สิงหาคม 2558

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้าเนื่องจากเซลผิดปกติ

บล็อกPOYPOY007 วันนี้อาจจะแปลกแหวกแนวไปบ้างเพราะ ปกติจะมีแต่เรื่องความสวยความงามแต่ด้วยความที่ปอยเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิ๊งผู้หญิงมาก็มากจึงเกิดความคิดที่ว่าบางทีเรื่องของเราอาจเป็นประโยชน์กับผู้หญิงหลายๆคนก็ได้เลยขอนำมาแบ่งปันค่ะ ปอยขอเล่าประสบการณ์ล่าสุดก่อนแล้วกันนะคะการตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้าเนื่องจากเซลที่มดลูกผิดปกติค่ะ

ก่อนจะเข้าเรื่องปอยขอเกริ่นอีกนิดว่าปอยเคยเป็นช๊อกโกแลตซีส จนต้องตัดรังไข่ข้างขวาทิ้ง 1 ข้างและด้วยความที่เดินเข้าเดินออกแผนกสูติบ่อยๆอ่านป้ายอ่านบอร์ดประชาสัมพันธ์เรื่องมะเร็งปากมดลูกว่าเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตของผู้หญิงอย่างเราๆเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านมและผู้ป่วยส่วนมากที่เสียชีวิตก็เพราะอายที่จะตรวจภายในจึงทำให้รู้ว่าเป็นมะเร็งก็ระยะสุดท้าย สายไปเสียแล้วหลังจากที่รักษาช๊อกโกแลตซีสจนหายดี ทุกๆปี ปอยจะต้องหาเวลาไปตรวจมะเร็งปากมดลูก 1ครั้ง ผ่านมา 2 ปี ไม่มีอะไรผิดปกติ จนมาเจอแจ๊กพอตปีนี้ค่ะผลการตรวจเบื้องต้นบอกว่าเจอเซลผิดปกติคุณหมอเลยนัดให้มาส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ

และแล้ววันที่ต้องส่องกล้องก็มาถึงคุณหมอให้เปลี่ยนผ้าถุงรอวันนั้นมีเพื่อนร่วมชะตากรรม 7-8 คนซึ่งมีทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับปอยและรุ่นแม่ รุ่นป้าก็มีค่ะแต่ละคนทำหน้าตุ้มต่อมๆปอยเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และก่อนที่จะเข้าห้องส่องกล้อง มีคุณพยาบาลมาแนะนำทำความเข้าใจว่าการส่องกล้องคืออะไรและหลังจากนี้ต้องรักษาตัวอย่างไร หลังจากที่ตัดชิ้นเนื้อไปตรจวจค่ะ แล้วคุณพยาบลาก็เริ่มเรียกเข้าห้องที่ละ2 คนค่ะ

เข้าไปในห้องจะมี 2 เตียงมีผ้ากั้นไว้ไม่ให้เห็นกัน ส่วนด้านนอกผ้ากั้นจะมีนักศึกษาแพทย์และอาจารย์หมอดูความผิดปกติของเซลที่มดลูกผ่านทางจอมอนิเตอร์ค่ะ ซึ่งในข้อนี้คือ เค้าจะไม่เห็นอะไรๆ ของเราแต่จะเห็นเฉพาะด้านในมดลูกเท่านั้นค่ะ(ตอนแรกแอบอายเหมือนกันค่ะ คนเยอะเชียว) ภายในผ้ากั้นจะมี คุณหมอและคุณพยาบาลเป็นผู้ลงมือค่ะ โดยจะให้เรานอนบนขาหยั่งใช้ผ้าปิดตาเราแล้วก็เริ่มใส่เครื่องมือค่ะสำหรับปอยแล้วตอนที่คุณหมอตัดชิ้นเนื้อไม่เจ็บมากค่ะ เจ็บแบบทนได้แต่ตอนที่รู้สึกเจ็บมากๆคือตอนที่คุณหมอขยับเครื่องมือ และตอนที่คุณหมอใส่น้ำส้มปอยไม่รู้นะคะว่าคือสารหรือยาอะไร แต่ได้ยินคุณหมอพูดว่าใส่น้ำส้ม 3 ครั้งซึ่งแต่ละครั้งที่ใส่มันมันรู้สึกเจ็บแสบมากๆคุณหมอใช้เวลาส่องกล้องและตัดชิ้นเนื้อประมาณ 15 นาที แต่สำหรับปอยมันนานมากนาทีนั้นคือกัดฟันอย่างเดียวค่ะ เสร็จแล้วเดินออกจากห้องมาเซเล็กน้อยแต่คุณป้าที่ตรวจพร้อมกันเป็นลมค่ะ สงสารป้ามาก หลังจากนั้นก็รับยาแล้วกลับบ้านได้อีกประมาณ 2 อาทิตย์ คุณหมอจึงนัดมาฟังผลค่ะ

