สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ก็ได้อ่านพุทธวจนของมูลนิธิพุทธโฆษณ์มาได้หลายตอนแล้วนะคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ อ่านง่ายไหมคะ นี่เป็นเพียงบทเริ่มต้นของเล่มที่หนึ่งซึ่งมีทั้งหมด ๙ เล่ม อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มกลับมาเปิดบล๊อกใหม่แล้วว่า ปีนี้ปอป้าอยากเน้นเรื่องเล่าจากพระโอษฐ์ซึ่งน้อยคนนักจะได้อ่านได้ศึกษากัน แต่ภาษาในเรื่องเล่าจากพระโอษฐ์เป็นพระบาลี ทำให้หลายคนส่ายหน้า หนังสือตำราแต่ละเล่มทั้งหนาและหนักมาก ยกอ่านทีนึงกล้ามขึ้นเป็นมัด ๆ ต้องมึความอุตสาหะมากจริง ๆ จึงจะอ่านได้ แค่คิดปอป้าก็หนักใจแล้วค่ะว่าจะทำอย่างไรหนอจึงจะนำเรื่องราวดี ๆ จากพระโอษฐ์มาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้อ่านได้ศึกษากันหนอ แล้ววันหนึ่งทางสว่างก็มาถึง เมื่อปอป้าไปพบหมอฟัน ระหว่างที่รอหมอนั้น เห็นหนังสือพุทธวจนของมูลนิธิพุทธโฆษณ์เล่มที่ ๙ วางอยู่ ก็หยิบมาอ่าน อ่านไปได้สองเรื่องรู้สึกถูกใจมาก รีบจดรายละเอียดเพื่อทำการติดต่อทันทีค่ะ แต่ก็นะ มูลนิธิฯ กว่าจะติดต่อกันได้ใช้เวลาพอสมควร สุดท้ายปอป้าก็เลยทำบุญถอยพุทธวจนมาทั้งชุดเลยค่ะ ทั้งหมดมี ๙ เล่ม จะค่อย ๆ ทยอยนำมาลงในบล็อกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านได้ศึกษากันนะคะ ว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนอะไร อย่างไรบ้าง ชอบใจที่เขาใช้ภาษาที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่พระองค์ทรงตรัสไว้เลย แปลจากพระบาลีได้เยี่ยมจริง ๆ อันนี้ต้องขอชมจากใจไว้ ณ ที่ตรงนี้ด้วยค่ะความจริง เรื่องเล่าจากพระโอษฐ์มีหลายเรื่องนะคะ อย่างเช่น พุทธประวัติจากพระโอษฐ์, อริยสัจสี่จากพระโอษฐ์ เป็นต้น แต่ยังไม่เคยเห็นใครเอามาทำแบบมูลนิธิพุทธโฆษณ์โดยแยกเป็นเรื่อง ๆ สักทีนะคะ ตอนนี้เราก็อ่านแบบเรื่องทั่ว ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ๙ เล่มนี้ สองปีจะหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่า ๆ ๆเรื่องพระพุทธองค์ทรงพระนามว่า อรหันตสัมมาสัมพุทธะ ก็เพราะได้ตรัสรู้อริยสัจสี่ภิกษุทั้งหลายความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้สี่อย่างเหล่าไหนเล่า ?สี่อย่างคือความจริงอันประเสริฐคือ ความทุกข์ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุให้เกิดทุกข์ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์นี้แลความจริงอันประเสริฐสี่อย่างภิกษุทั้งหลายเพราะได้ตรัสรู้ตามเป็นจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อย่างเหล่านี้ตถาคต จึงมีนามอันบัณฑิตกล่าวว่า อรหันตสัมมาสัมพุทธะภิกษุทั้งหลายเพราะเหตุนั้นในกรณีนี้พวกเธอพึงทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์,นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์,และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ดังนี้เถิด
สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ก็ได้อ่านพุทธวจนของมูลนิธิพุทธโฆษณ์มาได้หลายตอนแล้วนะคะ เป็นอย่างไรบ้างคะ อ่านง่ายไหมคะ นี่เป็นเพียงบทเริ่มต้นของเล่มที่หนึ่งซึ่งมีทั้งหมด ๙ เล่ม อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มกลับมาเปิดบล๊อกใหม่แล้วว่า ปีนี้ปอป้าอยากเน้นเรื่องเล่าจากพระโอษฐ์ซึ่งน้อยคนนักจะได้อ่านได้ศึกษากัน แต่ภาษาในเรื่องเล่าจากพระโอษฐ์เป็นพระบาลี ทำให้หลายคนส่ายหน้า หนังสือตำราแต่ละเล่มทั้งหนาและหนักมาก ยกอ่านทีนึงกล้ามขึ้นเป็นมัด ๆ ต้องมึความอุตสาหะมากจริง ๆ จึงจะอ่านได้ แค่คิดปอป้าก็หนักใจแล้วค่ะว่าจะทำอย่างไรหนอจึงจะนำเรื่องราวดี ๆ จากพระโอษฐ์มาถ่ายทอดให้เพื่อน ๆ ได้อ่านได้ศึกษากันหนอ แล้ววันหนึ่งทางสว่างก็มาถึง เมื่อปอป้าไปพบหมอฟัน ระหว่างที่รอหมอนั้น เห็นหนังสือพุทธวจนของมูลนิธิพุทธโฆษณ์เล่มที่ ๙ วางอยู่ ก็หยิบมาอ่าน อ่านไปได้สองเรื่องรู้สึกถูกใจมาก รีบจดรายละเอียดเพื่อทำการติดต่อทันทีค่ะ แต่ก็นะ มูลนิธิฯ กว่าจะติดต่อกันได้ใช้เวลาพอสมควร สุดท้ายปอป้าก็เลยทำบุญถอยพุทธวจนมาทั้งชุดเลยค่ะ ทั้งหมดมี ๙ เล่ม จะค่อย ๆ ทยอยนำมาลงในบล็อกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านได้ศึกษากันนะคะ ว่าพระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนอะไร อย่างไรบ้าง ชอบใจที่เขาใช้ภาษาที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่พระองค์ทรงตรัสไว้เลย แปลจากพระบาลีได้เยี่ยมจริง ๆ อันนี้ต้องขอชมจากใจไว้ ณ ที่ตรงนี้ด้วยค่ะความจริง เรื่องเล่าจากพระโอษฐ์มีหลายเรื่องนะคะ อย่างเช่น พุทธประวัติจากพระโอษฐ์, อริยสัจสี่จากพระโอษฐ์ เป็นต้น แต่ยังไม่เคยเห็นใครเอามาทำแบบมูลนิธิพุทธโฆษณ์โดยแยกเป็นเรื่อง ๆ สักทีนะคะ ตอนนี้เราก็อ่านแบบเรื่องทั่ว ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน ๙ เล่มนี้ สองปีจะหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่า ๆ ๆ
เลยถือโอกาสเสียหน่อย
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog