Group Blog
All Blog
### ทางของพระพุทธเจ้านี้ตรงที่สุดแล้ว ###
















“ทางของพระพุทธเจ้านี้ตรงที่สุดแล้ว”

ไม่ถามทางลัดหรือ หาเจอหรือยัง??

ทางลัดเจอแล้วแต่ไม่ยอมเดิน แล้วจะมีลัดกว่านี้อีกหรือ

ไม่มีแล้ว ทางระหว่างจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่งนี้

ทางสั้นที่สุดคืออะไร “ทางตรง” ใช่ไหม???

เส้นตรงใช่ไหม เส้นตรงคือทางที่สั้นที่สุด

ถ้าเส้นมันโค้งมันเว้านี้มันจะยาวขึ้นไป

 ดังนั้นทางของพระพุทธเจ้านี้ตรงที่สุดแล้ว

สวากขาโต ภควตา ธัมโมนี้ ธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว

ตรงกับความจริงทุกประการแล้วไม่มีอะไรจะตรงกว่านี้แล้ว

จะให้สั้นกว่านี้ไม่มีแล้วนะ อย่าสงสัย อย่าลังเล

 โอกาสนี้หายากนะ เป็นเหมือนรถไฟขบวนสุดท้ายแล้ว

สงกรานต์จะนั่งรถกลับบ้านกันรีบขึ้นรถเสีย

 เดี๋ยวรอคันโน้นคันนี้เดี๋ยวพอไปเจอคันสุดท้ายแล้ว

 ไม่ขึ้นก็ต้องเดินกลับบ้านนะ

ตอนนี้มีพระพุทธศาสนาเป็นรถไฟ

พาเราไปพระนิพพานกัน

 ถ้าเรามัวแต่เปลี่ยนคันโน้นรอคันนี้ รอเวลานั้นรอเวลานี้

เดี๋ยวเกิดเราตายไปเสียก่อนก็เหมือนกับจะไม่ได้ขึ้นรถไฟ

ให้ระลึกถึงความตายอยู่เรื่อยๆ ระลึกถึงเทวทูต ๔ อยู่เรื่อยๆ

 ความแก่มันขยับเข้ามา ความแก่นี้มันเหมือนกับอะไรรู้ไหม

 เหมือนกับงูที่เขมือบเหยื่อ เคยเห็นงูกินเหยื่อไหม

 มันไม่ได้กินเหมือนเรากินข้าวตักฟืดเข้าไปเลย

มันค่อยๆ เขมือบเข้าไปทีละนิดๆ

กบ ค้างคกนี้มันค่อยๆ เอาเข้าไปทีละนิดๆ

พอเผลอแป๊บ อาว..หายไปหมดแล้ว

กินเข้าไปหมดแล้ว ร่างกายก็แบบเดียวกัน

มันค่อยๆ แก่ลงไปทีละนิด ดูทุกวันมันดูไม่ออกหรอก

แต่ลองไปดูภาพที่ถ่ายมาเมื่อสัก ๑๐ ปีซิ กับภาพนี้

ภาพตอนที่เกิดมา ไปดูเด็กทารกคิดถึงตอนที่เราเป็นทารก

 กับตอนนี้เป็นอย่างไร แล้วตอนนี้ก็ไปดูงานศพ

 ไปดูคนตายแล้วก็ดูว่า ต่อไปเราก็จะต้องเป็นอย่างนี้

มันจะได้ทำให้เกิดมีความขวนขวายกระตือรือร้นขึ้นมา

ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ประมาทนอนใจ

เวลามีน้อยไม่รู้จะหมดเมื่อไหร่

พวกเราเหมือนได้ตั้งระเบิดเวลากันไว้แล้ว

ไม่รู้ว่าร่างกายของเรามันจะระเบิดเวลาไหนกัน

 บางคนก็อาจจะระเบิดวันนี้ บางคนก็อาจจะพรุ่งนี้

บางคนก็เดือนหน้าปีหน้า ไม่มีใครรู้ว่า

เราตั้งเวลากันไว้เท่าไหร่ ตอนไหน

 เวลาที่เราตั้งก็เกิดจากบุญบาปที่เราทำนี้แหละ

จากการกระทำของเราต่างๆ นี้

มันเป็นเหมือนกับตัวตั้งนาฬิกาของเรา

 ถ้าเราดื่มสุรา สูบบุหรี่นี้ก็ตั้งเวลาให้มันเร็วขึ้น

 ถ้าเราไม่ดื่มสุราไม่สูบบุหรี่นี้ ก็ทำให้เวลามันยาวออกไป

 การกระทำของเรานี้แหละเป็นตัวกำหนดชีวิตของเรา

 ให้สั้นหรือให้ยาวหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็เรื่องของ

เหตุปัจจัยเหนือวิสัยที่เราห้ามไม่ได้บังคับไม่ได้

เช่นภัยธรรมชาติต่างๆ อุบัติภัยต่างๆ

โรคระบาดหรืออะไรต่างๆ เหล่านี้

มันก็เป็นเรื่องที่มันไม่ได้อยู่ภายในการกระทำของเรา

 แต่เราก็ไปกำหนดไปควบคุมบังคับมันไม่ได้

 วันดีคืนดีไปติดโรคอะไรขึ้นมาก็ได้

 ไปกินอะไรเข้าไปเอาไวรัสอะไร เข้ามาในร่างกายก็ได้

ไปหาหมอ หมอลืมทำความสะอาดเครื่องมือ

 ไปเอาเชื้ออะไรมาใส่เราก็ได้ มันมีโอกาส

ที่จะทำให้ชีวิตเราสั้นลงและหมดไปได้อย่างรวดเร็ว

เราต้องคิดเรื่องราวเหล่านี้

มันถึงจะทำให้เรากระตือรือร้นขึ้นมา

ถ้าเราคิดว่า เอ..เราเคยอยู่อย่างนี้มา

เราก็จะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

 มันคิดแบบนี้เรียกว่า คิดแบบประมาท

เพราะเหตุปัจจัยต่างๆมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ปัจจัยที่มันทำให้เราอยู่ในวันนี้มันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

มันอาจจะทำให้เราตายพรุ่งนี้ก็ได้ เราต้องหมั่นคิดอย่างนี้

 หมั่นระลึกถึงเทวทูต ๔

ที่นี่แน่นอนคือความแก่นี้มันแก่ลงไปเรื่อยๆ

 ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่แน่นอน แล้วแต่เหตุปัจจัยต่างๆ

ความตายก็ไม่แน่นอน จะตายเร็วตายช้า

 ตายยากตายง่ายมันก็ไม่มีใครรู้ เราไม่ควรที่จะรีรอ

ดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง พอเห็นเทวทูต ๔ แล้ว

ก็เตรียมตัวออกจากวังเลย เตรียมไปปฏิบัติไปปรับใจ

 ให้ไม่มาทุกข์กับความแก่ ความเจ็บ ความตาย

ให้ไม่ต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตายอีกต่อไป

 อันนี้ทำได้เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้

อย่างเมื่อกี้ โยมที่เขาเล่าว่า

พอไปฝึกสติเขาก็เห็นว่ามันทำได้

 มันไม่ใช่ของยากเย็นอะไร มันก็เหมือนกับ กีฬา

หัดเล่นกีฬา ถ้าไม่เคยเล่นก็ยาก

 ลองไปตีกอล์ฟดูสิ ไม่เคยตีมันก็ยาก

 ไปเล่นบิลเลียดไปเเทงบิลเลียด แทงไม่เป็นมันก็ยาก

 ไปเล่นเทนนิสมันก็ยาก มันยากทั้งนั้นเพราะเราไม่เคย

 แต่พอเราไปฝึกไปหัดไปเรียน ไปทำต่อไป

มันก็ง่ายขึ้นมาเอง ฉันใดการปฏิบัติธรรมนี้

ก็เป็นของที่มันก็เหมือนกับการเล่นกีฬานี่แหละ

พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกท่านทำได้ เราก็ทำได้

เพราะท่านก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา

ท่านก็ไม่ได้มี ความวิเศษวิโสอะไรมากไปกว่าเรา

มีอาการ ๓๒ เหมือนกัน มีตา หู จมูก ลิ้น กายเหมือนกัน

 มีสติ มีปัญญาเหมือนกันก็อยู่เราเท่านั้นแหละ

ว่าเราจะขวนขวายเราจะเอาไม่เอาเท่านั้นเอง

ถ้าเราไม่เอาก็ช่วยไม่ได้

 เหมือนกับเทน้ำใส่แก้วที่มันคว่ำอยู่นี้

 เทไปเท่าไหร่มันก็เก็บน้ำไม่ได้แม้แต่หยดเดียว

 มันต้องหงาย ถ้าหงายแล้วเทเท่าไหร่มันก็จะได้หมด

ธรรมที่เราจะได้ก็เหมือนกันถ้าเราขวนขวาย เราอยากได้

มันก็จะได้ ถ้าเราไม่ขวนขวายไม่อยากได้ มันก็จะไม่ได้

 ไม่ได้อยู่ที่ใครอยู่ที่เรา และสิ่งที่จะทำให้เรา

 เกิดการขวนขวายขึ้นมา ก็คือการระลึกถึง

ความแก่ ความเจ็บ ความตาย

การระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า

 การระลึกถึงการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า

ของพระอรหันตสาวกทั้งหลาย

มันก็จะเป็นสิ่งที่จะทำให้จุดประกายความขวนขวายขึ้นมาได้

 ทำให้เราไม่ประมาทนอนใจ ให้เรารีบตักตวง

ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง

คือการได้มาเจอพระพุทธศาสนาและได้เป็นมนุษย์

ต้องเป็นทั้งมนุษย์ และต้องพบกับพระพุทธศาสนา

จึงจะสามารถปฏิบัติธรรมได้ ยกเว้นถ้าเป็นเทวดาแล้ว

 มีพระอริยเจ้าที่สามารถสั่งสอนเทวดาได้

ซึ่งมันก็น้อยกว่าพระอริยเจ้าที่ไม่ได้สั่งสอน

 ก็ต้องไปรอให้ท่านสั่งสอน

แต่ถ้าเรามาเจอพระที่มีความสามารถสอน

พูดภาษาของเราได้ เราก็รีบที่จะขวนขวาย

 ชาวต่างประเทศเขาพูดภาษาไทยไม่ได้

เขายังอุตส่าบินมาเมืองไทยเพื่อมาศึกษามาปฏิบัติเลย

 เรากลับบินไปบ้านเขา ไปเที่ยวบ้านเขา

เขากลับเบื่อบ้านเขา เขาไม่อยากจะเที่ยวบ้านเขา

 เรากลับชอบไปเที่ยวบ้านเขา

เขากลับชอบมาปฏิบัติที่บ้านเรา

เพราะทัศนคติมองไม่เห็นกัน

 เขามองเห็นเพชรในบ้านเรา

 เรากลับไปเห็นตัวหนอน ไส้เดือนในบ้านเขา

เราชอบกินตัวหนอนไส้เดือน พวกไก่ได้พลอย

พอเจอพลอยก็เขี่ยทิ้งๆ หาแต่ตัวหนอนตัวไส้เดือน

 หนอนไส้เดือนก็รูปเสียงกลิ่นรสนี่แหละ

 ไปบ้านเขาจะได้เห็นรูปเสียงกลิ่นรสแปลกๆ

 ต่างจากที่รูปเสียงกลิ่นรสที่เราเห็นจำเจอยู่ที่บ้านเรา

พอได้ไปเที่ยวบ้านคนอื่นประเทศอื่นแล้ว

แหม...รู้สึกตื่นเต้นดีใจกัน แต่ให้ไปอยู่สักพักก็เบื่อ

 เดี๋ยวมันเห็นสักพักมันก็จำเจ.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๙

“ขึ้นรางวัล”











ขอบคุณที่มา FB. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 23 เมษายน 2559
Last Update : 23 เมษายน 2559 12:50:21 น.
Counter : 898 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