และแล้ววันที่จะได้รู้ดำรู้แดง เอ๊ย รู้ผลก็มาถึงหลังจากที่แอบเครียดมา 2 อาทิตย์ ผลออกมาคือ ปอยอยู่ในกลุ่ม CIN III ค่ะ ขออธิบายนิดนึงนะคะโดยปกติแล้วการตรวจมะเร็งปากมดลูกผลที่ได้คือ ปกติ กับเป็นมะเร็งใช่ไหมคะแต่จะมีอยู่กลุ่มนึง ที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างสองกลุ่มนั้นคือเริ่มพบเซลล์ผิดปกติค่ะ แต่ ยังไม่เป็นมะเร็งนะคะซึ่งกลุ่มที่อยู่ตรงกลางนี้จะแบ่งเป็นระดับ1 2 3 อีกค่ะ ซึ่งปอยอยู่ที่กลุ่ม CIN III ถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งปากมดลูกคุณหมอเลยให้ผ่าตัดค่ะ เป็นผ่าตัดเล็ก ตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้าซึ่งคุณหมอให้ผ่าวันนั้นเลยค่ะ เป็นไงคะ ปอยก็หน้ามืดสิคะ โอยๆ ผ่าตัดคำนี้มันทำให้จินตนาการได้ซะเยอะเชียวแต่ไม่เป็นไรคะสู้ๆ คิดเสียว่ายังดีที่รู้ตอนนี้

การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้าเป็นการผ่าตัดเล็ก ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีค่ะโดยการผ่าตัดไม่ต้องดมยาสลบ คุณหมอจะพ่นยาชาที่ปากมดลูกแล้วใช้ห่วงลวดไฟฟ้าตัดปากมดลูกค่ะ ก่อนผ่าตัดคุณหมอได้เปิดเสียงห่วงไฟฟ้าให้ฟังก่อนว่าเวลาตัดเสียงจะดังแบบนี้นะคะ (เสียงเหมือนเลื่อยไม้) ได้ยินเสียงมือเย็นไปหมด(กลัว) คุณหมอและพี่ๆพยายบาลใจดีมากค่ะพยายามให้กำลังใจและชวนเราคุยเพื่อเบี่ยงประเด็นความสนใจ แต่ตอนตัดก็เจ็บอยู่ดีค่ะจะเจ็บหน่วงๆดึงที่มดลูกแต่เจ็บในขีดที่เราทนได้นะคะและได้กลิ่นเหมือนเนื้อไหม้ ทนนิดนึงแป๊บเดียวก็ตัดเสร็จค่ะ เมื่อผ่าตัดเสร็จก็รับยาแล้วกลับบ้านได้ คุณหมอจะนัดมาตรวจแผลและฟังผลชิ้นเนื้ออีกประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ ซึ่งการตัดชิ้นเนื้อครั้งนี้ผลออกมาคือปกติค่ะ หายห่วง สรุปว่าว่างใจเรื่องมะเร็วปากหมดลูกไปได้อีกเปราะนึงหลังจากนี้ คุณหมอ จะนัดเรามาตรวจทุกๆ 6 เดือน เป็นเวลา 2 ปี และถ้าหากหลัง 2ปีไปแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็จะนัดตรวจภายในปีละ 1 ครั้งแต่ในรายที่พบความผิดปกติอีก คุณหมอจะนัดส่องกล้องใหม่อีกครั้งค่ะ


เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งปากมดลูก(Cancerof Cervix) เกิดจากเชื้อไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า HPV (HumanPapilloma Virus) ภาษาไทยเรียกกันว่าไวรัสหูด ไวรัสชนิดนี้ติดต่อจากการสัมผัสส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิวหรือเยื่อบุและเชื้อไวรัสจะเข้าไปที่ปากมดลูกทำให้ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อหรือเซลล์จากปากมดลูกปกติกลายเป็นระยะก่อนเป็น มะเร็งปากมดลูก

ไวรัสเอชพีวี มีทั้งหมดกว่า 100 ชนิดแต่ที่ทำให้ติดเชื้ออวัยวะสืบพันธุ์มีประมาณ 30-40 ชนิด แบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มเสี่ยงต่ำและกลุ่มเสี่ยงสูง กลุ่มเสี่ยงต่ำไม่ก่อให้เกิดมะเร็งแต่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ หรือหูดที่กล่องเสียงส่วนกลุ่มเสี่ยงสูงก่อมะเร็งต่างๆ ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอดและมะเร็งปากช่องคลอด

สำหรับความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวีดำเนินได้โดยง่ายเชื้อชนิดนี้เป็นเชื้อที่ทนทานต่อความร้อน และความแห้งได้ดีสามารถเกาะติดตามผิวหนัง อวัยวะเพศ เสื้อผ้าหรือแม้แต่กระจายอยู่รอบตัวในรูปของละอองฝุ่นซึ่งผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี อย่างไรก็ตามการติดเชื้อมักหายได้เอง ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย มีเพียง 10% เท่านั้นที่การติดเชื้อยังดำเนินต่อไป สร้างความผิดปกติให้กับเยื่อบุปากมดลูกและทำให้กลายเป็นมะเร็งในเวลาต่อมาซึ่งเมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งก่อให้เกิด มะเร็งปากมดลูก ได้นั้นใช้เวลานานประมาณ 10-15 ปี

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย

- การมีคู่นอนหลายคนหรือฝ่ายชายที่เราร่วมหลับนอนมีคู่นอนหลายคน

- การคลอดบุตรจำนวนหลายคน

- การสูบบุหรี่

- การมีภาวะคุ้มกันต่ำโดยเฉพาะเป็นโรคเอดส์

- การสูบบุหรี่

- พันธุกรรม

- การขาดสารอาหารบางชนิด

ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชายที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น มะเร็งปากมดลูก

-ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

-ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย

- ผู้หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ

- ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก

- ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน

–CIN ย่อมาจาก CervicalIntraepithelial Neoplasia ค่ะ เป็นลักษณะอาการของเซลล์ผิดปกติ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ CIN 1, CIN 2 และ CIN 3 ค่ะ ยิ่งตัวเลขมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งค่ะ

เพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ

– ไวรัส HPV จริงๆแล้วมันเป็นลักษณะของไวรัสที่ติดทางผิวหนังค่ะ (Skin to Skin Contact) นอกจากไปเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว ก็ยังเป็นสาเหตุของโรคทางผิวหนังเช่น หูดด้วยค่ะ

– แม้จะบอกว่า HPV มักจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แต่จริงๆแล้ว สาเหตุหลักๆคือ การติดต่อกันทางผิวหนังค่ะ จึงมีเคส เช่น คุณแม่เป็น HPV แล้วคลอดลูก ผลคือ ลูกก็ติดเชื้อ HPV จากคุณแม่ค่ะเพราะฉะนั้นการใช้ของร่วมกัน ก็มีโอกาสทำให้ติดเชื้อได้เหมือนกันเพราะเป็นการติดทางการสัมผัสพื้นผิวค่ะ

– มีงานวิจัยหนึ่งพบว่าแม้แต่ผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์เลย ก็มีโอกาสติด HPV ถึง 11.6% เลยค่ะ!

– เชื้อไวรัส HPV ทนอยู่ในบรรยากาศหรือสิ่งแวดล้อมทั่วไปได้นานมากหลายเดือนโดยไม่ตายมีหลักฐานว่าคนที่เป็นหูดที่ฝ่าเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าสามารถแพร่เชื้อไวรัสนี้ไปให้กับคนอื่นที่เดินเท้าเปล่าในพื้นที่เดียวกันด้วยกันอีกหลายคน(หยึย)

แหล่งข้อมูลค่ะ

–//women.thaiza.com/วัยรุ่นยังซิงก็ติด-HPV-ได้/251186/

–//en.wikipedia.org/wiki/Cervical_intraepithelial_neoplasia

–//www.health.co.th/Answer3/156.%20AfraidVirusHPV.html

–//www.dailystrength.org/c/HPV/forum/5394902-cin-1-and-negative-hpv

- //saraichatt.com/amy-update-after-surgery/




Create Date : 19 สิงหาคม 2558
Last Update : 19 สิงหาคม 2558 14:48:13 น.
Counter : 8379 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คำฟอง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



สวัสดีค่ะ ชื่อปอยค่ะ เเต่เพื่อนชอบเรียกว่าปอยปอย เอ๊...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร5555 ดีใจจังเลย ตอนนี้มีบล๊อกเป็นของตัวเองเเย้ววว....หลังจากที่เมื่อก่อนเเอบส่องเเต่ของคนอื่น จากความพยายามดำน้ำทำบล๊อกอยู่นานตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จ...จนได้..อิอิ
New Comments