MY VIP Friend

พฤษภาคม 2559

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
อาหารกับการล้างพิษ


 

ในสภาวะปัจจุบัน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีตเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เกิดมลพิษมากมายจากโลกอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตอย่างขีดสุด แม้กระทั่งลมหายใจเข้าออกยังถือว่า เป็นอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากการสันดาปภายในเซลล์ นับประสาอะไรกับกระแสการบริโภคที่เปลี่ยนไป อาหารทุกประเภทที่เรารับประทานลงไปแต่ละมื้อ จะส่งต่อสุขภาพเราโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นเกิดการอักเสบอย่างช้าๆ หลายคนอาจมองข้ามอวัยวะต่างๆภายในร่างกายที่เรามองไม่เห็น แท้จริงแล้ว อาหารมีส่วนอย่างมากที่บ่งบอกว่า ความแข็งแรงกับความอ่อนแอ ( เจ็บป่วย ) อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม


การดีท๊อกซ์หรือการล้างพิษจะช่วยลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยหรืออาการผิดปกติบางอย่างในร่างกายให้ดีขึ้น เนื่องจากการดีท๊อกซ์มีประโยชน์กับระบบอวัยวะภายในเกือบทุกส่วน เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบทางเดินหายใจ ระบบการย่อยอาหาร ระบบกล้ามเนื้อ ฯลฯ การดีท๊อกซ์ส่งผลให้ร่างกายกลับไปสู่สภาวะสมดุลและสามารถกำจัดของเสียหรือสารพิษภายในร่างกายได้อย่างดีขึ้น


การล้างพิษมีหลากหลายวิธี สารพัดรูปแบบ แต่แป้งจะโฟกัสเฉพาะการล้างพิษด้วยวิตามิน เพราะมีคำถามจากผู้อ่านว่า การที่ร่างกายจะดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น ควรมีการล้างพิษก่อนกินวิตามินหรือไม่


ร่างกายมนุษย์ในภาวะปกติ ไม่มีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องนานๆ เปรียบได้กับโรงงานที่มีเครื่องจักรฟันเฟืองทำงานสมบูรณ์แบบ ไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อเริ่มมีอาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหาร น้ำย่อยจะถูกปล่อยออกมาย่อยอาหารก่อนการดูดซึม ส่วนกากอาหารจะถูกลำเลียงยังลำไส้ใหญ่เพื่อรอวันขับออก รวมกับของเสียอื่นๆจากร่างกาย ผ่านตับและไตไปยังลำไส้ ซึ่งมีเชื้อจุลินทรีย์เจ้าถิ่นที่อาศัยอยู่ เพื่อคอยปราบเชื้อจุลินทรีย์ที่แปลกปลอมจากภายนอกจู่โจมเข้าไป


ส่วนตับจะคอยจับสารพิษที่หลุดรอดเข้ามา โดยไปรวมกับเอนไซม์จากตับ จากนั้นจะถูกกรองทิ้งที่ไต กระบวนการเช่นนี้หมุนเวียนทุกเมื่อเชื่อวัน จนกว่าเราจะสิ้นอายุขัย ถือได้ว่า สามารถกำจัดและล้างพิษจากร่างกายได้อย่างเป็นระบบ


หากเราเลือกรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยพืชผักและผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี พืชสมุนไพร เห็ดต่างๆ รวมถึงอาหารไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งโดยไม่รู้ว่าหน้าตาเก่าเป็นอย่างไร เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แหนม ฯลฯ โดยเฉพาะผัก เห็ด ผลไม้สดมีกากใยอาหารสูง เปรียบได้กับไม้กวาดปัดเป่าทำความสะอาดลำไส้โดยตรง ถือได้ว่า เป็นการล้างพิษอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานวิตามินเพื่อล้างพิษแต่อย่างใด


ตัวแป้งเอง ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตั้งแต่อายุ 30 ปี พอเริ่มกินวิตามินคุณภาพสูงที่ผลิตในอเมริกา ก็เห็นผลอย่างชัดเจน ผม ผิว เล็บ ความแข็งแรงของร่างกาย โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าในอดีต 300% โดยที่ไม่ได้กินวิตามินล้างพิษเพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดียิ่งขึ้นแม้แต่เม็ดเดียว เรียกได้ว่า ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลก็ว่าได้


