Group Blog
All Blog
### เติมกำลังใจ ###













“เติมกำลังใจ”

พวกเรามาวัดเพื่อมาชาร์จแบตเตอรี่

ชาร์จกำลังใจ

ที่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมาก

ต่อการหลุดออกจากการเวียนว่าย ตายเกิด

 ถ้าไม่มีกำลังใจจะไม่สามารถออกจาก

การเวียนว่ายตายเกิดได้

 เหมือนกับจรวดที่ส่งยานอวกาศ

 ออกจากการดึงดูดของโลก

 จะต้องมีกำลังมากกว่าแรงดึงดูดของโลก

 ถ้าแรงดึงดูดของโลกมีกำลังมากกว่า

จรวดก็จะไม่สามารถออกจากการดึงดูดของโลกได้

 เวลาออกแบบจรวด

จึงต้องคำนวณดูแรงดึงดูดของโลก

ว่ามีมากน้อยเพียงไร ต้องสร้างจรวดให้มีกำลัง

มากกว่าแรงดึงดูดของโลก

จรวดถึงจะออกจากการดึงดูดของโลก ได้

ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการไปได้

 เช่นไปโลกพระจันทร์ ไปดาวอังคาร ฉันใด

ใจที่ต้องการหลุดจาก แรงดึงดูดของกิเลสตัณหา

ที่ดึงดูดใจให้เวียนว่ายอยู่ในวัฏจักร

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เกิดแก่เจ็บตาย

ก็ต้องมีกำลังมากกว่าแรงดึงดูดของกิเลสตัณหา

 โมหะอวิชชา ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา

 ก็จะไม่มีที่ชาร์จกำลังใจ

ให้ใจได้หลุดออกจากการดึงดูดของกิเลสตัณหา

 เพราะมีพระพุทธศาสนาเพียงศาสนาเดียวเท่านั้น

ที่รู้วิธีสร้างกำลังใจ ให้มีมากกว่า

แรงดึงดูดของกิเลสตัณหา

การได้มาพบพระพุทธศาสนา

จึงเป็นเหมือนกับพบที่ชาร์จ

แบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ

 เวลาแบตฯหมด ถ้าไม่มีที่ชาร์จแบตฯ

ก็จะไม่สามารถชาร์จแบตฯ

ให้ขับเคลื่อนโทรศัพท์มือถือได้ ฉันใด

ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา ก็จะไม่มีที่ชาร์จกำลังใจ

ที่จะทำให้ใจออกจากแรงดึงดูดของวัฏจักร

ของกิเลสตัณหาได้ ถ้าได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว

 สิ่งที่ควรทำอย่างมากก็คือชาร์จกำลังใจ

เติมกำลังใจ ด้วยการสร้างคุณธรรม ๕ ประการคือ

๑. ศรัทธา ๒. วิริยะ ๓. สติ ๔. สมาธิ ๕. ปัญญา

 ที่จะทำให้ใจมีกำลังมากกว่ากิเลสตัณหา

 ที่ดึงใจให้เวียนว่ายตายเกิด

 ศรัทธาเป็นคุณธรรมประการแรกที่ต้องมีก่อน

ถ้าไม่มีศรัทธาก็จะไม่มีวิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา

ก็คือศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

 ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ศรัทธาในพระธรรมคำสอน

 ของพระพุทธเจ้า ศรัทธาในพระอริยสงฆ์สาวก

ศรัทธาในพระพุทธเจ้าก็คือ

เชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบ วิธีสร้างกำลังใจ

ด้วยพระองค์เอง ให้ใจมีกำลังมากกว่ากิเลสตัณหา

ที่ทำให้พระองค์หลุดพ้นจากการเวียน ว่ายตายเกิด

ศรัทธาในพระธรรมคำสอนก็คือ

เชื่อว่าพระธรรมคำสอนจะทำให้ผู้ปฏิบัติตาม

 สามารถสร้างกำลังใจ ให้ชนะกิเลสตัณหาได้

 ให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้

 ศรัทธาในพระอริยสงฆ์สาวก

ว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธา ในพระพุทธเจ้า

 หลังจากที่ได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนแล้ว

ก็นำเอาไปปฏิบัติอย่างขะมักเขม้น

จนหลุดพ้นจากแรงดึงดูดของวัฏจักร

หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ถ้ามีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

ก็จะเชื่อว่าเราก็สามารถ

ที่จะสร้างกำลังใจให้เกิดขึ้นได้

ให้มีกำลังมากกว่ากิเลสตัณหา

 เพื่อจะได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

 นี่คือศรัทธา ธรรมข้อที่ ๑ อย่าสงสัยในพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้า ว่า

เป็นสวากขาโต ภควตา ธัมโมหรือไม่

 เป็นธรรมที่ตรัสไว้ชอบ หรือไม่

ที่สามารถนำพาสัตว์โลกให้หลุดพ้น

จากการเวียนว่ายตายเกิดได้หรือไม่

ต้องมีความเชื่อ มีความมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

 เพื่อจะได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจร้อยเปอร์เซ็นต์

ให้แก่การปฏิบัติ

ตามพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้า

 ดังที่พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลายได้ทุ่มเท

ศรัทธาความเชื่อในพระพุทธเจ้า

 และในคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแล้ว

 จนได้บรรลุเป็นพระอริยสงฆ์สาวก

ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย ตายเกิดมาแล้ว

พวกเราก็เป็นพวกเดียวกับพระอริยสงฆ์สาวก

 เพียงแต่ว่าตอนนี้เรายังไม่ได้สร้างกำลังใจ

 ให้มีเท่ากับพระอริยสงฆ์สาวก

 ถ้าสร้างกำลังใจให้มีเท่ากับพระอริยสงฆ์สาวกแล้ว

 คือสร้างวิริยะให้เต็มร้อย สร้างสติให้เต็มร้อย

 สร้างสมาธิให้เต็มร้อย สร้างปัญญาให้เต็มร้อยแล้ว

 รับรองได้ว่าใจจะมีกำลังมากกว่า

 กิเลสตัณหา จะหลุดพ้น

จากการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างแน่นอน

เพราะการออกจากการเวียนว่ายตายเกิด

ก็เป็นเหมือนการชักเย่อกัน

 ฝ่ายหนึ่งจะดึงให้วนอยู่ในวัฏจักร

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด

 อีกฝ่ายหนึ่งจะดึง ให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิด

 ฝ่ายไหนมีกำลังมากกว่า ฝ่ายนั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะ

ถ้าฝ่ายธรรมมีกำลังมากกว่าฝ่ายกิเลสตัณหา

 ก็จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

ถ้าฝ่ายกิเลสตัณหามีกำลังมากกว่า

 ก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป นี่คือเรื่องของใจ

 ที่เป็นเหมือนสมบัติของ ๒ ฝ่าย

ที่แก่งแย่งกัน แข่งขันกัน ฝ่ายธรรมกับฝ่ายอธรรม

 ฝ่ายธรรมก็คือฝ่ายของพระพุทธเจ้า

พระอริยสงฆ์สาวก

 ฝ่ายอธรรมก็คือฝ่ายของกิเลสตัณหา

 ถ้ากิเลสตัณหามีกำลังมากกว่า

 การเวียนว่ายตายเกิดก็ยังจะมีต่อไป

 ถ้าฝ่ายธรรมมีกำลังมากกว่า

 การสิ้นสุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิด

ก็จะเป็นผลตามมา

 การจะทำให้สิ้นสุด แห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้

ก็ต้องมีวิริยะความอุตสาหะพากเพียร

ที่จะเจริญคุณธรรม ๓ ประการคือ สติ สมาธิ ปัญญา

 ถ้ามีศรัทธาแล้ว วิริยะจะตามมาเอง

อย่างวันนี้ญาติโยมก็มากันเอง มีศรัทธาแล้ว

ก็จะมีวิริยะความพากเพียรที่จะเข้าหาธรรมะ

แทนที่จะไปหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย

 ไปตามกำลังของกิเลสตัณหา

 กลับมาตามกำลังของศรัทธา

 ต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ที่มีกำลังมากกว่า

จึงดึงจิตใจของท่านทั้งหลาย ให้เข้ามาหาธรรมะกัน

มาฟังเทศน์ฟังธรรมกัน

อย่างนี้ก็ถือว่าได้ชัยชนะแล้ว ๑ ครั้ง

 แต่ยังต้องชนะอีกหลายครั้ง

เหมือนกับเวลาแข่ง ชกมวยโอลิมปิก

 ต้องชนะหลายครั้งกว่าจะได้เหรียญทอง

 ตอนนี้เราได้ชนะกิเลสแล้ว ๑ ครั้ง

 เพราะว่ากิเลส ไม่สามารถชวนให้เราไปเที่ยวได้

 มีคนอีกมากที่ไม่ได้มาที่นี่ เพราะถูกกิเลสชวนไปเที่ยว

 แสดงว่าเขาแพ้ เราชนะ เราเก่งกว่าเขาแล้ว

ให้คิดอย่างนี้ จะได้มีกำลังใจ

 ว่าเราไม่ใช่เป็นผู้แพ้ตลอดเวลา

เราก็เป็นผู้ชนะเหมือนกัน

 แต่อย่าคิดจนทำให้เกิดความประมาทนอนใจ

 ว่าเราชนะแล้ว ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว

ให้คิดว่าเราชนะครั้งที่ ๑ แล้ว เรามีศรัทธาแล้ว

ธรรมข้อที่ ๒ ก็คือวิริยะ

พากเพียรเจริญสติตลอดเวลา

 จะเจริญสติได้ตลอดเวลา

 ก็ต้องอยู่ตามสถานที่สงบสงัด

ต้องปลีกวิเวก ต้องสำรวมอินทรีย์

คือตาหูจมูกลิ้นกาย เรียกว่าอินทรียสังวร

 ไม่ให้ตาดูรูปที่ทำให้เกิดกามารมณ์

 เพราะจะทำให้ติดกับของกิเลสตัณหา

 การปฏิบัติก็เพื่อออกจากกับดักของกิเลสตัณหา

 ต้องไม่ดูรูปไม่ฟังเสียง ที่ทำให้เกิดกามารมณ์

จึงต้องสำรวมอินทรีย์ สำรวมตาหูจมูกลิ้นกาย

 ด้วยการถือศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗

 ที่จะช่วยให้สำรวมตาหูจมูกลิ้นกาย

 ไม่ให้ไปหาความสุขทางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

พอไม่ไปหาความสุข ทางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

 ก็จะมีเวลาเจริญสติ เพื่อทำใจให้สงบเป็นสมาธิ

 นี่คือการต่อสู้รอบที่ ๒ ที่จะต้องเอาชนะให้ได้

 ต้องควบคุมบังคับใจ

ไม่ให้ทำตามกระแสของความอยาก

ในรูปเสียงกลิ่นรส ความอยากมีอยากเป็น

 ความอยากไม่มีอยากไม่เป็น.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

กัณฑ์ที่ ๔๕๗ วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖

 (จุลธรรมนำใจ ๓๓)

“เติมกำลังใจ”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 30 กรกฎาคม 2559
Last Update : 30 กรกฎาคม 2559 7:49:49 น.
Counter : 831 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