Group Blog
All Blog
### ใจเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา ###















“ใจเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา”

ใจคนเรานี้มันร้ายกาจนะ บางวันดี บ้างวันก็ไม่ดี

บางวันไม่ดีก็แหม.. มันเหมือนม้าพยศ เหมือนกะทิงดุ

บางวันก็หัวเราะ บางวันก็ร้องไห้ ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้นะ

ทำไมคุมมันไม่ได้นะ เพราะเราไม่ฝึกกัน

 เราชอบปล่อยให้มันไปตามอารมณ์

 เวลาดีใจก็ดีใจสุดๆ เวลาเสียใจก็เสียใจสุดๆ

เเกว่งไปเเกว่งมา เหมือนลูกตุ้มนาฬิกา

ยิ่งดีใจมากเท่าไรเวลาเสียใจก็เสียใจมาก

ถ้าดีใจน้อยก็จะเสียใจน้อย มันดีใจเสียใจกับเรื่องเดียวกัน

 ดีใจกับคนนี้ก็ดีใจสุดๆเลย พอเสียใจก็เสียใจแบบสุดๆ

ถ้าดีใจกับคนนี้น้อย เวลาเสียใจก็จะน้อย

ถ้าไม่ดีใจกับเขาเลยก็จะไม่เสียใจ

คนที่เราไม่ยุ่งไม่เกี่ยวไม่สนใจด้วย

เขาจะดีจะร้ายกับเราไม่ค่อยมีปัญหา

แต่คนที่เราดีกับเขานี้ คนที่เรารักเขาชอบเขา

เวลาเขาร้ายกับเรานิดเดียวเท่านั้น มันทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ

ดังนั้นอย่ารัก อย่าชัง อย่ากลัว อย่าหลง ๔ ตัวนี้

เป็นตัวที่ปกครองหัวใจของพวกเรากันทุกวัน

ทุกวันนี้เรามี ๔ ตัวนี้มาคอบกำกับใจเรา

เวลาเห็นอะไรก็รักขึ้นมา เวลาเห็นอะไรก็ชังขึ้นมา

บางเวลากลัว บางเวลาก็หลง ต้องควบคุม ๔ ตัวนี้ให้ได้

กำจัด ๔ ตัวนี้ได้แล้วก็จะสบาย รักก็อย่าไปรัก

 ต่อไปนี้เวลาเห็นอะไรที่เรารัก

ก็บอกว่าแล้วเวลาตายเขาตายจากเราแล้วจะเป็นอย่างไร

 รักอะไรเวลาเขาจากเราไปนี้เราอยู่ยังไง

 หรือเวลาที่เราต้องจากเขาไป เวลาเจออะไรชังก็อย่าไปชัง

 ชังแล้วมันทุกข์ ทำใจเฉยๆดีกว่า ห้ามเขาไม่ได้

ห้ามเจอกันไม่ได้ เวลาจะเจอกองขยะ

 เจออุจจาระนี้บางทีก็ห้ามไม่ได้ ก็อย่าไปชัง

 ถ้าไม่ชังแล้วมันจะไม่ทุกข์ ทำใจเฉยๆ

 ต้องอยู่กับมันก็อยู่กับมันไป เวลากลัวก็บอกว่ากลัวอะไร

 อย่างมากก็แค่ตาย คนเราเกิดมามีใครไม่ตายบ้าง

กลัวสูญเสียถึงเวลามันก็ต้องเสียแหละ

มาตัวเปล่าๆ เวลาไปก็ไปตัวเปล่าๆ

ของต่างๆ ที่เรามีอยู่นี้มันเป็นของเราที่ไหน

 ของใช้ชั่วคราว จะไปจากเราเมื่อไรเราก็ไม่รู้

จะไปหลงกับมันทำไม อย่าไปหลงอย่าไปอาศัยมัน

เรามันหลงชอบไปอาศัยเขา

 ลืมไปว่าอาศัยเขาได้บางเวลา

 บางเวลาก็อาศัยเขาไม่ได้

 เวลาที่อาศัยเขาไม่ได้เป็นอย่างไร

อยากจะฆ่าตัวตายไหม อย่าหลง

อย่าหลงก็มองว่าพึ่งเขาไม่ได้หรอก พึ่งตัวเราเองดีกว่า

“อัตตาหิ อัตโน นาโถ”

