จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ... จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ ... สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ ... การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี ๑



วิมุตติรัตนมาลี โดย พระพรหมโมลี

( วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.9)



"วิมุตติรัตนมาลี" เป็นผลงานการประพันธ์ของท่านพระอาจารย์พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ. 9) วัดยานนาวา กรุงเทพฯ

ตอน สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี นี้จะกล่าวพระชาติต่างๆ ของพระนางพิมพาและปฐมเหตุที่ทำให้พระนางพิมพาได้เกิดมาเป็นนางแก้วคู่บารมีของพระพุทธเจ้า ช่วยสนับสนุนพระองค์ในการบำเพ็ญเพียร โดยต้องเกิดเป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของพระโพธิสัตว์ในพระชาติอื่นๆ ซึ่งพระนางพิมพาเป็นผู้เล่าถวายแก่พระพุทธเจ้าในวันที่พระองค์ขอทูลลาเข้าสู่พระนิพพานนั้นเองค่ะ

จขบ.ได้นำมาจากบ้านพี่พลอย เพื่อให้เพื่อนๆ ที่เคยอ่าน "นางแก้วคู่บารมี" ได้อรรถรสต่อเนื่องกัน และขออนุโมทนากับพี่พลอย และผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ


วิมุตติรัตนมาลี ตอน สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี


อดีตกาลล่วงมาแล้ว นับถอยหลังจากภัทรากัปนี้ไป เป็นเวลานานถึง 4 อสงไขยกับอีก 100,000 มหากัป กาลครั้งนั้นเป็น ศุภมงคลกาลที่เรียกว่าสารมัณฑกัป เพราะเป็นกัปที่มี สมเด็จพระส้มมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัส
ในโลก 4 พระองค์ คือ

1. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎตัณหังกรพุทธเจ้า

2. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎเมธังกรพุทธเจ้า

3. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎสรณังกรพุทธเจ้า

4. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎทีปังกรพุทธเจ้า

จะกล่าวกลับจับความ จำเดิมแต่ศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ 3 คือสมเด็จพระมิ่งมงกุฎสรณังกรพุทธเจัา ค่อยเสื่อมสลายสูญสิ้นไปหมดแล้ว โลกเรานี้ก็ว่างจากพระพุทธศาสนา ชั่วกาลพุทธันดรหนึ่ง แล้วจึงปรากฏมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติก็สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมาอุบัติใหม่นี้ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุฎทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ทรงอุบัติตรัสในโลกแล้วก็ทรงบำเพ็ญพุทธกิจประกาศพระพุทธศาสนา ยังศาสนธรรมให้ขยายแผ่กว้างออกไป

เหล่าสัตว์ทั้งในไตรโลก ครั้นได้สดับรับรสพระสัทธรรมเทศนา ต่างก็พากันประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระทศพล จนได้บรรลุพระอริยมรรคอริยผล ตามสมควรแก่วาสนาบารมีแห่งตนเป็นอันมากแล้ว


กาลครั้งนั้น ยังมีพราหมณ์มาณพหนุ่มผู้หนึ่ง ปรากฏนามว่า สุเมธพราหมณ์ เขาเกิดในตระกูลมั่งคั่ง มีทรัพย์สมบัติมหาศาลนับได้มากมายหลายโกฏิทีเดียว นอกจากนั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในเชิงมนต์เฟื่องฟุ้งเรียนจบแจ้งในไตรเพทางคศาสตร์ ฉลาดในศิลป์สิ้นทุกประการ วันหนึ่งสุเมธพราหมณ์มาณพหนุ่มผู้นั้นนั่งอยู่ในห้องรโหฐานอันเป็นที่สงัดแล้วจินตนาการด้วยปัญญาว่า


“ ธิ ! ดังเราจะติเตียน… อันว่าการก่อภพกำเนิดเป็นรูปกายขึ้นใหม่นี้ ย่อมมีกองทุกข์ท่วมท้นหฤทัยเที่ยงแท้ อนึ่ง แม้เมื่อชนมชีพแตกพรากจากกาย ทำลายร่างสรีราพยพนั้นเล่า ก็เป็นกองทุกข์ถึงที่สุดใหญ่ยิ่งกว่าทุกข์ทั้งปวง การก่อภพชาติใหม่นี้เป็นทุกข์ใหญ่หลวง เพราะว่าชาติภพก่อให้เกิดชรา แล้วชราก็ก่อให้เกิดพยาธิ มรณะอันเป็นทุกข์ต่อไปไม่สิ้นสุดก็ในเมื่อชาติ ชรา พยาธิ มรณะซึ่งได้แก่ความเกิด ความแก่ความเจ็บไข้และความตายปรากฏมีขึ้นได้แล้วความไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ก็คงจักมีเป็นแม่นมั่น อย่ากระนั้นเลย ควรที่เราจะประสงค์เจาะจงแสวงหาความพ้นชาติ ชรา พยาธิ และมรณะนั้น ให้จงได้ จะเป็นการประเสริฐแท้


อนึ่ง ตัวเราคงต้องตายในวันหนึ่งข้างหน้า ต้องทอดทิ้งสรีระ อันมีสภาวะเน่าเปื่อยปฏิกูลนี้ แล้วไปเกิดใหม่ให้ได้ทุกข์อีก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไฉนจึงจะยังหนักหน่วงห่วงใยอยู่ด้วยร่างกายปฏิกูลนี้อยู่เล่า ควรที่เราจะพึงหาทางออกไป เพื่อไม่มีการเกิดเสียเลยดีกว่า ก็แต่หนทางอันประเสริฐนี้ เห็นทีฝูงสัตว์จะพึงพบได้โดยยาก จำเราจะพึงทำความเพียรพยายามให้จงมาก อุตส่าห์เสาะแสวงหาให้ได้พบจงได้ ความทุกข์ภัยพยาธิมีแล้วฉันใด ความสุขไร้ทุกข์ภัยพยาธิก็คงจักมี


เช่นเดียวกัน เมื่อภพกำเนิดคือความก่อเกิดปรากฏมีแล้วฉันใด วิภวะ คือ ความไม่ก่อให้เกิดเป็นร่างกายก็คงจักมีเช่นเดียวกัน เปรียบเหมือนเมื่อความร้อนคือ เตโชธาตุไฟมีอยู่มากแล้ว ความเย็นคืออาโปธาตุน้ำก็มีไว้สำหรับดับความร้อนแก้กันฉันใดก็ดี เมื่อมีไฟคือความเกิด แก่ เจ็บ ตาย สิ่งที่จะระงับทุกข์ร้ายเหล่านี้ก็คงมีเป็นแม่นมั่นเสมือนหนึ่งว่าการบาปมีแล้ว ย่อมมีการบุญแก้ ความเกิดมีแน่ ความไม่เกิดอีกเป็นเที่ยงแท้ก็คงจักมี


เปรียบเหมือนบุรุษทรงพลังรักความสวยสะอาด เมื่อเห็นว่าสรีระร่างแห่งตนแปดเปื้อนคูถเน่าเหม็นร้ายกาจหนักหนา แล้วมาพบสระน้ำซึ่งมีอุทกวารีเย็นใสควรหรือที่เขาจะไม่กระวีกระวาดลงไปในสระ เพื่อชำระล้างเนื้อตัวให้หมดมลทิน ก็เรานี้ในเมื่อมลทิน คือกิเลสที่ควรล้างกำลังแปดเปื้อนติดตัวมีอยู่แล้ว ดังฤาจะไม่แสวงหาสระน้ำที่มีอมตธรรมเป็นอุทกวารีแล้วรีบล้างเสียซึ่งมลทินคือสรรพกิเลสนั้น


อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนขุนพลจอมโยธีผู้ชำนาญศึกในรณภูมิ ที่ถูกข้าศึกศัตรูหมู่ปัจจามิตรมาล้อมไว้ เมื่อเห็นหนทางที่พอจะประลาตหลีกลี้หนีไปได้ยังมีอยู่ ควรหรือที่เขาจะหลงมุมานะสู้จนเสียชีวิตไม่คิดหนี ก็ตัวเรานี้
ในเมื่อมีข้าศึกศัตรูคือ หมู่กิเลสมารมารวมรุมหุ้มห้อมล้อมไว้อยู่ทุกทิวาราตรี และหนทางเป็นที่เกษมเปรมใจคือพระนิพพานอันเป็นที่หลีกหนีย่อมมีอยู่โดยแท้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่คิดแก้ไขหลีกหนีเอาตัวรอดไปหรือไฉน


อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนชายผู้มีโรคร้ายเข้าเกาะกุมสรีรกายให้ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส เมื่อได้พบแพทย์วิเศษที่จะสามารถรักษา ควรแลหรือที่บุรุษนั้นจะไม่คิดอ่านเยียวยารักษาพยาธิแห่งตนให้หายเป็นปรกติดี ก็ตัวเรานี้ ในเมื่อถูกโรคาพยาธิ คือกิเลสาสวะมาย่ำยีบีฑา จะไม่เร่งเสาะแสวงหาแพทย์พิทยาจารย์ให้พยาบาลขจัดเสียซึ่งโรคาพยาธินั้นหรือไฉน


อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนชายผู้มีน้ำใจรักความสะอาดและมีซากศพอันแรงร้ายกาจด้วยกลิ่นเหม็นเป็นปฏิกูล มาผูกพันกระสันติดอยู่กับคอตนควรหรือที่ชายคนนั้นจะทนสู้กลิ่นเหม็นแห่งซากศพอยู่ได้ โดยที่แท้ เขาย่อม
จะร้อนรนขวนขวายปลดเปลื้องซากศพให้พ้นไปจากคอตนเสียโดยพลันฉันใดก็ตัวเรานี้ จะมีใจเอื้อเฟื้ออาลัยอาวรณ์ในร่างกายอันเน่าเปื่อยปฏิกูล มากมูลไปด้วยซากสางต่างๆนี้ทำไมกัน ทางที่ดีนั้นจะต้องรีบหาทางปลดเปลื้องทอดทิ้งเสีย ไม่ต้องห่วงใยเฝ้าอาลัยรัก ปลดเปลื้องทอดทิ้งไปโดยพลัน ให้เหมือนกับบุรุษ ทอดทิ้งซากศพที่ผูกอยู่ที่คอนั่นเถิด


อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนบุรุษถูกหมู่โจรร้ายใจฉกาจ มันอาจหาญพากันมาปล้น กลุ้มรุมชิงฉวยเอาห่อทรัพย์สมบัติได้แล้ว และบุรุษนั้นเห็นว่าตนไม่สามารถจะชิงเอาห่อทรัพย์สินกลับคืนมาได้ เขาย่อมจะสิ้นอาลัยในทรัพย์
ไม่เสียดายหมายแต่จะเอาชีวิตรอดรีบวิ่งหนีไปโดยพลันฉันใด ตัวเรานี้เล่า ก็มีสรีระร่างอันเปรียบดังหมู่มหาโจรใจฉกาจ สามารถที่จะปล้นผลาญจิตใจให้ขาดจากกุศลธรรมทั้งปวง จำเราจะตัดห่วงเสน่หาในกายทอดทิ้งเสียอย่าให้มีอาลัยได้ รีบหนีไปในที่ปลอดภัยเหมือนบุรุษที่ถูกโจรปล้นแล้วไม่อาลัยในทรัพย์สมบัติรีบหนีไปฉับพลันฉะนั้นเถิด


สุเมธมาณพผู้มีปรีชา จินตนาการเป็นอุปมาทบทวนย้อนหน้าย้อนหลัง วิจิตรพิสดารมากมายหลายครั้งดั่งนี้แล้ว ในที่สุดก็ตัดสินใจสั่งให้เปิดคลังทรัพย์สมบัติของตนมากมายหลายโกฏิสุดประมาณ ออกบริจาคเป็นทานแจกจ่ายแก่ยาจกวณิพกคนอนาถาและคนที่อยากได้ทั้งปวงจนหมดสิ้นไม่มีเหลือแล้ว ก็มีใจผ่องแผ้วออกเดินทางแต่ตัวเปล่าเข้าไปสู่อรัญประเทศเขตป่าใหญ่ เมื่อมาถึงที่ใกล้เชิงเขาธรรมิกบรรพต จึงจัดแจงสร้างบรรณศาลาอาศรมบทเป็นที่อาศัยให้สำเร็จสมอารมณ์หมายภายในไม่ช้า แล้วก็เปลื้องผ้าสาฎกเนื้อดีที่ตนครองนุ่งผ้าเปลือกป่านและคากรองบวชเป็นดาบส สร้างพรตพรหมจรรย์จำเริญสมถกรรมฐาน


ภายหลังต่อมาไม่นานก็ละทิ้งเสียซึ่งบรรณศาลาที่อยู่นั้น เพราะเห็นว่าทำให้เกิดห่วงใยไม่วิเวกเพียงพอ แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเขตอรัญอันไกลลึกเป็นป่าใหญ่ อาศัยร่มไม้รุกขมูลเป็นที่อยู่ เลือกดูผลไม้ที่หล่นลงมาเองเป็นประมาณบริโภคเป็นอาหารยาปนมัตเครื่องยังชีพให้ทรงไว้เท่านั้น มีจิตบากบั่นอุตส่าห์บำเพ็ญเป็นกสิณานุโยค พยายามอยู่ในอรัญสถาน ไม่นาน
เท่าใด ก็สามารถได้บรรลุฝั่งแห่งฌานสมาบัติและอภิญญา


เบื้องว่า สุเมธดาบสผู้ยิ่งด้วยพรตพรหมจรรย์ ท่านได้สำเร็จอภิญญาฌานสมาบัติบริบูรณ์ดี มีวสีภาพเซี่ยวชาญชำนาญยิ่งนักแล้วก็ได้แต่เพลิดเพลินเจริญฌานเป็นสุขอยู่หนักหนา หารู้ไม่เลยว่า บัดนี้สมเด็จพระชินสีหทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จอุบัติตรัสเป็นพระบรมโลกนาถแล้ว ความจริงนั้นควรที่ท่านดาบสจะรู้ เพราะธรรมดาวิสัยผู้ได้อภิญญาฌานสมาบัติ ย่อมจักมีโอกาสรู้เห็นนิมิตในกาลทั้ง 4 ก่อน คือ

=> กาลเมื่อท่านผู้จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาถือปฏิสนธิในโลกนี้

=> กาลเมื่อท่านผู้จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติจากพระครรโภทร

=> กาลเมื่อได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอันประเสริฐ

=> กาลเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมจักรเทศนา


กาลสำคัญทั้ง 4 ซึ่งสุเมธดาบสมิได้รู้เห็นนี้ ก็เพราะเหตุที่ท่านเป็นผู้เพลิดเพลินเจริญฌานอันเป็นส่วนตนหนักยิ่งนักอยู่ในจิต ด้วยมิได้ใฝ่ใจคิดดูซึ่งเหตุอื่นเลย จึงมิได้เห็น มิได้รู้ว่าสมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าทีปังกรทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ต่อเมื่อหมู่มหาชนเป็นอันมาก พากันอาราธนาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทีปังกร ซึ่งทรงมีพระคุณบวรวิเศษให้ทรงพระมหากรุณาเสด็จมายังปัจจันตประเทศ จึงเกิดเหตุมหาโกลาหลเป็นการใหญ่ด้วยว่าฝูงชนทั้งหลายซึ่งมีความเลื่อมใสชื่นชมโสมนัสต่างก็พากันจัดแจงแต่งหนทางแผ้วถางเกลี่ยมูลพูนถม ระดมกันกระทำทางเป็นที่เสด็จพระพุทธดำเนินอยู่


ในขณะนั้น สุเมธดาบสผู้มีตบะอันสูง เพราะบรรลุถึง ฝั่งแห่งอภิญญาฌานสมาบัติเที่ยวจาริกมาทางอากาศกลางเวหา มองลงมายังพื้นพสุธา ได้เห็นประชาชนประชุมกันอยู่เป็นหมู่มาก แลดูหลากประหลาดรื่นเริงบันเทิงจิต
น่าพิศวง ดาบสผู้มีฤทธิ์จึงเหาะลงมาจาก คัคนัมพรห้องเวหาหาว แล้วมีพจนะประภาษถามข่าวคราวชาวมนุษย์หมู่นั้นว่า

“ดูกรท่านทั้งปวง มหาชนชวนรื่นเริงบันเทิงจิต ชวนกันประกอบกิจแผ้วถางปฐพีโสภโณภาส เพื่อบุคคลผู้ใดจะจรมา” มหาชนทั้งปวงได้ฟังท่านดาบสถาม จึงแจ้งความว่า

“ ข้าแต่ท่านฤๅษี สมเด็จพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้อนุตรโลกนาถยอดบุคคลเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว กาลบัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีใจเลื่อมใสในพระองค์เป็นยิ่งนัก จึงชักชวนกันแผ้วถางทางเพื่อให้เป็นที่เสด็จพระพุทธดำเนินณ สถลมารควิถีเพื่อที่จะได้เสด็จมาแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพวกเราชาวเมืองนี้ ”


สุเมธาฤๅษีผู้มีฤทธิ์ เมื่อสดับพระพุทธนามแต่เพียงคำว่า สมเด็จพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบังเกิดขึ้นแล้วในโลกเท่านั้น ก็พลันเกิดปีติเป็นล้นพ้นสุดประมาณจึงมาจินตนาการว่า กาลนี้ควรที่ตัวเราจักหว่านพืชเพื่อผล ขณะนี้ก็เป็นมงคลสมัยอุบัติมี หาควรที่เราจะมาทำละเมินเสียไม่ ครั้นคำนึงจินตนาในใจด้วยอำนาจศรัทธากอบด้วยญาณโสมนัสฉะนี้แล้ว จึงกล่าวขออนุญาตชนเหล่านั้นว่า

“ แม้นท่านทั้งหลายถางทางถวายพระพุทธเจ้าละก็ ขอจงอนุญาตให้โอกาสแก่เราสักแห่งหนึ่งเถิด เรานี้เกิดศรัทธาปรารถนาจะทำทางถวายพระพุทธเจ้าบ้าง”


ครั้งนั้น ชนทั้งหลายเห็นว่าท่านฤๅษีเป็นผู้มีฤทธิ์เดช เพราะสามารถเหาะเหินเดินมาโดยทางนภากาศได้ ก็เลยพากันชี้มือไปตรงบริเวณที่ซึ่งถากถางยากลำบากเพราะมีเปือกตมโคลนเลน เป็นบริเวณที่ต้องถมต้องหามูลดินมาเกลี่ยให้เสมอเป็นอันดี แล้วบอกอนุญาตแก่สุเมธฤๅษีว่า

“ แม้นท่านปรารถนาจะทำทางถวายแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร่วมกับพวกเราในกาลครั้งนี้แล้วไซร้ ท่านก็จงทำบริเวณที่ตรงนั้นให้สำเร็จด้วยดีเถิด ท่านฤๅษี”


สุเมธดาบสผู้มีใจเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถครั้นเขายกอนุญาตให้ทำทาง ณ สถานที่นั้นแล้ว ก็มิได้รอช้า อุตสาหะตั้งหน้าประกอบการโดยมีจิตวารรำพึงถึงพระพุทธนามว่าพุทโธ...พุทโธ...พุทโธ...อยู่เป็นนิตยกาลแผ้วถางสถานที่ให้เตียนโล่งเป็นอันดีแล้วก็เปลื้องหนังเสือที่รองนั่งออกผูกทำเป็นถุงกระทอห่อหิ้วมูลดินเอามาเทถมระดมสาดในที่ซึ่งเป็นที่ลาดลุ่มลึกเป็นเลนเหลวอยู่นั้นยังมิทันที่จะทำได้สำเร็จตลอด เหลืออยู่ยาวประมาณชั่วตัวบุรุษ ก็มีเสียงอุโฆษณาการกึกก้องป่าวร้องให้เป็นที่รู้กันว่า ได้เวลาที่สมเด็จพระมิ่งมงกุฎพุทธทีปังกรศาสดา เสด็จพาพระขีณาสพสงฆ์มากมายมาใกล้จะถึง


เสียงศัพท์บรรเลงอื้ออึงด้วยสำเนียงทวยเทพสุภสุรคณานิกรเป็นถ่องแถวแนวสลอนด้วยมหาชนอเนกแน่น ทำปัจจุคมนาการทั้งนำเสด็จพระพุทธดำเนินมา บางหมู่ก็ประโคมดุริยดนตรีแตรสังข์กังสดาลฆ้องกลองก้องสนั่นศัพท์ แซ่ซ้องสาธุการเอิกเกริก โสมนัสหนักหนา ทั้งเทพยดาและมนุษย์ต่างก็มีกรประณมมิได้คลายเคลื่อนและละลานเลื่อนตามเสด็จพระพุทธดำเนินมา ฝูงเทพยดาก็ประโคมทิพยดนตรี หมู่มนุษย์ก็ประโคมดีดสีตีเป่าตามประสามนุษย์ดำเนินนำและตามเสด็จพระพุทธลีลาเทพยดาบางพวกก็โปรยปรายทิพยบุปผามีดวงดอกทิพยมณฑารพโกสุมเป็นประธานลอยเลื่อนเคลื่อนทั่วทั้งทิศานุทิศ ณ เบื้องบนนภากาศมนุษยชาติบางพวกก็ยกขึ้นซึ่งเครื่องสักการบูชาล้วนแต่เครี่องหอม แห่ห้อมล้อมจรลีตามเสด็จพระพุทธทีปังกรมาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ ...

ที่มา : //bannpeeploy.exteen.com/20080129/entry



Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2552 20:44:14 น. 34 comments
Counter : 1387 Pageviews.

 
สวัสดีครับ พ่อระนาดแววไว

ขอเข้ามาอ่าน สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี ด้วยคนนะครับ

ขอโมทนาด้วยนะครับ

และจะขอคอยติดตาม ทุกๆ ตอนนะครับผม

ผมขออนุญาต นำเวลาตั้งแต่พระนางอธิษฐานขอเป็นนางแก้ว ดังนี้นะครับ

กัปแรกในต้นอสงไขยที่ 17 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์

1. พระตัณหังกรพุทธเจ้า
2. พระเมธังกรพุทธเจ้า
3. พระสรนังกรพุทธเจ้า
4. พระทีปังกรพุทธเจ้า

กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 18 เป็นสารกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์

5. พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า

กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 19 เป็นสารมณฑกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 4 พระองค์

6. พระสุมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า
7. พระสุมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า
8. พระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า
9. พระโสภิตะสัมมาสัมพุทธเจ้า

กัปหนึ่งในอสงไขยที่ 20 เป็นสารวรกัป คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์

10. สมเด็จพระอโนมทัสสีสัมพุทธเจ้า
11. สมเด็จพระปทุมะสัมพุทธเจ้า
12. สมเด็จพระนารทะสัมพุทธเจ้า

ช่วงเศษแสนมหากัป ของ อสงไขยปัจจุบัน

สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์

13. พระปทุมมุตระพุทธเจ้า

สูญกัป (กัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) 30,000 กัป

มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์

14. พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้า
15. พระสุชาตะสัมมาสัมพุทธเจ้า

สูญกัป 60,000 กัป

วรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 3 พระองค์

16. พระปียทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
17. พระอัตถทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
18. พระธรรมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า

สูญกัป 24 กัป

สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์

19. พระสิทธัตถะสัมมาสัมพุทธเจ้า

สูญกัป 1 กัป

มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์

20. พระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
21. พระปุสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า

สารกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 1 พระองค์

22. พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า

สูญกัป 60 กัป

มัณฑกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์

23. พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า
24. พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า

สูญกัป 30 กัป

กัปปัจจุบัน เป็น ภัทรกัป คือ มีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

25. พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า
26. พระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า
27. พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
28. พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
และ ในอนาคตจักมีพระพุทธเจ้าอีกหนึ่งพระองค์ คือ
29. พระศรีอารียเมตตรัย นั่นเอง

สมเด็จพระนางพิมพาภิกษุณี ทรงใช้เวลาบำเพ็ญร่วมกับ พระสุเมธดาบสอย่างยาวนาน
ถึง 4 อสงไขย กับแสนมหากัป

สาธุ สาธุ สาธุ


โดย: หมึกสีดำ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:10:23 น.  

 
โมทนาสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ พี่ไผ่
ขอบคุณค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ
จขบ.ง่วงแล้ว


โดย: พ่อระนาด วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:16:46 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันศุกร์
กับวันที่อากาศดี ๆ happy ตลอดวันค่ะคุณปุ๊ก


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:17:19 น.  

 
สวัสดีวันศุกร์ค่ะ

มีความสุขเยอะๆนะค่ะ



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:10:37 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณปุ๊ก



คุณปุ๊กได้ไปร่วมมีตติ้งที่ร้านพี่หมูด้วยใช่มั้ยครับ อิอิอิ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:33:25 น.  

 



ทักทายกันวันศุกร์... ขอให้มีความสุขนะจ๊ะคุณพ่อระนาด...


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:43:52 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:10:43 น.  

 
ที่บ้านผม กำลังตีกันยกใหญ่เลยครับ !

>"ตีหมา-ตีแมว"

ไปช่วยกันตีหน่อยนะครับ


"...คนโบราณ พร่ำวอน สอนไว้ว่า

จะตีหมา ตีพลาง เว้นทางหนี

อย่าต้อนติด ปิดมุม หวังรุมตี

หมาจนที่ ตรอกตัน อันตราย..."




โดย: ลุงแว่น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:29:50 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เด๋วกลับมาอ่านใหม่นะ


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:39:59 น.  

 
สิ่งดีๆที่ยายได้รับจากหลาน มันประทับตราตรึงไว้ในหัวใจมาตลอด และจะไม่มีวันลืม ถึงแม้จะไม่มีเวลาให้กัน แต่ใจยังรำลึกเสมอค่ะ.....
ด้วยใจจริง.......
ยายได้ความรู้มากมาย แถมจากหลานหมึกสีดำด้วย ก็เลยเก็บบันทึกไว้ ประดับความรู้.....
ขอให้หลานๆมีความสุขนะคะ่


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:03:02 น.  

 
โห ! ยาวจัง เดี๋ยวค่อยๆอ่านก็แล้วกันนะน้องปุ๊กจ๋าาา

วันนี้หนาวมั้ยจ๊ะน้องปุ๊กจ๋าาา


โดย: JohnV วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:20:59 น.  

 
emo

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้ค่ะ

มีความสุขกับวันทำงานสุดท้ายของสัปดาห์นะคะ


emo

emo


โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:19:10 น.  

 
น้องปุ๊กครับ

สบายๆดีนะครับ

มาอ่านเรื่องราววรรณดี...

หาอ่านได้ยากนอกจากบ้านน้องครับ

คิดถึงน้องเสมอครับ

พี่ลัดฟ้ามา...


โดย: ลัดฟ้ามาเจอ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:45:19 น.  

 
สวัสดีวันศุกร์...ค่ะ

“ ศุกร์ “ คือชื่อดาวเคราะห์ดวงที่ ๒ ในระบบสุริยะที่ปรากฏสว่างที่สุดบนท้องฟ้า
อยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ ๑๐๘ ล้านกิโลเมตร
ถ้าเห็นทางตะวันตกในเวลาหัวค่ำ เรียกว่า ดาวประจำเมือง
ถ้าเห็นทางตะวันออกในเวลาใกล้รุ่ง เรียกว่า ดาวรุ่ง หรือดาวประกายพรึก

ขอให้ทุกท่านมีความสุข มีชีวิตรุ่งโรจน์ดั่งแสงของดาวศุกร์ที่ไม่มีวันดับ
มีดวงตาเห็นธรรม บรรลุธรรม มีธรรมะอยู่ในใจดุจดาวประจำเมืองแห่งตน
สำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา สว่างไสวดุจดาวประกายพรึก ตลอดไป..นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:49:27 น.  

 
ขอให้หายยุ่งเร็วๆ นะคะ


โดย: redclick วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:36:15 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาฝากกันค่ะ...ได้อะไรๆ เยอะแยะเลยค่ะคุณปุ๊ก...คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะตอนนี้เวียนหัวค่ะ...เหนื่อย..เลยแวะทานมอคค่าเย็น..ตอนนี้เริ่มเวียนหัวเพราะแพ้กาแฟ ไม่ทานกาแฟ...55555....ผะอืดผะอมซะ (สมน้ำหน้าตัวเองที่ไม่เจียมตัวเองเล๊ยว่าทานกาแฟไม่ค่อยได้...) ไม่รู้บอกทำไมเหมือนกันค่ะ...55555...เอาเป็นว่าคืนนี้นอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: deeplove วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:10:20 น.  

 
พ่อระนาดจ๋า


วันนี้ดาวจ๋ามาเสริฟขนมให้ค่ะ

มีความสุขมากๆๆ นะคะ




โดย: satineesh วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:19:42 น.  

 



โดย: หมึกสีดำ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:30:57 น.  

 
พี่ปุ๊ก คิดถึงพี่จังเลยคะ


หนูยุ่งๆอะคะ


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:07:58 น.  

 



สวัสดีค่ะปุ๊ก…..สบายดีนะ

เรื่องที่ปุ๊กลงบล็อกวันนี้ป้ามีแผ่นซีดี ….ถ้าสนบอกได้ค่ะ

ช่วงนี้ป้าก็พยายามต่อบทเรียนอยู่
ตุ๊บ…ตุ๊บ หน่ะเจอแล้ว
ถ้านิ่งมากๆบางทีตุ๊บ ….ตุ๊บ พร้อมกันหลายที่เลย
แปลว่ายังไง …..เฉลยหน่อย


วันนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนอีกแล้ว
ดูแลและรักษาสุขภาพนะคะ

คมคำ : ความขัดแย้งจะตามมา หากเหตุผลของสองฝ่ายสวนทางกัน




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:08:36 น.  

 
สวัสดีค๊าพี่ปุ๊ก
สบายดีป่าวค๊า
แพมพาคนสวย
มาส่งเข้านอนน๊าฝันดีค่ะ



โดย: mastana วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:10:08 น.  

 
หวัดดีครับน้องปุ๊กจัง เพิ่งกลับจากทำงานง่วงมากมาย


โดย: อ้วนforest IP: 118.172.92.155 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:17:36 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณปุ๊ก..กัลยาณมิตรที่น่ารักเสมอ
บล็อกนี้ความรู้ท่วมท้นจริงๆๆเลยค่ะ
แฮะๆๆไม่อยากบอกเลย
คุณแคทเป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือมากๆๆเลยค่ะ
แต่ถ้าชอบไม่หลับไม่นอนเลย

แต่วันนี้ไม่อยากอ่านเลยค่ะ

แต่ขออ่านหน่อนนะค่ะ
ชอบภาษาในคำพูดจังเลยค่ะ
ชอบค่ะเหมือนภาษากลอนเลยค่ะอ่านแล้วเสนาะหูดีค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:51:27 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:51:03 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ยังตัวดำ อยู่ที่สิงคโปร์ แต่ตอนนี้ ย้ายโรงแรมแล้วค่ะ เนื่องจาก ที่เดิม อินเตอร์เน็ตไม่ฟรี แพงมาก
คิดถึงทุกๆคน

แล้วจะเอารูปสวยๆ มาฝาก


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:39:27 น.  

 
บล็อกชาวบ้านใช้ได้หมด แต่บล็อกJohnVเดี้ยงซะงั้น T_T


โดย: JohnV IP: 125.26.112.38 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:44:25 น.  

 
โชคดีเข้าบ้านปุ๊กได้ ถือโอกาสอ่านยาวเลย



โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:51:44 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ฝันดีค่ะ น้องปุ๊ก


โดย: ย่าชอบเล่า วันที่: 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:11:30 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณปุ๊ก

พูไม่สบายน่ะค่ะ เลยห่างหายไปซะนาน
พอดีขึ้น เลยมาเยี่ยมเยียนนะคะ
มีสิ่งดีดีมาแนะนำอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ

สบายดีนะคะ อากาศเย็นลงมาก
รักษาสุขภาพเสมอๆ ให้ร่างกายอบอุ่นค่ะ
ด้วยความห่วงใย....



โดย: พธู วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:06:25 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์จ้ะน้องหน้าดื้อ พี่ก็บ่นไปเรื่อยตามประสาวัยรุ่นนั่นแหละ พอดี Bloggang ย้าย server เมื่อวาน พอมาวันนี้ comment ในบล็อกพี่หายไปหลาย comment ก็เลยนั่งบ่นๆๆๆ 555

นึกว่าวันนี้น้องหน้าดื้อไปปฏิบัติธรรมซะอีก


โดย: JohnV IP: 125.26.112.88 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:08:02 น.  

 
สวัสดีจ้าสาวน้อย น้องปุ๊กสบายดีนะจ๊ะ

เห็นเม้นข้างบนบอกน้องปุ๊กดื้อ อิอิ จริงป่าวเนี่ย

แต่เป็นเสนห์ทำให้น้องสาวน่ารักๆขึ้น มีความสุขนะจ๊ะ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

emoemoemo


โดย: Nat-cherry วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:31:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

แวะมาชวนไปเที่ยวเมืองไทยค่ะ..


รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:31:10 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณปุ๊ก สบายดีนะคะ แพทไม่ค่อยสบายเท่าใหร่..แวะมาทักทายจ้า...


โดย: แพท IP: 124.122.168.86 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:39:32 น.  

 
สวัสดีครับพ่อระนาด เพิ่งจะเข้า blog ได้เลยเพิ่งแวะมาเยี่ยม
ผมมีหนังสือของท่านวิลาสหลายเล่ม ที่ยังเก็บไว้ก็มี แจกเขาไปแล้วก็มาก ยกเว้นเล่มนี้ไม่เคยมี แต่ก็มีเป็นไฟล์เก็บไว้ มีเรื่องที่ผมติดใจมาหลายปีคือหลายเรื่องหลายตอนในหนังสือเล่มนี้ไม่รู้ว่าท่านไปยกมาจากที่ไหน ลองค้นดูในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ทั้งฉบับสยามรัฐและฉบับมหามกุฏฯ ก็ไม่พบ ให้คนที่อ่านพระไตรปิฎกเหมือนกันช่วยหาก็หาไม่พบเหมือนกัน สุดท้ายเลยถอดใจว่าท่านคงยกมาจากพระไตรปิฎกภาษาอื่นมั้ง ที่พยายามหาเพราะอยากอ่านในต้นฉบับด้วยตัวเองครับ


โดย: oddy.freebird วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:20:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อระนาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพียรฝึกตนใฝ่รู้ หลักธรรม

จิตเพ่งคิดจดจำ บ่มไว้

หมายเพียรมุ่งตัดกรรม วัฏฏะ

หวังสละจิตสุดท้าย ดิ่งเข้านิพพาน..

Friends' blogs
[Add พ่อระนาด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.