Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เล่ห์รัตติกาล - 4 - เด็กหลอก :: หลอกเด็ก




หลังกินอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารญี่ปุ่นภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของเชียงใหม่เรียบร้อยแล้วก็ปาเข้าไปสองทุ่มเศษๆ จากนั้นณัฐรัฐก็พาวิมลมณีไปถนนท่าแพด้วยรถสัญชาติญี่ปุ่นที่เขาเช่าไว้ใช้ในระหว่างพักอยู่เชียงใหม่ แต่กลับไม่พบสินค้าแบกะดินและผู้คนพลุกพล่านอย่างที่คาดหมาย

ชายหนุ่มจอดรถถามคนท้องถิ่นจึงได้คำตอบว่าถนนคนเดินนั้นมีเฉพาะวันอาทิตย์วันเดียว เมื่อสาวน้อยรู้เข้าก็ทำหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษทีนะวิ พี่ไม่รู้ว่ามันมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น แค่เคยได้ยินเพื่อนๆ พูดถึงก็นึกว่าจะมีทุกวัน ไว้เราค่อยมาใหม่ก็แล้วกันนะ วิอยากไปไหนต่อรึเปล่า ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว”

สาวน้อยที่คิดตระเตรียมแผนการตลบหลังคนเจ้าเล่ห์เอาไว้ถึงกับเซ็งยกกำลังสิบ ไม่นึกว่าสวรรค์จะลำเอียงแบบนี้ เธออุตส่าห์กัดฟันหน้าด้านแย่งทิปเด็กเสิร์ฟเอาไว้แล้วเชียว กะว่าจะแอบใช้โทรศัพท์สาธารณะตอนที่เขาเผลอในระหว่างเดินเที่ยวที่ถนนคนเดินเสียหน่อย เพราะทรัพย์สินส่วนตัวถูกเขาริบไปจนหมดตอนนี้เธอจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับยาจกนัก

แต่เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็คงต้องใช้แผนใหม่ โอกาสดีๆ ไม่ได้มีบ่อยหน เธอไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่

“งั้นเราไปนั่งฟังเพลงต่อได้มั้ยคะ วิยังไม่ได้ฉลองความสำเร็จหลังเรียนจบเลย” เธอยื่นข้อเสนอด้วยสีหน้าเซ็งๆ เหมือนคนไม่มีทางเลือก ขืนทำหน้ากระตือรือร้นเขาต้องจับได้แน่ว่าเธอคิดการณ์ใหญ่

“เด็กดีอยากหนีเที่ยวเหรอ ก็ได้ งั้นพี่จะดูแลวิเอง”

ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจที่หญิงสาวไม่เล่นสงครามประสาทกับเขาเหมือนสองสามวันก่อนที่เพิ่งมาถึงเชียงใหม่ ให้เธอทำหน้าหงิกหน้างอกว่านี้แต่ยอมพูดคุยกับเขาเหมือนเดิมก็พอแล้ว เพราะไม่ว่าเธอจะทำสีหน้าอย่างไรก็ดูน่ารักได้ใจเขาเสมอสิน่า...

ณัฐรัฐขับรถวนดูตามถนนแถวๆ นั้น ไม่เกินสิบห้านาทีก็เจอร้านอาหารกึ่งผับที่น่าสนใจร้านหนึ่งบนถนนนิมมานเหมินทร์ ในลานจอดรถด้านหน้ามีรถยนต์ซึ่งติดป้ายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่จอดอยู่หลายคัน นั่นแปลว่าร้านนี้คงขึ้นชื่อไม่น้อย เนื่องจากมีคนพื้นมาใช้บริการในสัดส่วนที่เยอะพอสมควรในเวลาหัวค่ำเช่นนี้ แต่อีกเดี๋ยวคอราตรีคงจะแน่นขนัดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะใครๆ ก็อยากจะปลดปล่อยเฮฮากันทั้งนั้นหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งสัปดาห์

“ร้านนี้ก็แล้วกัน คืนนี้คนเยอะแน่ ระวังตัวด้วยนะ อย่าอยู่ห่างพี่ ต้องอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา เข้าใจไหม” เขาย้ำเสียงจริงจังเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว

“เข้าใจก็ได้ค่ะ” เธอตอบเสียงสะบัดนิดๆ พยายามไม่แสดงท่าทีลิงโลดให้เขาจับได้

‘คนเยอะสิดี น่าจะวุ่นวายยิ่งกว่าถนนคนเดินเสียด้วยซ้ำ โอกาสของเธอมาถึงแล้ววิมลมณี อันที่จริงสวรรค์ก็ไม่ได้ลำเอียงเท่าไหร่หรอกนะ’

รอยยิ้มกระหยิ่มใจถูกเก็บซ่อนไว้ภายใต้สีหน้าอยากรู้อยากเห็น ทำให้ณัฐรัฐเข้าใจว่าหญิงสาวตื่นเต้นที่จะได้ออกเที่ยวกลางคืน ได้ลองใช้ชีวิตเหมือนสาวๆ ในวัยเดียวกับเธออีกหลายคนที่ไม่ต้องวางตัวอยู่ในกรอบที่บิดามารดาตั้งวางไว้อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา เด็กดีริหนีเที่ยวก็ไม่แปลกที่จะตื่นเต้น

เมื่อลงจากรถแล้วมือเล็กก็ถูกคว้าไปกุมไว้แน่นทำให้สาวน้อยหันขวับ พยายามสะบัดมือออกพลางจ้องหน้าคนฉวยโอกาสตาขวาง

