ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

วิธีสวมถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง

ถุงยางอนามัยเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการคุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก หาซื้อได้ง่าย ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และเพื่อให้ถุงยางอนามัยได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน มือใหม่หัดใส่ถุงยางจึงจำเป็นอย่างยิ่ง และขออนุญาตให้คำแนะนำดังต่อไปนี้ครับ

ถุงยางอนามัย

เริ่มจาก…การเลือกซื้อถุงยางอนามัย

อย่าซื้อถุงยางโนเนม เลือกซื้อเฉพาะถุงยางที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น ส่วนเรื่องมาตรฐานของแต่ล่ะยี่ห้อก็แตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของประเทศนั้นๆ เช่น ในบ้านเราก็ต้องมีเครื่องหมายรับรองจาก อย. แนะนำง่ายๆ เลือกซื้อยี่ห้อที่เรารู้จักกันดี มีวางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วๆไป ประเภทแบบแปลกๆ แอบๆขาย ไม่น่าไว้ใจครับ (ถ้าจะใช้ คงต้องเอามาสวมถับอันที่มีมาตรฐานอีกที) เวลาจะซื้อก็ให้เลือกซื้อจากร้านที่เก็บสินค้าไว้ในที่เย็น ไม่ถูกแดดหรือความร้อน เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของถุงยาง จากนั้นเลือกขนาดถุงยางให้พอเหมาะกับเส้นรอบวงของตัวเอง เพื่อไม่ให้รัดแน่น หรือหลวมจนเกินไป ถุงยางมีหลาย Size ไม่ใช่ Free Size ขนาดที่มีวางขายในบ้านเราโดยส่วนมากจะเป็น 49 มม. และ 52 มม. และเริ่มจะมี Size ให้เลือกเพิ่มมากขึ้น (ดูขนาดไซด์ถุงยาง จากด้านข้าง หรือ หลังกล่อง) ส่วนจะเลือกแบบผิวเรียบ ผิวขรุขระ มีปุ่ม หรือ ออปชั่นอื่นๆเพิ่มเติมก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ล่ะท่าน สุดท้าย…ก่อนจ่ายตังค์…อย่าลืมดูวันหมดอายุด้วยนะครับ

วิธีการใส่ถุงยางอนามัยและถอดถุงยางอนามัยหลังเสร็จกิจกรรมอย่างถูกต้อง

การใส่ถุงยางอนามัย ต้องใส่เฉพาะตอนที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. ฉีกถุงยางออกจากซองอย่างระมัดระวัง จะหยิบจะจับ ต้องระวังไม่ให้ถุงยางสัมผัสกับเล็บ ของมีคม หรือเครื่องประดับที่จะทำให้เกิดรอยขีด ข่วนได้ เมื่อฉีกซองออกมาแล้ว ควรเตรียมตัวเพื่อสวมถุงยางทันทีวิธีฉีกถุงยางอนามัย
  2. ถุงยางอนามัยถูกบรรจุในลักษณะม้วนเป็นวงกลม ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ของมือข้างหนึ่งจับที่ปลายกระเปาะ (ติ่งปลายถุง) โดยให้รอยม้วนอยู่ด้านนอก จากนั้นบีบไล่ลมออก แล้วนำมาวางสวมบนส่วนหัวอวัยวะเพศวิธีใส่ถุงยางอนามัย
    **ถ้าไม่บีบไล่ลม ระหว่างทำกิจกรรม อาจทำให้ถุงยางแตกได้**
  3. ใช้มืออีกข้าง รูดถุงยางลงมาจนถึงโคนอวัยวะเพศ โดยที่มืออีกข้างยังคงบีบที่ปลายกระเปาะ

    ใส่ถุงยางอนามัย

  4. สำรวจบริเวณกะเปาะต้องแบน ไม่มีลมเหลืออยู่ หากบริเวณกะเปาะพอง แสดงว่าใส่ผิด ต้องถอดทิ้งเปลี่ยนอันชิ้นใหม่ ห้ามถอดแล้วนำกลับมาใส่ซ้ำเด็ดขาด
  5. หากต้องการใช้สารหล่อลื่นเพิ่มเติม ต้องใช้สารหล่อลื่นเฉพาะที่มีส่วนผสมเป็นน้ำ หรือซิลิโคนเท่านั้น เช่น Ky ห้ามใช้น้ำมัน โลชั่น วาสลีน หรือแม้แต่เบบี้ออลย์ ก็สามารถลดประสิทธิภาพของถุงยาก จนถึงขั้นทำให้ถุงยางแตกได้
  6. เมื่อถึงเส้นชัยเรียบร้อย ให้ถอนอวัยวะเพศออกทันทีในขณะที่แข็งตัวอยู่ มิฉะนั้นถุงยางอาจคาอยู่ที่ช่องคลอดได้ โดยในขณะที่ถอนออก ต้องใช้มือช่วยจับขอบถุงยางที่อยู่ส่วนโคนอวัยวะเพศไว้ด้วย
  7. ใช้กระดาษทิชชู่พันรอบโคนอวัยวะ แล้วรูดถุงยากออก หลีกเลี่ยงการสัมผัสด้านนอกของถุงยางที่มีสารคัดหลั่งของฝ่ายหญิงอยู่ เพราะอาจติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ (กรณีมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา)
    วิธีถอดถุงยางอนามัย

    ***เมื่อถอดถุงยางออกแล้ว สามารถทดสอบได้ว่ามีการรั่วหรือไม่ โดยนำไปรองน้ำจากก๊อกใส่ถุงยาง ถ้ารั่วก็จะเห็นได้***
    ***ควรทิ้งถุงยางอนามัยในถังขยะ ไม่ควรทิ้งลงชักโครก จะทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน***

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการใช้ถุงยางอนามัย สาเหตุที่ค้นพบคือ ไม่ได้สวมถุงยางทุกครั้ง และใช้ถุงยางไม่ถูกต้อง ไม่พบว่าปัญหามาจากถุงยางโดยตรง สำนักงานอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาเคยทำการวิจัยครั้งใหญ่ พบว่าถุงยางอนามัยที่ได้ผลิตมาจากโรงงานที่ได้มาตราฐานจะไม่มีปัญหาที่น้ำ อสุจิหลุดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย ในหลายๆประเทศ วิธีการใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง ถือเป็นหลักสูตรสำคัญในวิชาเพศศึกษาเลยทีเดียว เพราะคือปัจจัยสำคัญในการที่จะให้ถุงยางอนามัยช่วยในการคุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัญหาที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง

  1. ใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง ทำให้ถุงยางแตกหรือลื่นหลุด
  2. ไม่ใช้ถุงยางอนามัยใหม่แกะกล่อง
  3. ใช้ถุงยางเพียงครั้งแรกเท่านั้น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ต่อไปไม่ได้ใช้ถุงยาง
  4. ใช้ถุงยางอนามัยที่เสื่อมสภาพอย่างเห็นได้ชัด
  5. มึนเมาสุราหรือสารเสพติด จึงตัดสินใจถอดถุงยางทิ้งกลางคัน
  6. แกะถุงยางอนามัยออกมาเล่นก่อนมีเพศสัมพันธ์
  7. ใส่ถุงยางผิดด้านแล้วนำกลับมาใช้ใหม่
  8. สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขลิบปลายอวัยวะเพศ ต้องดึงหนังหุ้มรูดให้สุดเสียก่อน

การเก็บรักษาถุงยางอนามัย

ถุงยางอนามัยควรเก็บรักษาไว้ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดด หรือในที่ๆมีอุณหภูมิสูง

ความสามารถในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ

ถุงยางอนามัยสามารถกีดขวางไม่ให้ตัวเชื้ออสุจิและเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ช่องคลอดได้ดังต่อไปนี้

  1. ตัวเชื้ออสุจิ (spermatozoa) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.003 มิลลิเมตร หรือ 3000 นาโนเมตร
  2. เชื้อก่อโรคซิฟิลิส (Treponema pallidum) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 600 นาโนเมตร
  3. เชื้อก่อโรคหนองใน (Neisseria gonorrhoeae) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 800 นาโนเมตร
  4. เชื้อก่อโรคหนองในเทียม (C. trachomatis) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 200 นาโนเมตร
  5. เชื้อไวรัสเอดส์ (HIV) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 นาโนเมตร
  6. เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี (hepatitis B virus) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 นาโนเมตร

ของแถมครับ

ใส่ถุงยางอนามัยด้วยปาก





Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2558 8:30:42 น. 0 comments
Counter : 7533 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]