Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
หวานนักรักไม่ปรารถนา -2- นายหมอเถื่อนกับสัญญามหาโหด




2
นายหมอเถื่อนกับสัญญามหาโหด

“ว่าไงคุณ มีอะไรจะพูดมั้ย ถ้าไม่ ผมจะได้กลับไปทำงาน” เขมินทร์กระตุ้นเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าเขาสลับกับมองรูปถ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก

หญิงสาวมองหน้าเขาอีกทีโดยพยายามไม่ก้มมองรูปถ่ายในมือเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง เห็นได้ชัดว่ารูปถ่ายไม่ได้พูดความจริงเสมอไป เธอเคยมีอดีตอันรุ่งโรจน์ เขาเองก็น่าจะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอกับเขาก็หัวอกเดียวกันแล้ว

มิถุนาตัดสินใจไม่ใช้แผน ‘โปรยเสน่ห์’ ทันทีที่ได้พบตัวจริงของเป้าหมาย เธอแอคติ้งไม่ออกแน่กับผู้ชายที่ห่างไกลจากสเปกของตัวเองเป็นร้อยโยชน์พันโยชน์ ถ้าเขาหน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาเหมือนในรูปถ่ายก็ว่าไปอย่าง ขอเก็บแผนนี้เข้ากรุตลอดกาลก็แล้วกัน

“โอเคค่ะ ถ้านี่ไม่ใช่การล้อเล่นและฉันคิดว่าคงไม่ใช่ คุณก็คือนายแพทย์เขมินทร์ ศัลยแพทย์โรคสมองที่ฉันกำลังตามหา งั้นคุณพอจะมีเวลาซักครึ่งชั่วโมงมั้ยคะ ฉันคิดว่าเราน่าจะนั่งจิบกาแฟและคุยกันไปด้วย แบบนั้นจะ...”

“ผมต้องทำงาน ไม่ว่างขนาดนั้นหรอก เอางี้แล้วกัน คุณกลับไปบอกคนที่ส่งคุณมาว่าได้เจรจากับผมแล้วแต่ผมไม่ตกลง แค่นั้นจบ คุณได้ทำงานของคุณและผมไม่ต้องเสียเวลาด้วย ลาก่อน เดินทางกลับดีๆ นะ”

เขาเดินจากไปและโบกมือลาโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวอีกเลย

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิคุณ คุณยังไม่ได้ฟังข้อเสนอของฉันเลยนะ”

ชายหนุ่มหันกลับมาแต่เดินถอยหลังและยังโบกมือลา บอกให้รู้ว่าเขาไม่ต้องการจะคุยอะไรกับเธออีกแล้ว จากนั้นก็หันกลับไปในทิศทางเดิม

มิถุนาไม่มีทางเลือกนอกจากปีนข้ามรั้วเข้าไปในเขตโรงม้าพร้อมกระเป๋าเดินทางราคาครึ่งแสนที่เธอไม่อาจตัดใจทิ้งไว้ตรงนี้ได้ โชคดีที่เธอใส่รองเท้าผ้าใบและแต่งกายทะมัดทะแมงมากพอ แต่โชคร้ายที่เธอกลัวความสูง การปีนป่ายจึงไม่ใช่เรื่องที่หญิงสาวถนัดนัก กำลังจะโยนกระเป๋าข้ามรั้วไปก่อนแต่นึกได้ว่ามันแพงเลยหอบขึ้นไปด้วยอย่างระวัง แต่นั่นก็ทำให้เธอเสียการทรงตัวก่อนจะกรีดร้องลั่นและหล่นตุ้บลงไปบนผืนหญ้าโดยมีกระเป๋าทับขาข้างหนึ่งเอาไว้

เขมินทร์หันกลับมาโดยอัตโนมัติ ภาพที่เห็นทำให้เขาตกใจ กลัวหญิงสาวจะแขนขาหักเพราะกระเป๋าใบใหญ่และท่าทางจะหนักไม่เบา ในขณะที่เธอตัวเล็กบางนิดเดียว จึงต้องเดินกลับมาดูคนที่ยังนอนแผ่อยู่บนพื้นทั้งที่ไม่อยากจะสนใจนัก

“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ?”