“ปล่อยวินะคุณรัฐ”

นอกจากไม่ปล่อยแล้วคนชอบฉวยโอกาสยังโอบไหล่บางเข้าใกล้ตัว ก้มลงกระซิบวอนด้วยเสียงนุ่มทุ้มอยู่ข้างแก้มใส ใช้ลมหายใจอุ่นซ่านร่ายมนต์ให้เธอมึนงง

“ถ้าไม่ทำแบบนี้จะเรียกว่าอยู่ ‘ใกล้’ กันตลอดเวลาได้ยังไง อยากเที่ยวก็ต้องทำตามกฎของพี่ แล้วเลิกซะทีคำว่า ‘คุณ’ น่ะ ฟังแล้วขัดใจชะมัด กลับมาเรียกพี่เหมือนเดิมได้ไหมคนดี”

“วิ...เอ่อ...ปล่อยนะคะ จะให้วิเรียกคุณเหมือนเดิมได้ยังไง ก็คุณไม่ใช่พี่รัฐคนเดิมอีกแล้ว” สาวน้อยเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้สึกวูบๆ วาบๆ ที่ใบหน้าและช่องท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เธอพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งและรักษาจุดยืนให้มั่นคง

‘ก็เขาทำไม่ถูกนี่นา เธอรู้ดีว่ามันผิดก็ต้องต่อต้านสิ อย่าใจอ่อนง่ายๆ นะวิมลมณี!’

เขาโอบเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ พลางย้ำคำบอกรักหน้าตาเฉย

“ไม่เหมือนยังไง พี่ก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว รักวิมานานแล้วแต่วิไม่ยอมเข้าใจเอง”

คนถูกบอกรักซ้ำๆ ถึงกับหน้าแดงแจ๋ กัดปากจนห้อเลือด และพยายามดันอกแกร่งของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้มันเบียดอกอิ่มของตนมากไปกว่านี้ สัญชาตญาณบอกว่าหากเธอยังดื้อดึงไม่ยอมตามใจเขาก็อาจจะขาดทุนยับเยินได้จึงต้องรีบยอมแพ้ “ก็ได้ค่ะก็ได้ พี่รัฐๆๆๆ พอใจแล้วก็ปล่อยวิเลยนะ วิอายคนอื่นเขา”

“ไม่พอใจ” เขาสวนกลับทันที ก่อนจะอมยิ้มในหน้าพร้อมข้อต่อรองใหม่ “แต่ปล่อยก็ได้ ถ้าวิสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับพี่อีก”

“ดื้อนี่กินความหมายกว้างแค่ไหนคะ” เธอย้อนกลับทันควัน

“ทุกคำสั่งของพี่ ขัดไม่ได้”

“แต่วิไม่เต็มใจจะทำตามคำสั่งของคุณเอ๊ย...พี่รัฐตั้งแต่แรกแล้ว”

“งั้นก็กลับ” เขาว่าพลางเปิดประตูรถและดันร่างบางกลับเข้าไปข้างในแถมยังมีน้ำใจคาดเข็มขัดนิรภัยให้อีกด้วย

“โอเคๆ ยอมแล้วก็ได้ วิจะทำตามที่พี่รัฐบอกทุกอย่าง เราอย่าเพิ่งกลับตอนนี้เลยนะคะ”

คนมีแผนรีบใช้ไม้อ่อนก่อนที่เขาจะกลับไปประจำตำแหน่งคนพลขับแล้วพาเธอกลับบ้านพัก และเธอก็จะเสียโอกาสดีๆ ในการโทร. กลับไปบอกคนที่บ้านดั่งตั้งใจ

ดวงตาเรียวรีไหวระยับประกาศความพึงพอใจ ก้มตัวกลับไปช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้หญิงสาว ก่อนจะค้ำมือไว้กับพนักพิง สบตากลมโตที่จ้องมองอย่างอ้อนวอนใกล้ๆ

“ดีมาก ฝึกไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปจะได้ชิน เพราะเราต้องใช้ชีวิตร่วมกันอีกนาน”

‘นาน’ ของเขาหมายความถึงเวลาตลอดชีวิตที่เหลือ เธอคิดว่าเข้าใจไม่ผิดแน่ ความจริงจังและมั่นคงในดวงตาเรียวรีคู่นั้นทำให้หญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ หวาดหวั่นกับช่วงเวลาอันยาวนานที่เขาต้องการควบคุมเธอไว้ใต้อาณัติ แต่ไม่มีทางเสียละที่เธอจะยอมถูกเขาบงการไปตลอดทั้งชีวิต

วิมลมณีซะอย่าง ไม่ยอมให้ใครมาทำตัวเป็นจ้าวชีวิตอย่างแน่นอน!

“งั้นเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ คนน่าจะเยอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”

เธอดันหน้าอกเขาให้ถอยห่างแล้วรีบดีดตัวออกมาจากรถโดยเร็ว

ชายหนุ่มอมยิ้มในหน้า ปิดประตูรถพร้อมกดล็อกก่อนจะคว้ามือเล็กมากุมไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในขณะที่เดินเข้าไปภายในร้านด้วยกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมาวุ่นวายกับผู้หญิงของเขา

ก็คนนี้เขาทั้งรักทั้งหวงและจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปเป็นอันขาด!

