Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 
ตอนพิเศษ : วุ่นนักรักต้องอุ้ม ๕




๕.
________________________________________________________



‘ถ้าเธอใส่ชุดใหม่กลับบ้านคืนนี้ พ่อต้องมีคำถามแน่’

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ปานไพลินมายืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่บ้านของปรมัตถ์ บ้านเขาไม่ได้ใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ในละครทีวี แต่เป็นบ้านที่มีอาณาเขตกว้างมากจนอาจเรียกว่าเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมได้เลยทีเดียว นอกจากบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงกลางแล้วยังมีบ้านอีกสามหลังในรั้วเดียวกันโดยไม่รู้สึกถึงความอึดอัดเลยเพราะแต่ละหลังล้วนเชื่อมต่อด้วยสวนสวยเย็นตา บริเวณอันกว้างขวางนี้เองที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าบ้านไม้สักทองหลังงามของพ่อเธอดูด้อยกว่าบ้านเขาไปแล้ว

“ตามผมมาทางนี้เลย” เขาเดินนำไปที่บันไดและยืนรอให้หญิงสาวก้าวตาม

เธอขมวดคิ้ว “ชั้นบนเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ห้องผมอยู่ชั้นสอง มาเถอะน่า ผมไม่ทำอะไรหรอก ถ้าคุณกังวลเรื่องนั้น”

“ฉันไม่คิดเรื่องลามกอย่างคุณหรอก แต่...นอกจากลุงที่เปิดประตูรั้วให้แล้วบ้านคุณไม่มีใครอยู่เลยเหรอ” ปากบอกไม่คิดลามก แต่แก้มแดงเรื่อและคำถามก็ฟ้องว่ากำลังโกหก

“บ้านผมมีแค่คนสวนกับแม่บ้านไม่กี่คนเท่านั้นแหละ แล้วทุกคนก็มีงานต้องทำ ไม่มีเวลามารอต้อนรับเจ้านายทันทีที่มาถึงบ้านอย่างในละครหรอก แต่คุณรู้ได้ไงว่าผมคิดลามกถ้าคุณไม่ได้คิดเรื่องเดียวกัน” เขายั่วยิ้มๆ

“คุณปรมัตถ์!” ปานไพลินถลึงตา หน้าแดงแปร๊ด นึกอยากฝนเล็บกับใบหน้ายียวนนั่นสักหลายๆ ที แต่เหลือบไปเห็นใครบางคนเดินออกมาจากห้องอีกด้านเสียก่อนเลยต้องสำรวมอาการ

เจ้าของบ้านมองตามสายตาแขก “พี่แหวนมาพอดี วันนี้ผมมีแขก ยังไงฝากพี่ช่วยซักรีดชุดให้คุณป่านทีนะครับ มันเลอะน่ะ เดี๋ยวผมหาชุดให้เธอเปลี่ยนก่อน” แล้วก็หันมาหาหญิงสาวอีกที “ไปกันเถอะ”

หญิงสาวลังเลแค่อึดใจเดียว เพราะสายตาอยากรู้อยากเห็นของ ‘พี่แหวน’ แท้ๆ ที่ทำให้เธอรีบเดินตามเจ้าของบ้านไปโดยไม่เถียงสักคำ พอขึ้นมาถึงชั้นบนจึงอดต่อว่าเขาไม่ได้ “เคยพาผู้หญิงมาเปลี่ยนชุดกี่คนแล้วล่ะ แม่บ้านของคุณถึงได้จ้องฉันซะขนาดนั้น”

เขาหยุดหน้าห้องตัวเองและเปิดประตู ก่อนจะหันมาสบตาหญิงสาวอย่างจริงจัง “คุณเป็นคนแรกและคนเดียว”

เธอชะงัก นึกไม่ถึง เผลอค้นหาความจริงในดวงตาคู่คมอยู่นาน รู้ตัวอีกทีก็ถูกเขาโอบไหล่เข้ามาในห้องและปิดประตูลงเรียบร้อยแล้ว เสียงกลไกล็อกดังคลิกเรียกสติเธอกลับมา

“ฉันเกือบเชื่อแน่ะ คุณออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ” หญิงสาวทำทีเป็นมองหาห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องมองตาเขา

เธอเชื่อไปแล้ว ไม่ใช่แค่เกือบ อ่อนชะมัดเล้ยปานไพลิน!

“เชื่อเถอะ ถึงผมจะเคยโกหกสาวๆ เพื่อเอาตัวรอดมาบ้าง แต่ถ้าผมเลือกแล้วผมก็จะไม่โกหกอีก” เขาสบตาเธอครู่เดียวเพื่อยืนยันคำพูด ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า

หญิงสาวขบริมฝีปาก รู้สึกว่าหัวใจเริ่มแกว่งและอดโมโหตัวเองไม่ได้

คารมเป็นต่อแบบนี้สินะเขาถึงเรียก ‘เสือผู้หญิง’ อย่าไว้ใจผู้ชายคนนี้เชียวยายป่าน!

เขาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับเสื้อยืดและกางเกงขาก๊วยออกมาส่งให้เธอ “ใส่ชุดผมไปก่อนก็แล้วกัน เจ้ปุ๋ยอยู่บ้านหลังข้างๆ ส่วนเจ้ป๋วยอยู่บนชั้นสาม แต่พี่สาวผมแต่งงานแล้วทั้งคู่ จะไปหยิบยืมเสื้อผ้าในห้องส่วนตัวมาให้คุณใช้ตอนพวกเขาไม่อยู่คงไม่เหมาะ อ้อ ผมไม่มีชุดผู้หญิงอื่นให้ยืมหรอกนะ บอกแล้วว่าเพิ่งพาคุณเข้าบ้านเป็นคนแรก”

ปานไพลินรีบรับชุดมากอดไว้แล้วรุนหลังเขาออกไปข้างนอก ไม่อยากฟังเขาหยอดคำหวาน ไม่อยากประสานสายตาด้วย เธอเคยหลงคารมหนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้มาแล้ว ปรมัตถ์เองก็เข้าข่ายเดียวกัน ฉะนั้นสื่อสารกันให้น้อยที่สุดจะปลอดภัยกว่า

“ขอบคุณสำหรับชุด คุณออกไปได้แล้ว”

ชายหนุ่มใช้มือค้ำประตูไว้ก่อนที่เธอจะปิดมันลง “ชุดคุณล่ะ จะไม่ ‘ถอด’ เหรอ?”

เธอรู้สึกว่าแก้มร้อนวาบ รีบกอดตัวเองไว้และถลึงตามองเขาอย่างโมโห

“โทษที ผมหมายถึง ‘ซัก’ น่ะ” เขาแก้คำพูดใหม่ นัยน์ตามีแววกรุ้มกริ่ม บอกให้รู้ว่าจงใจใช้คำกำกวมตั้งแต่แรก

หญิงสาวขบริมฝีปาก หน้าแดงเรื่อ คราวนี้เพราะความอายระคนโมโหตัวเองที่ถูกเขาปั่นหัวเอาง่ายๆ

“รออยู่นี่ เดี๋ยวฉันมา”

เธอปิดประตูใส่หน้าเขา กดล็อก เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ สวมชุดคลุม ผูกเอวเรียบร้อย ก่อนเปิดประตูห้องและส่งชุดที่เลอะอ้วกให้เขา

“ขอบคุณล่วงหน้า”

แล้วเธอก็ปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่มอีกครั้ง กดล็อกแน่นหนา ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำดับอารมณ์ว้าวุ่นที่ปั่นป่วนอยู่ในอก

ปรมัตถ์อมยิ้ม เขารู้จักผู้หญิงมาเยอะ อ่านคนค่อนข้างขาด ปานไพลินไม่ใช่ผู้หญิงที่ซับซ้อนมากมาย เธอแค่มุ่งไปหาสิ่งที่เธอปรารถนาและหลีกเลี่ยงที่จะเจ็บปวดกับความรักอีกครั้ง สำหรับเธอ...เขาคือความเสี่ยง แต่เธอไม่ได้ใจแข็งเท่ากับที่อยากให้ตัวเองเป็น เขามองเห็นสัญญาณดีๆ เริ่มก่อตัว อย่างน้อยในความไม่พอใจก็ยังมีความเขินอายแฝงอยู่

ก่อนนี้เขายังลังเล ไม่กล้าที่จะเดินหน้าและไม่อยากจะถอยหลัง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าต้องเดินทางไหน ปานไพลินเป็นของเขา เป็นของเขาทั้งเธอและลูก และเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือแน่!



ปานไพลินเปิดประตูห้องน้ำออกมาอย่างหวาดระแวง แม้จะปิดล็อกห้องเองกับมือแต่เธอไม่มีวันไว้ใจเสือผู้หญิงจอมกะล่อนอย่างปรมัตถ์ได้ พอเช็กที่ประตูแล้วพบว่ามันยังล็อกอยู่ถึงได้เบาใจ แต่เธอคงไม่ออกไปเดินเตร่ในบ้านเขาด้วยเสื้อยืดกับกางเกงขาก๊วยตัวหลวมโพรกนี่แน่

หญิงสาวเดินมานั่งเช็ดผมบนเตียงพลางสายตาก็เสาะสำรวจห้องหนุ่มโสดเจ้าเสน่ห์ประจำจังหวัดไปด้วย ห้องเขาเรียบร้อยกว่าที่คิด มีเครื่องเรือนเฉพาะที่จำเป็น ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินขาว เขาคงชอบสีน้ำเงิน

มองเห็นกรอบรูปวางบนโต๊ะจึงลุกไปดูใกล้ๆ เป็นภาพถ่ายครอบครัวนั่นเอง พ่อแม่ของเขายังหนุ่มสาวกว่าปัจจุบันราวสามสิบปี ปรมัตถ์คงเป็นเด็กที่ตัวเล็กสุด อายุน่าจะราวๆ ห้าหกขวบได้ เป็นเด็กชายแก้มยุ้ย หน้าตาน่ารักน่าชังและดูไร้เดียงสาผิดกับปัจจุบันนี้มาก รูปถัดไปเป็นรูปเดี่ยว เด็กหนุ่มวัยรุ่นในชุดนักเรียนมอปลาย หน้าตาหล่อเหลาแต่เด็กทีเดียว

หญิงสาวย่นจมูก รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอรีบถอยออกมาจากรูปถ่ายพวกนั้นโดยอัตโนมัติ

“นั่นใครน่ะ?”

“ผมเอง ขอเข้าไปในห้องหน่อยได้ไหม”

“ชุดฉันแห้งแล้วเหรอ” เธอเดินมาหยุดหน้าประตูแต่ยังไม่ยอมเปิด

“ยัง แต่ผมต้องเอาของข้างใน เปิดประตูทีสิครับ”

หญิงสาวกลอกตาเซ็ง เขาเริ่มหยอดอีกแล้ว

ใช้น้ำเสียงออดอ้อนแบบนั้นคิดว่าจะได้ผลกับเธองั้นสิ เชอะ!

“ไม่ได้ ฉันยังไม่เสร็จธุระดี คุณรอไปก่อนก็แล้วกัน”

เธอเดินไปนั่งเช็ดผมบนเตียงอย่างสบายใจ

“ผมจำเป็นต้องใช้ของข้างในนะ เอาของเดี๋ยวเดียวแล้วจะรีบไป ไม่กวนเวลาสำรวจห้องนอนว่าที่สามีของคุณหรอก สัญญา”

หญิงสาวกัดริมฝีปาก แก้มแดงเรื่อ ทั้งฉุนทั้งเขิน รีบลุกไปเปิดประตูให้เขาอย่างไว ไม่อยากฟังชายหนุ่มพูดจาชวนขนลุกอีก “ใครอยากสำรวจห้องคุณกัน จะเอาของก็เข้ามา เร็วๆ ด้วยนะ”

เพราะเปิดประตูแล้วยืนกอดอก หันหลังให้เจ้าของห้อง จึงไม่รู้ว่าปรมัตถ์วางแผนอ่อยมาดีแค่ไหน ชายหนุ่มเข้ามาในห้องและปิดประตูลง ได้ยินเสียงกลไกล็อกดังขึ้นนั่นแหละหญิงสาวจึงหันขวับแล้ว แล้วสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้เธอถึงกับใจสั่น ใบ้กิน

ฉายา ‘หนุ่มฮอต’ ของปรมัตถ์ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เขาฮอต เซ็กซี่ และเย้ายวนใจอย่างคาดไม่ถึงเมื่อร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว เส้นผมยังเปียกชื้น หยดน้ำเกาะพราวตามใบหน้าคมคาย แผงอกหนั่นแน่นและกล้ามแขนที่ทรงพลัง

อา...ถ้าเขาจะร้อนฉ่าขนาดนี้ทำไมเธอถึงจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้เลยนอกจากตอนที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่ม

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวและหยุดในระยะประชิด เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าให้ความรู้สึกที่หนักแน่น “อยากให้ผมไปที่ตู้เสื้อผ้าหรือว่าคุณอยากจะทำ...อย่างอื่น?”

