโปรดเกล้าฯให้หลวงคเชนทรามาตย์ขึ้นไปปลงศพเจ้าชัยลังกาพิศาลเจ้าลำพูนไชยด้วย

ครั้น ณ เดือน ๒ ปีระกาเบญจศก เจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ แต่งให้นายน้อยปัญญา นายน้อยคำปัน นายน้อยคำสวน คุมเอาสิ่งของขึ้นไปถวายพระเจ้าตะแคงเมืองอังวะ

ครั้น ณ เดือน ๔ ปีระกาเบญจศกนั้น ทูตที่โปรดเกล้าฯให้ออกไปทำหนังสือสัญญา ว่าด้วยการเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย กลับเข้ามาถึงกรุงเทพฯ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พระพิเรนทรเทพเจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ซ้าย เชิญศุภอักษรและหนังสือสัญญาขึ้นไปแจ้งราชการต่อเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าพรหมาภิพงศธิดาเจ้านครลำปาง เจ้าราชวงศ์ผู้ว่าราชการเมืองลำพูนไชย ให้จัดคนตั้งด่านระวังโจรผู้ร้ายตามข้อสัญญา เจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ เจ้าพรหมาภิพงศธาดาเจ้านครลำปาง เจ้าราชวงศ์ผู้ว่าราชการเมืองลำพูนไชยได้ทราบศุภอักษรแล้ว ก็จัดคนออกไปตั้งด่านในแขวงเมืองเชียงใหม่ ๗ ตำบล เมืองนครลำปาง ๔ ตำบล เมืองลำพูนไชย ๒ ตำบล รวม ๑๓ ตำบล เป็นคนนาย ๑๗ ไพร่ ๕๘๐ รวม ๕๙๗ คน

ครั้น ณ เดือน ๑๐ ศักราช ๑๒๓๖ ปีจอฉศก เจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ ให้นายน้อยเทพวงศ์ลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯให้มีศุภอักษรให้นายน้อยเทพวงศ์ถือขึ้นไปถึงเจ้านครเชียงใหม่ ให้เกณฑ์กองทัพจักให้เจ้านายบุตรหลานคุมขึ้นไปขับไล่พวกพม่าเขิน ซึ่งมาตั้งอยู่ ณ เมืองเชียงแสน

และในปีจอฉศก ศักราช ๑๒๓๖ ปีนั้น โปรดเกล้าฯให้พระนรินทรราชเสนีปลัดบัญชีกรมพระกลาโหม เป็นข้าหลวงที่ ๑ หลวงเสนีพิทักษ์กรมมหาดไทย เป็นข้าหลวงที่ ๒ ขึ้นไปอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ แล้วโปรดเกล้าฯให้ทหาร นทาย ๑๐ คน ทหารเลว ๖๐ คน รวม ๗๐ คน ขึ้นไปประจำอยู่กับข้าหลวงที่เมืองเชียงใหม่ด้วย ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเงินเดือนให้ข้าหลวงที่ ๑ ที่ ๒ ล่ามขุนหมื่นเสมียนนายไพร่รวมปีหนึ่งเป็นเงิน ๑๖๒ ชั่ง ๑๒ ตำลึง พระนรินทรราชเสนี หลวงเสนีพิทักษ์ ขุนหมื่นเสมียนทหารนายไพร่กราบถวายบังคมลาขึ้นไป ณ เมืองเชียงใหม่ ณ วันเดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ ปีจอฉศก ขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่ในเดือน ๒ ปีจอฉศก

นายน้อยปัญญา นายนายคำปัน นายน้อยคำสวน กลับมาแต่เมืองอังวะ ถึงเมืองเชียงใหม่ในเดือน ๒ ปีจอฉศกนั้น แจ้งความต่อเจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ ว่าขึ้นไปถึงเมืองอังวะได้เข้าเฝ้าเจ้าอังวะ เจ้าอังวะให้เงินทองผ้าผ่อนพอสมควรทั้งนายไพร่ กับได้ทำแผนที่เมืองอังวะลงมาด้วย เจ้าอินทวิไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่จึงแต่งให้นายหนานสองเมือง คุมตัวนายน้อยปัญญา นายน้อยคำปัน นายน้อยคำสวน กับนำแผนที่เมืองอังวะลงมาทูลเกล้าฯถวาย ณ กรุงเทพฯ

ครั้น ณ เดือน ๔ ปีจอฉศก ศักราช ๑๒๓๖ ปี เจ้าอินทไชยานนท์เจ้านครเชียงใหม่ ปรึกษาพร้อมด้วยพระนรินทรราชเสนี จะเกณฑ์คนยกขึ้นไปขับไล่พวกพม่าเขิน ซึ่งตั้งอยู่ ณ เมืองเชียงแสน พระนรินทรราชเสนีจึงมีหนังสือลงมายังเมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย ให้ดเกณฑ์คนยกขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่ เจ้านครเชียงใหม่จึงแต่งให้นายน้อยเทพวงศ์ พระยาอุตรการโกศล นายน้อยหน่อเมืองคุมไพร่เมืองเชียงใหม่ ๑๐๐๐ คน เจ้านครลำปางแต่งให้เจ้าราชบุตร นายสุริยคุมไพร่เมืองนครลำปาง ๑๐๐๐ คน เมืองลำพูนไชยแต่งให้นายน้อยมหายศคุมไพร่เมืองลำพูนไชย ๕๐๐ คน รวม ๒๕๐๐ คน ยกออกจากเมืองเชียงใหม่ แต่ ณ วันเดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ

และในเดือน ๔ ปีจอฉศกนั้น เจ้าราชวงศ์ดาวเรืองบุตรเจ้าลำพูนชัยลังกา เจ้าราชบุตรน้อยสุริยบุตรเจ้าลำพูนชัยลังกา นายอินทวิไชยบุตรพระเจ้าลำพูนบุญมา เจ้าราชวงศ์ใจแก้ว นายน้อยธนัญไชยบุตรเจ้าวรญาณรังษ๊ นายอาริยะบุตรเจ้าอุปราชหมูล่าเมืองนครลำปาง ลงมาเฝ่าทูลละอองธูลีพระบาทถวายเครื่องบรรณาการ

ครั้น ณ วันเดือน ๖ ขึ้นค่ำ ๑ ศักราช ๑๒๓๗ ปีกุนสัปตศก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯตั้งเจ้าราชวงศ์ดาวเรือง ขึ้นเป็นที่เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ วรโฆษกิตติโสภณ วิมลคุณ หริภุญไชยมหาเจดีย์บูชากรราษฎรธุระธาดา ประดิษฐาธิบดี เจ้านครลำพูนไชย ตั้งนายน้อยสุริยเป็นเจ้าอุปราช ตั้งนายพิมพิสารเป็นเจ้าราชบุตรเมืองลำพูนไชย ตั้งราชวงศ์ใจแก้วเป็นเจ้าอุปราช ตั้งนายน้อยธนัญไชยเป็นเจ้าราชสัมพันธวงศ์เมืองนครลำปาง ตั้งนายอาริยะเป็นพระยาประเทศอุตรทิศเจ้าเมืองพเยา ได้รับพระราชทานเครื่องยศโดยสมควรแก่ฐานานุศักดิ์ทุกคน แต่เจ้าราชสัมพันธวงศ์นั้นพระราชทานเครื่องยศเหมือนเจ้าราชวงศ์ และเจ้านครลำพูนไชย เจ้าอุปราช เจ้าราชบุตรเมืองลำพูนไชย เจ้าอุปราช เจ้าราชสัมพันธวงศ์เมืองนครลำปาง พระยาประเทศอุตรทิศเจ้าเมืองพเยา ก็กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปเมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย

ครั้น ณ เดือน ๑๐ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ปี เจ้านครเชียงใหม่มีศุภอักษรให้เจ้าอุปราช คุมช้างพลายเล็บครบลงมาถวายช้างหนึ่ง กับเจ้านครลำพูนแต่งให้เจ้าบุรีรัตน นายพรหม นายน้อยอินทยศ คุมช้างพลายสูง ๕ ศอก ๑๐ นิ้วช้างหนึ่ง สูง ๕ ศอก ๘ นิ้วช้างหนึ่ง ลงมาถวายกับขอพระราชทานเจ้าบุรีรัตนเป็นที่เจ้าราชวงศ์ นายน้อยพรหมเป็นที่เจ้าบุรีรัตน นายน้อยอินทยศเป็นพระยาชัยสงคราม กับเจ้านครลำปางมีศุภอักษรลงมาขอเจ้าราชบุตรเป็นที่เจ้าบุรีรัตน ขอพระยาวังซ้ายเป็นที่เจ้าราชบุตร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งเจ้าบุรีรัตนเมืองนครลำพูนเป็นที่เจ้าราชวงศ์ ตั้งนายพรหมเป็นที่เจ้าบุรีรัตนเมืองนครลำพูน ตั้งนายน้อยอินทยศเป็นพระยาชัยสงคราม ตั้งเจ้าราชบุตรเมืองนครลำปางเป็นที่เจ้าบุรีรัตน แต่พระยาวังซ้ายนั้น โปรดเกล้าฯสั่งว่า เป็นเทือกเถาท้าวพระยาหาควรจะตั้งขึ้นเป็นเจ้าไม่ แต่เป็นคนมีความชอบได้ราชการ โปรดให้มีเครื่องยศเหมือนกับราชบุตร ได้พระราชทานสัญญาบัตรและเครื่องยศเสร็จแล้ว เจ้าราชวงศ์ เจ้าบุรีรัตน พระยารัตนชัยสงครามเมืองนครลำพูน เจ้าบุรีรัตน พระยาวังซ้ายเมืองนครลำปาง พากันกราบถวายบังคมกลับขึ้นไป ณ เมืองลำปาง เมืองลำพูนไชย ฯ



(หมดฉบับเพียงเท่านี้)



...........................................................................................................................................................
 
 

โดย: กัมม์ วันที่: 17 มีนาคม 2550 เวลา:13:07:59 น.  

 
 
 
....ขอบคุณในความรู้มากมายค่ะ
หนูนั่งอ่านติดพันจนเนตหลุตไป สองรอบแล้ว
ตามมาจากถนนนักเขียนค่ะ
 
 

โดย: กาแฟดำไม่เผ็ด วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:20:26:49 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

กัมม์
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
[Add กัมม์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com