มิถุนาเหลือบตาขึ้นมองเขา ชายหนุ่มยืนค้ำหัวเธออยู่ ภาพนี้คงไม่น่าดูสักเท่าไรแต่เธอรู้สึกมึนศีรษะนิดหน่อย ไม่สามารถจะลุกได้ทันที อีกทั้งผู้ชายคนนี้ก็เป็นหมอ คงไม่มีวิธีใดรั้งเขาไว้ได้ดีกว่าอาการบาดเจ็บของเธอ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเข้าใจถึงเหตุผลที่ธราธรเลือกเธอมาทำหน้าที่นี้ เธอต้องพึ่งฝีมือการแสดงของตัวเองซะแล้ว

หญิงสาวนิ่วหน้า “มึนหัวนิดหน่อยค่ะ เจ็บขาด้วย”

เขามองที่ขาของเธอทันที มิถุนาต้องอาศัยช่วงเวลานี้เจรจาก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินหนีไปอีก

“ฉันว่าที่คุณไม่ตกลงเพราะคุณยังไม่ได้ฟังข้อเสนอของฉันมากกว่า เอางี้แล้วกันนะคะ คุณต้องการอะไรเพื่อแลกกับการกลับไปเป็นหมอที่โรงพยาบาลทัศไนย เงินเดือนขั้นต่ำ รายได้พิเศษ หรือตำแหน่งสำคัญในโรงพยาบาล นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว คุณจะเรียกร้องอะไรเท่าไหร่ก็ว่ามาเลยค่ะ”

เขมินทร์มองคนที่พูดแจ้วๆ อยู่นั้นอย่างเหลือเชื่อ และเขาไม่คิดว่าคนที่กำลังบาดเจ็บจริงๆ จะมีอารมณ์สนใจเรื่องอื่นก่อนขอความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของตัวเอง มารยาหญิงสินะ แต่ละคนที่ถูกส่งมาคงคัดแต่หน้าตาดีๆ ไม่มีสมอง เขาละเบื่อผู้หญิงแบบนี้จริงๆ ให้ตาย!

“ผมว่าคุณลุกขึ้นก่อนดีกว่านะ” ชายหนุ่มขัดแทรกพลางเหลือบตามองออกไปนอกรั้ว มือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนสีซีดที่ผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบัน ไม่มีทีท่าว่าจะให้ความช่วยเหลืออื่นใดกับหญิงสาวนอกจากยืนดูเฉยๆ

มิถุนายกศีรษะขึ้นมองตาม มีคนงานสองสามคนกำลังมองมาทางนี้ด้วยความสนใจและซุบซิบกันด้วย เธอถอนสายตากลับมามองเขา “เห็นด้วยว่าน่าจะดีกว่าถ้าฉันได้นั่งคุยธุระกับคุณ งั้น...ช่วยหน่อยได้ไหมคะ?”

เธอใช้ศอกยันพื้นเอาไว้พลางจ้องมองกระเป๋าที่ทับขาข้างหนึ่งของตัวเอง

ชายหนุ่มยักไหล่ ก่อนจะช่วยยกกระเป๋าขึ้นและตั้งไว้ข้างๆ เธอ

หญิงสาวใช้สองมือพยุงตัวเองให้อยู่ในท่านั่ง จำได้ว่าตอนเป็นนางเอกละครเธอต้องแสดงบทข้อเท้าแพลงบ่อยๆ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้อต่อของเธอต้องเคลื่อน มุกนี้ไม่เกร่อเท่าไร มิถุนามองหน้าเขานิด เธอน่าจะใช้แผนนี้ยื้อเวลา

“ข้อต่อฉันคงเคลื่อน ขยับขาไม่ได้เลยค่ะ” เธอชี้นิ้วไปที่ขาขวาซึ่งเป็นข้างเดียวกับที่โดนกระเป๋าทับ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว คนที่บาดเจ็บเพราะข้อต่อเคลื่อนไม่มีทางคุยจ้อได้อย่างเธอแน่

“ผมคิดว่าพอจะช่วยได้” พร้อมคำพูดนั้นชายหนุ่มก็นั่งลงทางปลายเท้าของหญิงสาว กดเข่าเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและอีกมือออกแรงดึงที่ข้อเท้าเธอโดยไม่บอกล่วงหน้า

มิถุนาร้องเสียงหลง ได้ยินเสียงข้อต่อที่เข่าลั่นด้วย น้ำตาของเธอเล็ด ตอนแรกแค่การแสดงแต่ตอนนี้เริ่มเจ็บจริงและทิ้งความขุ่นเคืองไว้เป็นที่ระลึก

‘หมอนี่แกล้งกันชัดๆ คิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย ฉันเคยเข้าฉากแบบนี้และรู้ว่าข้อต่อเคลื่อนต้องรักษายังไง นายต้องพาฉันส่งโรงพยาบาล รับยาระงับปวดแล้วค่อยดึงข้อต่อให้เข้าที่ ไม่ใช่ถือวิสาสะดึงเองอย่างงี้ ไอ้หมอเถื่อน!’

“มองหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง ข้อต่อคุณยังไม่เข้าที่เหรอ แย่จัง นี่ไม่ใช่งานถนัดของผมซะด้วย แต่จะลองดูอีกทีก็ได้” เขาทำหน้าจริงจังแต่แววตากำลังยิ้มเย้ย คิดว่าคงสามารถไล่ผู้หญิงคนนี้กลับไปได้ภายในหนึ่งวัน

หญิงสาวรีบชักขาหนี รู้ดีว่าวีนใส่นายหมอป่าเถื่อนคนนี้ไม่ได้จึงฝืนยิ้มและกัดฟันพูด “ฉันนึกว่าคุณจะช่วยพาฉันส่งโรงพยาบาลซะอีก แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่เห็นด้วยว่านี่คงไม่ใช่งานที่คุณถนัด”

ชายหนุ่มกลั้นยิ้มขณะพยักหน้ารับ

มิถุนาเก็บหมวกที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วสวมใหม่ ก่อนจะพูดธุระต่อ “ก็อย่างที่ฉันบอกคุณไปแล้วนะคะ ตอนนี้คุณเรียกร้องได้เต็มที่ จากที่คุยกับคุณธราธร เจ้านายเขาต้องการตัวคุณกลับไปร่วมงานมาก ไม่ว่าคุณต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยน ฉันเชื่อว่าคุณจะได้ตามที่ขอ เพราะฉะนั้นคุณบอกสิ่งที่ต้องการกับฉัน ฉันจะบอกคุณธราธรให้เอง เป็นไงคะ ทีนี้คุณเริ่มจะมีเวลาว่างไปดื่มกาแฟกับฉันรึยัง?”

เขมินทร์แค่นหัวเราะ ผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังพยายามเอาเงินฟาดหัวเขา

“น่าสนใจดีนี่ เคยมีผู้หญิงสองคนพยายามทำแบบคุณ แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย”

หญิงสาวดีดนิ้วและยิ้มร่า อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย “เห็นมะ ฉันบอกแล้วว่าคุณต้องสน แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คุณบอกว่ามีผู้หญิงสองคนพยายามทำแบบฉันเหรอ”

“ใช่ คนที่จ้างคุณมาเคยส่งคนอื่นมาก่อน”

เธอพยักหน้ารับรู้พร้อมรอยยิ้มภาคภูมิใจ “แปลว่าพวกนางไม่ฉลาดพอที่จะยื่นข้อเสนอสุดเร้าใจแบบนี้ให้คุณ แย่จังเลยนะคะ ไม่งั้นคุณคงได้กลับไปเป็นหมอที่กรุงเทพฯ นานแล้ว”

หญิงสาวพูดราวกับว่าตัวเองมีบุญคุณกับเขาเสียมากมาย ชายหนุ่มส่ายหน้าและมองเธอทึ่งๆ กึ่งระอา

“ใช่ พวกเธอไม่ได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ผม แต่ผมไม่สนใจทั้งข้อเสนอเก่าและใหม่ มันไม่ได้ผลหรอก เอาละ ผมต้องทำงานแล้ว ถ้าคุณไม่เป็นอะไรก็กลับไปเถอะ คำตอบของผมคือ ‘ไม่’ ชัดเจนแล้วนะ”

“ฮะ?” หญิงสาวอ้าปากค้าง ได้แต่มองแผ่นหลังของผู้ชายตัวสูงที่เดินจากไปอย่างไม่ไยดีในข้อเสนอของเธอด้วยความงุนงง

พอตั้งสติได้เขาก็เดินไปสมทบกับเด็กหนุ่มที่กำลังอาบน้ำให้ม้าตัวสีขาวอยู่อีกด้านหนึ่งของโรงม้าแล้ว เธอรีบลุกขึ้นปัดแข้งปัดขาที่เลอะดินกับเศษหญ้า รู้สึกเจ็บขาขวาเล็กน้อยเพราะโดนกระเป๋าหนักๆ ทับ แถมยังถูกดึงซะแรงอีก แต่เธอยังไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่