การจะพึ่งตัวเองได้ก็ต้องทำใจให้สงบเท่านั้น

ถ้าใจสงบแล้วไม่ต้องพึ่งอะไร ใจพอ ใจไม่หิวโหย

ใจไม่อยาก ถ้าไม่สงบนี้มันหิวโหย

อยู่คนเดียวก็รู้สึกว้าเหว่เศร้าสร้อยหงอยเหงา

 ต้องพึ่งสิ่งนั้นต้องพึ่งคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าพึ่งเขาได้นานสักเท่าไร

เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว เดี๋ยวเขาก็จากเราไปแล้ว

 แล้วก็ต้องหาใหม่ หามาเท่าไรก็เหมือนกัน

ได้มาแล้วเดี๋ยวก็หมดไป อย่าหลง อย่ากลัว

 อย่ารัก อย่าชังแล้วจะมีความสุข

วิธีที่จะไม่รัก ไม่ชัง ไม่กลัว ไม่หลงก็ต้องมาทำใจให้สงบกัน

มานั่งหลับตาดูลมหายใจเข้าออกไป หรือพุทโธๆไป

อย่าไปคิดเรื่องอะไร ถ้าไม่คิดแล้วเดี๋ยวมันก็จะสงบ

 สงบแล้วความรัก ความชัง ความกลัว

 ความหลงมันจะหายไป

 อยู่คนเดียวก็ไม่ว้าเหว่ไม่ศร้าสร้อยหงอยเหงา

ไม่อยาก ไม่ต้องมีคนนั้นไม่ต้องมีสิ่งนั้นสิ่งนี้

 แม้แต่ร่างกายไม่มีก็ไม่เดือดร้อน

 ต่อไปร่างกายมันก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย

 ถ้ามีความสงบแล้วจะไม่เดือดร้อน ไม่ต้องพึ่งมัน

 ถ้ามีความสงบแล้วเราต้องเลี้ยงมัน ดูแลมัน

แต่ไม่ดูแลเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เราไม่สงบนี้เราต้องดูแลมัน

