ผมเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นชาวจีนโพ้นทะเล .. มาเป็นกรรมกรแบกข้าวสารที่แถวบุคคโล แม้ครอบครัวเราไม่เคยอดอยากอะไร แต่ป๊ากับแม่ก็ต้องกระเบียดกระเสียรมากจริงๆเพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ ภาพเด็กชายได้เงินไปโรงเรียนวันละ 4 บาท ใส่รองเท้าผ้าใบปากเปิดไปโรงเรียนพอหน้าฝนถุงเท้าก็เปียกดำปี๋ กับคอเสื้อนักเรียนที่ปะชุนเป็นรอยตะเข็บ ที่รู้สึกอายทุกครั้งที่ต้องนั่งเรียนในห้องที่มีนักเรียนหญิงนั่งข้างหลัง
ด้วยฐานะทางบ้าน ความทรงจำผมตอนเด็กเกี่ยวกับทะเล จึงมีเพียงการเที่ยวบางแสนครั้งหนึ่ง แล้วผมก็นอนตกเตียงมาทับแม่
เป็นเรื่องที่เล่าขำกันจนปัจจุบัน พอผมทำงานแล้วผมพาแม่นั่งเครื่องไปเที่ยวภูเก็ต ตามสัญญาว่าจะพาแม่ขึ้นเครื่องบิน ครั้งนั้นผมถึงได้รู้ว่า แม่ค่อยไม่ได้เที่ยวทะเลแม่เลยเล่นทะเลไม่เป็น ฟังดูตลก แต่แม่ไม่รู้วิธีที่จะขยับตัวตามคลื่นที่ซัดเข้ามาผมต้องพยุงแม่ไว้ตลอด
นั่นคือ การพาแม่ไปเล่นทะเลที่ภูเก็ตของผม
ผมมีความฝันว่า ลูกผมจะได้ท่องเที่ยวมากที่สุดเท่าที่ผมมีกำลัง เพราะนั่นคือ สินทรัพย์ที่ผมจะมีไว้ติดตัวเขาไปได้
.. ผมเลยยัดเยียดความฝันนั้นใส่ลูก เราพาปูนปั้นไปทะเลครั้งแรกตั้งแต่อายุไม่กี่เดือนตอนนี้ 4 ขวบกว่าปูนปั้นผ่านทริปมาไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่เราพาปูนปั้นและปั้นแป้งไปเที่ยวงาน Thailand InternationalKites Festival ที่ชะอำ
ปูนปั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปในการเที่ยวทะเล คือในตอนหัวค่ำเราขับออกมาจากโรงแรม เพื่อกลับไปดูว่าว และรอชมคอนเสิร์ตที่หาดชะอำอีกครั้ง สิ่งที่ต่างไปคือปูนปั้นเดินย่ำลงไปเล่นทรายเปียกๆทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ตรงนี้ผมเริ่มลุ้นว่าเดี๋ยวพอชุดเปียกจะขอกลับโรงแรม ไม่ยอมรอดูคอนเสิร์ตมั้ยน้อ เพราะตั้งแต่เด็ก ปูนปั้น ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าที่แฉะเลยนิดหน่อยก็ขอเปลี่ยน รองเท้าเปียกน้ำ เปรอะทรายก็เช่นกันต้องขอล้างออก แล้วไม่ใส่จนกว่าจะแห้ง แต่ในขณะที่ปูนปั้นเล่นทรายริมหาดตอนฟ้ามืดๆนั้นแล้วปล่อยพ่อยืนลุ้นนั้น ปูนปั้นก็ขนทรายใส่มือ กำไปโยนเล่นในทะเล ทำหลายรอบวิ่งไปมาดูสนุกสนาน ผมก็เห็นคลื่นซัดกางเกงเปียกมากขึ้นเรื่อยๆ (ผมยังลุ้นอยู่) แล้วจู่ๆ ปูนปั้นก็นั่งแช่น้ำลงไปเฉยๆซะงั้น นั่งแช่สักพักก็กลับมาเล่นทรายทั้งที่ตูดเปียก เล่นจนหนำใจ คราวนี้ วิ่งลงทะเล แล้วนอนลงไปแช่ในน้ำทะเลซะงั้น ผมแปลกใจขนาดต้องแอบถ่ายรูปแล้วส่งเข้า line หม่ามี๊(ที่นั่งฟังเพลงกับปั้นแป้งที่หน้าเวที)
