สวัสดีค่ะ การอ่านคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ถ้าจะสังเกตให้ดีจะเห็นว่า พระองค์จะทรงตรัสย้ำเน้นในหัวข้อที่สำคัญ ๆ กล่าวซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้นหลาย ๆ ครั้ง เมื่อครั้งที่ปอป้าเริ่มศึกษาพระศาสนาใหม่ ๆ ยังเป็นเด็กอยู่มากอายุไม่ถึงสิบปีดีเลย เกิดความสงสัยว่าทำไมพระพุทธเจ้าของเราทำไมชอบพูดอะไรซ้ำซากจำเจอยู่นั่นแล้ว เลยเถิดไปถึงว่าน่ารำคาญ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่กล้าคิดที่จะถามใคร ได้แต่คิดอยู่ในใจคนเดียว เหมือนกบอยู่ในกะลา ครั้นพอโตขึ้นมาหน่อย ศึกษาพระธรรมมากขึ้นเข้าใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าถาม จึงได้รู้ว่า อ้อ..สมัยก่อนโน้น เค้าไม่มีการจารึก ไม่มีดินสอปากกามานั่งจดบันทึกกัน มีแต่ท่องจำ ความรู้ความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน พระองค์จึงต้องย้ำแล้วย้ำอีก เจ้ากบโง่ตัวนี้ก็เลยฉลาดขึ้นมานิด ๆ ด้วยประการฉะนี้แล ฮ่า ๆ ๆดังนั้น จึงอยากจะฝากเพื่อน ๆ ว่า อ่านพระธรรมจากพระโอษฐ์แล้วอย่าเพิ่งด่วนเบื่อกันเสียก่อนนะคะ อ่านที่พระองค์ทรงย้ำบ่อย ๆ จะได้จำได้แม่นยำ จะได้เก่งเหมือนพระอานนท์ไงคะ อิ อิ ไปอ่านต่อกันเลยค่ะ เรื่องจงสงเคราะห์ผู้อื่นด้วยการให้รู้อริยสัจภิกษุทั้งหลายพวกเธอเอ็นดูใคร และใครที่ถือว่าเธอเป็นผู้ที่เขาควรเชื่อฟังเขาจะเป็นมิตรก็ตาม อำมาตย์ก็ตาม ญาติหรือสายโลหิตก็ตามชนเหล่านั้น อันเธอพึงชักชวนให้เข้าไปตั้งมั่นในความจริงอันประเสริฐสี่ประการด้วยปัญญาอันรู้เฉพาะตามที่เป็นจริงความจริงอันประเสริฐสี่ประการอะไรเล่า ?สี่ประการคือความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุใหเกิดแห่งทุกข์ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม่เหลือทุกข์และความจริงอันประเสริฐคือ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือทุกข์ภิกษุทั้งหลายเพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า ทุกข์ เป็นอย่างนี้,เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้ ดังนี้
สวัสดีค่ะ การอ่านคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ถ้าจะสังเกตให้ดีจะเห็นว่า พระองค์จะทรงตรัสย้ำเน้นในหัวข้อที่สำคัญ ๆ กล่าวซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้นหลาย ๆ ครั้ง เมื่อครั้งที่ปอป้าเริ่มศึกษาพระศาสนาใหม่ ๆ ยังเป็นเด็กอยู่มากอายุไม่ถึงสิบปีดีเลย เกิดความสงสัยว่าทำไมพระพุทธเจ้าของเราทำไมชอบพูดอะไรซ้ำซากจำเจอยู่นั่นแล้ว เลยเถิดไปถึงว่าน่ารำคาญ ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่กล้าคิดที่จะถามใคร ได้แต่คิดอยู่ในใจคนเดียว เหมือนกบอยู่ในกะลา ครั้นพอโตขึ้นมาหน่อย ศึกษาพระธรรมมากขึ้นเข้าใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าถาม จึงได้รู้ว่า อ้อ..สมัยก่อนโน้น เค้าไม่มีการจารึก ไม่มีดินสอปากกามานั่งจดบันทึกกัน มีแต่ท่องจำ ความรู้ความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน พระองค์จึงต้องย้ำแล้วย้ำอีก เจ้ากบโง่ตัวนี้ก็เลยฉลาดขึ้นมานิด ๆ ด้วยประการฉะนี้แล ฮ่า ๆ ๆดังนั้น จึงอยากจะฝากเพื่อน ๆ ว่า อ่านพระธรรมจากพระโอษฐ์แล้วอย่าเพิ่งด่วนเบื่อกันเสียก่อนนะคะ อ่านที่พระองค์ทรงย้ำบ่อย ๆ จะได้จำได้แม่นยำ จะได้เก่งเหมือนพระอานนท์ไงคะ อิ อิ ไปอ่านต่อกันเลยค่ะ
ผมเองถ้าให้เดา
ก็เดาว่าในสมัยก่อนยุคนั้นคงไม่มีการจดหรือการเขียน
ดังนั้นเวลาสอนจึงต้องสอนซ้ำๆย้ำบ่อยๆ
ลูกศิษย์ถึงจะจำ
แต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดานะครับ 555