Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2557
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
วิวาห์ร้าย พ่ายรัก - 5 - เสือกลายพันธุ์




“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

มินตราแหกปากตะโกนสุดเสียง ก้าวขาเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเธอกำลังวิ่งอยู่บนรองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ด อติยะเห็นแล้วยังต้องตาเหลือกด้วยความทึ่งจัด

ชายหนุ่มกระโดดข้ามบันไดทีละสามขั้นสลับกับการเหลือบมองหญิงสาวที่พยายามวิ่งตะครุบเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย บอกไปใครจะเชื่อว่าหล่อเลือกได้ที่โปรดปรานการถูกสาวสวยพุ่งเข้าหาอย่างเขา กำลังวิ่งหนีแม่สาวแสนสวยคนนี้อยู่

ซวยแท้ๆ ไม่น่าไปแหย่หนวดเสือสาวเลย!

“ไม่หยุดใช่มั้ย?”

หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอการลงทัณฑ์จากเธอ แม้ไม่ได้อยากเป็นนางเอกนิยายตบจูบสักเท่าไร แต่จูบแรกที่เธอเสียไปก็ควรได้แลกกับตบสักฉาดไม่ใช่หรือ ไม่เช่นนั้นก็ควรเป็นอย่างอื่นที่ร้ายกาจเท่าเทียมกัน

มินตราหยุดชะงักกะทันหัน คว้าหมับที่ราวบันไดแล้วก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงที่ถอยมาด้วยราคาแพงระยับ เล็งเป้าด้วยแววตาอาฆาต ก่อนจะเขวี้ยงอาวุธในมือออกไปสุดแรงเกิด

จึ้ก!

อติยะชะงักกึก สะดุ้งโหยงด้วยความเสียวแปล๊บที่แผ่นหลัง

ตุ้บ!

เสียงอาวุธหล่นลงปะทะพื้นหินอ่อนแทบเท้า

ชายหนุ่มสูดปากระบายความเจ็บกลางแผ่นหลัง ก้มมองอาวุธที่อีกฝ่ายใช้ไล่ล่าตัวเอง ก่อนที่ตาคมจะเหลือกโพลงจนแทบถลนออกมานอกเบ้า ค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับแม่เสือสาวอย่างมีน้ำโห เขากัดฟัน แยกเขี้ยวคำรามเสียงต่ำในลำคอขณะจ้องหน้าเธอด้วยแววตาเอาเรื่อง

มินตรากัดฟันกรอด หอบหายใจหนักหน่วง ทั้งจากความเหนื่อยและอารมณ์โกรธเกรี้ยว ก้มลงถอดรองเท้าอีกข้างในขณะที่ดวงตาวับวาวยังจ้องไอ้หัวขโมยไม่กะพริบ เดินเปลือยเท้าเข้าไปหาศัตรูด้วยความมุ่งมาดปรารถนา

แค่นี้ยังน้อยไป ได้รองเท้าคืนก่อนเถอะ แกได้ตายอยู่ตรงนี้แน่!

อติยะเลิกคิ้ว ยืนปักหลักรอคอยแม่เสือสาวแสนสวยอย่างใจเย็น มือหนึ่งเกี่ยวส้นสูงของเธอไว้ด้วยนิ้วชี้ อีกมือเท้าสะเอว ตาคมฉายแววท้าทาย เมื่อคู่กรณีเดินมาหยุดห่างจากเขาในระยะเพียงหนึ่งศอกด้วยใบหน้าเชิดรั้น เสียงแผ่วต่ำจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ

“มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับคุณผู้หญิง”

ลำคอระหงตั้งตรงสง่างาม เผชิญหน้ากับเขาแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดวงตาคู่สวยที่เจิดจรัสราวตะวันฉายในยามเช้าหรี่เล็ก เบะปากนิด ก่อนจะกัดฟันตอบเสียงต่ำ

“โทษทีนะ พอดีว่าฉันตกคำนวณ เสียดายที่พลาดจากหัวนายไปเยอะ เอารองเท้าฉันคืนมา อย่าทำให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้”

“อยากได้คืนเหรอครับ ขอกันง่ายไปหน่อยมั้ง คุณจงใจปามันใส่หัวผม ถึงจะพลาดเป้าแต่หลังผมก็ถูกทำร้ายนะครับ จู่ๆ จะมาขอคืน ผมควรจะให้คุณรึเปล่าล่ะ”

เขากระตุกยิ้มเยาะที่มุมปาก นัยน์ตาคมกริบระยิบระยับไปด้วยความสนุกสนานแกมเจ้าเล่ห์ ไหวไหล่ท้าทาย สีหน้ายียวน กวนโมโหได้อย่างน่าตบที่สุด

มินตราย่นคิ้ว กำหมัด กันฟันข่มกลั้นอารมณ์คุกรุ่นในอกให้สงบและเพิกเฉยต่อแรงกระตุ้นในการตบหน้ายวนๆ นั่นสักฉาด สูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“แน่นอน นายควรจะทำแบบนั้นอย่างยิ่ง ถ้าฉลาดก็รีบคืนรองเท้าของฉันมา”

ริมฝีปากได้รูปชวนสัมผัสกระตุกยิ้มเยาะอีกหน ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมส่งเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มกระตุ้นต่อมโมโหของอีกฝ่ายได้เยี่ยมนัก ก่อนจะปรับสีหน้าเสียใหม่ ถอนหายใจยาว แววตาสลดลงอย่างเสแสร้ง

“โถ...ลูกแมวน้อย ถ้าบังเอิญว่าผมไม่ฉลาด แล้วคุณจะทำอะไรได้ ลองมองไปรอบๆ สิ เห็นมั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน”

ว่าแล้วก็ผายมือไปรอบบริเวณก่อนพูดต่อด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

“บันไดหนีไฟ บันไดที่ไม่มีใครเห็นความสำคัญหากไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น และที่นี่ เวลานี้ ก็มีเพียงเราสองคน ชายหนุ่มหล่อล่ำกับสาวสวยสุดเซ็กซี่ ลองคิดดูสิว่าบรรยากาศมันเป็นใจแค่ไหน ผมว่าเราอย่าเสียเวลาเลยนะ ที่คุณวิ่งตามผมมานี่ก็เพราะติดใจรอยจูบที่ผมฝากไว้วันนั้นละสิ มามะที่รัก ถ้าคุณคิดถึงผมมากนัก ผมจะสนองให้”

นัยน์ตาคมพราวระยับเขม้นมองหญิงสาวอย่างมีความหมาย ขยิบตาเชิญชวน ลำแขนอ้ากว้าง อยู่ในท่าพญาเหยี่ยวพร้อมตะครุบเหยื่อผู้โชคร้าย

มินตราย่นคิ้ว เม้มปากแน่นพลางกวาดสายตาไปรอบด้าน ประเมินสถานการณ์อย่างมีเหตุมีผล สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกให้รู้ เธอพลาดแล้ว ที่นี่เงียบงัน ปลอดผู้คน แม้ความตั้งใจเดิมคือสำเร็จโทษไอ้หัวขโมยให้สาสม หากสถานที่ล่อแหลมเช่นนี้กับผู้ชายมักมากเห็นแก่ได้ มันอันตรายเกินไป

เมื่อสำเหนียกถึงภัยคุกคามที่ตัวเองวิ่งเข้ามาหา หัวใจดวงน้อยจึงกระตุกไหว ภาพเหตุการณ์ในลานจอดรถหลั่งไหลเข้าสู่มโนสำนึกราวน้ำป่าไหลหลาก สัมผัสเร่าร้อนชวนละลายยังเหมือนติดแน่นที่เรียวปาก ใบหน้านวลเริ่มเปลี่ยนสี หอบหายใจเข้าออกถี่รัว ทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้น แยกแยะได้ไม่ชัดเจน

ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เขม้นมองหญิงสาวด้วยนัยน์ตาซุกซน หวนนึกถึงรสชาติหวานล้ำจากเรียวปากอิ่มรูปกระจับที่เผยอน้อยๆ ล่อตาล่อใจราวกับเชิญชวนให้ลองลิ้มชิมรสอีกสักครั้งอยู่เนืองๆ ขายาวก้าวไปข้างหน้าด้วยจังหวะเนิบช้า

ในขณะที่แม่เสือสาวกลับกลายพันธุ์เป็นลูกแมวน้อยแล้วถอยกรูดอย่างรวดเร็ว จ้องตอบเขาด้วยดวงตาระแวดระวังภัย หากเพราะไม่มีตาหลังจึงสะดุดขั้นบันได ร่างซวนเซเกือบล้ม แต่ลำแขนแข็งแรงก็ตวัดเกี่ยวเอวบางเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที แถมยังพันธนาการเสียแน่นหนา ยากแก่การดิ้นรนหลบหนี

“ปล่อยฉันนะ!”

ลูกแมวน้อยตวาดแว้ด หากหางเสียงสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก สองแขนยันอกแกร่งเอาไว้สุดกำลัง แต่มันไม่มีผลใดๆ ต่อไอ้หัวขโมยร่างใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา สมบูรณ์แบบมากเกินไปจนเธอหาที่ติไม่ได้

ไม่นะ เธอไม่ควรคิดอะไรแบบนี้ ไม่ๆๆๆ

ใบหน้าสวยจัดส่ายไปมาเร็วๆ พยายามสลัดความคิดที่ว่าไอ้หัวขโมยช่างหล่อเหลาละลายใจออกไปจากหัวด้วยความโมโห

อติยะยิ้มกริ่ม ก้มหน้าลงกระซิบชิดริมหูอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ที่เคยใช้ได้ผลกับสาวๆ มานักต่อนักแล้ว

“โอ๋ๆ ลูกแมวน้อยของผม อย่ากลัวไปเลยนะครับ ผมรับรองว่าจะทะนุถนอมคุณให้มาก เชื่อใจผมนะคนดี”

สิ้นคำปลอบประโลมเอาใจนั้น จมูกโด่งก็ฉกวูบลงข้างแก้มนวล ก่อนจะระเรื่อยตามแนวคางมน จวบจนบรรจบกับเรียวปากอิ่มเย้ายวนใจ

หญิงสาวใจหายวาบเมื่อริมฝีปากร้อนจัดกำลังบุกรุกกลีบปากนุ่มของตนอย่างเอาแต่ใจ ไม่วายว่าเธอจะดิ้นรนปัดป่าย ประท้วงอู้อี้อยู่ในลำคอ แถมยังเม้มปากแน่นพร้อมส่ายหน้าหนีสุดชีวิต แต่จมูกโด่งกับเรียวปากรุ่มร้อนของเขายังตามติดไม่ลดละ

อติยะยิ้มกริ่มกับปฏิกิริยาต่อต้านของคนในอ้อมแขน

ดิ้นไปเถอะ ถ้าเขาไม่ปล่อย อีกหน่อยก็อ่อนยวบ ผู้หญิงก็อย่างนี้ รายไหนรายนั้น!

มินตราเริ่มหมดแรงเมื่อร่างกายถูกรัดรึงด้วยพันธนาการเหนียวแน่นของไอ้หัวขโมยรูปหล่อ นอกจากริมฝีปากร้อนรุ่มกับจมูกโด่งของเขาแล้ว อกแกร่งยังบดเบียดเข้าหาร่างกายของเธออย่างแนบชิดสนิทสนม จะดิ้นรนไปทางไหนก็จนปัญญา จะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือก็เกรงว่าลำคอคงแตกไปเสียก่อนที่จะมีใครได้ยิน แถมยังมีแนวโน้มว่าอีกฝ่ายจะฉวยโอกาสแทรกลิ้นเข้ามาในปากของเธอมากกว่าจะได้ตะโกน เมื่อเธอตระหนักว่าทำเรื่องโง่ที่สุดในชีวิตก็สายไปเสียแล้ว

จากแรกเริ่มเพียงคิดจะเย้าแหย่ กลั่นแกล้ง และเอาชนะเธอด้วยเสน่ห์ร้อนแรงที่เขามั่นใจว่ามีอย่างล้นเหลือ ตอนนี้กลิ่นน้ำหอมชั้นดีผสานกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวนุ่มเนียนที่แนบชิดจมูกและริมฝีปาก ทำให้อารมณ์บางอย่างของเขาตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แรงปรารถนากระตุ้นเร้าให้ชายหนุ่มร้องขอการตอบสนองในรูปแบบเดียวกันด้วยสัมผัสเว้าวอนอ่อนหวาน ยากแก่การต้านทานด้วยประสบการณ์อันช่ำชอง

มินตราถึงกับเข่าอ่อน ขนลุกซู่ หูอื้อตาลาย คิดอะไรไม่ออกเมื่อลมหายใจร้อนผ่าวของเขาเป่ารดพวงแก้มจนขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากร้อนกับปลายจมูกโด่งเคล้าเคลียอยู่กับใบหูระเรื่อยลงมาตามซอกคอระหง ทุกหนทุกแห่งที่ผิวเนื้อของเธอได้รับการแตะต้องล้วนก่อให้เกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบราวถูกเปลวไฟแผดเผา

สำนึกผิดชอบชั่วดีเตือนให้เธอต่อต้านขัดขืน แต่ยากเหลือเกินที่จะคิดว่าตัวเองกำลังถูกคนร้ายลวนลามอย่างอุกอาจ ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบของเขาผุดขึ้นมาพร้อมกับคำว่า ‘คนร้าย’

นี่มันซาตานในคราบเทพบุตรชัดๆ!

แต่ถึงแม้จะรู้แบบนั้น ในตอนที่ริมฝีปากของเขากดแนบลงมาบนเรียวปากอิ่มอย่างอ่อนหวาน นุ่มนวลแกมเรียกร้อง เธอก็ไม่อาจต้านทานได้จริงๆ สัมผัสของเขาไม่หยาบคายและป่าเถื่อนพอจะเรียกมันว่า ‘การบังคับใจ’ ได้ ตรงกันข้าม มันเยี่ยมมาก แม้ไม่อยากยอมรับ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ลง

ความหวานล้ำจากเรียวปากอิ่มให้ความรู้สึกแปลกประหลาด เหมือนน้ำค้างพรมใบหญ้าในตอนรุ่งสางชวนให้ติดอกติดใจไม่รู้เบื่อ ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่เคยสัมผัสจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน นั่นทำให้สติและความยับยั้งชั่งใจแทบขาดผึง ไม่อยากรับรู้ว่าที่นี่คือบันไดหนีไฟ มีเพียงพื้นแข็งๆ เย็นชืด ไม่เหมาะจะทำกิจกรรมอื่นใดนอกจากเดินขึ้นเดินลงในยามฉุกเฉินเท่านั้น

แต่เสียงกรีดร้องและอาการสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารล้ำสมัยในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนกระชากให้เขาตื่นจากฝันหวาน ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมาจากอย่างแสนเสียดาย

“บ้าฉิบ!” สบถอย่างหงุดหงิดขณะละมือขวาจากต้นคอระหงของหญิงสาวลงไปล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คิ้วเข้มขมวดมุ่น ไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่ามารคอหอยของเขาคือใคร

หญิงสาวหอบหายใจเข้าออกเร็วแรง ทรวงอกอิ่มสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะกระชั้นบดเบียดกับแผงอกแกร่งภายใต้เสื้อเชิ้ตอย่างแนบแน่นด้วยเขาไม่ยอมคลายอ้อมแขนแม้ใบหน้าจะผละห่างไปแล้ว

