"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
[Health] Nestlé 2-Week Plan to Good Health - Week 1


หลังจากที่ปูเป้ได้โพสไปในคราวก่อนเกี่ยวโครงการเปลี่ยนตัวเองให้มีสุขภาพดีใน 14 วัน คราวนี้ปูเป้จะมาเล่าให้ฟังว่าในแต่ละวันปูเป้ทำอะไร และมีเทคนิค ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้จริงได้อย่างไรกันบ้าง ปูเป้เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในชีวิตจริง ไม่ใช่แผนที่ดูดีแต่ทำจริงไม่ไหว สิ่งสำคัญคือการปรับเปลี่ยนไปทีละนิด ไม่จำเป็นต้องหักดิบหรือเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า :D

 photo NestleDay01.jpg


DAY 1 "ธัญพืชเต็มเมล็ด"


ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของตัวเองรึเปล่า ที่เป็นคนชอบพวกอะไรที่เป็น Whole Grain หรือ ธัญพืชเต็มเมล็ด อยู่แล้ว ยกตัวอย่างข้าวที่กินที่บ้านก็ชอบกิข้าวกล้องมากกว่าข้าวขาวเพราะว่ามันหนึบมันเคี้ยวเพลินและมีรสชาติมากกว่า การทานธัญพืชเต็มเมล็ดหรือแป้งที่ผ่านการขัดสีน้อย ทำให้ได้เส้นใย แร่ธาตุ วิตามินในปริมาณที่มากกกว่า การเปลี่ยนจากแป้งไปเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดก็ใช้เวลามากกว่า ดังนั้นเราจึงอิ่มได้นานกว่า และระดับน้ำตาลคงที่ได้นานขึ้น

ประเด็นคือการทานอะไรพวกนี้นอกบ้านนั้นอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ลองไปตลาดหลังออฟฟิตแล้วถามป้าร้านข้าวแกงว่าป้ามีข้าวกล้องรึเปล่า ส่วนใหญ่จะบอกเลยว่าไม่มี ดังนั้นปูเป้คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองให้กิน Whole Grain หรือ ธัญพืชเต็มเมล็ด ทุกมื้อหรอก เอาให้ได้สัก 50% ของในแต่ละวันก็พอ ซึ่งมื้อเช้า และมื้อเย็นนั้นเป็นมื้อที่เราสามารถเตรียมอาหารเองได้

ยกตัวอย่างเช่นมื้อเช้าทำเป็นแซนวิชโฮลวีต ใส่ผัก ปาดสเปรนด์ไขมันต่ำ ไข่ดาวไม่ใช้น้ำมัน และแฮม (ถ้าอยากเพิ่มรสชาติอีกนิด อนุโลมให้ใส่เบคอนบิตที่ทอดเอาน้ำมันออกให้เยอะที่สุดได้บ้าง) ก็จะได้มื้อเช้าที่อร่อยง่าย ๆ หรือจะเลือกเป็นซีเรียลที่ทำจากโอลเกรน หรือเครื่องดื่มธัญพืชชนิดชงสำเร็จก็มีให้เลือกอีกมากมาย

 photo NestleDay02.jpg


DAY 2 ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ขับถ่ายเป็นเวลา


การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตรนั้น เป็นสูตรที่ใครต่อใครก็ได้ยินกัน แต่ทำกันได้รึเปล่านั่นก็อีกเรื่อง ส่วนตัวปูเป้เป็นคนที่ดื่มน้ำน้อยมั่ก อยู่บ้านบางวันกินแค่ 2 - 3 แก้ว แต่หลังจากไปตรวจสุขภาพเมื่อสองปีกว่าที่ผ่านมา ปูเป้พบว่าเลือดมีความเป็นกรดสูง ส่งผลกับสุขภาพหลาย ๆ อย่างทีเดียว คุณหมอแนะนำว่าควรทานน้ำแร่เพราะมีความเป็นด่าง และดื่มให้ได้ 2 - 3 ลิตรในแต่ละวัน (สำหรับปูเปั้ที่สูง 180 และหนัก 66 กิโลกรัม) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในแต่ละวันปูเป้จะมีน้ำแร่ขวด 1.5 ลิตรอยู่บนโต๊ะทำงาน ให้ทยอยแบ่งจิบไปเรื่อยวันละ 1 ขวด และถ้าต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ก็พยายามที่จะติดน้ำดื่มไปด้วยเสมอ

ตั้งแต่ดื่มน้ำปริมาณที่กำหนด ทานผลิตภัณฑ์สริมอาหารที่เป็น Pprbiotic (แบคทีเรียชนิดดีแบบเดียวกะที่อยู่ในโยเกิร์ต นมเปรี้ยว) และการตื่นนอนเป็นเวลาเดิม ๆ รู้สึกว่าการขับถ่ายของตัวเองดีขึ้นมาก โดยตื่นขึ้นมาปูเป้จะดื่มน้ำ 1 แก้ว ถ้ามีมะนาวก็บีบมะนาวลงไปหน่อย จะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดีขึ้น

การขับถ่ายที่ดีจะช่วยให้เราท้องไม่ดูป่อง ไม่อึดอัด แล้วส่วนตัวรู้สึกว่าปัญหาของสิวมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการขับถ่ายด้วยล่ะ

 photo NestleDay03.jpg


DAY 3 ทานหวานให้น้อยลง


สารภาพจากใจจริง ว่าจะให้ทั้งชีวิตดำรงได้ด้วยน้ำเปล่า น้ำแร่ อย่างเดียวนั้นทำไม่ได้หรอก เรามีของที่อยากกิน ของที่ชอบมากมายเต็มไปหมด ยิ่งชาเขียวปั่น กรีนทีลาเต้นี่ของโปรดชนิดเลิกไม่ได้เลยทีเดียว

ปูเป้จะบอกว่าถ้าอยากกินก็กิน ไม่ต้องอด (เราไม่ถือคติว่า "สวยแบบอดอยาก") แค่ให้เลือกกิน และรู้ปริมาณที่จะกิน และรู้จักคำว่า "พอ"

ปูเป้ยังคงกินกรีนทีลาเต้ ชาเขียวปั่นที่ตัวเองรักเช่นเคย (รวมถึงชานมไข่มุกด้วย) แต่กินไม่บ่อย จำกัดไว้ที่เดือนนึงไม่เกิน 6 แก้ว และให้สั่งแบบลดน้ำตาล หรือไม่ใส่น้ำตาล เปลี่ยนนมเป็นนมพร่อมมันเนย หรือนมถั่วเหลือง ไม่ใส่วิปปิ้งครีม เท่านี้ชีวิตเราก็มีสุขภาพที่ดีขึ้น แล้วจิตใจเราก็ยังสดใสไม่อดอยากอีกด้วย

 photo NestleDay04.jpg


DAY 4 ฟิต เฟริม เพิ่มกล้ามเนื้อ


ปูเป้เข้าฟิตเนสเป็นประจำมาได้ 2 ปีแล้ว (ก็มีบ้างที่อาจจะหายไปเพราะยุ่งมาก แต่ก็ต้องรีบหาเวลากลับมาออกกำลังกายตลอด) โดยจะกำหนดว่าอย่างต่ำขอ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งปูเป้จะมีการออกกำลังกายแบบ Cardio เพื่อเร่งการเผาผลาญอย่างต่ำ 30 นาที และมีการยกเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้ออีกอย่างต่ำ 60 นาที

การเพิ่มกล่ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่ากล้ามเนื้อมีมวลหนาแน่นกว่าไขมัน ปูเป้ตอนที่น้ำหนัก 66 กิโลกรัมตอนก่อนออกำลังกายดูบวม อืด แต่หลังออกกำลังกายน้ำหนักก็ 66 เท่าเดิม แต่ดูเฟริมขึ้น และผอมลง นั่นหมายความว่าอย่าเอาแต่ลดน้ำหนัก อย่าดูแค่ตัวเลขในตาชั่ง แต่ให้ดูรูปร่างของเราว่าสมส่วน มีกล้ามเนื้อแน่นกระชับรึยัง

การที่เรามีมวลกล้ามเนื้อมาก ทำให้เราสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น ดังนั้นคนที่ออกกำลังกายแต่ Cardior แต่ไม่มีการเพิ่มกล้ามเนื้อเลย จะกลับมาอ้วนได้ง่ายกว่าคนที่มีการออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อไปด้วย

เห็นสาว ๆ บางคนบอกว่าไม่อยากออกกำลังกาย ไม่อยากยกเวท กลัวกล้าม ก็อยากจะบอกว่ากล้ามมันไม่ได้มากันง่ายขนาดนั้นร๊อกกก ถ้ามันได้มาง่าย ผู้ชายคงไม่ต้องยัดไข่ขาว อกไก่ เวย์ ยกเวทเป็นชั่วโมงหรอกเธอ เลิกหาข้ออ้างให้ตัวเอง แล้วไปออกกำลังกายซะ

สำหรับใครที่ไม่เคยออกกำลังกาย แนะนำให้หา Personal Trainer เพื่อการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและเห็นผลกว่าการเล่นมั่ว และระหว่างออกกำลังกายก็คอยจิบน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการขาดน้ำด้วยนะจ๊ะ

 photo NestleDay05.jpg


DAY 5 ผักดี ๆ 5 สีต่อวัน


โชคดีของปูเป้มาก ๆ ที่คุณพ่อชอบทำอาหาร ดังนั้นถ้าอยู่บ้านจะมีผักสด ๆ จากตลาดปากคลองใกล้ ๆ บ้านมาให้ได้กินตลอด สีของผักที่ต่างกันก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการทานผักที่มีหลาย ๆ สีรวมกันจึงดีต่อสุขภาพ

ถ้าไม่ชอบกินสลัด ก็ลองกินเป็นผักลวกจิ้มกับน้ำพริกก็ได้นะ

 photo NestleDay06.jpg


DAY 6 จัดเต็มมื้อเช้า


มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญมาก เพราะสมองและร่างกายต้องการสารอาหารไปหล่อเลี้ยง อาหารในมื้อเช้าไม่ควรเป็นแค่กาแฟดำหนึ่งแก้วแต่ควรให้คุณค่าทางอาหารและพลังงานครบ แต่ในขณะเดียวกันก็ควรย่อยง่ายซะหน่อย

ตอนเช้าอาจจะทานเป็นโจ๊ก หรือข้าวต้มปลา หรือถ้าแนวฝรั่งหน่อยก็ไข่ดาวไม่ใช้น้ำมัน แฮมลวก ขนมปังโฮลวีต กับนมสักแก้วก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ

 photo NestleDay07.jpg


DAY 7 ชีวิตไม่ขาดหวาน (แค่ต้องทานให้พอเหมาะ)


การมีสุขภาพกายที่ดี ควรมาพร้อมกับสุขภาพจิตที่ดี การบังคับตัวเองให้กินแต่อะไรเฮลตี้ ๆ อย่างเคร่งครัด นั้นสามารถสร้างความเครียดได้ ถ้าเราไม่ได้เอนจอยกับสิ่งนั้นจริง ๆ

ตามหลักการกินที่ Dr.Murad ได้บอกเอาไว้ คือ 80% ควรเป็น Healthy Food และอีก 20% เป็น Comfort Food โดยเจ้า Comfort Food ก็คือของที่เราอยากกิน เค้ก ขนมหวาน ชาไข่มุก ฮันนี่โทสต์ หรืออะไรก็แล้วแต่ สามารถกินได้หมด แต่ให้อยู่ใน 20% ของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน

ค่าเฉลี่ยของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวันสำหรับคนที่ลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักคือ 1,500 Kcal สำหรับผู้หญิง และ 2,000 Kcal สำหรับผู้ชาย ดังนั้น 20% ของผู้หญิงก็คือ 300 Kcal ต่อวัน และ 400 Kcal ต่อวันสำหรับผู้ชาย

ปูเป้จะแบ่ง Comfort Food ของตัวเองเป็นสองช่วงคือ มื้อสาย และ มื้อบ่าย ดังนั้นแต่ละมื้อย่อยนั้นสามารถทานอะไรก็ได้ที่มีพลังงาน 150 Kcal สำหรับผู้หญิง และ 200 Kcal สำหรับผู้ชาย (หรือใครจะรวบเป็นของว่างมื้อเดียวก็ยังโอเคนะ)

วันนี้ปูเป้เลือกกิน KitKat ชาเขียวสุดที่เลิฟ ชิ้นหนึ่ง 12.3 กรัม ให้พลังงาน 68 Kcal นั่นหมายความว่ากินได้ 2 - 3 ชิ้น กับน้ำชาสมุนไพรอุ่นๆ ไม่ใส่น้ำตาลเพื่อล้างคอซึ่งไม่เพิ่มแคลอรี่ ก็เป็นของว่างให้สบายท้องและจิตใจที่เบิกบาน

 photo 2week_normal.jpg


ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว จะเห็นได้ว่า การที่เราจะมีสุขภาพดีทั้งกายและใจนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป เพียงแต่เริ่มปรับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวของเราเอง สิ่งสำคัญคือสติ ความตั้งใจ เพราะของแบบนี้ต้องทำยาวนาน ต่อเนื่อง เพื่อผลที่ของสุขภาพดีที่ยาวนาน

มาคอยติดตามกันวัน 7 วันที่เหลือปูเป้จะมี Tips อะไรมาแนะนำให้กับทุกคนบ้าง :)




Create Date : 19 กรกฎาคม 2556
Last Update : 24 กรกฎาคม 2556 18:54:10 น. 2 comments
Counter : 8825 Pageviews.

 
ขอนำคำแนะนำไปปรับใช้ แต่เรื่องออกกำลังกายนี่ท่าจะเปลี่ยนอยาก ขี้เกียจมากเลย ทำงานบ้านแทนการออกกำลังกายต่อไป สู้ๆๆ


โดย: kingeng IP: 171.96.60.20 วันที่: 24 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:47:44 น.  

 
แอนเริ่มจริงจังมา 2 เดือนแล้วค่ะ หลังจากเป็นประเภทเล่น ๆ หาย ๆ เพราะแก่แล้วอ้วนง่าย รับไม่ได้จริง ๆ เริ่มทานคลีนแล้ว แต่ก็ยังไม่ขาดหวานเช่นเิดิม แต่ลดลงมาก เพื่อสุขภาพ ตอนนี้เฟิร์มขึ้นเยอะเลยค่ะ


โดย: phukboong69 วันที่: 3 สิงหาคม 2556 เวลา:22:04:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]




Advertisement


About Pupe_so_Sweet
Pupe_so_Sweet on facebook
Pupe_so_Sweet on Youtube
vr AHA project


หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ



Web Counter


Counter Start on 29 September 2008


Search by Google

ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ

Custom Search

Friends' blogs
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.