 เพราะต้องให้มันรับใช้เรา เพราะต้องอาศัยมัน

พาเราไปเที่ยว พาเราไปกิน พาเราไปดื่ม

 แต่พอเรามีความสงบแล้วเราไม่ต้องไปอาศัยมัน

แต่มันยังไม่ตายก็เลยต้องเลี้ยงมันไป

เลี้ยงไปเพื่อจะได้ช่วยคนอื่นต่อไป

เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ใจท่านอิ่มแล้ว

 ท่านไม่ต้องใช้ร่างกาย แต่ท่านก็ยังเลี้ยงมันไป

 แล้วก็เอาร่างกายนี้มาสั่งสอนพวกเรา

สั่งสอนพวกเราอย่ารักอย่าชังอย่ากลัวอย่าหลงกัน

มาทำใจให้สงบกัน ใจสงบแล้วไม่ต้องมีอะไร

 ไม่ต้องพึ่งอะไร ร่างกายก็ไม่ต้องพึ่ง

ที่พึ่งที่แท้จริงคือความสงบ อัตตาหิ อัตโน นาโถ

จนเป็นที่พึ่งของตน ถ้ามีความสงบแล้วเป็นที่พึ่งของตนได้

 ไม่ต้องพึ่งแฟนไม่ต้องพึ่งเงินทอง ไม่ต้องพึ่งอะไรต่างๆ

ทุกวันนี้มนุษย์มนาทั้งหลายนี้ไม่มีที่พึ่งในตัวเอง

เลยต้องไปพึ่งลาภยศ สรรเสริญ พึ่งรูปเสียงกลิ่นรส

ทุกคนนี้เกิดมานี้ก็ทำมาหากินก็เพราะต้องพึ่งร่างกาย

ต้องเลี้ยงร่างกายให้มันอยู่ได้ พอร่างกายอยู่ได้แล้ว

ก็ต้องหาเงินหาทอง จะได้เอาเงินไปซื้อไปเที่ยว

ไปกินไปดื่มไปเล่นไปหาความสุขต่างๆ

 หามาได้เท่าไรเดี๋ยวมันก็หมด ไม่หมดเดี๋ยวร่างกายก็ตาย

 มันเดี๋ยวก็จบ แต่มันไม่จบซิ

 ตายไปแล้วเดี๋ยวก็กลับมาเกิดใหม่ เพราะมันยังอยากอยู่

อยากจะมีร่างกายอันใหม่กลับมาเกิดใหม่

 จะได้มากินมาดื่ม มาเที่ยวมาเล่นใหม่

ต้องทำใจให้สงบ พอใจสงบแล้วปัญหาต่างๆ จะหมดไป

ไม่ต้องพึ่งใครไม่ต้องอะไรใคร

 ใครจะมาไม้ไหนก็ปล่อยมันไม่ไป ไม่ยุ่งกับมัน

 จะมาเรียกร้องอะไรก็ไม่เอา

จะมาให้อะไรเสนอให้อะไรมาก็ไม่เอา

ถ้าให้แล้วมีเงื่อนไขก็ไม่รับ

อย่างญาติโยมถ้าเอาอะไรมาให้แล้ว

บอกให้ต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้เราไม่รับนะ

 ถ้าไม่ให้ฟรีๆ ไม่รับหรอก ถ้าให้แล้วต้องไปทำโน่นทำนี่

บอก อย่าเอามาให้ ไม่เอา

ขนาดให้ฟรีๆยังไม่รู้จะไปทำอะไรเลย

แล้วเรื่องอะไรจะไปรับของที่มีเงื่อนไข ใช่ไหม

 ก็มันไม่หิวมันไม่ต้องการอะไร

ที่มานั่งนี้ไม่ได้มานั่งรับเงินนะ มานั่งปากเปียกปากฉีก

ทีนี้มีตู้บริจาคที่ไหน ไปวัดอื่นดูซิ ตู้เต็มไปหมด

 แต่ถ้าจะให้ก็รับ ไม่รับก็ถามอีกทำไมไม่รับ

 เคยไม่รับนะเมื่อก่อน ไม่รับก็ไม่รู้จะทำอะไร

แล้วก็ถามว่าทำไมไม่รับล่ะ แล้วฉันจะได้บุญยังไง

 ก็ว่ากันไปอีก เอาซะอย่างนั้น

อยากจะได้บุญก็เอาไว้ก็แล้วกัน

 แต่อย่ามาบอกว่าให้ไปทำโน่นทำนี่สร้างโน่นสร้างนี่ให้

 ไม่ทำ ถ้าเรายังไม่มีเหตุมีผลจะทำอะไร เราไม่ทำ

 ถ้ามีเหตุมีผลจะให้ทำก็ทำ ทำตามกำลัง

ตามที่เรามีอยู่นี้แต่ไม่บอกใคร ไม่ขอใคร

