โฮงเจ้าฟองคำ หรือ The Noble House
คือบ้านเลขที่ ๘ ซอย ๒ ถนนสุมนเทวราช ตำบลในเวียง อำเถอเมือง จังหวัดน่าน มีอายุกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว วันนี้ เราจะโบกมืออำลาเมืองน่านกันที่โฮงเจ้าฟองคำแห่งนี้..ค่ะ
คำว่า “ โฮง “ เป็นคำพื้นเมืองล้านนา หมายถึง คุ้ม หรือที่อยู่อาศัยของเจ้านายล้านนาไทย เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าศรีตุมมา หลานเจ้ามหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๑๑ ของราชวงศ์หลวงติ๋นมหาวงศ์ อยู่ติดกับคุมแก้ว ที่พำนักของเจ้าผู้ครองนครน่านในเวียงเหนือ
เมื่อเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๑๒ ย้ายเมืองน่านลงไปทางทิศใต้ อีกประมาณ ๒ ก.ม. อันเป็นที่ตั้งของเมืองน่านในปัจจุบัน คุ้มแก้วถูกทิ้งร้างไว้ เมื่อรัฐบาลไทยต้องการที่ของบริเวณคุ้มแก้วและที่ใกล้เคียง เพื่อสร้างค่ายทหาร (ค่ายทหารเดิม) เจ้าบุญยืน ธิดาคนสุดท้องของเจ้าศรีตุมมากับเจ้ามะโน (หลานของเจ้าอนันตวรฤทธิเดช) ได้ย้ายตัวโฮง ลงมาสร้างในที่ปัจจุบัน และได้ตกทอดสืบต่อกันมายังเจ้าฟองคำ ธิดาของเจ้าบุญยืนกับเจ้าอินต๊ะ
ตัวโฮงนี้ เมื่อย้ายมาจากคุ้มแก้ว หลังคามุงด้วยแป้นเกล็ด (หรือไม้เกล็ด) ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ได้มีการรื้อและสร้างขึ้นใหม่ โดยใช้กระเบื้องดินขอแทนแป้นเกล็ด และใช้วัสดุเดิมเป็นส่วนใหญ่ แต่เดิมนั้น ไม้ที่ถูกนำมาเป็นวัสดุสร้างตัวบ้านนั้นเป็นไม้สักที่ทำการผ่าและซ้อมถากด้วยขวานและมีด เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีเลื่อยขนาดใหญ่ ดังนั้น การประกอบตัวเรือนจึงไม่ได้ใช้ตะปู แต่จะใช้วิธีเจาะไม้และเข้าไม้ โดยใช้สลักไม้ ซึ่งจะสามารถมองเห็นร่องรอยที่มีเหลืออยู่ในส่วนต่าง ๆ ของตัวบ้าน
แบบบ้านล้านนาของนครน่าน จะนิยมสร้างบ้านประกอบด้วย ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ครัว ยุ้งข้าว บ่อน้ำ และมอง (ครกตำข้าว) ส่วนที่อยู่อาศัยจะประกอบด้วยบ้าน ๒ หลังเคียงกัน มีห้องโถงเรียกว่า หน้าโฮง สำหรับแขกพิเศษ หรือประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น เป็นที่ตั้งไว้ศพ จนกว่าจะถึงเวลาปลงศพ (ฌาปนกิจศพ) ระยะเวลาที่ศพตั้งอยู่ในโลงนี้เรียกว่า
“ นอนไม้ “ อาจเป็นเวลานาน ๆ หลายเดือน หน้าโฮงนี้จะมีหิ้งพระพุทธรูปและเครื่องบูชาต่าง ๆ ด้วย
ห้องนอน ๒ ห้อง และระเบียงด้านหน้า เรียกว่า เติ๋น หรือ พาไล ซึ่งเป็นระเบียงด้านนอกที่มีหลังคาใช้ประโยชน์หลาย ๆ กรณี เช่น เป็นที่หลับนอนตอนกลางคืนของบุตรชาย หรือที่นอนของข้าไพร่ผู้ชาย
มีชานหน้าบ้าน จากบันไดหน้าบ้านอ้อมตัวเรือนทั้ง ๒ ไปถึงบันไดหลังบ้าน ยุ้งข้าว (เล้าข้าว) จะอยู่ต่อจากชานนอก ด้านตรงข้ามกับที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ครัวไฟจะแยกออกจากตัวเรือน เพื่อลดอันตรายจากไฟ และควันไฟ
ห้องนอนด้านในแบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นของเจ้าของบ้าน อีกส่วนหนึ่งเป็นของเด็ก หรือบุตรี ส่วนกลางเป็นที่ว่างโล่ง เรียกว่า ในเฮือน เป็นบริเวณที่ใช้ในหลายกรณี เช่น เป็นที่รับประทานอาหารของครอบครัว หรือที่หลับนอน บางส่วนของในเฮือนจะแบ่งไว้เป็นที่เก็บของใช้ต่าง ๆ และจะมี “ ควั่น “ สำหรับเก็บของเบาไว้ด้านบน บนประตูที่เชื่อมระหว่างหน้าโฮงและในเฮือนจะมีหำยนต์ หรือไม้แกะสลักที่ลงยันต์ไว้ป้องกันสิ่งอุบาทว์ต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้าไปในเฮือน บนหัวหรือด้านบนที่นอนเจ้าบ้าน จะมีหิ้งผีเฮือนอยู่
พระบฏ ผืนผ้าที่มีรูปพระพุทธเจ้าพร้อมอัครสาวก..ศิลปะเก่าแก่อันทรงคุณค่า
ใต้ถุนเรือน จัดไว้สำหรับการแสดงการทอผ้าพื้นเมือง พร้อมทั้งจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวด้วย
วันที่ไปชมโฮงเจ้าฟองคำนั้น ป๊ะกับนักท่องเที่ยวอีกคณะหนึ่ง ทำให้โฮงของเจ้าดูเล็กไปทันที ต้องเดินเกร่วไปมา รอให้นักท่องเที่ยวอีกคณะหนึ่งกลับไปก่อน จึงค่อยเดินชมได้อย่างสะดวกสบายหน่อย เห็นสถานที่และบรรยากาศรอบ ๆ บ้านแล้ว จินตนาการเห็นภาพความเป็นอยู่ของคนโบราณ ที่ว่ามักน้อยแต่พอตน ไม่ได้สร้างหรือสะสมอะไรไว้ใหญ่โตมากมายเกินไป
เดินไปเดินมา ได้ยินเสียงสาวหนึ่งแว่วมาในโสตว่า นึก ๆ แล้ว อยากจะเป็นนางเอกทวิภพ วิ่งทะลุกระจกไปโผล่ในอ้อมกอดของคุณหลวงรูปงามในยุคโน้น ปอป้าได้ยินก็แอบขำอยู่ในใจ ไม่คิดว่าความแรงของแม่มณีจะตามมาถึงเมืองน่าน...อิ อิ
ว่าแล้วคณะของเราก็โบกมืออำลาโฮงเจ้าฟองคำ พร้อม ๆ กับอำลาเมืองน่านด้วยหัวใจหวิววับ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมาเยือนเมืองน่านอีก...สักครั้ง
ปิดท้ายด้วยภาพสบาย ๆ ของสองสาวสองวัย ชี้ชวนกันชมปลาชมไม้
และข้าวเหนียวดำมูลโรยมะพร้าวแสนอร่อย มีขายที่บ้านตรงข้ามโฮงเจ้าฟองคำ..ค่ะ
เพลง วิวาห์น้ำตา
| | |
| ถ้าจะโหวตให้ปอป้า...สาขา Dharma Blog...นะคะ ขอบคุณ...ค่ะ
| |
| | |
จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
ใช้หลักยึดเหนี่ยวใจด้วยสติและปัญญา ตลอดไป...นะคะ