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อจินตนาการว่าวงแขนแข็งแรงคู่นี้โอบกอดเธออย่างไรในค่ำคืนนั้น เธอคงเป็นสาวเปลี่ยวเต็มขั้นแล้วจริงๆ ถึงได้คิดเลยเถิดไปกับเขา ตั้งสติหน่อยปานไพลิน จำไม่ได้เหรอว่าครั้งสุดท้ายที่ขาดสตินำปัญหาใดมาสู่เธอ!

“ไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย แล้วฉันขอเตือนด้วยว่าห้ามคุณโป๊ต่อหน้าฉันอีก ที่สำคัญห้ามอ่อย ห้ามยั่ว ห้ามล่วงเกินฉันด้วย” พูดออกไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและถอยห่างจากเขาไปอีกสามก้าวยาวๆ

ชายหนุ่มแสร้งถอนใจเสียงดัง ก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม “ผมก็ว่างั้น แค่ลองถามดู เผื่อคุณหลงกล”

เขาเดินไปค้นหาชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้า หญิงสาวได้แต่มองค้อนด้วยความขุ่นเคือง

ผู้ชายบ้า เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด!

“แต่ข้อห้ามของคุณผมขอปฏิเสธนะ ผมรู้สึกว่า...ผมมีโอกาส” ปรมัตถ์ขยิบตาให้คนที่ยืนอ้าปากค้าง ใบหน้าแดงก่ำและทำอะไรไม่ถูกอยู่กลางห้อง ก่อนจะเดินผิวปากออกไปพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่

ครู่หนึ่งเขาก็เปิดประตู โผล่แต่หน้าเข้ามาบอกอีกว่า “ลืมบอกไป คุณใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดี มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราใกล้ชิดกัน เหมือนผมกำลังห่อหุ้มคุณอยู่เลย”

ปานไพลินคว้าหมอนปาใส่หน้าเขาด้วยความโมโห แต่ชายหนุ่มปิดประตูทัน หรือถึงจะไม่ทันมันก็คงไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว ถ้าเธอคว้ากรอบรูปหรือแจกันมาขว้างก็ว่าไปอย่าง

หญิงสาวได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างมีความสุข เธอได้แต่นั่งหน้าเบ้อยู่บนเตียง

รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ยังไงก็ไม่รู้ ฮือ...



มารดาของปรมัตถ์จองโต๊ะอาหารในภัตตาคารที่หรูที่สุดของจังหวัด เพื่อจะได้กระจายข่าวอีกทางว่าลูกชายคนเล็กของตนกำลังคบหาอยู่กับลูกสาวของเสี่ยยิ่งยศและอีกไม่นานจะมีข่าวดี

การกินมื้อค่ำกับครอบครัวของเขาผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น แม้จะขาดปรมินทร์กับภรรยาไป เนื่องจากซ้อเล็กของปรมัตถ์ได้ให้กำเนิดลูกสาวซึ่งคลอดก่อนกำหนดจึงยังต้องอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสักพัก แต่คนที่เหลือก็มากันพร้อมหน้า รวมถึงหลานๆ ของปรมัตถ์ด้วย

ปานไพลินรู้สึกเกร็งไม่น้อยในช่วงแรก แต่ทุกคนกลับเป็นกันเองและแสดงท่าทีต้อนรับเธอยิ่งกว่าคำว่า ‘เต็มอกเต็มใจ’ ทำให้หญิงสาวผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองได้ในที่สุด ก่อนกลับบ้าน แม่ของเขายังเข้ามาจับมือเธอและบอกขอบใจที่เธอทำให้ลูกชายคนเล็กของท่านยอมแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวเสียที

“ครอบครัวผมเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยขณะขับรถกลับไปส่งหญิงสาวที่บ้าน

“น่ารักกว่าคุณเยอะ”

เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ดีใจนะที่คุณชอบครอบครัวผม งั้นผมคุยกับพ่อคุณเพื่อนัดวันพาผู้ใหญ่มาสู่ขอเลยนะ”

ริมฝีปากอิ่มขบกันนิด ครู่หนึ่งก็หันไปมองหน้าเขา “นี่เราต้องแต่งงานกันจริงๆ เหรอ?”

“มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณหนีผมไม่พ้นหรอก ทำใจซะเถอะ” ชายหนุ่มหันมาสบตาเธอพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ

หญิงสาวย่นจมูก นึกหมั่นไส้คนหลงตัวเองเต็มที แต่ขี้เกียจจะเถียงด้วยจึงเงียบเสีย เถียงไปก็เท่านั้น เธอติดกับแล้ว ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องแล้วรีบแจ้นไปหาเขานั่นแหละ เฮ้อ!