 ทำได้ก็ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ไม่เดือดร้อน

เห็นไหมศาลาหลังนี้มันก็เป็นอย่างนี้มาตั้งปี ๒๕๒๖

ปีนี้ ๒๕๕๙ ก็ ๓๓ ปีแล้ว ก็มีซ่อมมันไปตามสภาพ

มันก็อยู่ได้ ใช้ได้ ถ้ามันไม่โค่นไม่พังก็ไม่ซ่อมมันหรอก

ก็มันใช้ได้จะไปทำอะไรกับมันทำไม

 อย่างหลวงตากุฏิของท่าน

ก็มีเศรษฐีมาขอสร้างใหม่เกือบ ๑๐ ครั้ง จะสร้างให้อย่างดี

 ของท่านเป็นไม้ เขาจะสร้างเป็นตึกให้ ท่านไม่เอา

 สร้างไปมันก็เท่าเดิม มันก็หลบเเดดหลบฝนได้เหมือนกัน

 มันไม่ได้วิเศษไปกว่ากัน

ดังนั้นอย่าไปหลงกับอะไรต่างๆในโลกนี้

มันเป็นของที่เรา เราไม่มีความสุขไม่มีความพอในตัวเรา

 ก็เลยต้องไปหาสิ่งต่างๆ แล้วก็ไปหลงกับเขา

อันนี้ดีกว่าอันนั้น อันนั้นดีกว่าอย่างนี้

บ้าน ๑๐ ล้านกับบ้าน ๑ ล้านมันก็หลบแดดหลบฝน

ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ หลบภัยได้เหมือนกันไม่ใช่หรอ

 มีเศรษฐีอินเดียคนหนึ่ง สร้างบ้านแบบตึกไม่รู้กี่ชั้น

แล้วในบ้านนี้มีทุกอย่างมีโรงหนังมีอะไรเต็มไปหมดเลย

 อยู่กัน ๔ - ๕ คนมีคนไช้เป็น ๒๐ - ๓๐ คน

อย่างนั้นหรือคือความสุข

ก็ต้องมาวุ่นวายกับการดูแลรักษาบ้านใหญ่โตมโหฬาร

แต่มันไม่มีความสุขทางใจ

 แต่มันก็เลยต้องหาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย

 เดี๋ยวนี้บ้านเศรษฐีนี้ มีสถานบันเทิงอยู่ในบ้าน

 ห้องเก็บเสื้อผ้านี้ใหญ่กว่าห้องนอนเราอีก

 เสื้อผ้าไม่รู้กี่ร้อยชุด มีทุกสีทุกแบบทุกชนิด

 หน้าที่ประจำวันก็คือไปช้อปปิ้งไปซื้อเสื้อผ้าใหม่

 ซื้อกระเป๋าใหม่ ซื้อรองเท้าใหม่ ซื้อมาทำไม

 มี ๑ คู่มันก็ใช้ได้แล้วรองเท้า ตีนเรามีกี่คู่

ถ้าตีนมี ๑๐ คู่รองเท้ามันก็ต้องมี ๑๐ คู่

นี่มันมีคู่เดียว มีรองเท้า ๑๐๐ คู่ไปทำไม

มันใส่ได้ที่ไหนทีละ ๑๐๐ คู่ มันก็ใส่ทีละคู่

นี่แหละใจที่ไม่มีความสุขมันเป็นแบบนี้

มันต้องไปหาความสุขต่างๆ

แล้วคิดยิ่งมีมากยิ่งจะมีความสุขมาก

 แต่หารู้ไม่ว่าใจยิ่งวุ่นมาก

เวลาจะใส่รองเท้าแต่ละวัน

 บางทีปวดหัวไม่รู้จะเลือกใส่คู่ไหนดี

 ทุกข์เสียแล้ว มีหลายคู่ก็ทุกข์อีก

มันไม่เข้ากับกระเป๋าใบนี้ไม่เข้ากับเสื้อตัวนี้อีก

เปลี่ยนอีก เดี่ยวทำไปทำมาต้องไปซื้อใหม่มาอีกคู่

 หาเหตุหาเรื่องซื้ออีกแล้ว.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

สนทนาธรรมบนเขา วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙











ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 18 มีนาคม 2559
Last Update : 18 มีนาคม 2559 12:58:42 น.
Counter : 702 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