ดอกบัวเผื่อน
.
ที่เรียกว่า บัวเผื่อน เพราะ สีดอกเผื่อน
ระหว่างสีขาว-ครามและชมพูอ่อน
เป็นพันธุ์ไม้น้ำคล้ายบัวสาย
เป็นพืชที่มีอายุหลายปี มีเหง้าและไหลอยู่ใต้ดิน
ส่วนใบและดอกจะขึ้นอยู่บนผิวน้ำ
ขยายพันธุ์ด้วยการใช้หน่อหรือเหง้า และใช้เมล็ด
บัวเผื่อน ชื่อสามัญ Water Lily
บัวเผื่อน ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆอีก
เช่น นิโรบล (กรุงเทพ), ป้านสังก่อน (เชียงใหม่),
ปาลีโป๊ะ (มลายู นราธิวาส),
บัวผัน บัวขาบ (ภาคกลาง), บัวแบ้ เป็นต้น
พบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
โดยสามารถพบได้ตามหนองน้ำ บึงคลอง
ริมแม่น้ำที่มีกระแสน้ำอ่อน และขอบพรุ
ใบบัวเผื่อน ใบเป็นใบเดี่ยว
ออกเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม
แผ่นใบลอยอยู่บนผิวน้ำ
ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้าง
ปลายใบทู่ถึงกลมมน ส่วนโคนเว้าลึก
ขอบใบเรียงถึงหยักตื้นๆ แผ่นใบสีเขียว
ท้องใบสีเขียวอ่อนจนถึงสีม่วงจาง ผิวใบเกลี้ยง
มีเส้นใบราว 10-15 เส้นแยกจากจุดเชื่อมกับก้านใบ
ส่วนก้านใบมีความสั้นยาวไม่แน่นอน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำเป็นหลัก
แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีความยาว
ประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร
ดอกบัวเผื่อน ดอกเป็นดอกเดี่ยว
ขึ้นอยู่เหนือน้ำ ดอกมีสีขาวแกมชมพู
ถึงสีอ่อนคราม ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ถ้าดอกมีสีขาวแกมเหลือง
ปลายกลีบดอกเป็นสีครามอ่อน
แล้วเผื่อนเป็นสีขาว
หรือปลายกลีบ เป็นสีชมพูเมื่อใกล้โรย
แต่ละดอกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 8-10 เซนติเมตร
มีกลีบดอกซ้อนกัน 2-3 ชั้น ปลายกลีบแหลม
มีเกสรตัวผู้สีเหลืองจำนวนมาก
รังไข่มีช่องประมาณ 10-20 ช่อง
ฝังตัวแน่นอยู่ใต้แผ่นรองรับ
ส่วนเกสรตัวเมียเป็นรูปถ้วย
มีก้านดอกคล้ายกับก้านใบ
และมีความยาวไล่เลี่ยกัน
สามารถออกดอก ได้เกือบตลอดทั้งปี
และดอกจะบานตอนช่วงสาย
และจะหุบตอนช่วงบ่าย
ส่วนผลจะจมอยู่ใต้น้ำ
หลังจากการผสมเกสรแล้ว
ดอกบัวเผื่อน มีกลีบดอกสีขาว
ปลายกลีบดอกเป็นสีครามอ่อน
แล้วเผื่อนเป็นสีขาวหรือเป็นสีชมพูเมื่อใกล้โรย
ก้านดอก ใช้รับประทานเป็นผักได้
หรือใช้จิ้มกินกับน้ำพริก
หรือนำไปประกอบอาหาร
เช่น ผัดสายบัว กับหมูหรือกุ้ง
ต้มสายบัวกับปลาทู เป็นต้น
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ
คัดลอกมาจาก.....ตังเก ศรีราชา