แค่นั้นไม่พอ ปูนปั้นวิ่งเล่นชายหาด ไปมา แบบ รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในความรู้สึกปะป๊าตอนนั้นคือ ปูนปั้นมีความสุขเหลือเกิน (แต่ปะป๊าสุขกว่านั้น) หม่ามี๊บอกว่า มองจากหน้าเวทีมาที่ชายหาดยังนึกในใจ - นั่นลูกฉันจริงๆหรือนี่ พอเล่นจนตัวชุ่ม ปูนปั้นถามหาหม่ามี๊ ป๊าเลยพามาหน้าเวที แล้วพอเพลงบนเวทีขึ้น ฮีก็ทั้งกระโดด ทั้งเต้นแบบที่เราไม่คุ้นตา พอบนเวทีถามใครคนโสดยกมือขึ้น ฮีก็ยก / ใครมาคนเดียวยกมือขึ้นฮีก็ยก / ใครมีแฟนแล้วยกมือขึ้นฮีก็ยก สรุปว่า ปูนปั้นมันมาก มาก มาก
เต้นผ่านไป 3-4 เพลง ปูนปั้นก็ชวนไปเล่นทะเลต่อ แล้วก็วนลูปเดิม ทั้งนั่งทั้งกลิ้ง จนเปียกมะล่อกมะแล่ก กว่าจะกลับมาหน้าเวทีอีกครั้ง ก็เหยียบ 3 ทุ่มเพราะพี่ป้าง ขึ้นเวที ตั้งแต่เด็ก ปูนปั้น ไม่ชอบอะไรที่เฉอะแฉะเหนอะหนะ พอโตขึ้นก็ค่อยๆปรับดีขึ้น ซึ่งเจ้าระบบ sensoryมันมีความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพบางอย่าง ตอนนี้ปูนปั้นข้ามผ่านมันมาได้แล้ว ทั้งแฉะทั้งเลอะก็มานั่งดูคอนเสิร์ตได้ (ปะป๊าหม่ามี๊ แอบอมยิ้มให้กันทีเดียว) แต่ก็ไม่สุขใจเท่าตอนที่เราเห็นความสนุกที่เขาแสดงออกมาในคืนนั้น และปูนปั้นบอกป๊ากับมี๊ว่า อยากดูคอนเสิร์ตอีก
แน่นอนเดี๋ยวจัดให้
การท่องเที่ยวทำให้ลูกได้เรียนรู้หลายอย่างทีเดียว แต่เราต้องเปิดช่องให้เขาเรียนรู้ หากทุกอย่างสบายเหมือนอยู่บ้าน การท่องเที่ยวก็จะเป็นแค่การเปลี่ยนที่นอนและเปลี่ยววิว
วันจันทร์ระหว่างทางไปโรงเรียน ปูนปั้นถามปะป๊าว่า แล้วปะป๊าเป็นแฟนกับใคร ปะป๊าตอบว่า เป็นแฟนกับหม่ามี๊ไง ปูนปั้นถามต่อ แล้วปูนปั้นหละ เป็นแฟนหม่ามี๊หรือป่าว ปะป๊าตอบว่า ไม่ใช่ ปะป๊าเป็นแฟนหม่ามี๊ ปูนปั้นเป็นลูกหม่ามี๊ ปูนปั้นเลยถามมาว่า แล้วปูนปั้นเป็นแฟนของaa กับbb หรอ(ชื่อเพื่อนสาวคนสนิททั้งสอง) ปะป๊าได้แต่หัวเราะแล้วตอบว่า I dont know. You have to tell me 555
Create Date : 17 มีนาคม 2560 |
Last Update : 17 มีนาคม 2560 11:50:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1452 Pageviews. |
|
|