ภายในร้านแบ่งเป็นหลายโซน เขาเลือกที่จะจูงมือคนข้างกายเข้าไปนั่งฟังเพลงและสั่งอะไรมากินกันแบบสบายๆ เพราะไม่อยากให้ใครมาวอแวกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบใจนัก

“พี่รัฐคะ วิอยากไปด้านโน้น”

เธอหมายถึงอีกโซนที่มีวงดนตรีมาเล่นให้ฟังสดๆ เพราะมันดูวุ่นวายกว่าโซนนี้มาก เนื่องจากผู้คนค่อนข้างเยอะดูคึกคัก และแสงสลัวที่มองเห็นรำไรนั้นเป็นประโยชน์ต่อการหลบหลีกสายตาเขาเพื่อแอบไปใช้โทรศัพท์ที่ไหนสักแห่งเป็นอย่างมาก

“พี่ว่าอยู่ตรงนี้ดีกว่ามั้ง ตรงโน้นคนเยอะ วุ่นวายออกจะตายไป”

“ชิ! มากับคนแก่ก็งี้แหละ”

คำสบประมาทไม่ไว้หน้านั้นทำให้ ‘คนแก่’ ฉุนจัด

คำก็แก่ สองคำก็แก่ เดี๋ยวคนแก่จะสั่งสอนเด็กแก่แดดให้รู้สำนึกซะบ้าง!

ร่างบางถูกฉุดให้ลุกตามไปอีกโซนโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อถูกกดไหล่ให้นั่งลงที่โต๊ะหนึ่งภายในโซนแสดงดนตรี เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ก็ถูกสั่งมาวางตรงหน้าสาวน้อยพร้อมคำท้าทายของคนแก่

“คนโตแล้วเขาดื่มกัน เอาสิ คืนนี้พี่จะไม่ห้ามปรามอะไรทั้งนั้น ไม่อยากทำตัวเป็นคนแก่”

หญิงสาวเม้มปากพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างนึกฉุน ปกติเขาไม่เคยสนับสนุนให้เธอลิ้มลองเครื่องดื่มมึนเมามาก่อน ครั้งแรกที่เธอแอบลองจากการยุยงส่งเสริมแกมท้าทายของเพื่อนสาวชาวอเมริกันก็ถูกณัฐรัฐจับได้เพราะเมาแอ๋ไม่รู้เรื่องแล้วอาละวาดซะจนวุ่นวายกันไปทั้งอพาร์ตเมนต์ รูมเมทของเธอเลยช่วยโทร. ตามพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้มาจัดการ

จากนั้นเขาก็จัดอบรมชุดใหญ่และเธอก็ถูกควบคุมความประพฤติเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรกับการถูกสั่งกักบริเวณเพราะเขาจะคอยตามติดเธอตลอด หรือหากมาคอนโทรลด้วยตัวเองไม่ได้ก็จะโทร. เช็กทุกครึ่งชั่วโมงและต้องมีพยานบุคคลยืนยันด้วย ตอนนั้นเธอจำต้องยอมรับทุกบทลงโทษเพราะไม่เช่นนั้นเรื่องนี้ถึงหูบุพการีที่เมืองไทยแน่

แล้วนี่อะไร เขากำลังท้าทายให้เธอดื่มงั้นหรือ?

“เอาสิ หรือว่าไม่กล้า?”

สิ้นคำปรามาสนั้นเครื่องดื่มสีสันแปลกตาก็ถูกยกซดรวดเดียวหมด รสชาติแสบร้อนที่กลืนผ่านลำคอลงไปทำให้ใบหน้าแฉล้มนั้นบิดเบ้ แต่ก็ไม่ยอมแสดงความเป็นไก่อ่อนให้เขาเห็น เชิดใบหน้าขึ้นพลางย้อนยิ้มๆ

“คนอย่างวิมลมณีไม่ยอมให้ใครมาสบประมาทกันง่ายๆ หรอกค่ะ”

ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก พยักหน้าหงึกๆ แล้วโบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรงเพิ่ม คราวนี้เขาสั่งมาเป็นเหยือกเลยทีเดียว

วิมลมณีถึงกับเบิกตาโต “พี่รัฐกะจะมอมวิหรือไงถึงได้สั่งเยอะขนาดนี้”

“มาเที่ยวกลางคืนมันก็ต้องดื่มเครื่องดื่มแบบนี้แหละ ไม่งั้นจะมาทำไมให้เสียเวลา โซนนี้ใครๆ ก็ดื่มกัน ไม่เชื่อวิก็ลองมองไปรอบๆ ดูสิ ถ้าดื่มไม่เป็นก็ควรกลับไปนอนดูทีวีที่บ้านดีกว่า ดื่มนมดูวงดนตรีสดมันจะไปสนุกอะไรล่ะ และคนอย่างพี่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีมอมเหล้าผู้หญิงคนไหนด้วย ถ้าวิอยากพิสูจน์...”

“คนบ้า!”

สาวน้อยกัดฟันกรอดด้วยความโมโห กอปรกับฤทธิ์แอลกอฮอล์จากเครื่องดื่มแก้วแรกเริ่มสำแดงเดชทำให้เธอยกเครื่องดื่มแก้วใหม่ขึ้นซดรวดเดียว

งานนี้นายพรานหนุ่มจึงสมใจเพราะเหยื่อสาวตกลงไปในกับดักที่เขาขุดล่อไว้แล้วทั้งตัว!



คุณชายดนัยเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขายาวที่ส่งให้ร่างสูงยิ่งดูสง่างามมากขึ้นไปอีก นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองนาฬิกาเรือนหรูบนผนังห้องด้านหนึ่งสลับกับโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงอย่างลังเล

ภาพใบหน้าสะสวยประดับรอยยิ้มหวานไหวของรัตติกาลผุดขึ้นมาในหัวอย่างแจ่มชัด

เกือบห้าทุ่มแล้ว ‘เด็กบ้า’ นั่นจะยังรอโทรศัพท์เขาอยู่ไหมนะ?

ความลังเลเกิดขึ้นในใจเมื่อเอนร่างลงบนเตียงกว้างแสนคุ้นเคย และราวกับคนในความคิดคำนึงของเขาจะเลี้ยงกุมารทองเอาไว้ใช้งานเพราะเสียงข้อความเข้าดังขึ้นในตอนนั้น เมื่อเขาเปิดอ่านก็ถึงกับต้องชักสีหน้าบึ้งตึงกึ่งขบขัน

‘คุณชายขา ถึงบ้านรึยังคะ ตี้เป็นห่วงแต่ไม่กล้าโทร. กวน กลัวว่าคุณชายจะขับรถอยู่ ถึงแล้วโทร. บอกตี้หน่อยนะคะ ตี้จะได้หลับซะที ตอนนี้ง่วงตาจะปิดแล้วค่ะ’

“ตกลงว่าผมต้องโทร. หาคุณก่อนถึงจะมีสิทธิ์นอนสินะ” เขาบ่นแต่ก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นฝ่ายโทร. หาแม่สาวที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ทันข้ามวันก่อน นับเป็นสถิติใหม่ของเขาเลยทีเดียว

“ถึงบ้านแล้วใช่มั้ยคะคุณชาย”

เสียงใสแจ๋วตอบรับก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไปเสียอีก เขาชักสงสัยว่าเธอง่วงตาจะปิดจริงหรือ?

“ถึงแล้ว ถ้าง่วงก็หลับซะ”

“เมื่อกี้เผลอหลับไปแล้วงีบนึง พอได้ยินเสียงคุณชายแล้วตาสว่างทันทีเลยค่ะ สงสัยจะนอนไม่หลับแน่เลย คุณชายต้องรับผิดชอบด้วยนะคะ”

“อะไรของคุณอีกล่ะ คุณบอกให้ผมโทร. หาเองแล้วจะมาโทษว่าผมทำให้นอนไม่หลับได้ไง” เขาโวยวายกึ่งขำกึ่งฉุน ชักจะรู้สึกมากขึ้นทุกทีว่ากำลังถูกจีบด้วยมุกที่สามารถแถไปได้เรื่อยๆ ของรัตติกาล

“แหม...ก็ตี้นอนไม่หลับแล้วนี่คะ อยู่คนเดียวเหงาจะตายไป ตอนกลางคืนยิ่งแล้วใหญ่ คุณชายคุยกับตี้ก่อนนะ”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยนอกจากเรื่องงาน แต่ตอนนี้ดึกแล้วผมไม่คุยเรื่องงานกับใคร”

“งั้นคุยเรื่องส่วนตัวก็ได้ค่ะ ตี้ไม่ถือ”

“แต่ผมถือ”

“ถือทำไมล่ะคะ มันหนักนะ บางเรื่องปล่อยวางบ้างก็ได้ ชีวิตเป็นเรื่องยากมากพอแล้ว ไม่เห็นต้องทำให้ทุกอย่างมันยากไปซะหมดเลยนี่นา”

“ผมไม่ชอบทำอะไรมักง่าย”

“เขาเรียกว่าทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายค่ะ ไม่ใช่มักง่าย”

“ก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ไม่เหมือนหรอกค่ะ”

“ไม่เหมือนยังไง”

เสียงออดอ้อนฉอเลาะจากปลายสายฟังเพลินหูจนเขาเผลอต่อปากต่อคำกับเธออยู่นานสองนานโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังคุยเป็นเพื่อนคนนอนไม่หลับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับปากสักคำ

“ถ้าอยากรู้คุณชายก็ต้องเปิดใจทำความรู้จักกับตี้ และให้โอกาสตี้ได้รู้จักตัวตนของคุณชายมากขึ้นอีกซักนิด รับรองว่าคุณชายต้องเห็นความแตกต่างระหว่างการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายกับการมักง่ายอย่างแน่นอนค่ะ ว่าแต่คุณชายกล้าพอมั้ยคะ?”

“นี่คุณกำลังท้าทายผม?”

“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ แล้วตกลงว่ากล้าหรือไม่กล้าล่ะคะ”

“ผมชักจะแน่ใจขึ้นทุกทีว่าคุณไม่ได้ต้องการแค่คนช่วยรีโนเวทและตกแต่งบ้านใหม่”

“แล้วคุณชายคิดว่าตี้ต้องการอะไรมากกว่านั้นล่ะคะ”

“ผม...จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ คุณต่างหากที่รู้ดีที่สุด” คราวนี้คนชอบดักคอถึงกับตอบไม่ถูกเลยทีเดียว

เธอหัวเราะมาตามสายอย่างน่าฟัง “งั้นก็ลองค้นดูซักหน่อยเป็นไงคะ ถ้าคุณชายแน่ใจแล้วค่อยบอกตี้ก็ได้ ตี้ไม่รีบค่ะ”

“ผมไม่ชอบเล่นเกมกับเด็กหรอกนะ”

“ไม่ชอบหรือว่าไม่กล้ากันแน่คะ”

“รัตติกาล...” เขาลากเสียงจริงจัง เริ่มไม่สนุกกับเธอแล้ว

“พรุ่งนี้ตี้จะรอที่คอนโดฯ นะคะ คุณชายรีบมานะ ตี้จะทำอาหารเช้ารอ ถ้าไม่มา...ตี้จะคิดว่าคุณชายกลัวก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่เป็นแบบนั้น ตี้จะรอค่ะ คืนนี้ฝันดีนะคะ จุ๊บๆ”

รัตติกาลวางสายไปแล้วก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ด้วยซ้ำ ชายหนุ่มได้แต่กลอกตาไปมา ก่อนจะขมวดคิ้วนิ่วหน้าเมื่อเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาอีกครั้ง

นี่เขาคุยกับรัตติกาลเกือบชั่วโมงเลยหรือ ทำไมรู้สึกว่ามันแค่แป๊บเดียวเองนะ แล้วนี่ตกลงว่ายังไง เขาต้องแหกขี้ตาตื่นไปกินอาหารเช้ากับเด็กบ้าเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้กลัวอย่างนั้นหรือ?

“ให้ตายเถอะรัตติกาล คุณนี่มันแม่มดชัดๆ!”



วิมลมณีเริ่มเวียนหัวหลังดื่มหมดไปแค่สองแก้วครึ่ง ในขณะที่ณัฐรัฐยังคงปกติดีทุกอย่าง หญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า ลำคอ และภายในช่องท้องจนอยากจะถอยทัพ แต่เพราะทิฐิและฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่กระตุ้นให้ความบ้าบิ่นของมนุษย์อยู่ในระดับสูงกว่าภาวะปกติเธอจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

เสียงเพลงหวานซึ้งจากการแสดงดนตรีสดจบลงแล้วแทนที่ด้วยเพลงแดนซ์ในจังหวะเร้าใจจากดีเจหนุ่มเคล้าคลอกับแสงไฟวูบวาบที่ส่ายไปมาบนศีรษะและภาพของหนุ่มสาวคอราตรีทั้งหลายที่ยักย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันดูลายตาไปหมด หญิงสาวไม่รู้เลยว่าห้องนี้แคบลงตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีคนเจ้าเล่ห์ก็นั่งอยู่ข้างๆ แถมยังฉวยโอกาสโอบไหล่เธอไว้หลวมๆ อีกด้วย

“พี่รัฐปล่อยวินะ วิจะไปเข้าห้องน้ำ”

เธอปัดมือเขาออกพลางสอดส่ายสายตาหาทางไปห้องน้ำทั้งที่รู้สึกมึนจนแทบยืนไม่ไหว แต่สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่น้อยนิดบอกว่าขืนไม่รีบแวบออกไปโทรศัพท์ตอนนี้ มีหวังเธอเมาพับไปก่อนแน่ๆ

“ก็ไปสิ เดี๋ยวพี่ไปด้วย” เขาว่าพลางช่วยประคองร่างบางที่ผุดลุกขึ้นก่อนด้วยอาการโงนเงนไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้อง วิไปเองได้ ห้องน้ำ...ไปทางไหนเนี่ย” เธอแข็งใจปฏิเสธ สลัดศีรษะไปมา รู้สึกว่าพื้นโลกเริ่มโคลงเคลงเหมือนยืนอยู่บนเรือ แต่ถ้าให้เขาไปด้วยเธอก็หมดสิทธิ์ทำตามแผน

“จะไปคนเดียวได้ยังไง ยืนเองก็แทบไม่ไหว วิเมาแล้วละ เรากลับกันดีกว่า”

“ไม่...วิยังไม่อยากกลับ” เธอปฏิเสธเสียงหลง ใจหายวาบ กลัวต้องกลับมือเปล่า ทั้งที่อุตส่าห์ลงทุนเมาแล้วแท้ๆ

“แต่วิต้องกลับ ลืมแล้วหรือไง วิต้องทำตามกฎของพี่” เขาดุพลางประคองร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวให้เดินออกมาด้านนอกด้วยความทุลักทุเลเพราะสาวเจ้าไม่ยอมให้ความร่วมมือดีๆ

“พี่รัฐปล่อยนะ วิจะเข้าห้องน้ำ ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ยอมแล้ว กลับแล้วก็ได้ แต่ขอวิเข้าห้องน้ำก่อน ฉี่จะราดอยู่แล้วเนี่ย”

เธอโวยวายก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ้อนวอนเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายพยายามจะลากคอเธอกลับที่พักให้ได้

“ได้ แต่พี่ต้องไปด้วย” เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดพลางช่วยประคองร่างหญิงสาวไปส่งจนถึงหน้าห้องน้ำหญิง

“พี่จะรออยู่ข้างนอกนะ”

วิมลมณีได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอย่างสุดเซ็งก่อนจะค่อยๆ เกาะผนังพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำด้วยอาการซวนเซเล็กน้อย เมื่อเข้ามายืนอยู่หน้ากระจกเงาเธอก็ขับไล่ความมึนเมาด้วยการล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกดีขึ้นบ้าง สบตาตัวเองในกระจกแล้วบ่นอุบ

“คนบ้า...แล้วแบบนี้เราจะใช้โทรศัพท์ได้ยังไงเนี่ย”