เสี่ยยิ่งยศไม่ว่าอะไรเมื่อปรมัตถ์มาส่งปานไพลินที่บ้านและบอกเขาว่าวันมะรืนจะให้ผู้ใหญ่มาทาบทามสู่ขอปานไพลินอย่างเป็นทางการ เขาเพียงหันไปถามความเห็นของลูกสาวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

ปานไพลินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากบอกพ่อว่าคุยกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว เมื่อบิดาไม่คัดค้านเธอจึงรีบไล่ปรมัตถ์กลับ

หญิงสาวปีนขึ้นเตียงหลังอาบน้ำเสร็จ กำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงเรียกเข้ามือถือก็ดังขึ้น เธอย่นคิ้ว เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาดูหน้าจอก่อนจะรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มเมื่อเห็นตัวหนังสือที่โชว์หราอยู่นั้น

‘ว่าที่สามี’ ให้ตาย เขาแอบมาบันทึกเบอร์ตัวเองไว้ตอนไหน เหลือทนจริงๆ ผู้ชายคนนี้!

เธอกดรับด้วยอารมณ์แท้ๆ “นี่คุณปรมัตถ์มันจะเกินไปแล้วนะ ใครอนุญาตให้เมมเบอร์ตัวเองในมือถือฉัน แล้วใช้ชื่อแบบนี้ได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน”

มีเสียงหัวเราะทุ้มเบาดังขึ้น “แค่เห็นคำนั้นก็รู้เลยเหรอว่าเป็นผม ปลื้มนะเนี่ย”

อ๊าย!! อยากกรีดร้องใส่ให้หูดับจริงๆ แต่กลัวคนที่บ้านจะแตกตื่นเลยได้แต่กัดฟันพูด

“ถ้าจะโทร. มายั่วโมโหฉันจะวางละนะ ง่วง”

“เดี๋ยวสิ ผมโทร. มาเพราะเป็นห่วงนะ แน่ใจใช่มั้ยว่าไม่มีอาการแพ้แค่เครียดเฉยๆ ไปหาหมอไหม พรุ่งนี้ผมไปรับ”

คราวนี้น้ำเสียงเขาจริงจัง ไม่มีแววยั่วยวนอีก เธอจึงยอมพูดดีด้วยแล้วถือโอกาสตัดบทเสีย

“จะบ้าเหรอ จะให้คุณพาไปหาหมอได้ยังไง เกิดใครเห็นเข้าก็เป็นเรื่องอีก ไม่เอาอะ ฉันสบายดี ไม่เวียนหัวหรือพะอืดพะอมด้วย แค่นี้นะ ฉันง่วง จะนอนแล้ว”

“เดี๋ยวสิคุณ ผมมีอะไรจะบอก”

“อะไรอีกล่ะ” เธอทำเสียงรำคาญเต็มที

“คิดถึง”

ปานไพลินไม่รู้จะตอบโต้ว่ายังไงจึงรีบกดตัดสาย ครั้งสุดท้ายที่มีผู้ชายบอกว่าคิดถึงมันนานซะจนเธอเองก็จำไม่ได้แล้ว

“อิตาบ้านี่ คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อ เชอะ” ปากว่าอย่างนั้นแต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว


________________________________________________________


พี่หมูน้อย >> ไม่ได้ติดตามฟุตบอลเลยค่ะ 5555









Create Date : 15 กรกฎาคม 2559
Last Update : 15 กรกฎาคม 2559 10:33:25 น. 3 comments
Counter : 760 Pageviews.

 
"คิดถึง" อร๊ายยยเขิล


โดย: sakeena IP: 125.24.179.41 วันที่: 16 กรกฎาคม 2559 เวลา:12:15:43 น.  

 
ได้หนังสือแล้วนะตัว ต้องรีบซ่อน เล่มก่อนโดนเอาไปนานมาก แต่เดี๋ยวก็โดน T-T


ไม่ต้องดูน่ะดีแล้ว Y-Y น้ำตาเป็นสายเลือด


อยากให้ตอนพวกนี้อยู่ในหนังสือจัง น่ารักมากเลย ชอบ



โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.246.8 วันที่: 16 กรกฎาคม 2559 เวลา:14:21:12 น.  

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:13:33:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.