Group Blog
All Blog
### มะม่วงหิมพานต์ ###



























มะม่วงหิมพานต์

.....

ชื่อสามัญ Cashew, Cashew Nut

ชื่อท้องถิ่น มะม่วงสิโห (เชียงใหม่) มะโห (แม่ฮ่องสอน)

มะม่วงกาสอ (อุตรดิตถ์) มะม่วงเล็ดล่อ มะม่วงยางหุบ (ระนอง)

 กายี (ตรัง) ส้มม่วงทูนหน่วย มะม่วงทูนหน่วย (สุราษฎร์ธานี)

กะแตแก (นราธิวาส) นายอ (ยะละ) ยาโงย ยาร่วง (ปัตตานี)

มะม่วงหิมพานต์ มะม่วงไม่รู้หาว (ภาคกลาง)

มะหม่วงกุลา มะม่วงลังกา มะม่วงหยอด

มะม่วงสินหน (ภาคเหนือ)

 กาหยู กาหยี ม่วงเม็ดล่อ ม่วงเล็ดล่อ หัวครก

ท้ายล่อ ตำหนาว ส้มม่วงชูหน่วย (ภาคใต้)

ต้นมะม่วงหิมพานต์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง

 เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงโดยเฉลี่ย 6 เมตร

(สามารถสูงได้ถึง 12 เมตร) ลำต้นเนื้อไม้แข็ง

 มีกิ่งแขนงแตกออกเป็นพุ่มแน่นทรงกลมถึงกระจาย

เปลือกหนาผิวเรียบมีสีน้ำตาลเทา ปลูกมากทางภาคใต้

ภาคอิสาน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่ ตราดและ อุตรดิตถ์

ผลมะม่วงหิมพานต์ มีลักษณะคล้ายผลชมพู่ หรือลูกแพร์

ผลเป็นพวงห้อยลงมา ขนาดผลยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร

เนื้อผลฉ่ำน้ำมีกลิ่นหอม ผลอ่อนมีสีเขียว หรือเหลืองอมชมพู

 แต่เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีส้มแดง

ที่ปลายผลมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด มีลักษณะคล้ายรูปไต

 เปลือกนอกแข็งและยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร

 มีน้ำตาลอมเทา เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นผลมีเปลือกแข็ง

 มีเมล็ดเดียวลักษณะคล้ายรูปไต หรือคล้ายนวมของนักมวย

 มีสีน้ำตาลปนเทา ข้างในผลมีเมล็ดคล้ายรูปไต

ตำนาน ว่าครั้งหนึ่งหัวหน้าเทวดาบนสวรรค์ เกิดป่วยขึ้นมา

เหล่าเทวดาทั้งหลายต่างพากันไป เสาะแสวงหาผลไม้ชนิดต่าง ๆ

 มาคั้นเอาน้ำทำยารักษา แต่ก็ยังไม่หาย

ตกกลางคืนเทพเจ้า ผู้เป็นใหญ่องค์หนึ่ง ได้มาเข้าฝันว่า

ผลไม้ที่สามารถรักษาอาการป่วย ครั้งนี้ได้นั้น มีอยู่ต้นเดียว

และมีผล อยู่ลูกเดียวเท่านั้น อยู่ในป่าหิมพานต์

ลักษณะเป็นผลสีเหลือง ต้นเป็นไม้ใหญ่มีใบหนา

 แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่ว บริเวณที่ขึ้นอย่างกว้างขวาง

เมื่อเทวดาทั้งหลาย ทราบเรื่องก็พากันเหาะไปเก็บ มาให้

ครั้นได้กินยาที่คั้นจากน้ำผลไม้ แล้ว

หัวหน้าเทวดาก็หายป่วย อย่างอัศจรรย์

ฝ่ายต้นแม่ของผลไม้นั้น เมื่อถูกเด็ดลูกไปก็ร้องไห้เสียใจ

อีกหลายร้อยปีต่อมา จึงออกผลมาอีกผลหนึ่ง

และต้นไม้นั้น ก็มีอายุมากใกล้จะตายแล้ว

ผลของมัน จึงคิดว่าถ้าแม่ตาย มันคงอยู่ไม่ได้

 เพราะไม่มีต้นแม่ คอยหล่อเลี้ยงอาหาร

จึงคิดจะคายเม็ดออกมา ให้หล่นสู่พื้น

เพื่อที่จะได้งอกเป็นต้นพันธุ์ต่อไป

ฝ่ายหัวหน้าเทวดาเห็น ผลต้นไม้ที่เคยใช้เป็นยา กำลังคายเมล็ด

เกือบจะร่วง ลงดินอยู่แล้วก็ตวาดไปว่า "อย่าร่วง"

ด้วยวาจาสิทธิ์ เมล็ดผลไม้นั้น

ก็ติดห้อย อยู่กับผลด้านนอกมาตราบทุกวันนี้

คำว่าอย่าร่วงต่อมาได้เพี้ยนไปเป็น "ยาร่วง"

ซึ่งเป็นชื่อเรียก มะม่วงหิมพานต์ ของชาวใต้

 ต่อมาเพี้ยนจากยาร่วง มาเป็น "มะม่วง"

และเนื่องจากต้นพันธุ์ดั้งเดิม มีกำเนิดอยู่ในป่าหิมพานต์

จึงมีชื่อเรียก ในปัจจุบันว่า "มะม่วงหิมพานต์"

ในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มีประโยชน์มาก

เมื่อเทียบกับถั่วเปลือกแข็งด้วยกัน

มะม่วงหิมพานต์ถือว่า มีไขมันน้อยกว่ามาก คือ 47% เท่านั้น

ทำให้เมื่อแกะเปลือก ออกแล้วเก็บได้นาน ไม่เหม็นหืน

 แถมไขมัน ในเมล็ดมะม่วงหิมพานต์

ยังเป็นไขมันชนิดดีถึงกว่า 75%

 และมีแร่ธาตุที่สำคัญ อย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม

 อีกทั้งยังมีวิตามินอี ในปริมาณมากเท่าๆ กับในถั่วลิสง

 แถมยังมีเส้นใยมากถึง 16 กรัม

ต่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม

มะม่วงหิมพานต์ยังมีสรรพคุณ เป็นยาสมุนไพร

 ผลสุกจะเป็นยาบำรุงกำลัง ยาระบาย อ่อนๆ

และขับปัสสาวะได้

เปลือกของผลดิบ เป็นยาคุมธาตุ

ดอกเปลือก เนื้อใน เมล็ด รับประทาน แก้ท้องร่วง

แก้บิด แก้อาเจียน

ใบเอามาเผาสูดควันรักษาอาการไอและเจ็บคอ

นอกจากนี้ยางของผลสด ที่ยังไม่สุกและเด็ดออกมาใหม่ๆ

ยังมีสรรพคุณ เป็นยารักษาหูดได้

โดยนำยางมาทา บริเวณที่เป็นหูด ทาบ่อยๆจนกว่าจะหาย

ส่วนยางจากต้นจะใช้รักษาอาการตาปลาได้

ยางจะกัดเนื้อบริเวณนั้น ส่วนยางจากเมล็ดนั้น

จะใช้รักษาโรคกลากเกลื้อนได้






















ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 06 กรกฎาคม 2558
Last Update : 9 กรกฎาคม 2558 20:18:00 น.
Counter : 1579 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