ทั้งที่ยังรู้สึกปวดหัวจนเหมือนว่ามันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ แต่เธอก็ยังไม่ละทิ้งความตั้งใจเดิม กัดฟันต่อสู้กับอาการมึนๆ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิดจนเห็นหญิงสาวอีกคนผลักประตูเข้ามาพร้อมหนีบมือถือไว้กับใบหู รอยยิ้มยินดีจึงปรากฏบนใบหน้าแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ผสมผสานอยู่ในเส้นเลือด รอจนกระทั่งเป้าหมายพูดคุยธุระเสร็จจึงเอ่ยขึ้น

“ขอโทษนะคะ ขอยืมมือถือของคุณหน่อยได้มั้ย ฉันกำลังเดือดร้อนและจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์จริงๆ”

“เชิญค่ะ” สาวแปลกหน้าแต่มากด้วยน้ำใจส่งโทรศัพท์มือถือให้พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร

หญิงสาวรับเครื่องมือสื่อสารมากดเบอร์บ้านของตนด้วยความดีใจ รออยู่ครู่ใหญ่จึงมีคนรับสาย

“สวัสดีค่ะ บ้านคุณชายวิศาลศิริค่ะ ต้องการเรียนสายกับใครคะ”

“นี่วิเองนะ วิมลมณี คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหม”

“คุณหนูเหรอคะ ทำไมโทร. มาป่านนี้ล่ะคะ คุณชายกับคุณหญิงท่านเข้านอนแล้วละค่ะ ให้แววไปเรียนท่านไหมคะ”

“ไม่เป็นไรแวว งั้นฝากแววบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะว่าตอนนี้วิอยู่สวิสฯ กับเพื่อน เรียนท่านว่ายังไม่ต้องตามมารับวิที่ดีซีในเร็วๆ นี้ อย่าลืมนะแวว ต้องบอกท่านให้ได้เลยนะ ช่วงนี้วิไม่สะดวกใช้โทรศัพท์ซักเท่าไหร่ แล้ววิจะโทร. ไปอธิบายให้พวกท่านเข้าใจอีกที แค่นี้ก่อนนะ อย่าลืมนะแวว”

“ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณหนู คุณหนูคะ...”

เธอกดตัดสายก่อนที่เด็กแววจะได้ถามอะไรอีกแล้วรีบส่งมือถือคืนให้เจ้าของพร้อมกล่าวคำขอบคุณเป็นการใหญ่ ด้วยกลัวว่าณัฐรัฐจะสงสัยที่เธอหายไปนานจึงต้องรีบออกไปโดยเร็ว และเมื่อพบผู้ชายหน้าดุที่ยืนรออยู่ก็ส่งยิ้มประจบเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ

“เสร็จแล้วค่ะ เรารีบกลับกันเถอะนะ วิปวดหัวมากเลย”

“เดี๋ยวค่ะคุณ คุณมีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ”

เสียงถามร้อนรนนั้นทำให้ณัฐรัฐกับสาวน้อยข้างกายชะงักกึก และต้องหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ ทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเสียงคือหญิงสาวผู้มีน้ำใจเมื่อสักครู่นี้ วิมลมณีก็หน้าเผือดสีในบัดดล

“ว่ายังไงล่ะคะ คุณมีอะไรอยากให้ฉันช่วยรึเปล่า ผู้ชายคนนี้ทำอะไรคุณใช่มั้ยคะ เขามอมเหล้าคุณใช่มั้ย”

ณัฐรัฐงงเต้ก ในขณะที่สาวแปลกหน้าขยับมาแตะแขนวิมลมณีด้วยท่าทีห่วงใย แต่กลับมองหน้าเขาด้วยสายตาราวกับเขาเป็นผู้ร้าย ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เขาต้องเขม้นมองสาวน้อยข้างกายอย่างขอคำอธิบาย

“บอกฉันสิคะคุณ ถ้าเขาทำร้ายคุณ ฉันจะช่วยเอง” สาวแปลกหน้าถามอย่างกระตือรือร้น เลือดพลเมืองดีฉีดพล่าน

“นี่มันหมายความว่ายังไงจ๊ะวิ”

เสียงถามเข้มงวดนั้นดังขึ้นพร้อมๆ กับแรงบีบที่ต้นแขนเรียวจนสาวน้อยต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด

“เอ่อ...มะ...ไม่มีอะไรค่ะ คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้ายังไงเราต้องขอตัวก่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะพี่รัฐ” เธอรีบปฏิเสธพลางเร่งเร้าคนข้างๆ ให้ออกเดินก่อนที่เขาจะรู้ว่าเธอแอบโทร. หาคนที่บ้าน

สาวแปลกหน้าน้ำใจงามยังคงเชื่อมั่นเต็มร้อยว่าสาวน้อยหน้าตาแฉล้มผู้นี้อาจตกเป็นเหยื่อของคนร้ายในคราบชายหนุ่มรูปงาม ด้วยท่าทีรีบร้อนลนลานของเจ้าหล่อนตอนที่ขอยืมมือถือของเธอมันฟ้องจึงกระชับเรียวแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น

“ไม่ต้องกลัวนะคะ บอกฉันมาเถอะ ถ้าเขาทำร้ายคุณ ฉันจะช่วยเป็นพยานให้”

วิมลมณีหลับตาลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก

พระเจ้า...บอกได้คำเดียวว่าซวย!

“อะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะทำร้ายคนรักของตัวเองครับ” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกพลางสบตากับสาวแปลกหน้าอย่างใช้ความอดทน

“ก็น้องคนนี้บอกว่ากำลังเดือดร้อนและขอยืมมือถือของฉันเพื่อโทร. หาใครซักคน แล้วก็รีบร้อนออกมาหาคุณด้วยท่าทางตื่นๆ แบบนี้มันหมายความว่ายังไงล่ะคะ”

ณัฐรัฐหันไปหรี่ตามองสาวน้อยร้อยมารยาที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างคาดโทษ ก่อนจะบอกกับพลเมืองดีด้วยน้ำเสียงสุภาพเกินความจำเป็น “คุณเข้าใจผิดแล้วละครับ เราสองคนมาด้วยกัน เธอเป็นคนรักของผม ผมไม่มีวันทำร้ายเธอแน่ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามเธอได้เลย”

“จริงเหรอคะ” พลเมืองดีที่ปะติดปะต่อเรื่องราวไปเองตามความน่าจะเป็นเริ่มลังเล แต่เธอก็ยังต้องการความมั่นใจจากสาวน้อยคนนี้ก่อน

คนที่กำลังตกอยู่ในภาวะเดือดร้อนสุดขีดจริงๆ แล้วในตอนนี้ได้แต่จำใจพยักหน้าส่งๆ ไปให้จบเรื่อง ก่อนจะก้มหน้า หลบตาคนทั้งสองอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวก่อนนะครับ ไปกันเถอะวิ ดื่มหนักจนมึนแล้วละสิ พี่บอกแล้วว่าเบาๆ หน่อยก็ไม่เชื่อ” ณัฐรัฐก้มลงกระซิบข้างใบหูของสาวน้อยจอมเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโอบไหล่บางเดินไปที่ลานจอดรถด้วยกันโดยไม่เหลียวหลัง

วิมลมณีแทบจะก้าวขาไม่ออก แต่คนตัวสูงก็ช่วยทุ่นแรงเธอได้เยอะด้วยการกึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวไปจนถึงรถด้วยอารมณ์กรุ่นๆ ที่พยายามข่มกลั้นไว้เพื่อรอคอยการชำระในภายหลัง ขณะที่สาวน้อยร้อยเล่ห์แต่อับโชคสุดๆ ในคืนนี้ได้แต่ครางในใจอย่างหวาดหวั่น

แบบนี้เรียกว่า ‘อภิมหาซวย’ แล้วละวิมลมณีเอ๋ย!



ทันทีที่รถจอดสนิท ณัฐรัฐก็กึ่งลากกึ่งจูงเด็กเลี้ยงแกะเข้าไปในบ้านพัก คนที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งๆ มึนเมาไม่อาจต้านทานแรงของคนตัวใหญ่ได้จึงถูกผลักลงไปนั่งจุกบนเตียงนอนของตัวเองในที่สุด

“แอบโทร. หาใคร?”

แค่คำถามแรกก็กระชากขวัญหญิงสาวให้ปลิวว่อน ไหนจะอาการปวดศีรษะที่รุมเร้าอีก ใบหน้าแฉล้มขึ้นสีแดงระเรื่อจึงจืดจ๋อยหมดฤทธิ์โดยสิ้นเชิง

“พี่ถามว่าวิโทร. หาใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

ณัฐรัฐใช้น้ำเสียงเข้มๆ เพื่อข่มขู่ให้หญิงสาวพูดความจริง หากเขาไม่รู้ว่าเธอโทร. คุยกับใคร เขาก็จะทำอะไรไม่ได้ ไหนๆ ก็ลงทุนฉุดมาขนาดนี้แล้วจะยอมให้โอกาสงามๆ หลุดลอยไปไม่ได้เด็ดขาด เขาต้องจัดการกับทุกคนที่อาจจะยื่นเท้าเข้ามาขวางเส้นทางรักสายนี้

วิมลมณีสะดุ้งเฮือกพลางกระถดตัวหนีขึ้นไปนั่งอยู่กลางเตียง แต่นั่นยิ่งทำให้เธอตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น เมื่อคนตัวใหญ่กระโดดตามขึ้นไปรวบตัวผู้ร้ายปากแข็งเพื่อจะได้สอบสวนเอาความจริงให้ได้

“พี่รัฐปล่อยวินะ” สาวน้อยร้องเสียงหลงเมื่อถูกเขากอดไว้ทั้งตัว ปวดหัวก็ปวด เรี่ยวแรงก็หดหาย แถมอีกฝ่ายยังโกรธหน้าดำหน้าแดงอีกด้วย แบบนี้เธอจะสู้ได้อย่างไรไหว

เขายกร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตักราวกับเธอไร้น้ำหนัก มือใหญ่รวบมือเล็กทั้งสองข้างไว้ด้านหลังอย่างง่ายดาย ส่วนอีกมือก็รั้งเอวคอดเข้ามาชิดอกแกร่งพลางก้มหน้าลงกระซิบเสียงเข้มอยู่ข้างแก้มนวล “ไหนวิรับปากว่าจะไม่ดื้อกับพี่แล้วไง แล้วทำไมทำแบบนี้ ที่อยากไปเที่ยวเพราะมีแผนจะหนีพี่ไปอยู่แล้วใช่มั้ย”

ปลายจมูกโด่งที่เฉียดผิวแก้มนวลไปมากับลมหายใจอุ่นซ่านที่เป่ารดใบหน้าของเธอทุกจังหวะการหายใจของเขา ทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ และมีอาการใจเต้นแรงขึ้นๆ จนกลัวว่ามันจะหลุดออกมานอกอก พยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่ใบหน้าคมก็ตามติดไม่ลดละเช่นกัน