มิถุนาลากกระเป๋าเดินเขยกตามชายหนุ่มไปอย่างมุ่งมั่น



เขมินทร์ตบแผงคอสีนิลเบาๆ เป็นการทักทาย วันนี้จะมีลูกค้าคนสำคัญมาเรียนขี่ม้าในเวลาห้าโมงเย็น หมอกฟ้าคือม้าที่ถูกเลือกเพราะมันมีนิสัยเป็นมิตรกับคนและขี่ง่าย ส่วนสีนิลเป็นม้าของครูฝึก ซึ่งมีนิสัยหยิ่งผยอง มีไม่กี่คนที่ขึ้นหลังของมันได้ หนึ่งในนั้นคือหมอเขื่อนของคนแถวนี้และเขายังเป็นครูสอนขี่ม้าให้กับรีสอร์ตชิดตะวันมาเกือบปีแล้ว

“คุยเสร็จแล้วเหรอฮะ” ป้อมถามขณะใช้สายยางฉีดน้ำอุ่นราดลงบนตัวของหมอกฟ้า

“อื้อ” เขาตอบสั้น ก่อนจะหันไปคว้าสายยางอีกอันมาฉีดล้างตัวสีนิล

“แล้วพี่สาวคนสวยชื่ออะไรฮะหมอ ผมจะได้เรียกถูก” ป้อมยังอยากคุยเรื่องสาวสวยต่อ

“ไม่สำคัญหรอก เดี๋ยวก็กลับแล้ว”

เด็กหนุ่มมีสีหน้าผิดหวัง แต่พอเหลือบไปเห็นพี่สาวคนสวยกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ก็ยิ้มกว้าง “แต่ผมว่าหมอเดาผิดนะฮะ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มองตามสายตาป้อมก็เห็นว่าผู้หญิงที่ถูกส่งมาเพื่อพาตัวเขากลับกรุงเทพฯ ลากกระเป๋าเดินโขยกเขยกมาถึงตัวเขาพอดี

“เรายังคุยกันไม่จบนะคะ” มิถุนาว่าพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเพราะเธอต้องเดินแกมวิ่งตามเขามานี่ทั้งที่ขาเจ็บ

“ผมว่าผมพูดชัดแล้วนะ แล้วตอนนี้ผมก็ยุ่งมาก” เขาหันไปอาบน้ำให้สีนิลต่อ บอกให้รู้ว่าไม่มีเวลาจะคุยกับเธอ

ป้อมอมยิ้ม นี่เป็นวิธีที่หมอเขื่อนใช้ไล่สาวๆ ที่มาเกาะแกะเขาเวลาทำงาน แต่มันไม่ค่อยได้ผลนัก ตอนหลังชายหนุ่มจึงเริ่มไว้หนวดเครา ผมเผ้าก็ยุ่งเป็นรังนกเหมือนคนไม่รู้จักดูแลตัวเอง มันช่วยได้บ้างเหมือนกัน ดูเหมือนสาวๆ แถวนี้จะชอบลุคคุณหมอหน้าตาเกลี้ยงเกลามากกว่าครูฝึกหนวดเครารุงรัง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังมีชาวบ้านที่ศรัทธาในตัวเขาและอยากจะยกลูกสาวให้เป็นเมียหมอฟรีๆ อีกหลายคน

หญิงสาวถอนใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเริ่มใหม่ “โอเคค่ะ ฉันเห็นแล้วว่าคุณกำลังยุ่งแค่ไหน งั้นคุณก็ทำงานไป ฉันคุยตรงนี้ก็ได้ มาพูดเรื่องข้อเสนอต่อดีกว่า ฉันจะตรงไปตรงมาให้มากขึ้น ถ้าคุณยอมกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลทัศไนย คุณต้องการอะไรแลกเปลี่ยนก็บอกมาเลย ฉันจะจัดการให้ทุกอย่าง...ย้ำว่าทุกอย่างนะคะ”

ก็ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงพยาบาลบอกเธอเองนี่ว่าจะใช้วิธีไหนดึงตัวเขากลับก็ได้ หวังว่าพอนายหมอเถื่อนตกลง ทางนั้นคงยอมจ่ายให้เท่าที่เขาต้องการ หรือไม่ก็...ไว้ค่อยต่อรองกันทีหลังแล้วกัน

“ขอตอบเป็นครั้งสุดท้ายนะ ผมไม่ตกลง” เขมินทร์ว่าพลางเดินผ่านหน้าเจ้าสีนิลไปอยู่คนละด้านกับหญิงสาวและยกสายยางให้สูงเวลาฉีดน้ำอุ่นทำให้น้ำกระเด็นใส่คนที่พยายามตามติดเขาทุกฝีก้าว

มิถุนาร้องเบาๆ ก่อนจะถอยกลับมาและหลบไปยืนอยู่หลังก้นของเจ้าอาชาสีดำตัวใหญ่เพื่อไม่ให้โดนน้ำจนเปียก เธอรู้ว่าเขาจงใจแกล้งและรู้กฎของการเจรจาด้วยว่าห้ามโวยวายตอบ จึงได้แต่สูดลมหายใจลึก ระงับความไม่พอใจเอาไว้และเริ่มอีกครั้ง “สงสัยว่าฉันจะยังชัดเจนไม่พอ งั้นเอางี้นะคะ หนึ่งล้าน คุณตกลงไหม?”

เขมิกากล้าจ้างเธอด้วยเงินหนึ่งล้านบาท ทำไมจะให้เขมินทร์ราคานี้ไม่ได้ นี่ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคุณหมอผ่าตัดสมองฝีมือดีที่จะสร้างชื่อเสียงให้โรงพยาบาลในอนาคต รวมถึงหมอที่จะช่วยชีวิตเจ้าของโรงพยาบาลเอาไว้ด้วย แต่เธอจะไม่ให้ราคาพุ่งตั้งแต่เริ่มต่อรองหรอก!

“ต้องพูดยังไงคุณถึงจะเข้าใจว่าผมปฏิเสธทุกข้อเสนอ” เขาย้อนถามพลางเหลือบตามองคนพูดไม่รู้เรื่องอย่างระอาใจ ตอนนี้เริ่มรำคาญแล้วด้วย

เธอเลิกคิ้วด้วยมาดของนักแสดงมืออาชีพ ก่อนจะอมยิ้มพร้อมชูสองนิ้ว “สองล้าน”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะ กลอกตาหน่ายๆ “คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ให้ตาย!”

หญิงสาวหรี่ตาลงนิด ดูเหมือนหมอนี่จะโลภมากอยู่เหมือนกัน เธอพยักหน้า ไตร่ตรองอยู่ว่าควรจะเสนอเงินต่อหรือเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์เรียกคะแนนสงสารดี แต่ถ้าเขมิกาต้องการหมอผ่าตัดคนนี้เท่านั้น ค่าตัวเขาก็ไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้าน เช่นนั้นแล้ว...

“สามล้าน” เธอชูสามนิ้ว

เขมินทร์ขมวดคิ้ว มองหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่แล้วก็ตัดสินใจว่าควรเลิกสนใจเธอเสียที เหนื่อยเมื่อไรคงจะถอดใจกลับไปเอง

“สี่ล้านขาดตัว!”

มิถุนาตบก้นสีนิลทีหนึ่งเหมือนพิธีกรบนเวทีเคาะค้อนไม้เมื่อการประมูลราคายุติลงพร้อมผู้เสนอราคาสูงสุด แต่แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดก่อนจะกระเด็นไปชนกระเป๋าเดินทางหงายหลังล้มตึง เพราะเจ้าอาชาสีดำยกเท้าหลังขึ้นเตะอะไรก็ตามที่ทำให้มันตกใจ

เขมินทร์กับป้อมชะงักมือที่กำลังอาบน้ำให้ม้า ก่อนจะชะโงกมองว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไอ้ม้าบ้ามัน...เตะฉัน!” หญิงสาวกัดฟันบอกด้วยสีหน้าเหยเก

“โทษที ผมลืมเตือนว่าอย่าเข้าข้างหลังม้า มันจะตกใจแล้วก็...อย่างที่เห็น” เขายักไหล่ นัยน์ตาไม่ได้แสดงความรู้สึกเสียใจอย่างที่ปากพูด

เด็กหนุ่มละมือจากงาน วิ่งเข้าไปดูคนเจ็บ “พี่สาวเป็นอะไรมากมั้ยฮะ หมอเขื่อนช่วยมาดูคนเจ็บก่อนสิ อย่ามัวแต่ยั่วพี่สาวอยู่เลย”

มิถุนามองหน้านายหมอเถื่อนอย่างเจ็บใจ คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้รู้ว่าเขาจงใจไม่เตือนเธอมากกว่า แต่เป็นเพราะรู้สึกเจ็บขามาก จะหดหรืองอก็ไม่ได้เลยต้องละวางทิฐิลงชั่วคราว ได้แต่กัดริมฝีปากกลั้นเสียงคราง ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ป้อมแตะขาของเธอสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะคราวนี้เจ็บของจริงไม่อิงการแสดง

ชายหนุ่มวางมือจากสายยาง เดินอ้อมเจ้าสีนิลเข้ามาดูอาการหญิงสาวใกล้ๆ เขาไม่แน่ใจว่าเธอแกล้งทำหรือเจ็บจริง แต่สีหน้าเจ็บปวดและดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆ คลอหน่วยดูเหมือนจะไม่ใช่แผน เขาจึงนั่งลงข้างๆ ถามเสียงเครียด “เจ็บตรงไหน?”

เธอชี้นิ้วไปที่ขาซ้าย นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงศักดิ์ศรี บัญชีแค้นไว้ค่อยคิดทีหลัง “ขาฉันคงจะหักแล้ว ช่วยพาฉันส่งโรงพยาบาลที”

เขามองขาของเธอ มันดูผิดรูปเล็กน้อยแต่ไม่น่าจะถึงขั้นหัก คงจะข้อต่อเคลื่อนมากกว่า “ยืดขาได้มั้ย”

หญิงสาวส่ายหน้ารัวๆ “ขยับไม่ได้เลย รีบพาฉันส่งโรงพยาบาลเถอะน่า ปวดจะตายอยู่แล้ว”

เขมินทร์ขมวดคิ้ว “จากนี่ไปโรงพยาบาลต้องนั่งรถอีกเป็นชั่วโมง แถมทางก็ไม่ค่อยดีด้วย เขากำลังปรับปรุงถนน ยิ่งตอนนี้หน้าฝนหลุมบ่อเต็มไปหมด คุณคงเห็นแล้วตอนนั่งสองแถวเข้ามานี่”

“คุณต้องไม่ใช่หมอจริงๆ แน่ มีหมอที่ไหนบ้างขู่คนเจ็บแบบนี้” เธอจ้องหน้าเขาอย่างขุ่นเคือง แต่ในหัวก็นึกถึงตอนนั่งรถสองแถวเข้ามาโดยอัตโนมัติ ขนาดร่างกายปกติดียังหัวสั่นหัวคลอนระบมก้นไปหมด ขืนต้องนั่งรถออกไปในสภาพขาเจ็บแบบนี้มีหวังทนพิษบาดแผลไม่ไหวแน่

เขาเห็นสีหน้าแสดงความพรั่นพรึงของเธอจึงบอกว่า “ที่จริงผมก็ช่วยได้นะ ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาลหรอก”

“ให้หมอเขื่อนช่วยเถอะฮะ แม่ผมเคยล้มแล้วงอขาไม่ได้เหมือนพี่สาวก็ได้หมอเขื่อนนี่แหละช่วยรักษาให้ หายไวไม่ต้องไปไกลถึงโรงพยาบาลด้วย” เด็กหนุ่มช่วยสนับสนุนอีกเสียง

เธอหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่แน่ใจ ชายหนุ่มยิ้มอย่างที่มิถุนาเห็นแล้วอยากชักขาหนีแต่ก็ทำไม่ได้ อึดใจต่อมาเธอก็ร้องลั่นพร้อมเสียงข้อต่อที่ถูกดึงให้กลับเข้าที่อย่างเรียบร้อย



“เขาพยายามจะหักขามี่นะคะ!” มิถุนาโวยวายหัวเสียอยู่บนม้านั่งยาวตรงเฉลียงที่บ้านพักของเขมินทร์ มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบใบหู อีกมือสางผมจนยุ่งเหยิงไปหมดด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านปนเจ็บใจ นอกจากข้อต่อหัวเข่าจะเคลื่อนแล้วข้อเท้าของเธอยังเคล็ดอีกด้วย ป้อมจึงพาเธอซ้อนท้ายจักรยานมาประคบข้อเท้าด้วยผ้าขาวห่อก้อนน้ำแข็งที่นี่ก่อน ส่วนนายหมอเถื่อนนั่นแสดงออกชัดว่าการอาบน้ำให้ม้าสำคัญกว่าอาการบาดเจ็บของเธอ!

“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณมี่ คงเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า คุณหมอเขมินทร์ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ผมรับรองได้” ธราธรปลอบมาตามสาย

“คุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นะคะ จะมารับรองแทนเขาได้ยังไง แล้วตอนนี้นายแพทย์เขมินทร์ของคุณก็ดูไม่เหมือนหมอเลยซักนิด เหมือนโจรป่ามากกว่าอีก มี่ว่ามี่คุยกับเขาไม่รู้เรื่องแน่ค่ะ” หญิงสาวพยายามโน้มน้าวให้ผู้ว่าจ้างเชื่อว่าเธอได้พยายามเต็มที่แล้วและพวกเขาควรจะหมดหวังในตัวเขมินทร์เสียที ภารกิจของเธอจะได้จบแค่นี้ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก

“นี่แค่วันเดียวเองนะครับ คุณมี่ถอดใจแล้วหรือ” อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างใจเย็น

“มี่คงไม่ถอดใจถ้าเขาไม่พยายามจะหักขามี่” เธอโต้กลับอย่างไม่พอใจเพราะยังเคืองเขมินทร์อยู่

“ผมรู้มาว่าการดึงข้อต่อให้เข้าที่คือวิธีรักษาอาการข้อต่อเคลื่อนที่ถูกต้องแล้วนะครับ ผมคิดว่าคุณหมอพยายามจะช่วยคุณมี่มากกว่า”

“คุณธราธรคะ คุณต้องมาเห็นสีหน้าเขาตอนที่ดึงขามี่นะคะ เขายิ้มค่ะ ยิ้มเหมือนหมอโรคจิตที่สะใจตอนได้เห็นความเจ็บปวดของคนไข้ มี่ว่าเขาไม่ปกติแน่ค่ะ บอกคุณเขมิกาให้หาหมอผ่าตัดคนใหม่เถอะนะคะ เพื่อความปลอดภัยของเธอและสวัสดิภาพของคนไข้รายอื่นๆ ด้วย”

“นี่คุณมี่กำลังบอกผมอยู่รึเปล่าครับว่าไม่สามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ งานนี้คงเกินความสามารถของคุณ ผมพอจะเข้าใจ เราเคยส่งคนอื่นไปแล้วแต่ไม่ได้ผล ผมแค่คิดว่าคุณมี่แตกต่าง ผมถึงได้หวังไว้มาก แต่ถ้าคุณมี่ถอดใจผมก็คงต้องยอมรับการตัดสินใจของคุณ”

มิถุนารู้สึกเหมือนโดนสบประมาท ลังเลอยู่ว่าจะฮึดทำงานให้สำเร็จเพื่อลบคำปรามาสและเพื่ออนาคตอันสดใสของเธอ หรือรีบเผ่นแนบตอนที่ยังมีโอกาส แล้วที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงพยาบาลทัศไนยก็ช่วยหาคำตอบให้เธอ

“ว่าแต่คุณมี่อ่านสัญญาครบถ้วนดีแล้วใช่มั้ยครับ?”

หญิงสาวดึงตัวเองกลับสู่บทสนทนา “ทำไมเหรอคะ มี่ไม่ค่อยมีเวลาน่ะค่ะ เลยยังไม่ได้อ่านทวน แล้วมี่ก็ไม่ได้เอาสัญญามาด้วย”

ความจริงคือเธอยังไม่ได้อ่านเลยสักบรรทัด ช่วยไม่ได้นี่ พอได้เช็คมาเธอก็รีบเอาไปขึ้นเงินแล้วเดินชอปปิง นั่งกินของอร่อยๆ ในร้านที่คุ้นเคยซึ่งมีเพื่อนดาราไปกันเป็นประจำ เพื่อให้คนอื่นได้เห็นหน้าเห็นตาและคิดว่าเธอยังสุขสบายดี ไม่ได้ตกต่ำอย่างที่ใครๆ คาดหวัง จากนั้นก็มานั่งทำบัญชีใช้หนี้หัวฟู ก่อนจะเก็บกระเป๋ากระโดดขึ้นรถตู้มาสระบุรี แล้วต่อรถสองแถวมาที่รีสอร์ตชิดตะวันนี่ จะให้เธอเอาเวลาที่ไหนไปอ่านสัญญากัน