ส่วนผู้ที่ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง ชอบอาหารทอดๆ มันๆ ปิ้ง ย่าง อาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง ( อาหารกลุ่มนี้มักทำให้เกิดการอักเสบระดับเซลล์ ) นิยมฝากท้องไว้กับอาหารแช่แข็งอายุยืนตามร้านสะดวกซื้อ ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ สะสมความเครียดเป็นนิจ การกินวิตามินเพื่อล้างพิษเป็นสิ่งจำเป็น เพราะร่างกายได้สะสมสารพิษเป็นเวลาเนิ่นนาน กระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติ ไม่สามารถขจัดของเสียต่างๆหรือเรียกว่า "อนุมูลอิสระ "ออกไปได้หมดอย่างสิ้นเชิง เหล่านี้ส่งผลให้คนเราสู่วัยชรามาพร้อมกับโรคภัยเร็วขึ้น


การสร้างสมดุลให้ร่างกายเบื้องต้น ไม่มีอะไรยากมากมาย เพียงแต่ต้องอาศัยความตั้งใจจริงและเปลี่ยนความคิดเพียงนิดเดียว อาหารเพื่อสุขภาพมักมีรสชาติไม่ค่อยอร่อย อาหารอร่อยกลับอุดมไปด้วยผงปรุงรสที่มีส่วนประกอบหลักคือ ผงชูรส นั่นเอง หากเราไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเสียตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าโรคภัยจะค่อยๆคืบคลานมาหาจู่โจมเราโดยไม่รู้ตัว


สารพิษต่างๆ เหล่านี้ ปกติร่างกายดำเนินการกำจัดหรือถ่ายเทมันออกตามธรรมชาติอยู่แล้วโดยอวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดของเสียเหล่านี้คือตับ ท่อน้ำดี ไต ผิวหนัง ปอด ในรูปของอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล และลมหายใจ


แต่เมื่อใดก็ตามที่อวัยวะเหล่านี้ไม่สามารถขับสารพิษออกไปได้เร็วพอๆ กับที่ถูกสร้างขึ้น ก็จะเกิดการสะสมของสารพิษในร่างกายซึ่งหากสะสมไว้จนถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีผลให้ร่างกายเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นได้


โดยปกติร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตรายต่อเซลล์ แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระอย่างรวดเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว


แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระไม่อาจแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว แต่จะชะลอความเสียหายให้ช้าลงได้ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังซึ่งเป็นผลจากสะสมที่เกิดจากเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายเสียหายเป็นปีๆ (โดยมากเป็นเวลาหลายสิบปี) เริ่มจากวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ดังนั้นจึงควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระให้พอเพียงต่อความต้องการในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย



การบริโภค ผัก เห็ด ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีและพืชสมุนไพรต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้เป็นอย่างดี


มีหลายคนคิดว่า กินวิตามินเยอะๆจะทำให้ตับไตเสื่อมเร็วขึ้น วิตามินไม่ใช่ยารักษาโรคที่ประกอบด้วยสารเคมีนะคะ ความจริงแล้ว มีงานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ( อัลไซเมอร์ ) ฯลฯ อีกทั้งช่วยชะลอกระบวนการที่ทำให้เกิดความชราภาพได้


การป้องกันไว้ล่วงหน้า ก่อนเกิดความเสียหายต่อสุขภาพโดยรวม ดีกว่าปล่อยให้เกิดความเสียหายจนถึงระดับเซลล์ จนไม่อาจแก้ไขได้ หากไม่อยากใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบากเพื่อรักษาตัวจากโรคที่เกิดจากความเสื่อมแห่งวัย ควรทำใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดละความตึงเครียดลง ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกโดยเฉพาะเพศหญิง (เมื่อใดที่ถึงวัยหมดประจำเดือน การสลายตัวของกระดูกจะเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ) มองโลกในแง่ดีเพราะร่างกายทุกส่วนมีความสัมพันธ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าทำเช่นนี้ได้ วันข้างหน้า แก่ไปไม่เป็นภาระใครค่ะ





Create Date : 31 พฤษภาคม 2559
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 12:15:09 น.
Counter : 1411 Pageviews.

0 comments

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments