สงบเพราะรู้
..........
เมื่อมีผัสสะมากระทบ ควรมีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ
เมื่อตาเห็นอาหารอร่อย สติก็เห็นความอยาก
เมื่อหูได้ยินเสียงดัง สติก็เห็นความหงุดหงิดข้างใน
เราควรทำทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กันคือเห็นทั้งข้างนอกและข้างใน
ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ แม้ว่าตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ใจก็สงบได้
อย่างนี้เรียกว่าสงบเพราะรู้
สงบเพราะรู้มี ๒ อย่าง อย่างแรกรู้เพราะสติ
คือ เห็นความโกรธ ความเศร้า ความเบื่อ เห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น
เห็นความโกรธแต่ไม่เป็นผู้โกรธ ความโกรธก็จะค่อย ๆ ดับไป
ถ้าเราไม่เห็นความโกรธ กลายเป็นผู้โกรธ
ก็เท่ากับต่ออายุความโกรธให้ยืนยาวมากขึ้น
เหมือนกับกองไฟ ถ้าอยู่เฉย ๆ กองไฟก็จะมอดดับไปในที่สุด
แต่คนส่วนใหญ่มักจะไปเติมฟืนเติมเชื้อไฟเข้าไป
แต่ถ้าเห็นแล้วไม่เข้าไปเป็น พอเห็นปุ๊บมันก็จะดับไป
เพราะจิตนั้นรับรู้ได้ทีละอารมณ์เท่านั้น...
สงบเพราะรู้ มี ๒ อย่างคือ รู้ด้วยสติ และรู้ด้วยปัญญา
รู้ด้วยสติคือเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้ววางได้
ไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ
รู้ด้วยปัญญาคือการเห็นความจริง
จนกระทั่งไม่ยึดมั่นถือมั่นกับอะไรสักอย่าง
คำว่ารู้หรือคำว่าเห็นมีความหมายเหมือนกัน
เวลาที่หลวงพ่อบอกว่า
"เห็น อย่าเข้าไปเป็น"
ท่านหมายถึงเห็นด้วยสติ เช่นเวลามีความโกรธ
ความคับแค้นใจ ความเสียใจเกิดขึ้น ก็เห็นด้วยสติ
เห็นแล้วก็วางได้
เมื่อเห็นด้วยสติบ่อย ๆ ก็จะนำไปสู่การเห็นด้วยปัญญา
คือเห็นว่าสิ่งทั้งปวงเป็นทุกข์ เป็นของหนัก ไม่น่ายึดถือ
เมื่อนั้นก็วางได้ ไม่แบกเอาไว้อีกต่อไป
นั่นคือการเห็นอย่างลึกซึ้งที่สุด คือเห็นด้วยปัญญา
พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณที่มา fb. พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