“ว่ายังไงเด็กเจ้าเล่ห์ วางแผนจะหนีพี่ตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้านพักเลยใช่ไหม” เขาถามซ้ำด้วยเสียงที่อ่อนลงแต่ยังรักษาความเคร่งเครียดเอาไว้อย่างคงเส้นคงวา

กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ โชยมาเตะจมูกช่วยทำให้อารมณ์กรุ่นๆ ของเขาค่อยเย็นลงทีละนิด ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อที่เขาเคยลิ้มรสมาแล้วว่าหวานปานใดช่างยั่วยวนใจจนแทบลืมประเด็นที่ถกค้างอยู่เมื่อครู่เสียสิ้น

เรียวปากหยักลึกได้รูปสวยที่เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ลมหายใจของหญิงสาวติดขัด รู้สึกเหมือนอากาศไม่พอให้หายใจ และรสชาติแปลกใหม่ที่เขาสอนให้เธอลิ้มลองก็ผุดขึ้นในความทรงจำ แถมนัยน์ตาคมเรียวที่จ้องมองมาด้วยความเสน่หาอย่างเปิดเผยก็ยิ่งทำให้เธอหวั่นไหวมากขึ้น

“ทำไมต้องต่อต้านพี่แบบนี้ รังเกียจพี่นักหรือ?”

คำถามนี้เบาแทบเป็นเสียงกระซิบ นุ่มนวลและอ่อนหวานราวกับกลั่นออกมาจากหัวใจรักอันบริสุทธิ์ของคนพูด

คนฟังรู้สึกเหมือนจะละลายในอ้อมกอดอุ่น เผลอเอนร่างหนีแต่เขาก็เอนตามจนแผ่นหลังบางแนบติดกับฟูกนุ่ม ทรวงอกอิ่มถูกเบียดด้วยไอร้อนผะผ่าวจากอกแกร่งของคนตัวใหญ่ แม้จะมีเนื้อผ้ากั้นไว้ แต่นั่นก็แทบจะไร้ความหมาย ลมหายใจอุ่นปะทะแก้มนวลในระยะใกล้ชิดขึ้นทุกขณะ แต่ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะประทับแนบเรียวปากอิ่มเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกจากภายใน สาวน้อยก็เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอายและรู้สึกผิด ใบหน้าร้อนผ่าวจนนึกว่ากำลังถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ

“วิปวดหัว...”

เธอหลับตาครางเบาๆ ไม่ยอมมองหน้าเขาอีก ไม่กล้าถามตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเธอรังเกียจเขาหรือไม่

“ก็วิอยากอวดเก่งกับพี่ทำไมล่ะ”

เขาถอนใจยาวพลางขยับลุกอย่างแสนเสียดาย แต่ลึกๆ ก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย ขืนได้ลิ้มรสหวานล้ำจากเรียวปากจิ้มลิ้มคู่นี้อีก เขาต้องหยุดตัวเองไม่ได้แน่ๆ

“ก็พี่รัฐมาท้าทายวิทำไมล่ะ” เธอโยนความผิดให้เขาจนหมด

“เอาเถอะ เถียงกันทั้งคืนก็ไม่จบหรอก ดึกแล้ว นอนซะ” เขาตัดบทพลางก้าวลงจากเตียง คลี่ผ้านวมขึ้นห่มให้คนบนเตียงจนชิดคางมน

หญิงสาวลืมตาขึ้นก็พบว่าอีกฝ่ายยังจ้องหน้าเธออยู่จึงอดที่จะหลับตาลงเหมือนเดิมไม่ได้

ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู เกลี่ยไรผมข้างแก้มนวลออกให้อย่างอ่อนโยนพลางก้มลงถามใกล้ๆ “ปวดหัวมากรึเปล่า ให้พี่อยู่ด้วยไหม”

“ไม่ต้องเลยนะ วิจะนอนแล้ว พี่รัฐก็กลับห้องตัวเองไปเลย ตื่นมาพรุ่งนี้คงรู้สึกดีขึ้น”

เธอลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างลืมตัว และพบความผิดพลาดของตัวเองในตอนนั้น

ริมฝีปากอุ่นประทับลงกลางหน้าผากมนอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องตาหญิงสาว

“หลับฝันดีนะ”

ใบหน้านวลแดงซ่าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความอายกันแน่ แต่เธอปวดหัวเกินกว่าจะคิดหาคำตอบได้ในตอนนี้จึงหลับตาลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ณัฐรัฐอมยิ้มก่อนจะปิดไฟกลางห้อง เหลือไว้เพียงโคมไฟข้างเตียง แล้วเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองอย่างอารมณ์ดี จนเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเอนร่างลงบนเตียงนอนของตนจึงนึกได้ว่าเขาปล่อยผู้ร้ายให้ลอยนวลโดยที่ยังไม่ได้คำตอบจากเธอ

คิ้วเข้มขมวดมุ่น ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก็นึกอะไรบางอย่างได้

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายทั่วใบหน้า ก่อนจะกลับไปที่ห้องพักของวิมลมณีอีกครั้งด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่

“เธอหนีพี่ไม่พ้นหรอกวิมลมณี!”










Create Date : 16 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2557 21:43:00 น. 0 comments
Counter : 629 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.