“ก็เงื่อนไขที่ระบุในสัญญาว่าจ้างไงครับ คุณมี่รับเงินไปแล้ว หากทำงานไม่สำเร็จต้องคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดกับเราทันที แล้วก็ต้องจ่ายค่าปรับอีกหนึ่งเท่าเพราะถือว่าคุณมี่ทำผิดสัญญา ไม่รับผิดชอบในหน้าที่”

“วะ...ว่าไงนะคะ?” หญิงสาวร้องลั่น ลิ้นพันกันจนพูดเกือบไม่เป็นคำ

“เงื่อนไขนี้ระบุไว้ในสัญญาที่คุณมี่เซ็นไงครับ เดี๋ยวผมถ่ายรูปส่งไลน์ให้ดูก็แล้วกัน”

ธราธรบอกอย่างมีน้ำใจ ก่อนจะวางสายท่ามกลางความตกตะลึงอึ้งงันของมิถุนา เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนถูกแช่แข็ง จนกระทั่งเสียงไลน์เด้งขึ้น

หญิงสาวรีบกดดูมือไม้สั่น และได้เห็นเต็มสองตาว่ามีข้อความระบุในสัญญาตามที่ธราธรกล่าวอ้างชนิดที่ไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว

เธอใช้เงินค่าจ้างไปหมดแล้วแต่ยังเหลือหนี้บัตรเครดิตที่ตัดไม่หมดอีกสามหมื่นเศษๆ และหากลากตัวนายหมอเถื่อนกลับไปด้วยไม่ได้ก็แปลว่า เธอจะมีหนี้ก้อนใหม่เป็นของแถม หนี้ก้อนใหญ่...ใหญ่มากซะด้วย!!!

มิถุนาน้ำตาเล็ด คิดถึงพ่อขึ้นมาจับใจ “พ่อคะ มี่ขอถอนคำพูดที่เคยเหน็บแนมพ่อบ่อยๆ ว่าพ่อหน้ามืดตามัวไปเซ็นสัญญาเช่ามหาโหดแบบนั้นได้ยังไง มี่ขอโทษค่ะ แต่การที่มี่ต้องเดินตามรอยเท้าพ่อแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ โฮ!”




___________________________________



เรื่องนี้น่าจะไม่ยาวมากนะคะ ไม่มีสาระอะไรเลย ขายความพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากหนี้ของนางเอกล้วนๆ (ซึ่งนางก็หาหนี้มาเองอีกเหมือนกัน 555)

ปล. ขาดเน็ตไป 3 วันเหมือนจะขาดใจตาย อัพนิยายไม่ได้ ตอนใหม่ก็ไม่ได้เขียน อดดูการ์ตูนและซีรีส์ ชีวิตลำบากจริงๆ บอกเลย ฮือออ TT___TT










Create Date : 10 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 20:07:39 น. 4 comments
Counter : 915 Pageviews.

 
สวัสดียามเที่ยงครับ



โดย: ก้อนเงิน วันที่: 10 พฤษภาคม 2558 เวลา:12:25:19 น.  

 
สวัสดียามค่ำครับ




โดย: ก้อนเงิน วันที่: 14 พฤษภาคม 2558 เวลา:21:55:17 น.  

 
ไม่มีเน็ทเหมือนน่าสงสาร

ช่วงนี้พี่เดินทางเป็นช่วงๆ ไม่บ่อยเหมือนเดิม แต่ไปนานขึ้น พอไม่อยู่หัวหิน ก็ไปเชียงใหม่ ไปทีเป็น 10 วัน ช่วงอยู่เชียงใหม่ก็ทำตัวไม่มีเน็ทค่ะ มีแต่มือถือ อ่านอีเมลได้ ตอบอีเมลได้ (เฉพาะอีเมลงาน ไม่งั้นทรมานน่าดู) แต่ก็ไม่ได้อ่านนิยายออนไลน์ ไม่ได้ทำงานหน้าคอม รู้สึกว่าเวลาเหลือเยอะเชียว!

ปลดแอกตัวเองจากเน็ทบ้างไรบ้าง ก็ดูเหมือนจะสบายดีนะ ไปดูหนังโรงมาด้วย ปกติมีเวลาซะที่ไหน


โดย: พี่หมูน้อย วันที่: 17 พฤษภาคม 2558 เวลา:18:50:52 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับ



โดย: ก้อนเงิน วันที่: 24 พฤษภาคม 2558 เวลา:16:08:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.