Group Blog
All Blog
### ความหมายของการเกาะติดชายผ้าเหลือง ###











“ความหมายของการเกาะติดชายผ้าเหลือง”

การเจริญสติก็คือการดึงใจไม่ให้ไหลไปตามกระแส

ของความคิดปรุงเเต่งต่างๆ ที่จะดึงใจให้ไหลในอดีตบ้าง

ไปในอนาคตบ้าง ให้ดึงใจไว้ให้อยู่ในปัจจุบัน

 ด้วยการใช้อุบายของการสร้างสติ

 อุบายที่ใช้การสร้างสติเรียกว่า กรรมฐาน ๔๐

 มีอยู่ ๔๐ ชนิดด้วยกัน เช่นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า

ที่เรียกว่า พุทธานุสติก็ให้บริกรรมคำว่า พุทโธๆไป

อย่างต่อเนื่องไม่ว่า จะทำกิจกรรมอะไร

 พอลืมตาขึ้นมาก็ดึงใจไว้ อย่าให้ใจไปคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้

สิ่งนั้นสิ่งนี้ ถ้าจะคิดก็คิด กับเรื่องที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

 เช่นว่าจะต้องทำอะไรในตอนนี้พอลืมตาขึ้นมา

ก็ต้องคิดแล้วว่า จะต้องลุกเข้าไปห้องน้ำ

พอเดินไปห้องน้ำก็ใช้คำบริกรรมพุทโธกำกับควบคุมใจ

ดึงใจไว้อย่าปล่อยให้ใจ ไปคิดเรื่องอื่นๆ

 ให้คิดอยู่กับเรื่องที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน

กำลังอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งเนื้อแต่งตัว

 รับประทานอาหารก็ให้มีคำบริกรรมพุทโธๆไปอย่างต่อเนื่อง

 เพื่อที่จะดึงใจไม่ให้ไปคิดถึงเรื่องราวต่างๆ

 ที่ไม่จำเป็นที่จะต้องคิด

ถ้ามีเรื่องที่จำเป็นจะต้องคิดจริงๆ

 ก็หยุดคำบริกรรมไว้ได้ชั่วคราว

พอคิดเสร็จแล้วก็กลับมาใช้คำบริกรรมต่อ

จนกว่าใจไม่ไปคิดเรื่องราวต่างๆ

 ถ้าใจสามารถตั้งอยู่ในปัจจุบันได้

สามารถอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในปัจจุบันได้

เช่นการเคลื่อนไหวของร่างกาย

 การกระทำของร่างกายต่างๆถ้าใจอยู่กับการกระทำ

 กับการเคลื่อนไหว ของร่างกายจะไม่ใช้คำบริกรรมก็ได้

เพราะว่ากำลังใช้กายคตาสติ คือใช้การดูการเคลื่อนไหว

 ดูการกระทำต่างๆ ของร่างกายเป็นที่ผูกใจ

 เป็นที่ตั้งสติ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

จะใช้คำบริกรรมไปก็ได้ หรือจะใช้การดูการเคลื่อนไหว

การกระทำอะไรต่างๆ ของร่างกายไปก็ได้

เรียกว่า มีสติ เรียกว่าใจไม่ลอยไป ตามกระแส

ของความคิดปรุงเเต่งไม่ลอยไปในอดีตที่ผ่านมาแล้ว

 ไม่ลอยไปในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ให้อยู่กับปัจจุบัน

เพื่อที่ใจจะได้ว่าง ใจว่างแล้วใจจะเย็นจะสบาย

 จะไม่มีอารมณ์ตึงเครียดต่างๆ หรือมีความอยากต่างๆ

 เข้ามาที่จะกดดันจิตใจให้ไปทำอะไรต่างๆ

 ที่ไม่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่จิตใจ

แต่กลับเป็นโทษกับจิตใจ

แล้วพอมีเวลาว่างจากภารกิจการงานต่างๆ ก็ควรจะนั่งเฉยๆ

นั่งหลับตาเพื่อที่จะได้ดึงใจ ให้เข้าสู่ความสงบอย่างเต็มที่

 ที่เรียกว่า อัปปนาสมาธิ ถ้ามีสติคอยควบคุมใจตลอดเวลา

 เวลานั่งจะใช้คำบริกรรมพุทโธๆเพียงอย่างเดียวก็ได้

หรือจะใช้การดูลมหายใจเข้าออกเพียงอย่างเดียวก็ได้

 หรือจะใช้การผสมกันระหว่างคำบริกรรม

กับลมหายใจเข้าออกก็ได้

เช่นหายใจเข้าก็ว่าพุท หายใจออกก็ว่า โธ

 อันนี้แล้วแต่จริตนิสัยแล้วแต่ความถนัดของผู้ปฏิบัติ

ที่จะพิจารณาเอาเองว่า อย่างไหนจะเหมาะสมกับตน

ข้อสำคัญก็คือเพื่อมีหลักให้ใจยึดไว้

ไม่ให้ใจไหลไปตามกระแสของความคิดปรุงเเต่งต่างๆ

 เพราะถ้าไหลไปตามความคิดปรุงเเต่งแล้ว

 ใจจะไม่สามารถเข้าสู่ความสงบได้

ไม่สามารถเข้าสู่อัปปนาสมาธิได้

แต่ถ้าใจจดจ่ออยู่กับกรรมฐานใด กรรมฐานหนึ่ง

เช่นคำบริกรรมพุทโธ หรือการดูลมหายใจเข้าออก

ถ้ามีการดูอย่างต่อเนื่อง ไม่นานใจก็จะรวมเข้าสู่ความสงบ

 พอเข้าสู่ความสงบใจก็จะนิ่ง จะเย็น จะสักแต่ว่ารู้

จะเป็นอุเบกขา คือปราศจากอารมณ์รัก ชัง กลัว หลง

 ใจจะว่างจะเย็นจะสบาย เวลาเข้าถึงจุดนั้น

เป็นเวลาที่ต้องการให้อยู่ในนั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

 ไม่ควรไปรบกวนความสงบ ในตอนนั้น

ด้วยการดึงใจ มาพิจารณาทางปัญญา

ตอนนั้นไม่ใช่เป็นเวลาที่จะพิจารณาทางปัญญา

 ตอนนั้นเป็นเวลาที่จะให้จิต สร้างกำลังของอุเบกขา

ขึ้นมาให้มากๆ เพราะกำลังของอุเบกขานี้จะสนับสนุนปัญญา

 เวลาที่จะต้องต่อสู้กับกิเลสตัณหาต่างๆ

 ที่เป็นตัวฉุดลากจิตใจให้ไปสร้างความทุกข์

สร้างความวุ่นวายใจต่างๆ

 ที่เป็นตัวที่จะดึงใจให้ไปเกิดแก่เจ็ยตาย

 ถ้าไม่มีอุเบกขาและไม่มีปัญญา

ใจจะต้องไหลไปตามกระแส ของความอยากต่างๆ

แต่ถ้าใจมีอุเบกขาและมีปัญญา

เห็นโทษของการทำตามความอยาก

 ว่าเป็นการดำเนินไปสู่ความทุกข์

 ไม่ใช่ไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์

ใจก็จะสามารถฝืนความอยากต่างๆได้

พอฝืนความอยากต่างๆ ได้

 ความอยากก็จะไม่สามารถมีอิทธิพลต่อจิตใจอีกต่อไป

จะไม่สามารถมาทำให้ใจทุกข์

จะไม่สามารถมาฉุดลากใจให้ไปเกิด แก่ เจ็บ ตายได้อีกต่อไป

 ใจก็จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย

นี่คือการปฏิบัติพระพุทธเจ้าทรงสอนให้

ผู้ที่มีความปรารถนาต่อการหลุดพ้น จากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิดให้พยายามปฏิบัติกัน

ถ้าปฏิบัติได้ผลก็จะเกิดขึ้นภายใน ๗ วันบ้าง

 ๗ เดือนบ้าง หรือ ๗ ปีบ้าง

ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ปฏิบัติแต่ละคน

ที่มีความรู้ความสามารถที่ได้สะสมมาในอดีตนี้

มามากน้อยไม่เท่ากัน

ผู้ที่ได้สะสมความรู้ความสามารถมามาก

ก็จะสามารถที่จะบรรลุธรรมได้เร็ว

ผู้ที่ได้สะสมความรู้ความสามารถมาน้อยก็จะบรรลุช้าหน่อย

แต่ก็จะบรรลุด้วยกันทั้งหมด ถ้ามีความเพียรพยายาม

ที่จะปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดไม่มีวันถอน

 อาจจะมีการพักบ้าง อาจจะมีการผ่อนบ้าง

แล้วแต่เหตุการณ์ที่อาจจะทำให้บ้างครั้ง

อาจจะไม่สามารถปฏิบัติได้เต็มที่ แต่ก็ไม่ถอยไม่หยุดไม่เลิก

 อาจจะมีการพักบ้าง ผ่อนบ้าง ตามเหตุการณ์

ที่อาจจะทำให้ต้องทำอย่างนั้น

 แต่จะไม่ยอมถอยจะไม่ยอมเลิก

จะพยายามปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องได้บรรลุ

ยกตัวอย่างพระอานนท์ผู้ที่เป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า