เธอได้แต่กะพริบตาด้วยความมึนงง เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมที่หันข้างให้ขณะแนบโทรศัพท์มือถือกับใบหู ก่อนจะลดระดับสายตาต่ำลงเพื่อสำรวจสภาพร่างกายของตัวเอง

หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าร่างกายของเธอถูกกอดรัดไว้อย่างสนิทชิดเชื้อ มือที่เกาะกอดไหล่กว้างเอาไว้เพื่อพยุงกายไม่ให้เอนล้มถูกชักกลับอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อน

หลังผ่านช่วงเวลาของการทำความเข้าใจไปได้แล้ว หญิงสาวก็เริ่มใช้มือผลักอกแกร่งแรงๆ หวังให้เขาคืนอิสรภาพให้โดยเร็ว ทว่าไม่เพียงเขาจะไม่ใส่ใจ วงแขนแข็งแรงเกินต้านทานนั้นยังรัดแน่นขึ้นเสียอีก

“คุณเล็กอยู่ที่ไหนครับ รีบๆ กลับบ้านก่อนเถอะ ตอนนี้มีแต่คุณเล็กเท่านั้นที่จะห้ามคุณใหญ่ได้ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

น้ำเสียงร้อนรนของทนายประจำตระกูลทำให้อติยะถอนใจยาว ปรายตาคมดุปรามคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้สติกลับมาและเริ่มดิ้นรนยุกยิกหาทางออกจากพันธนาการของเขา ยิ่งเธอดิ้นรน เขาก็ยิ่งอยากแกล้ง

ดิ้นมากนัก จะกอดให้หายใจไม่ออกเลย คอยดู!

“ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ตอบรับเสียงห้วนแล้วกดวางสายทันทีโดยที่ตาคมยังไม่ละไปจากใบหน้างามบึ้งจัดของคนในอ้อมแขน

มินตราเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วก็ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ ริมฝีปากแดงช้ำขบกันแน่น ดวงตาคู่สวยวาววับเอาเรื่อง สองแขนยันอกกว้างไม่ให้เบียดชิดกับร่างกายของเธอมากไปกว่านี้ แม้จะไม่เกิดผลใด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย ความจริงที่ว่าเธอแอบให้ความร่วมมือกับเขาทำให้หญิงสาวรับไม่ได้จึงพยายามปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวด้วยการเข่นเขี้ยวก่นด่าอีกฝ่ายอย่างเจ็บแค้น

“ไอ้บ้า แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

อติยะยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ส่ายหน้าช้าๆ นัยน์ตาพราวระยับด้วยความพึงพอใจ

“จุ๊ๆ คุณพูดไม่เพราะเลยนะที่รัก อย่าให้ผมได้ยินสรรพนามหยาบคายแบบนั้นจากปากคุณอีกนะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าหล่อใจร้าย แล้วก็อย่าแกล้งทำสะบัดสะบิ้งไปหน่อยเลย เราเข้ากันได้ดีแค่ไหนคุณก็รู้ เสียดายที่ผมมีธุระ ไม่งั้นจะต่อให้จบซะที่นี่ ตื่นเต้น เร้าใจดี คุณว่ามั้ย”

“กรี๊ดๆๆๆ” หญิงสาวกรีดเสียงใส่หน้าเขาอย่างโมโห ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู แต่อนุมานได้ว่ามาจากอารมณ์โมโหมากกว่าอย่างอื่น

เมื่อเขาไม่ยอมปล่อย เธอก็ดิ้นเร่าๆ ทุบตีอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งเท่าที่กำลังจะเอื้อ ด่าทอเขาด้วยถ้อยคำเดิมๆ ซ้ำๆ เพราะโมโหจนคิดอะไรไม่ออก

“ไอ้บ้า ไอ้คนลามก คนทุเรศ!”

“เอ้าๆ ชอบความรุนแรงก็ไม่บอกผมแต่แรกนะที่รัก ผมจะได้จัดให้แบบถึงอกถึงใจเลย”

เขากระซิบยั่วเย้าที่ใบหูหอมกรุ่นของหญิงสาว ยิ่งเธอดิ้นรนบ่ายเบี่ยง สองแขนของเขาก็ยิ่งกระชับแน่น

ชายหนุ่มรวบเอวบางให้ดิ้นรนไปไหนไม่ได้ ฉวยโอกาสสูดดมกลิ่นหอมชื่นใจที่ข้างแก้มเข้าไปเต็มปอดแล้วเลื่อนริมฝีปากลงมาที่ซอกคอระหง ขบเม้มเบาๆ หยอกเย้ากวนใจ ก่อนจะเพิ่มแรงสัมผัส ฝากรอยจารึกไว้บนไหล่เนียนจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจระคนวาบหวามในอก

เขาเงยหน้าขึ้น จ้องตาเธอพลางยิ้มยั่ว “เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ผมต้องรีบไปจริงๆ”

ว่าแล้วก็ก้มลงจูบที่รอยแดงบนไหล่เนียนอย่างอ่อนโยน มินตราถึงกับสะท้าน ขนลุกซู่ไปกับสัมผัสนั้น

“ฝากไว้ให้คุณคิดถึงผม จนกว่าเราจะพบกันอีก ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ผมจะตามหาคุณให้เจอ” เขากระซิบเสียงแผ่วพร่าชิดริมหูของเธอ

มินตราหอบหายใจสะท้าน กัดฟันข่มอารมณ์วาบหวามให้สงบแล้วแทนที่ด้วยความโมโห

“คิดถึงบ้าบออะไร ฉันจะแช่งชักหักกระดูกนายทุกวันน่ะสิ”

เขาอมยิ้ม ขยิบตาเก๋ไก๋ ใบหน้าหล่อเหลาสว่างไสวชวนมอง

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รังเกียจที่จะอยู่ในความคิดถึงของคุณ ไม่ว่าในแง่ไหน”

หญิงสาวได้แต่เม้มปากแน่น กัดฟันกรอด ด้วยไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรให้สาสมกับความคับแค้นใจ

ชายหนุ่มปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะก้มลงคุกเข่า เก็บรองเท้าส้นสูงที่ถูกโยนทิ้งตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้พร้อมแตะที่ปลายเท้าเรียวอย่างอ่อนโยน หญิงสาวชักเท้าหนีด้วยความตกใจ แต่เขาไม่ยอมแพ้ เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มละลายใจ

“ผมใส่ให้”

ว่าแล้วก็ปฏิบัติในทันที ไม่ปล่อยให้มีช่องโหว่ในการตัดสินใจ

มินตราได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนล้า ยอมให้เขาทำตามอำเภอใจ แม้จะไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเดียว หากประเมินสถานการณ์ในตอนนี้แล้วก็รู้ดีว่าถึงเธอต่อต้านไปก็ไร้ผล เสียเวลาเปล่า

อติยะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง ก้มลงสบตาหญิงสาว แม้เธอจะอยู่บนรองเท้าส้นสูงกว่าห้านิ้ว หากก็ยังดูเล็กบางเมื่อเทียบกับร่างกายสูงใหญ่ของเขา

ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปากพร้อมให้คำสัญญาแผ่วเบาแทนคำลา “ผมจะตามหาคุณ แล้วเจอกันนะ...ที่รัก”

สิ้นเสียงของเขา ร่างสูงก็หมุนตัว เดินจากไปอย่างสง่างาม ทิ้งหญิงสาวไว้เบื้องหลังกับความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ









Create Date : 07 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2557 0:03:54 น. 1 comments
Counter : 1048 Pageviews.

 
555555++


โดย: sakeena IP: 58.11.246.240 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:04:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.