ข้าวเม่าคลุก
ขนมโบราณอีกชนิดหนึ่งที่หาทานยากแล้วค่ะ
ส่วนประกอบไม่มีอะไรมาก
มีแค่ข้าวเม่ากับมะพร้าว ข้าวเม่าใช้ข้าวเม่าที่ใหม่
จะทำให้ขนมที่ได้หอมน่าทานมาก
เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทำอาหารพื้นบ้าน
ข้าวเม่าคลุกนิยมทานกับกล้วยไข่
บางคนก็ชอบ กล้วยหอม
สมัยโบราณ การจะได้รับประทานข้าวเม่า
จะต้องรอให้ถึงเดือน 10 จึงได้รับประทาน
เนื่องจากต้นข้าวที่ปักดำไว้ จะออกรวง
ให้ทำข้าวเม่าได้ ในช่วงเดือนนี้
ปัจจุบันมีการพัฒนาปรังปรุงการทำข้าวเม่า
มาเป็นข้าวเม่าคลุกเพื่อจะมีรับประทานตลอดปี
หลังทำนาเสร็จแล้ว ผ่านเวลาสักระยะหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับว่า เริ่มดำนาเร็วหรือช้า นั่นเอง
หรือขึ้นอยู่กับ ข้าวที่แก่พอทำข้าวเม่า นั่นแหละ
ข้าวเม่า คือข้าว ที่ถูกตำ หรือทุบ จนเม็ดข้าวแบน
ซึ่งทำจากข้าวเหนียว ที่ไม่อ่อนเกินไป ไม่แก่เกินไป
ข้าววัยแรกรุ่น ที่เลยระยะน้ำนมแล้ว
ข้างในเปลือกข้าว เริ่มแข็งตัวเป็นเม็ด มีสีขาว
และห่อหุ้มด้วยเยื่อบางๆ สีเขียว
ซึ่งเยื่อสีเขียวนี่แหละเมื่อข้าวแก่
จะกลายเป็นสีน้ำตาล และกลายเป็นรำ
อันเป็นแหล่งรวมของวิตามินหลายชนิด
ในสมัยก่อนการตำข้าวเม่า ก็จะใช้ครกตำข้าว
ช่วยกันฝัด ช่วยกันตำ
ประเพณีการตำข้าวเม่า เป็นประเพณี
ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
มีทั้งการร้องรำ แข่งขันการตำข้าวเม่า
อย่างสนุกสนานรื่นเริง
เมื่อทำนาเสร็จแล้ว ผ่านเวลาสักระยะหนึ่ง
จนลมเหนือล่อง เข้าทำนองออกพรรษา
ก็ประมาณช่วง เดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน
ขึ้นอยู่กับว่า เริ่มดำนาเร็วหรือช้านั่นเอง
หรือขึ้นอยู่กับ ข้าวที่แก่พอทำข้าวเม่า
ข้าวเม่าเป็นอาหารหวานอย่างหนึ่งของคนไทย
ที่ประกอบอาชีพทำนา
ชาวนารู้จักทำข้าวเม่า กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
โดยใช้เมล็ดข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว
ที่มีรวงแก่ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ นำมาคั่ว ตำ
แล้วนำไปรับประทานได้เลย ถ้าทำสุกใหม่ๆก็จะนิ่ม
หรือบางคนก็จะนำไปคลุกเคล้า
ด้วยน้ำตาลทราย มะพร้าวและเกลือ
รับประทานแทนขนมหวาน
ปัจจุบัน การตำข้าวเม่า
กำลังจะสูญหายไปจากชาวนาไทย
การตำข้าวเม่ามักจะทำ ในเวลากลางคืน
ในระหว่างคั่วข้าวเม่าบนเตาไฟ
จะมีประเพณีการเล่นของหนุ่มสาว
โดยนำเอามะพร้าวทึนทึกขว้างไปที่เตาไฟ
ทำให้ภาชนะที่ใช้คั่วข้าวเม่าแตกกระจายหรือบุบบู้บี้
จะทำให้บรรยากาศสนุกสนาน
คนขว้างที่แอบอยู่ในมุมมืด จะวิ่งหนี
ผู้ที่กำลังทำข้าวเม่าก็จะช่วยกัน
วิ่งไล่จับเอาตัวมาทำโทษ โดยเอาดินหม้อทาหน้า
หลังจากนั้น ก็จะช่วยกันตำข้าวเม่า
โดยใช้ครกไม้ตำข้าวเปลือก และสากไม้
มาช่วยกันตำให้เป็นข้าวเม่า
ในปัจจุบัน การตำข้าวเม่า เปลี่ยนจากตำ
เป็นสีข้าวจากโรงสี สำหรับสีข้าวแทนครกกระเดื่อง
จึงกลายเป็น วิธีทำข้าวเม่าแบบใหม่
ที่เสร็จเร็วกว่า ใช้ครกกระเดื่อง
โดยเมื่อคั่วข้าวเม่าเสร็จแล้ว
ก็นำไปฝากทางโรงสีข้าวให้สีให้ก็ได้ข้าวเม่าแล้ว
ซึ่งทำให้ประเพณีการตำข้าวเม่าลดความสำคัญลง
ดังนั้นจึงควรอนุรักษ์ประเพณีตำข้าวเม่า
ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความสำคัญ
ของประเพณีที่มีมาช้านาน
ซึ่งประเพณีการตำข้าวเม่าถือเป็นประเพณีหนึ่ง
ที่ก่อให้เกิดความสนุกสนาน
เป็นประเพณีที่เชื่อมความสัมพันธ์อันดี
ของคนในครอบครัว ให้มีความอบอุ่น
เกิดความสามัคคีกันในชุมชน
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ
คัดลอกมาจาก...ตังเก ศรีราชา