 ต้องใช้เวลาอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าอยู่ถึง ๒๐ กว่าปีด้วยกัน

เลยไม่มีเวลาที่จะไปปฏิบัติได้อย่างเต็มที่

จึงไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด

ต้องรอหลังจากที่ พระพุทธเจ้า

ได้ทรงเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว

พอพระพุทธเจ้าได้จากไปแล้ว

พระอานนท์ก็เป็นเหมือน คนตกงานไม่มีภารกิจ

ที่จะต้องมาคอยอุปัฏฐากรับใช้พระพุทธเจ้า

 จึงมีเวลาที่จะเอาไปปฏิบัติ เจริญสติ สมาธิและปัญญา

อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นจนหลับ

จึงทำให้พระอานนท์สามารถบรรลุถึงธรรม ขั้นสูงสุด

ได้ภายในระยะเวลาเพียง ๓ เดือนเท่านั้น

นี่คือตัวอย่างของพวกเราแสดงให้เห็นว่า

การจะบรรลุ หรือไม่บรรลุนี้อยู่ที่การทำความเพียร

ไม่ได้อยู่ที่การเกาะติดอยู่กับชายผ้าเหลืองของพระพุทธเจ้า

 ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่าต่อให้เธออยู่ใกล้ชิด

เกาะติดอยู่กับชายผ้าเหลืองของเรา

 แต่ถ้าเธอไม่ได้ปฏิบัติ

เธอก็เหมือนอยู่ห่างไกลจากเราเป็นโยชน์

แต่ถ้าเธออยู่ห่างไกลจากเราเป็นโยชน์

แต่ถ้าเธอมีการปฏิบัติคือ มีการเจริญสติ

มีการเจริญสมาธิ มีการเจริญปัญญา

เธอก็เท่ากับอยู่เกาะชายผ้าเหลือง

เธออยู่ใกล้ชิดเรา เธอก็จะบรรลุธรรมได้

 นี่คือความหมายของการเกาะติดชายผ้าเหลือง

เกาะติดด้วยการทำความเพียร

เกาะติดด้วยการเจริญสติ สมาธิและปัญญา

ถ้าผู้ใดมีการทำความเพียรในการเจริญสติ

สมาธิ ปัญญาอย่างต่อเนื่อง รับรองได้ว่า

ผู้นั้นจะต้องได้บรรลุธรรมอย่างแน่นอน

 เพราะการทำความเพียรนี้เป็นเหตุ

และการบรรลุธรรมนี้ เป็นผล

ถ้ามีเหตุ ผลจะต้องตามมาอย่างแน่นอน

เหมือนกับชาวนาชาวไร่ ที่มีความขยัน

ในการทำการเพาะปลูก พืชต่างๆ

พอถึงเวลาที่พืชที่ได้เพาะปลูกเหล่านั้น

ก็จะออกดอก ออกผลขึ้นมา

ดังนั้นพวกเราไม่ต้องไปกังวล

ถึงเรื่องของการจากไปของพระพุทธเจ้า

ซึ่งได้ทรงจากพวกเราไปถึง ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว

อย่าไปคิดว่าเราไม่ได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า

แล้วเราจะไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้

เพราะพระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้แล้วว่า

 เวลาที่พระองค์จากพวกเราไปแล้ว

สิ่งที่จะมาทำหน้าที่แทนพระองค์ก็คือ

พระธรรมคำสอนที่ได้ทรงตรัสไว้ชอบแล้วนี่เอง

 ที่เรียกว่า สวากขาโต ภควตา ธัมโม

 ธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว นี่แล

จะเป็นศาสดาของพวกเธอต่อไป

 พวกเธอจะไม่ได้อยู่ปราศจากศาสดา

ถ้าเราอยากจะเข้าหาศาสดา

ขอให้เรา เข้าหาพระธรรมคำสอนเถิด

อย่างที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ในขณะนี้

การฟังเทศน์การฟังธรรมนี้ก็เรียกว่า

การเข้าหาพระพุทธเจ้า เข้าหาพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้

วิธีของการปฏิบัติ เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์

แห่งการเวียนว่ายตายเกิด

ตราบใดถ้าพวกเราให้ความสำคัญต่อการศึกษา

และนำเอาสิ่งที่เราได้ศึกษานั้นไปปฏิบัติ

ตราบนั้นเราจะได้รับผลจากการศึกษา

และการปฏิบัติอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด

 เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก

 ไม่ได้เสื่อมไปตามกาลเวลาเหมือนกับสิ่งต่างๆ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

........................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙

“วันรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า”









ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 29 พฤษภาคม 2559
Last Update : 29 พฤษภาคม 2559 10:09:14 น.
Counter : 851 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